ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท. อยู่ระหว่างพิจารณาการขยายตัวของจีดีพีปี 48 ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการ
ธปท. เปิดเผยว่า ธปท. อยู่ระหว่างการพิจารณาอัตราการขยายตัวของจีดีพีปี 48 ซึ่งจัดทำในรายงานแนวโน้มเงิน
เฟ้อในเดือน ก.ค.นี้ โดยจะมีการประชุมในวันนี้ (18 ก.ค.) และจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 21 ก.ค. ซึ่งจะ
ทราบว่าดุลบัญชีเดินสะพัดทั้งปีจะขาดดุลเท่าไหร่ สำหรับการที่สำนักวิจัยต่างประเทศ 2 แห่ง ได้ประมาณการตัวเลข
เศรษฐกิจไทยปีนี้ว่าจะขยายตัวที่ระดับร้อยละ 2.8 ของจีดีพีนั้น ไม่มีความน่าเชื่อถือแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม
ธปท. เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะไม่เกิดภาวะวิกฤตเศรษฐกิจเหมือนปี 40 เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจใน
ปัจจุบันมีเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่เข้ามาอยู่ในไทยในระยะยาว รวมทั้งไทยไม่มีหนี้ในส่วนของไอเอ็มเอ
ฟ และเชื่อว่าในครึ่งปีหลังสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง โดยพิจารณาจากดัชนีชี้วัดในภาคอุตสาหกรรม
อิเล็กทรอนิกส์ของ สรอ. ที่ชี้ว่าการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มีแนวโน้มฟื้นตัว ในส่วนของโครงการเมกะโป
รเจกต์ มูลค่า 1.7 ล้านล้านบาท ธปท. ได้ติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อให้การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดมีความกดดดันใน
ระดับต่ำที่สุด นอกจากนี้ ธปท. จะดูแลสถาบันการเงินให้มีความเข้มแข็งและสามารถให้บริการทางการเงินแก่
ประชาชนในระดับรากหญ้าเพื่อให้เข้าถึงระบบการเงินได้มากขึ้น สำหรับภาวะราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นส่งผลให้ยอด
การนำเข้าน้ำมันสูงขึ้น โดยในไตรมาสแรกดุลบัญชีเดินสะพัดติดลบร้อยละ 3.3 ของจีดีพี หรือ 1.4 พันล้าน
ดอลลาร์ สรอ. ส่วนดุลการค้าขาดดุล 3.2 พันล้านดอลลาร์สรอ. ซึ่งถือว่าเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชียที่ดุล
บัญชีเดินสะพัดติดลบ ทั้งนี้ ธปท. ได้รายงานตัวเลขเศรษฐกิจประจำเดือน พ.ค. ระบุว่า 5 เดือนแรกของปีนี้ไทย
ขาดดุลการค้าแล้ว 6.6 พันล้านดอลลาร์สรอ. ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล 4.6 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
(ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ธปท. ระบุเงินทุนไหลเข้ารายเดือนมีแนวโน้มดีขึ้น ธปท. สรุปไตรมาสแรกปีนี้เงินลงทุนโดยตรง
จากต่างประเทศเข้าไทยรวม 267 ล้านดอลลาร์ สรอ. ส่วนเงินทุนไหลออกเพียง 65 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดย
จำนวนเงินทุนไหลเข้ารายเดือนพบว่ามีแนวโน้มที่ดี โดยเดือน ม.ค. มีเงินทุนไหลเข้า 44 ล้านดอลลาร์ สรอ.
