'อภิสิทธิ์’ แนะ โครงการรัฐ อย่าตั้งเป้าเป็นเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ การเมือง และผลประโยชน์ ย้ำ เป้าหมาย สำคัญคือการให้บริการประชาชน
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้(2 ก.ย.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีการยกเลิกโครงการรถไฟฟ้า 2 สาย ของรัฐบาลว่า ขณะนี้ยังมีความสับสนว่าสุดท้ายรัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไร เพราะเบื้องต้นรัฐบาลได้พูดถึงโครงการรถไฟฟ้า 7 สาย ว่าอยู่ในโครงการเมกกะโปเจ็ก 1.7 ล้านล้าน แต่นายกฯได้ให้สัมภาษณ์ว่าจะนำเงินส่วนหนึ่งในโครงการไปแก้ปัญหาเรื่องน้ำ จึงต้องยกเลิกรถไฟฟ้า 2 สายไป แต่ภายหลังกลับคำพูดว่าไม่เกี่ยวกับปัญหาเรื่องน้ำ แต่เป็นเรื่องของการคุ้มทุนของการลงทุนในรถไฟฟ้า 2 สายดังกล่าว ซึ่งการลงทุนรถไฟฟ้า 2 สายนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ชี้ให้เห็นแล้วว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องมีความรอบคอบว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร เพราะจากการศึกษาเดิมตัวเลขยังมีปัญหาในแง่ผู้ใช้กับต้นทุนในการก่อสร้าง ซึ่งตนอยากให้ข้อเสนอว่าตามความจริงแล้วต้องไปดูว่าขณะนี้แนวคิดเกี่ยวกับเรื่องการลงทุนโดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับการบริโภค รัฐบาลน่าจะทวบทวนวิธีการหรือไม่ เพราะเท่าที่เข้าใจว่าขณะนี้คือรัฐบาลคิดจะใช้วิธีการกู้ยืมเงินมาลงทุน และการก็ยืมเงินดังกล่าวก็จะมีวิธีการซึ่งค่อนข้างสลับซับซ้อน เพราะมีแนวความคิดเรื่องจะตั้งบริษัทรวมทุนขึ้นมา มีการออกพันธบัตร ซึ่งวิธีการนี้เป็นวิธีการที่ทำให้เจ้าของเงินทุนต้องเรียกร้องผลตอบแทน ‘ในการเรียกร้องผลตอบแทน เจ้าของเงินทุนก็จะต้องดูว่ารายได้จากโครงการต่างๆ จะเป็นอย่างไร ต้องยอมรับว่าโครงการลักษณะเช่นนี้ เช่นโครงการขนส่งมวลชน โอกาสที่จะมีกำไรน้อยมาก ทีนี้พอดูอย่างนี้แล้วสุดท้ายก็จะต้องตั้งโจทย์และมีคำตอบที่กลับมาว่ามีความคุ้มทุนหรือไม่ และสุดท้ายก็เกิดไม่ได้’นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์เคยท้วงคือ การจะเสนอโครงการหรือการลงทุนของรัฐบาลต้องทำแผนให้ชัดเจนว่าจะลงทุนอย่างไร และที่สำคัญต้องยอมรับว่าเป้าหมายคือการให้บริการประชาชน ตลอดทั้งเรื่องค่าโดยสารจะต้องชัดเจนว่าสามารถอยู่ที่เท่าไหร่ เพื่อที่จะให้ประชาชนสามารถใช้บริการให้ได้มากที่สุด และต้องศึกษาเป็นแผน เพราะถ้าเกิดรถไฟฟ้าเชื่อมโยงกันผู้ใช้บริการจะขึ้นเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่น กรณีของรถใต้ดินที่ทำไปก่อนหน้านี้ รัฐบาลขณะนั้นต้องตัดสินใจว่า รัฐจะต้องลงทุนในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด ฉะนั้นเสียงเรียกร้องของประชาชนจะมีมากขึ้น เพราะส่วนหนึ่งเป็นความคาดหวังมาจากการหาเสียงเลือกตั้ง ขณะที่รัฐบาลก็มีปัญหาในเรื่องของการที่จะได้คำตอบในเรื่องของการทำโครงการ
