กรุงเทพ--9 ก.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่งได้รายงานการให้ความช่วยเหลือคนไทย 3 คน ที่เดินทางเข้าไปในจีนและตกทุกข์ได้ยาก ดังนี้
1. เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2541 สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากคนไทย 3 คน คือ นายสุนทรา สิทธิพรหม อายุ 36 ปี มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดอุดรธานี นายวิชิต ป่าโพธิ์ชัย อายุ 30 ปี มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดขอนแก่น และ นาย สนิท ป่าโพธิ์ชัย (น้องชายนายวิชิตฯ) อายุ 24 ปี มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดขอนแก่น
2. บุคคลทั้ง 3 คน ประกอบอาชีพรับซื้ออะไหล่รถยนต์จากร้านค้าบริเวณจังหวัดหนองคายและอุดรธานี นำข้ามไปขายที่กรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว ต่อมามีแผนการณ์จะเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศเกาหลีใต้โดยหลานสาว (ของนายสุนทราฯ) ซึ่งแต่งงานกับชาวเกาหลีและพำนักอยู่ในกรุงโซลรับจะให้ความช่วยเหลือเมื่อเดินทางถึงกรุงโซลแล้ว ดังนั้น เมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2541 พวกตนได้เดินทางโดยรถยนต์ออกจากกรุงเวียงจันทน์เข้าสู่ประเทศจีนบริเวณตอนใต้ของมณฑลยูนนาน (ด่านสากลเมืองบ่อเต็น แขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว - เมืองบ่อหาน สปป. จีน ) และนั่งรถยนต์ต่อจนถึงนครคุนหมิง จากคุนหมิงเดินทางไปกรุงปักกิ่งโดยทางเครื่องบินเพื่อจะเดินทางไปกรุงโซล แต่โดยที่ทั้งสามคนไม่มีเงินหยวนหรือเงินดอลล่าร์สหรัฐ ติดตัวเลย มีเพียงเงินวอนของเกาหลีจำนวน 600,000 วอน หรือ ประมาณ 13,000 บาท (ซึ่งธนาคารในกรุงปักกิ่งไม่รับแลก) ทำให้ไม่สามารถซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางต่อไปได้
3. ทั้งสามคนได้รับการตรวจลงตราเข้าประเทศจีนจากสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยอย่างถูกต้อง แต่ไม่มีการตรวจลงตราเข้าประเทศเกาหลีใต้ (เนื่องจากบุคคลสัญชาติไทยถือหนังสือเดินทางธรรมดา สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวเกาหลีใต้โดยไม่ต้องรับตรวจลงตรา และพำนักอยู่ได้ 90 วัน) จากการสังเกตลักษณะท่าทางสถานเอกอัครราชทูตฯ ประเมินได้ว่า บุคคลทั้งสามน่าจะเดินทางไปเกาหลีใต้เพื่อหางานทำมากกว่าจะไปท่องเที่ยวตาที่กล่าวอ้าง
4. สถานเอกอัครราชทูตฯ จึงได้ชี้แจงถึงปัญหาต่าง ๆ ที่จะตามมา หากบุคคลทั้งสามเดินทางต่อไปยังเกาหลีใต้ตามแผนที่วางไว้ พร้อมกับได้แนะนำให้เลิกล้มความตั้งใจโดยขอให้เดินทางกลับและหางานทำในประเทศไทยซึ่งน่าจะมีโอกาสดีกว่า ทั้งสามคนเห็นด้วยกับคำแนะนำของสถานเอกอัครราชทูตฯ โดยตกลงเดินทาง
กลับประเทศไทย แต่ปัญหาเฉพาะหน้าคือไม่มีเงินหยวนหรือเงินดอลล่าร์สหรัฐอยู่เลย อย่างไรก็ดี นายสุนทราฯ แจ้งว่า ตนมีบัตร เอทีเอ็ม ของธนาคารกรุงเทพฯ ที่สามารถใช้เบิกเงินได้ทั่วโลก ดังนั้น หากสามารถโทรศัพท์ติดต่อกับญาติในประเทศไทยนำเงินเข้าบัญชีธนาคารฯ ก็จะสามารถเบิกเงินเป็นค่าใช้จ่ายเดินทางกลับได้ สถานเอกอัคร-ราชทูตฯ ได้ช่วยติดต่อขอความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ฯ ปรากฏว่าได้รับความอนุเคราะห์ด้วยดี สถานเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ฯ ซึ่งใช้เงินส่วนตัวจำนวน 200 ดอลล่าสหรัฐ รับแลกเงินวอนให้ส่วนหนึ่ง และช่วยให้นายสุนทราฯ สามารถเบิกเงินได้ ทั้งสามคนจึงได้เดินทางออกจากกรุงปักกิ่งไปนครคุนหมิง และเดินทางออกจากนครคุนหมิงเข้าสู่ประเทศลาวโดยทางรถยนต์ (เส้นทางเดิมกับช่วงขาไป) เพื่อเดินทางจากประเทศลาวกลับสู่ประเทศไทย
5. เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2541 นายสุนทราฯ ได้โทรศัพท์จากจังหวัดอุดรธานีแจ้งสถานเอกอัคร-ราชทูตฯ ว่า พวกตนทั้งสามคนได้เดินทางกลับถึงภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพแล้ว
6. อนึ่ง สถานทูตฯได้ตั้งข้อสังเกตว่า ในระยะนี้มีประชาชนไทยที่อาศัยอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือทำงานอยู่ในประเทศลาวเดินทางเข้าสู่จีนโดยทางรถยนต์ โดยใช้เส้นทางจากประเทศลาวเข้าสู่นครคุนหมิง เนื่องจากเดินทางสะดวกขึ้นและเลยไปถึงกรุงปักกิ่งด้วยความหวังที่จะไปหางานทำในจีน หรือเดินทางจากจีนไปหางานทำในประเทศที่สาม เช่น ประเทศเกาหลีใต้ บางรายก็เดินทางไปเองโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือได้รับทราบข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางรายก็ถูกชักชวน หรือหลอกลวง
จึงขอเรียนเตือนคนไทยโปรดระมัดระวังการหลวกลวงไปทำงานในจีน รวมทั้งคนไทยที่ประสงค์จะเดินทางไปสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อลักลอบทำงาน เนื่องด้วยปัจจุบัน จีนไม่มีนโยบายเปิดรับแรงงานต่างชาติ ส่วนผู้ประสงค์จะเดินทางไปลักลอบทำงานในประเทศอื่น ๆ ใกล้เคียง เช่น เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ฯลฯผ่านทางจีนนั้น แม้จะได้รับการตรวจลงลงตราจากบางประเทศแล้ว ก็ไม่สามารถจะลักลอบทำงานได้ ซึ่งผลที่ตามมาอาจถูกจับกุมคุมขังและถูกส่งตัวกลับประเทศในที่สุด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 225 0096 หรือ 225 7900-43--จบ--
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่งได้รายงานการให้ความช่วยเหลือคนไทย 3 คน ที่เดินทางเข้าไปในจีนและตกทุกข์ได้ยาก ดังนี้
1. เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2541 สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากคนไทย 3 คน คือ นายสุนทรา สิทธิพรหม อายุ 36 ปี มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดอุดรธานี นายวิชิต ป่าโพธิ์ชัย อายุ 30 ปี มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดขอนแก่น และ นาย สนิท ป่าโพธิ์ชัย (น้องชายนายวิชิตฯ) อายุ 24 ปี มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดขอนแก่น
2. บุคคลทั้ง 3 คน ประกอบอาชีพรับซื้ออะไหล่รถยนต์จากร้านค้าบริเวณจังหวัดหนองคายและอุดรธานี นำข้ามไปขายที่กรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว ต่อมามีแผนการณ์จะเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศเกาหลีใต้โดยหลานสาว (ของนายสุนทราฯ) ซึ่งแต่งงานกับชาวเกาหลีและพำนักอยู่ในกรุงโซลรับจะให้ความช่วยเหลือเมื่อเดินทางถึงกรุงโซลแล้ว ดังนั้น เมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2541 พวกตนได้เดินทางโดยรถยนต์ออกจากกรุงเวียงจันทน์เข้าสู่ประเทศจีนบริเวณตอนใต้ของมณฑลยูนนาน (ด่านสากลเมืองบ่อเต็น แขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว - เมืองบ่อหาน สปป. จีน ) และนั่งรถยนต์ต่อจนถึงนครคุนหมิง จากคุนหมิงเดินทางไปกรุงปักกิ่งโดยทางเครื่องบินเพื่อจะเดินทางไปกรุงโซล แต่โดยที่ทั้งสามคนไม่มีเงินหยวนหรือเงินดอลล่าร์สหรัฐ ติดตัวเลย มีเพียงเงินวอนของเกาหลีจำนวน 600,000 วอน หรือ ประมาณ 13,000 บาท (ซึ่งธนาคารในกรุงปักกิ่งไม่รับแลก) ทำให้ไม่สามารถซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางต่อไปได้
