ข่าวธนาคารแห่งประเทศไทย
ฉบับที่ 42/2541
เรื่อง เพดานอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์
ธนาคารได้ออกประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2541ซึ่งจะนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม2541 เป็นต้นไปเพื่อจัดระเบียบการแข่งขันในการระดมเงินฝากของธนาคารพาณิชย์และบริษัทเงินทุนโดยมีสาระสำคัญดังนี้
1. ธนาคารพาณิชย์
1.1 เงินฝากออมทรัพย์ กำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์เฉลี่ยของ 5 ธนาคารพาณิชย์ใหญ่ + 2%เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีเพดานอัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์จึงมีการแข่งขันระดมเงินฝากด้วยการจ่ายดอกเบี้ยในอัตราสูงมาก
1.2 เงินฝากประจำ เพดานอัตราดอกเบี้ยยังเป็นไปตามเกณฑ์เดิมคือเท่ากับอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยของ 5 ธนาคารพาณิชย์ใหญ่ + 3%แต่กำหนดให้ธนาคารพาณิชย์จะต้องประกาศอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่จะจ่ายของสำนักงานใหญ่และสาขาทุกแห่งเป็นอัตราเดียวกันทั้งนี้เพราะที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์บางแห่งมีการประกาศจ่ายดอกเบี้ยเป็นรายสาขาในอัตราที่สูงกว่าสาขาอื่นๆ มาก
2. บริษัทเงินทุน
กำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมหรือได้รับจากประชาชนที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามเท่ากับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์เฉลี่ยของ 5 ธนาคารพาณิชย์ใหญ่ +3% ซึ่งสูงกว่าเพดานเงินฝากออทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์ 1%เนื่องจากดอกเบี้ยที่ประชาชนได้รับจาก P/N ของบริษัทเงินทุนต้องเสียภาษีหัก ณที่จ่าย ในขณะที่ดอกเบี้ยที่ได้รับจากเงินฝากออมทรัพย์ถ้าไม่เกิน 20,000 บาทได้รับการยกเว้นภาษี
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ธนาคารแห่งประเทศไทย
13 กรกฎาคม 2541
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
ฉบับที่ 42/2541
เรื่อง เพดานอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์
ธนาคารได้ออกประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2541ซึ่งจะนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม2541 เป็นต้นไปเพื่อจัดระเบียบการแข่งขันในการระดมเงินฝากของธนาคารพาณิชย์และบริษัทเงินทุนโดยมีสาระสำคัญดังนี้
1. ธนาคารพาณิชย์
1.1 เงินฝากออมทรัพย์ กำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์เฉลี่ยของ 5 ธนาคารพาณิชย์ใหญ่ + 2%เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีเพดานอัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์จึงมีการแข่งขันระดมเงินฝากด้วยการจ่ายดอกเบี้ยในอัตราสูงมาก
1.2 เงินฝากประจำ เพดานอัตราดอกเบี้ยยังเป็นไปตามเกณฑ์เดิมคือเท่ากับอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยของ 5 ธนาคารพาณิชย์ใหญ่ + 3%แต่กำหนดให้ธนาคารพาณิชย์จะต้องประกาศอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่จะจ่ายของสำนักงานใหญ่และสาขาทุกแห่งเป็นอัตราเดียวกันทั้งนี้เพราะที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์บางแห่งมีการประกาศจ่ายดอกเบี้ยเป็นรายสาขาในอัตราที่สูงกว่าสาขาอื่นๆ มาก
2. บริษัทเงินทุน
กำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมหรือได้รับจากประชาชนที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามเท่ากับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์เฉลี่ยของ 5 ธนาคารพาณิชย์ใหญ่ +3% ซึ่งสูงกว่าเพดานเงินฝากออทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์ 1%เนื่องจากดอกเบี้ยที่ประชาชนได้รับจาก P/N ของบริษัทเงินทุนต้องเสียภาษีหัก ณที่จ่าย ในขณะที่ดอกเบี้ยที่ได้รับจากเงินฝากออมทรัพย์ถ้าไม่เกิน 20,000 บาทได้รับการยกเว้นภาษี
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ธนาคารแห่งประเทศไทย
13 กรกฎาคม 2541
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--