‘ดีที่สุดผมว่าน่าจะอย่าเพิ่งไปสรุปว่าทำหรือไม่ทำ แต่น่าจะลองดูทางเลือกต่างๆ ให้กว้างขวางกว่านี้ มิฉะนั้นแล้วจะเป็นปมปัญหาต่อไป การตัดสินใจอาจจะไม่ได้สิ่งที่ดีที่สุด เพราะว่าจริงๆ ทางเลือกก็มีอยู่พอสมควร เพราะฉะนั้นอันนี้ก็เป็นบทเรียนในเรื่องของการนำเสนอโครงการต่างๆ ซึ่งผมก็เป็นคนหนึ่งที่เรียกร้องมาตลอดว่า ความชัดเจนตรงนี้มันไม่มีตั้งแต่ต้น สิ่งที่จะต้องเป็นจุดสำคัญก็คือว่า นโยบายในเรื่องเหล่านี้อย่าไปมองในแง่ของการที่จะเอาโครงการตั้งเป้าเป็นเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือว่าเรื่องของการเมือง แต่เอาเรื่องของบริการพื้นฐานเป็นตัวตั้ง’ นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถ้าหากจะมีการปรับแผน ต้องมาดูเรื่องของ BRT พร้อมๆ กันไปด้วย เพราะตนไม่อยากให้เป็นเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างทำ แต่ควรจะต้องมาเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายให้ชัดเจน และบทบาทของ ข.ส.ม.ก. ก็มีความสำคัญ BRT จะมีประสิทธิภาพในการบริการมากน้อยแค่ไหน จึงมีความจำเป็นต้องเชื่อมโยงกับ ข.ส.ม.ก.ด้วย ซึ่งขณะนี้ BRT เริ่มต้นอยู่ที่ ถนนเกษตรนวมินทร์ กับ ถนนพระราม 3 ที่จะมาเลี้ยวเข้าตรง ถนนนราธิวาส ข้ามมาจากฝั่งธน และมาจบตรงที่ สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสตรงช่องนนทรี ซึ่งขณะนี้กทม.กำลังดำเนินการ อยู่และอยู่ในขั้นตอนรอการอนุมัติของรัฐบาล ซึ่งเหตุผลที่ติดขัดตนคิดว่าน่าจะมาจากรัฐบาลยังกังวลกับเรื่องพยายามเจรจาซื้อบริษัท ‘นี่คือสิ่งที่ผมบอกไงครับว่า เราจะเอาอะไรเป็นตัวตั้ง เราจะบริการประชาชนเป็นตัวตั้ง หรือจะเอาแต่เรื่องของการคำนึงถึงผลประโยชน์อะไรต่างๆ เพราะฉะนั้นอันนี้อยากจะถือโอกาสพูดเลยเพราะเห็นว่าคือเป็นที่ทราบอยู่แล้ว เพราะประชาชนต้องการระบบขนส่งมวลชน และมีการพูดเรื่องการเมืองบ้าง มีการพูดเรื่องจะมีเงินไม่มีเงินบ้าง แต่ผมว่าเบื้องหลังทั้งหมดขณะนี้มันต้องแกะไปที่ตรงนี้ ว่าหลักคิดของเราในการบริหารมันคืออะไร’ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวต่อว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เกิดจากแนวคิดหรือวิธีการบริหารของรัฐบาล เช่นเรื่อง FT ค่าไฟฟ้า ที่กำลังเป็นปัญหาเพราะว่ามีความพยายามที่จะเอา กฟผ.เข้าตลาดหลักทรัพย์เดือนพฤศจิกายน ซึ่งก็จะมีคำถามตามมาว่า บริษัทนี้จะต้องมีผลตอบแทนให้นักลงทุนได้เท่าไหร่ เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ไม่เช่นนั้นจะขายหุ้นไม่ได้ ผลตามมาคือเรื่องการคำนวนสูตรค่าคำนวณไฟฟ้าทั้งหมด รวมไปถึงการที่จะต้องมีการชดเชยหรือเกลี่ยผลประโยชน์ภาระกันระหว่าง กฟผ.กับการไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตรงนี้คณะทำงานของพรรคฯกำลังมองว่า ความคิดแบบนี้เป็นความคิดที่กำลังจะมีการผลักภาระให้ประชาชนส่วนหนึ่ง ผลักภาระให้กับทางการไฟฟ้าอื่นๆ อีกส่วนหนึ่ง รวมทั้งการขาดระบบการกำกับดูแลที่ดี และสุดท้ายก็เป็นปัญหาที่ได้เกิดขึ้นจากการคิดตรงนี้