เดือน ก.พ. มีจำนวน 77 ล้านดอลลาร์ สรอ. และเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้นเป็น 146 ล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งสาเหตุ
ที่เงินไหลเข้าเพราะต่างชาติสนใจเรื่องนโยบายการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาล ส่วนเงินลงทุนในหลัก
ทรัพย์ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้มีเงินทุนไหลออกรวม 253 ล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับไตรมาส
4 ของปี 47 ที่นักลงทุนต่างชาติขนเงินออกถึง 544 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงถึงร้อยละ 53.49 ทั้งนี้ เมื่อ
พิจารณาการเคลื่อนย้ายเงินทุนในหลักทรัพย์พบว่ามีการขนเงินออกต่อเนื่องแล้ว 6 เดือน ตั้งแต่เดือน ต.ค.47 —
มี.ค.48 โดยเดือน มี.ค. เงินทุนไหลออกมากสุด 258 ล้านดอลลาร์ สรอ. (โพสต์ทูเดย์)
3. หนี้ต่างประเทศภาคเอกชนที่มิใช่ธนาคารของไทยในไตรมาสแรกปีนี้ลดลงร้อยละ 8.7 รายงาน
ข่าวจาก ธปท. เปิดเผยผลการสำรวจหนี้ต่างประเทศภาคเอกชนที่มิใช่ธนาคารในไตรมาสแรกปีนี้ว่า ลดลงมากถึง
ร้อยละ 8.7 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 47 จากที่เฉลี่ยต่อไตรมาสตั้งแต่ปี 43-47 ลดลงร้อยละ 1.2 โดยมี
สาเหตุจากธุรกิจเอกชนรายใหญ่ได้โอนหนี้ต่างประเทศไปเป็นหนี้เงินบาทกับบริษัทแม่ในประเทศซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ
แทน โดย ณ สิ้นเดือน มี.ค.48 มีหนี้ต่างประเทศภาคเอกชนที่มิใช่ธนาคารทั้งสิ้น 22,632 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลด
ลง 2,159 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในจำนวนนี้เป็นหนี้กับ สรอ. มากที่สุด 5,833 ล้านดอลลาร์ สรอ. คิดเป็นร้อย
ละ 25.8 รองลงมาได้ ได้แก่ ญี่ปุ่น ร้อยละ 17.6 สิงคโปร์ ร้อยละ 13.4 ฮ่องกง ร้อยละ 11.3
เยอรมนี ร้อยละ 6.7 และ สหราชอาณาจักร ร้อยละ 5.7 ส่วนที่เหลือเป็นหนี้กับประเทศอื่น ๆ อีก 4,405 ล้าน
ดอลลาร์ สรอ. คิดเป็นร้อยละ 19.5 และเมื่อแบ่งตามสกุลเงินต่างประเทศพบว่าเป็นหนี้เงินสกุลดอลลาร์ สรอ.
มากที่สุด 11,412 ล้านดอลลาร์ สรอ. เงินบาท 6,337 ล้านดอลลาร์ สรอ. เงินเยน 3,192 ล้านดอลลาร์
สรอ. เงินยูโร 907 ล้านดอลลาร์ สรอ. และเงินสกุลอื่น ๆ 783 ล้านดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ หากแบ่งตาม
ประเภทของหนี้ต่างประเทศ เป็นเงินกู้เงินตราต่างประเทศ 14,657 ล้านดอลลาร์ สรอ. คิดเป็นร้อยละ 64.8
ของหนี้ทั้งหมด ส่วนตราสารหนี้สกุลเงินตราต่างประเทศ มีจำนวน 1,638 ล้านดอลลาร์ สรอ. และหนี้เงินกู้และ
ตราสารหนี้สกุลเงินบาท 6,337 ล้านดอลลาร์ สรอ. ส่วนสาเหตุที่มีการโยกหนี้จากเงินสกุลต่างประเทศมาเป็น
เงินบาทเพื่อให้สภาพคล่องในระบบที่มีอยู่สูงลดลง ประกอบกับรัฐวิสาหกิจหลายแห่งได้หันมากู้เงินในประเทศแทน
(เดลินิวส์)
4. ธ.ไทยธนาคารคาดว่า ธปท. จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.25 สำนักวิจัย ธ.ไทยธนาคาร
ประเมินแนวโน้มตลาดเงินตลาดทุนในรอบสัปดาห์นี้ (18-21 ก.ค.) ว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยอาจจะแกว่งตัวในกรอบ
แคบ ๆ ถึงปรับตัวลง เนื่องจากจะมีแรงขายทำกำไรจากนักลงทุนในระยะสั้น โดยมูลค่าการซื้อขายคาดว่าจะอยู่ใน
ระดับเบาบางเนื่องจากนักลงทุนบางส่วนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูทิศทางที่ชัดเจนของตลาด ส่วนค่าเงินบาทมีแนว
โน้มแข็งขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน โดยคาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 41.70 — 24.00 บาท ต่อ
ดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากตลาดคาดว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของ ธปท. ในวันที่ 20 ก.ค.นี้ มี