3. ทั้งสามคนได้รับการตรวจลงตราเข้าประเทศจีนจากสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยอย่างถูกต้อง แต่ไม่มีการตรวจลงตราเข้าประเทศเกาหลีใต้ (เนื่องจากบุคคลสัญชาติไทยถือหนังสือเดินทางธรรมดา สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวเกาหลีใต้โดยไม่ต้องรับตรวจลงตรา และพำนักอยู่ได้ 90 วัน) จากการสังเกตลักษณะท่าทางสถานเอกอัครราชทูตฯ ประเมินได้ว่า บุคคลทั้งสามน่าจะเดินทางไปเกาหลีใต้เพื่อหางานทำมากกว่าจะไปท่องเที่ยวตาที่กล่าวอ้าง
4. สถานเอกอัครราชทูตฯ จึงได้ชี้แจงถึงปัญหาต่าง ๆ ที่จะตามมา หากบุคคลทั้งสามเดินทางต่อไปยังเกาหลีใต้ตามแผนที่วางไว้ พร้อมกับได้แนะนำให้เลิกล้มความตั้งใจโดยขอให้เดินทางกลับและหางานทำในประเทศไทยซึ่งน่าจะมีโอกาสดีกว่า ทั้งสามคนเห็นด้วยกับคำแนะนำของสถานเอกอัครราชทูตฯ โดยตกลงเดินทาง
กลับประเทศไทย แต่ปัญหาเฉพาะหน้าคือไม่มีเงินหยวนหรือเงินดอลล่าร์สหรัฐอยู่เลย อย่างไรก็ดี นายสุนทราฯ แจ้งว่า ตนมีบัตร เอทีเอ็ม ของธนาคารกรุงเทพฯ ที่สามารถใช้เบิกเงินได้ทั่วโลก ดังนั้น หากสามารถโทรศัพท์ติดต่อกับญาติในประเทศไทยนำเงินเข้าบัญชีธนาคารฯ ก็จะสามารถเบิกเงินเป็นค่าใช้จ่ายเดินทางกลับได้ สถานเอกอัคร-ราชทูตฯ ได้ช่วยติดต่อขอความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ฯ ปรากฏว่าได้รับความอนุเคราะห์ด้วยดี สถานเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ฯ ซึ่งใช้เงินส่วนตัวจำนวน 200 ดอลล่าสหรัฐ รับแลกเงินวอนให้ส่วนหนึ่ง และช่วยให้นายสุนทราฯ สามารถเบิกเงินได้ ทั้งสามคนจึงได้เดินทางออกจากกรุงปักกิ่งไปนครคุนหมิง และเดินทางออกจากนครคุนหมิงเข้าสู่ประเทศลาวโดยทางรถยนต์ (เส้นทางเดิมกับช่วงขาไป) เพื่อเดินทางจากประเทศลาวกลับสู่ประเทศไทย
5. เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2541 นายสุนทราฯ ได้โทรศัพท์จากจังหวัดอุดรธานีแจ้งสถานเอกอัคร-ราชทูตฯ ว่า พวกตนทั้งสามคนได้เดินทางกลับถึงภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพแล้ว
6. อนึ่ง สถานทูตฯได้ตั้งข้อสังเกตว่า ในระยะนี้มีประชาชนไทยที่อาศัยอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือทำงานอยู่ในประเทศลาวเดินทางเข้าสู่จีนโดยทางรถยนต์ โดยใช้เส้นทางจากประเทศลาวเข้าสู่นครคุนหมิง เนื่องจากเดินทางสะดวกขึ้นและเลยไปถึงกรุงปักกิ่งด้วยความหวังที่จะไปหางานทำในจีน หรือเดินทางจากจีนไปหางานทำในประเทศที่สาม เช่น ประเทศเกาหลีใต้ บางรายก็เดินทางไปเองโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือได้รับทราบข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางรายก็ถูกชักชวน หรือหลอกลวง
จึงขอเรียนเตือนคนไทยโปรดระมัดระวังการหลวกลวงไปทำงานในจีน รวมทั้งคนไทยที่ประสงค์จะเดินทางไปสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อลักลอบทำงาน เนื่องด้วยปัจจุบัน จีนไม่มีนโยบายเปิดรับแรงงานต่างชาติ ส่วนผู้ประสงค์จะเดินทางไปลักลอบทำงานในประเทศอื่น ๆ ใกล้เคียง เช่น เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ฯลฯผ่านทางจีนนั้น แม้จะได้รับการตรวจลงลงตราจากบางประเทศแล้ว ก็ไม่สามารถจะลักลอบทำงานได้ ซึ่งผลที่ตามมาอาจถูกจับกุมคุมขังและถูกส่งตัวกลับประเทศในที่สุด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 225 0096 หรือ 225 7900-43--จบ--