'ในกิจการพื้นฐานเราคงไม่ได้พูดว่า เราต่อต้านเรื่องของการแปรรูป เราคงไม่ไปพูดว่า เรื่องของการระดมทุนด้วยวิธีการที่หลากหลาย ด้วยการใช้ประโยชน์จากตลาดเงินตลาดทุนไม่ดี คงไม่ใช่อย่างงั้น แต่เวลาเราทำสิ่งเหล่านี้ เราต้องจัดลำดับในเชิงเป้าหมายให้ชัดก่อน โครงสร้างพื้นฐานบริการพื้นฐานเป้าหมายพื้นฐานก็คือ บริการให้ประชาชน ทำอย่างไรให้ประชาชนส่วนรวมได้ประโยชน์มากที่สุด ส่วนหนึ่งเราสามารถที่จะต้องให้รัฐเข้าไปสนับสนุน ในเชิงของเงินอุดหนุนรูปแบบใดรูปแบบที่ชัดเจนไปเลย ต้องประเมินให้ชัดว่าจะเป็นเท่าไหร่ เพื่อให้บริการไปได้ ส่วนการจะอาศัยกลไกของภาคเอกชน ตลาดเงินตลาดทุนเข้ามาเสริม นั่นก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้เช่นเดียวกัน แต่ว่าอย่าไปกลับหัวกลับหาง ไปตั้งว่าเอาโครงการเหล่านี้มา เอาโครงการเหล่านี้จะเอามาหาเสียง หรือจะเอาโครงการเหล่านี้มาเพื่อกระตุ้นตลาดเงินตลาดทุน มันจะไปไม่ได้ สุดท้ายพอตัวนั้นเป็นตัวตั้งมันก็มากดดันให้เราต้องไปใช้รูปแบบของการลงทุนและการบริหารจัดการ ซึ่งในที่สุดไม่ตอบสนองเป้าหมายจริงๆ ของเรา คือการบริการประชาชน’ ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการแก้ปัญหาสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และกรณีมุสลิมอพยพไปที่มัลอัยว่า พรรคยังยืนยันเหมือนเดิมว่า อะไรที่รัฐบาลทำเพื่อที่จะช่วยเรื่องขวัญกำลังใจกับประชาชนในพื้นที่ เป็นเรื่องที่ดีทั้งหมด แต่ว่าตนอยากให้รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับ ข่าว 2 ข่าวที่เกิดขึ้น 1. กรณีของคนที่ออกไป เรายังไม่ทราบรายละเอียดทั้งหมดว่าบุคคลเหล่านี้ข้ามไป ทราบเพียงแต่ว่า ข้ามไปก็คือไม่มีเอกสาร เพราะฉะนั้นก็ถูกจับกุม และไม่ทราบว่าคนเหล่านี้ไปพูดอะไร แต่ทำนองเหมือนกับว่าอยากจะหนีไปทำนองนั้น ซึ่งเรื่องนี้อยากให้รัฐบาลเข้าไปสะสางให้เร็วที่สุด และสิ่งสำคัญก็คือว่า รัฐบาลต้องให้ความมั่นใจกับคนไทยทุกคนว่ามีความปลอดภัยอยู่บนผืนแผ่นดินนี้ ‘อย่ามองเรื่องนี้เป็นเรื่อง ซึ่งเป็นจุดๆ หนึ่งเพราะว่าถ้าคลี่คลายไม่ดี หรือใช้เวลาแล้วลากฝ่ายต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง จะยิ่งไม่ดี อยากให้รัฐบาลเร่งเข้าไปสะสางเรื่องนี้’ นายอภิสิทธิ์ กล่าวและว่า 2.กรณีที่บอกว่ามีหมู่บ้านหนึ่งประชาชนไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่รับเข้ามา เพราะว่าโต๊ะอิหม่ามถูกยิง ซึ่งเป็นอีกข่าวหนึ่งที่สะท้อนถึงปัญหาช่องว่างที่ตนพูดมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นมาตรการที่รัฐบาลทำอยู่ หรืออะไรทำอยู่ในแง่ปลุกขวัญกำลังใจก็ทำไป แต่ว่าฝ่ายนโยบาย และฝ่ายความมั่นคงต้องดู 2 กรณีนี้ด้วยความจริงจัง และก็เร่งสะสาง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 2 ก.ย.2548--จบ--