แนวโน้มที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรประเภท 14 วัน ขึ้นอีกอย่างต่ำร้อยละ 0.25 มาอยู่ที่ร้อยละ 2.75
เนื่องจากแรงกดดดันด้านอัตราเงินเฟ้อและการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่เร่งตัวขึ้น รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติด
ลบ(แนวหน้า)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ประธานธ.กลางสรอ.ส่งสัญญานปรับเพิ่มดอกเบี้ยนโยบายในปลายปีนี้ รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ
วันที่ 17 ก.ค. 48 นายอลันกรีนสแปนประธานธ.กลางสรอ. ซึ่งมีกำหนดที่จะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่
31 ก.ค. 49 นี้ จะกล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรสในวันพุธและพฤหัสบดีนี้และอาจจะเป็นการประชุมครึ่งปีครั้งสุด
ท้ายของเขา ซึ่งอาจจะเป็นการส่งสัญญานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ไม่ได้เสนอแนะว่าควรจะหยุดการปรับเพิ่มอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ ทั้งนี้นายอลัน อาจจะให้มุมมองเกี่ยวกับภาวะตลาดบ้านและปัญหาผลตอบแทนพันธบัตรระยะ
ยาวที่อยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตามต้องมีการจับตามองอย่างใกล้ชิดว่าธ.กลางสรอ.จะสิ้นสุดนโยบายเข้มงวดทาง
การเงินที่มีมาเป็นระยะเวลานานหรือไม่ นักเศรษฐศาสตร์เห็นว่านายอลันกรีนสแปนอาจจะไม่ชี้นำว่าธ.กลางจะสิ้น
สุดการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ แต่อาจจะเตือนสภาให้มีความรอบคอบในการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย
ระยะสั้นอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนมิ.ย. 47 ธ.กลางสรอ.ได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งละ
0.25 รวม 9 ครั้ง ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสรอ.ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 3.25 และมีการคาดการณ์กันใน
ตลาดเงินว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสรอ.จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงร้อยละ 4.0 ในปลายปีนี้ ซึ่งตัวเลข
เศรษฐกิจเมื่อเร็วๆนี้แข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีอัตราเงินเฟ้อแต่ไม่สูงมากจึงคาดว่า ธ.กลางสรอ.จะปรับเพิ่มอัตรา
ดอกเบี้ยอีก(รอยเตอร์)
2. คาดว่าดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเยอรมนีในเดือน ก.ค.48 จะดีขึ้นเล็กน้อย รายงาน
จากเบอร์ลิน เมื่อ 15 ก.ค.48 ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 34 คนโดยรอยเตอร์คาดว่าดัชนีชี้
วัดความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเยอรมนีในเดือน ก.ค.48 ซึ่งสำรวจจากความเห็นของนักวิเคราะห์และนักลงทุน
สถาบัน 300 คนโดย ZEW ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยชั้นนำของเยอรมนีจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 22.0 เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่
2 ติดต่อกันจากระดับ 19.5 ในเดือน มิ.ย.48 ทั้งนี้เป็นผลจากการอ่อนค่าของเงินยูโรซึ่งลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุด
ในรอบ 14 เดือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ 1.1870 ดอลลาร์ สรอ.ต่อยูโรและลดลงร้อยละ 10 นับตั้งแต่ค่าเงินยูโรแตะ
ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือน ธ.ค.47 ที่ 1.3670 ดอลลาร์ สรอ.ต่อยูโร ซึ่งนักลงทุนคาดว่าจะส่งผลดีต่อ
การส่งออกและช่วยลดความกลัวเกี่ยวกับผลกระทบของราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ