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้(2 ก.ย.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีการยกเลิกโครงการรถไฟฟ้า 2 สาย ของรัฐบาลว่า ขณะนี้ยังมีความสับสนว่าสุดท้ายรัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไร เพราะเบื้องต้นรัฐบาลได้พูดถึงโครงการรถไฟฟ้า 7 สาย ว่าอยู่ในโครงการเมกกะโปเจ็ก 1.7 ล้านล้าน แต่นายกฯได้ให้สัมภาษณ์ว่าจะนำเงินส่วนหนึ่งในโครงการไปแก้ปัญหาเรื่องน้ำ จึงต้องยกเลิกรถไฟฟ้า 2 สายไป แต่ภายหลังกลับคำพูดว่าไม่เกี่ยวกับปัญหาเรื่องน้ำ แต่เป็นเรื่องของการคุ้มทุนของการลงทุนในรถไฟฟ้า 2 สายดังกล่าว ซึ่งการลงทุนรถไฟฟ้า 2 สายนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ชี้ให้เห็นแล้วว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องมีความรอบคอบว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร เพราะจากการศึกษาเดิมตัวเลขยังมีปัญหาในแง่ผู้ใช้กับต้นทุนในการก่อสร้าง ซึ่งตนอยากให้ข้อเสนอว่าตามความจริงแล้วต้องไปดูว่าขณะนี้แนวคิดเกี่ยวกับเรื่องการลงทุนโดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับการบริโภค รัฐบาลน่าจะทวบทวนวิธีการหรือไม่ เพราะเท่าที่เข้าใจว่าขณะนี้คือรัฐบาลคิดจะใช้วิธีการกู้ยืมเงินมาลงทุน และการก็ยืมเงินดังกล่าวก็จะมีวิธีการซึ่งค่อนข้างสลับซับซ้อน เพราะมีแนวความคิดเรื่องจะตั้งบริษัทรวมทุนขึ้นมา มีการออกพันธบัตร ซึ่งวิธีการนี้เป็นวิธีการที่ทำให้เจ้าของเงินทุนต้องเรียกร้องผลตอบแทน ‘ในการเรียกร้องผลตอบแทน เจ้าของเงินทุนก็จะต้องดูว่ารายได้จากโครงการต่างๆ จะเป็นอย่างไร ต้องยอมรับว่าโครงการลักษณะเช่นนี้ เช่นโครงการขนส่งมวลชน โอกาสที่จะมีกำไรน้อยมาก ทีนี้พอดูอย่างนี้แล้วสุดท้ายก็จะต้องตั้งโจทย์และมีคำตอบที่กลับมาว่ามีความคุ้มทุนหรือไม่ และสุดท้ายก็เกิดไม่ได้’นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์เคยท้วงคือ การจะเสนอโครงการหรือการลงทุนของรัฐบาลต้องทำแผนให้ชัดเจนว่าจะลงทุนอย่างไร และที่สำคัญต้องยอมรับว่าเป้าหมายคือการให้บริการประชาชน ตลอดทั้งเรื่องค่าโดยสารจะต้องชัดเจนว่าสามารถอยู่ที่เท่าไหร่ เพื่อที่จะให้ประชาชนสามารถใช้บริการให้ได้มากที่สุด และต้องศึกษาเป็นแผน เพราะถ้าเกิดรถไฟฟ้าเชื่อมโยงกันผู้ใช้บริการจะขึ้นเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่น กรณีของรถใต้ดินที่ทำไปก่อนหน้านี้ รัฐบาลขณะนั้นต้องตัดสินใจว่า รัฐจะต้องลงทุนในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด ฉะนั้นเสียงเรียกร้องของประชาชนจะมีมากขึ้น เพราะส่วนหนึ่งเป็นความคาดหวังมาจากการหาเสียงเลือกตั้ง ขณะที่รัฐบาลก็มีปัญหาในเรื่องของการที่จะได้คำตอบในเรื่องของการทำโครงการ