สูงกว่า 60 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรลเมื่อต้นเดือน ก.ค.48 ที่ผ่านมาก่อนที่ราคาจะลดลง 4 ดอลลาร์ สรอ.ต่อ
บาร์เรลในเวลาต่อมา ZEW มีกำหนดจะเผยแพร่ผลสำรวจครั้งล่าสุดซึ่งดำเนินการในระหว่างวันที่ 4 ก.ค. ถึงวัน
ที่ 18 ก.ค.48 ในวันที่ 19 ก.ค.48 เวลา 9.00 น. ตามเวลากรีนนิช (รอยเตอร์)
3. เศรษฐกิจฝรั่งเศสมีแนวโน้มดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 48 แต่ยังคงมีความเสี่ยงด้านการขาดดุล
งปม. รายงานจากปารีสเมื่อ 15 ก.ค.48 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยในรายงานที่
มีการเผยแพร่ทาง website โดยไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจฝรั่งเศสมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากการดำเนิน
นโยบายเศรษฐกิจซึ่งมีทิศทางชัดเจนและมุ่งเน้นการจ้างงาน ซึ่งจะก่อให้เกิดการใช้จ่ายภายในประเทศและส่งผลต่อ
เนื่องให้เศรษฐกิจเติบโตได้ในช่วงที่เหลือของปี 48 นี้ ประกอบกับการที่สภาวะแวดล้อมทางธุรกิจปรับตัวดีขึ้นจะเป็น
ปัจจัยสนับสนุนการลงทุน รวมถึงการที่เงินยูโรอ่อนค่าลงจะช่วยให้ความต้องการสินค้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นสนับ
สนุนการส่งออกของประเทศได้ ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟได้คาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศสในปี 48 ที่
ระดับร้อยละ 1.75 และคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 49 ที่ระดับเหนือกว่าร้อยละ 2 สำหรับปัจจัย
เสี่ยงหลักที่อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศส ได้แก่ ราคาน้ำมันและความต้องการนำเข้า
สินค้าจากประเทศคู่ค้าในสหภาพยุโรป นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟได้กล่าวเตือนฝรั่งเศสเกี่ยวกับความเสี่ยงจากการขาด
ดุล งปม. ที่ฝรั่งเศสจะต้องควบคุมให้อยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 3 ของผลิตภัณฑ์ในประเทศตามหลักเกณฑ์ของสหภาพ
ยุโรป ซึ่งฝรั่งเศสประสบปัญหาไม่สามารถควบคุมการขาดดุล งปม.ในระดับที่กำหนดได้มาตั้งแต่ปี 45 (รอยเตอร์)
4. ราคาบ้านในอังกฤษเดือน ก.ค.48 อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี ที่ราคา 196,649 ปอนด์
รายงานจากลอนดอน เมื่อ 18 ก.ค.48 Rightmove เปิดเผยว่า จากผลสำรวจราคาบ้านในอังกฤษในเดือน ก.
ค.48 (เป็นการสำรวจระหว่างวันที่ 11 มิ.ย.-9 ก.ค.)เพิ่มขึ้นในระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปีที่ราคา 196,649
ปอนด์ หรือลดลงร้อยละ 1.0 จากเดือน มิ.ย.48 และเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.2 จากปีก่อนหน้า โดยในเดือน มิ.
ย.48 ราคาบ้านในอังกฤษเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบต่อปี และหากเทียบต่อเดือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ทั้งนี้
ราคาบ้านเป็นเครื่องชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญของอังกฤษ ซึ่งตลาดอสังหาริมทรัพย์เห็นว่าเป็นตัวเลขที่สนับสนุนความ
เชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคต อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจดังกล่าวพบว่า จำนวนอสังหาริมทรัพย์ของตัวแทนขายที่มี
การจับจองลดลงเพียงเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 71 หลังต่อ 1 ตัวแทน จากระดับ 73 ในเดือนก่อน ซึ่งชี้ให้เห็นว่าตลาด
อสังหาริมทรัพย์ยังคงก้าวต่อไปได้ดี อนึ่ง ผลสำรวจดังกล่าวเปิดเผยหลังจากที่บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างบ้านใน
อังกฤษ Bovis Homes กล่าวว่า การชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์เห็นได้จากยอดขายบ้านใหม่ที่ลดลง เนื่อง
จากผู้ซื้อมีความกังวลว่าจะขายบ้านเก่าได้ยากลำบาก (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 18 ก.ค. 48 15 ก.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.789 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.5995/41.8853 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.7000-2.71875 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 655.46/ 18.32 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,300/8,400 8,300/8,400 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 52.83 52.51 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.74*/22.99** 25.74*/22.99** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม 40 สตางค์ เมื่อ 12 ก.ค. 48
**ปรับเพิ่ม 90 สตางค์เมื่อ13 ก.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท. อยู่ระหว่างพิจารณาการขยายตัวของจีดีพีปี 48 ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการ
ธปท. เปิดเผยว่า ธปท. อยู่ระหว่างการพิจารณาอัตราการขยายตัวของจีดีพีปี 48 ซึ่งจัดทำในรายงานแนวโน้มเงิน
เฟ้อในเดือน ก.ค.นี้ โดยจะมีการประชุมในวันนี้ (18 ก.ค.) และจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 21 ก.ค. ซึ่งจะ
ทราบว่าดุลบัญชีเดินสะพัดทั้งปีจะขาดดุลเท่าไหร่ สำหรับการที่สำนักวิจัยต่างประเทศ 2 แห่ง ได้ประมาณการตัวเลข
เศรษฐกิจไทยปีนี้ว่าจะขยายตัวที่ระดับร้อยละ 2.8 ของจีดีพีนั้น ไม่มีความน่าเชื่อถือแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม
ธปท. เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะไม่เกิดภาวะวิกฤตเศรษฐกิจเหมือนปี 40 เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจใน
ปัจจุบันมีเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่เข้ามาอยู่ในไทยในระยะยาว รวมทั้งไทยไม่มีหนี้ในส่วนของไอเอ็มเอ
ฟ และเชื่อว่าในครึ่งปีหลังสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง โดยพิจารณาจากดัชนีชี้วัดในภาคอุตสาหกรรม
อิเล็กทรอนิกส์ของ สรอ. ที่ชี้ว่าการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มีแนวโน้มฟื้นตัว ในส่วนของโครงการเมกะโป
รเจกต์ มูลค่า 1.7 ล้านล้านบาท ธปท. ได้ติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อให้การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดมีความกดดดันใน
ระดับต่ำที่สุด นอกจากนี้ ธปท. จะดูแลสถาบันการเงินให้มีความเข้มแข็งและสามารถให้บริการทางการเงินแก่
ประชาชนในระดับรากหญ้าเพื่อให้เข้าถึงระบบการเงินได้มากขึ้น สำหรับภาวะราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นส่งผลให้ยอด
การนำเข้าน้ำมันสูงขึ้น โดยในไตรมาสแรกดุลบัญชีเดินสะพัดติดลบร้อยละ 3.3 ของจีดีพี หรือ 1.4 พันล้าน
ดอลลาร์ สรอ. ส่วนดุลการค้าขาดดุล 3.2 พันล้านดอลลาร์สรอ. ซึ่งถือว่าเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชียที่ดุล
บัญชีเดินสะพัดติดลบ ทั้งนี้ ธปท. ได้รายงานตัวเลขเศรษฐกิจประจำเดือน พ.ค. ระบุว่า 5 เดือนแรกของปีนี้ไทย
ขาดดุลการค้าแล้ว 6.6 พันล้านดอลลาร์สรอ. ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล 4.6 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
(ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ธปท. ระบุเงินทุนไหลเข้ารายเดือนมีแนวโน้มดีขึ้น ธปท. สรุปไตรมาสแรกปีนี้เงินลงทุนโดยตรง
จากต่างประเทศเข้าไทยรวม 267 ล้านดอลลาร์ สรอ. ส่วนเงินทุนไหลออกเพียง 65 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดย
จำนวนเงินทุนไหลเข้ารายเดือนพบว่ามีแนวโน้มที่ดี โดยเดือน ม.ค. มีเงินทุนไหลเข้า 44 ล้านดอลลาร์ สรอ.