‘ดีที่สุดผมว่าน่าจะอย่าเพิ่งไปสรุปว่าทำหรือไม่ทำ แต่น่าจะลองดูทางเลือกต่างๆ ให้กว้างขวางกว่านี้ มิฉะนั้นแล้วจะเป็นปมปัญหาต่อไป การตัดสินใจอาจจะไม่ได้สิ่งที่ดีที่สุด เพราะว่าจริงๆ ทางเลือกก็มีอยู่พอสมควร เพราะฉะนั้นอันนี้ก็เป็นบทเรียนในเรื่องของการนำเสนอโครงการต่างๆ ซึ่งผมก็เป็นคนหนึ่งที่เรียกร้องมาตลอดว่า ความชัดเจนตรงนี้มันไม่มีตั้งแต่ต้น สิ่งที่จะต้องเป็นจุดสำคัญก็คือว่า นโยบายในเรื่องเหล่านี้อย่าไปมองในแง่ของการที่จะเอาโครงการตั้งเป้าเป็นเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือว่าเรื่องของการเมือง แต่เอาเรื่องของบริการพื้นฐานเป็นตัวตั้ง’ นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถ้าหากจะมีการปรับแผน ต้องมาดูเรื่องของ BRT พร้อมๆ กันไปด้วย เพราะตนไม่อยากให้เป็นเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างทำ แต่ควรจะต้องมาเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายให้ชัดเจน และบทบาทของ ข.ส.ม.ก. ก็มีความสำคัญ BRT จะมีประสิทธิภาพในการบริการมากน้อยแค่ไหน จึงมีความจำเป็นต้องเชื่อมโยงกับ ข.ส.ม.ก.ด้วย ซึ่งขณะนี้ BRT เริ่มต้นอยู่ที่ ถนนเกษตรนวมินทร์ กับ ถนนพระราม 3 ที่จะมาเลี้ยวเข้าตรง ถนนนราธิวาส ข้ามมาจากฝั่งธน และมาจบตรงที่ สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสตรงช่องนนทรี ซึ่งขณะนี้กทม.กำลังดำเนินการ อยู่และอยู่ในขั้นตอนรอการอนุมัติของรัฐบาล ซึ่งเหตุผลที่ติดขัดตนคิดว่าน่าจะมาจากรัฐบาลยังกังวลกับเรื่องพยายามเจรจาซื้อบริษัท ‘นี่คือสิ่งที่ผมบอกไงครับว่า เราจะเอาอะไรเป็นตัวตั้ง เราจะบริการประชาชนเป็นตัวตั้ง หรือจะเอาแต่เรื่องของการคำนึงถึงผลประโยชน์อะไรต่างๆ เพราะฉะนั้นอันนี้อยากจะถือโอกาสพูดเลยเพราะเห็นว่าคือเป็นที่ทราบอยู่แล้ว เพราะประชาชนต้องการระบบขนส่งมวลชน และมีการพูดเรื่องการเมืองบ้าง มีการพูดเรื่องจะมีเงินไม่มีเงินบ้าง แต่ผมว่าเบื้องหลังทั้งหมดขณะนี้มันต้องแกะไปที่ตรงนี้ ว่าหลักคิดของเราในการบริหารมันคืออะไร’ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวต่อว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เกิดจากแนวคิดหรือวิธีการบริหารของรัฐบาล เช่นเรื่อง FT ค่าไฟฟ้า ที่กำลังเป็นปัญหาเพราะว่ามีความพยายามที่จะเอา กฟผ.เข้าตลาดหลักทรัพย์เดือนพฤศจิกายน ซึ่งก็จะมีคำถามตามมาว่า บริษัทนี้จะต้องมีผลตอบแทนให้นักลงทุนได้เท่าไหร่ เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ไม่เช่นนั้นจะขายหุ้นไม่ได้ ผลตามมาคือเรื่องการคำนวนสูตรค่าคำนวณไฟฟ้าทั้งหมด รวมไปถึงการที่จะต้องมีการชดเชยหรือเกลี่ยผลประโยชน์ภาระกันระหว่าง กฟผ.กับการไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตรงนี้คณะทำงานของพรรคฯกำลังมองว่า ความคิดแบบนี้เป็นความคิดที่กำลังจะมีการผลักภาระให้ประชาชนส่วนหนึ่ง ผลักภาระให้กับทางการไฟฟ้าอื่นๆ อีกส่วนหนึ่ง รวมทั้งการขาดระบบการกำกับดูแลที่ดี และสุดท้ายก็เป็นปัญหาที่ได้เกิดขึ้นจากการคิดตรงนี้
'ในกิจการพื้นฐานเราคงไม่ได้พูดว่า เราต่อต้านเรื่องของการแปรรูป เราคงไม่ไปพูดว่า เรื่องของการระดมทุนด้วยวิธีการที่หลากหลาย ด้วยการใช้ประโยชน์จากตลาดเงินตลาดทุนไม่ดี คงไม่ใช่อย่างงั้น แต่เวลาเราทำสิ่งเหล่านี้ เราต้องจัดลำดับในเชิงเป้าหมายให้ชัดก่อน โครงสร้างพื้นฐานบริการพื้นฐานเป้าหมายพื้นฐานก็คือ บริการให้ประชาชน ทำอย่างไรให้ประชาชนส่วนรวมได้ประโยชน์มากที่สุด ส่วนหนึ่งเราสามารถที่จะต้องให้รัฐเข้าไปสนับสนุน ในเชิงของเงินอุดหนุนรูปแบบใดรูปแบบที่ชัดเจนไปเลย ต้องประเมินให้ชัดว่าจะเป็นเท่าไหร่ เพื่อให้บริการไปได้ ส่วนการจะอาศัยกลไกของภาคเอกชน ตลาดเงินตลาดทุนเข้ามาเสริม นั่นก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้เช่นเดียวกัน แต่ว่าอย่าไปกลับหัวกลับหาง ไปตั้งว่าเอาโครงการเหล่านี้มา เอาโครงการเหล่านี้จะเอามาหาเสียง หรือจะเอาโครงการเหล่านี้มาเพื่อกระตุ้นตลาดเงินตลาดทุน มันจะไปไม่ได้ สุดท้ายพอตัวนั้นเป็นตัวตั้งมันก็มากดดันให้เราต้องไปใช้รูปแบบของการลงทุนและการบริหารจัดการ ซึ่งในที่สุดไม่ตอบสนองเป้าหมายจริงๆ ของเรา คือการบริการประชาชน’ ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการแก้ปัญหาสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และกรณีมุสลิมอพยพไปที่มัลอัยว่า พรรคยังยืนยันเหมือนเดิมว่า อะไรที่รัฐบาลทำเพื่อที่จะช่วยเรื่องขวัญกำลังใจกับประชาชนในพื้นที่ เป็นเรื่องที่ดีทั้งหมด แต่ว่าตนอยากให้รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับ ข่าว 2 ข่าวที่เกิดขึ้น 1. กรณีของคนที่ออกไป เรายังไม่ทราบรายละเอียดทั้งหมดว่าบุคคลเหล่านี้ข้ามไป ทราบเพียงแต่ว่า ข้ามไปก็คือไม่มีเอกสาร เพราะฉะนั้นก็ถูกจับกุม และไม่ทราบว่าคนเหล่านี้ไปพูดอะไร แต่ทำนองเหมือนกับว่าอยากจะหนีไปทำนองนั้น ซึ่งเรื่องนี้อยากให้รัฐบาลเข้าไปสะสางให้เร็วที่สุด และสิ่งสำคัญก็คือว่า รัฐบาลต้องให้ความมั่นใจกับคนไทยทุกคนว่ามีความปลอดภัยอยู่บนผืนแผ่นดินนี้ ‘อย่ามองเรื่องนี้เป็นเรื่อง ซึ่งเป็นจุดๆ หนึ่งเพราะว่าถ้าคลี่คลายไม่ดี หรือใช้เวลาแล้วลากฝ่ายต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง จะยิ่งไม่ดี อยากให้รัฐบาลเร่งเข้าไปสะสางเรื่องนี้’ นายอภิสิทธิ์ กล่าวและว่า 2.กรณีที่บอกว่ามีหมู่บ้านหนึ่งประชาชนไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่รับเข้ามา เพราะว่าโต๊ะอิหม่ามถูกยิง ซึ่งเป็นอีกข่าวหนึ่งที่สะท้อนถึงปัญหาช่องว่างที่ตนพูดมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นมาตรการที่รัฐบาลทำอยู่ หรืออะไรทำอยู่ในแง่ปลุกขวัญกำลังใจก็ทำไป แต่ว่าฝ่ายนโยบาย และฝ่ายความมั่นคงต้องดู 2 กรณีนี้ด้วยความจริงจัง และก็เร่งสะสาง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 2 ก.ย.2548--จบ--