เดือน ก.พ. มีจำนวน 77 ล้านดอลลาร์ สรอ. และเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้นเป็น 146 ล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งสาเหตุ
ที่เงินไหลเข้าเพราะต่างชาติสนใจเรื่องนโยบายการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาล ส่วนเงินลงทุนในหลัก
ทรัพย์ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้มีเงินทุนไหลออกรวม 253 ล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับไตรมาส
4 ของปี 47 ที่นักลงทุนต่างชาติขนเงินออกถึง 544 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงถึงร้อยละ 53.49 ทั้งนี้ เมื่อ
พิจารณาการเคลื่อนย้ายเงินทุนในหลักทรัพย์พบว่ามีการขนเงินออกต่อเนื่องแล้ว 6 เดือน ตั้งแต่เดือน ต.ค.47 —
มี.ค.48 โดยเดือน มี.ค. เงินทุนไหลออกมากสุด 258 ล้านดอลลาร์ สรอ. (โพสต์ทูเดย์)
3. หนี้ต่างประเทศภาคเอกชนที่มิใช่ธนาคารของไทยในไตรมาสแรกปีนี้ลดลงร้อยละ 8.7 รายงาน
ข่าวจาก ธปท. เปิดเผยผลการสำรวจหนี้ต่างประเทศภาคเอกชนที่มิใช่ธนาคารในไตรมาสแรกปีนี้ว่า ลดลงมากถึง
ร้อยละ 8.7 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 47 จากที่เฉลี่ยต่อไตรมาสตั้งแต่ปี 43-47 ลดลงร้อยละ 1.2 โดยมี
สาเหตุจากธุรกิจเอกชนรายใหญ่ได้โอนหนี้ต่างประเทศไปเป็นหนี้เงินบาทกับบริษัทแม่ในประเทศซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ
แทน โดย ณ สิ้นเดือน มี.ค.48 มีหนี้ต่างประเทศภาคเอกชนที่มิใช่ธนาคารทั้งสิ้น 22,632 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลด
ลง 2,159 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในจำนวนนี้เป็นหนี้กับ สรอ. มากที่สุด 5,833 ล้านดอลลาร์ สรอ. คิดเป็นร้อย
ละ 25.8 รองลงมาได้ ได้แก่ ญี่ปุ่น ร้อยละ 17.6 สิงคโปร์ ร้อยละ 13.4 ฮ่องกง ร้อยละ 11.3
เยอรมนี ร้อยละ 6.7 และ สหราชอาณาจักร ร้อยละ 5.7 ส่วนที่เหลือเป็นหนี้กับประเทศอื่น ๆ อีก 4,405 ล้าน
ดอลลาร์ สรอ. คิดเป็นร้อยละ 19.5 และเมื่อแบ่งตามสกุลเงินต่างประเทศพบว่าเป็นหนี้เงินสกุลดอลลาร์ สรอ.
มากที่สุด 11,412 ล้านดอลลาร์ สรอ. เงินบาท 6,337 ล้านดอลลาร์ สรอ. เงินเยน 3,192 ล้านดอลลาร์
สรอ. เงินยูโร 907 ล้านดอลลาร์ สรอ. และเงินสกุลอื่น ๆ 783 ล้านดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ หากแบ่งตาม
ประเภทของหนี้ต่างประเทศ เป็นเงินกู้เงินตราต่างประเทศ 14,657 ล้านดอลลาร์ สรอ. คิดเป็นร้อยละ 64.8
ของหนี้ทั้งหมด ส่วนตราสารหนี้สกุลเงินตราต่างประเทศ มีจำนวน 1,638 ล้านดอลลาร์ สรอ. และหนี้เงินกู้และ
ตราสารหนี้สกุลเงินบาท 6,337 ล้านดอลลาร์ สรอ. ส่วนสาเหตุที่มีการโยกหนี้จากเงินสกุลต่างประเทศมาเป็น
เงินบาทเพื่อให้สภาพคล่องในระบบที่มีอยู่สูงลดลง ประกอบกับรัฐวิสาหกิจหลายแห่งได้หันมากู้เงินในประเทศแทน
(เดลินิวส์)
4. ธ.ไทยธนาคารคาดว่า ธปท. จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.25 สำนักวิจัย ธ.ไทยธนาคาร
ประเมินแนวโน้มตลาดเงินตลาดทุนในรอบสัปดาห์นี้ (18-21 ก.ค.) ว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยอาจจะแกว่งตัวในกรอบ
แคบ ๆ ถึงปรับตัวลง เนื่องจากจะมีแรงขายทำกำไรจากนักลงทุนในระยะสั้น โดยมูลค่าการซื้อขายคาดว่าจะอยู่ใน
ระดับเบาบางเนื่องจากนักลงทุนบางส่วนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูทิศทางที่ชัดเจนของตลาด ส่วนค่าเงินบาทมีแนว
โน้มแข็งขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน โดยคาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 41.70 — 24.00 บาท ต่อ
ดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากตลาดคาดว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของ ธปท. ในวันที่ 20 ก.ค.นี้ มี
แนวโน้มที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรประเภท 14 วัน ขึ้นอีกอย่างต่ำร้อยละ 0.25 มาอยู่ที่ร้อยละ 2.75
เนื่องจากแรงกดดดันด้านอัตราเงินเฟ้อและการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่เร่งตัวขึ้น รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติด
ลบ(แนวหน้า)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ประธานธ.กลางสรอ.ส่งสัญญานปรับเพิ่มดอกเบี้ยนโยบายในปลายปีนี้ รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ
วันที่ 17 ก.ค. 48 นายอลันกรีนสแปนประธานธ.กลางสรอ. ซึ่งมีกำหนดที่จะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่
31 ก.ค. 49 นี้ จะกล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรสในวันพุธและพฤหัสบดีนี้และอาจจะเป็นการประชุมครึ่งปีครั้งสุด
ท้ายของเขา ซึ่งอาจจะเป็นการส่งสัญญานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ไม่ได้เสนอแนะว่าควรจะหยุดการปรับเพิ่มอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ ทั้งนี้นายอลัน อาจจะให้มุมมองเกี่ยวกับภาวะตลาดบ้านและปัญหาผลตอบแทนพันธบัตรระยะ
ยาวที่อยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตามต้องมีการจับตามองอย่างใกล้ชิดว่าธ.กลางสรอ.จะสิ้นสุดนโยบายเข้มงวดทาง
การเงินที่มีมาเป็นระยะเวลานานหรือไม่ นักเศรษฐศาสตร์เห็นว่านายอลันกรีนสแปนอาจจะไม่ชี้นำว่าธ.กลางจะสิ้น
สุดการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ แต่อาจจะเตือนสภาให้มีความรอบคอบในการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย
ระยะสั้นอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนมิ.ย. 47 ธ.กลางสรอ.ได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งละ
0.25 รวม 9 ครั้ง ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสรอ.ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 3.25 และมีการคาดการณ์กันใน
ตลาดเงินว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสรอ.จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงร้อยละ 4.0 ในปลายปีนี้ ซึ่งตัวเลข
เศรษฐกิจเมื่อเร็วๆนี้แข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีอัตราเงินเฟ้อแต่ไม่สูงมากจึงคาดว่า ธ.กลางสรอ.จะปรับเพิ่มอัตรา
ดอกเบี้ยอีก(รอยเตอร์)
2. คาดว่าดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเยอรมนีในเดือน ก.ค.48 จะดีขึ้นเล็กน้อย รายงาน
จากเบอร์ลิน เมื่อ 15 ก.ค.48 ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 34 คนโดยรอยเตอร์คาดว่าดัชนีชี้
วัดความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเยอรมนีในเดือน ก.ค.48 ซึ่งสำรวจจากความเห็นของนักวิเคราะห์และนักลงทุน
สถาบัน 300 คนโดย ZEW ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยชั้นนำของเยอรมนีจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 22.0 เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่
2 ติดต่อกันจากระดับ 19.5 ในเดือน มิ.ย.48 ทั้งนี้เป็นผลจากการอ่อนค่าของเงินยูโรซึ่งลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุด
ในรอบ 14 เดือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ 1.1870 ดอลลาร์ สรอ.ต่อยูโรและลดลงร้อยละ 10 นับตั้งแต่ค่าเงินยูโรแตะ
ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือน ธ.ค.47 ที่ 1.3670 ดอลลาร์ สรอ.ต่อยูโร ซึ่งนักลงทุนคาดว่าจะส่งผลดีต่อ
การส่งออกและช่วยลดความกลัวเกี่ยวกับผลกระทบของราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ
สูงกว่า 60 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรลเมื่อต้นเดือน ก.ค.48 ที่ผ่านมาก่อนที่ราคาจะลดลง 4 ดอลลาร์ สรอ.ต่อ
บาร์เรลในเวลาต่อมา ZEW มีกำหนดจะเผยแพร่ผลสำรวจครั้งล่าสุดซึ่งดำเนินการในระหว่างวันที่ 4 ก.ค. ถึงวัน
ที่ 18 ก.ค.48 ในวันที่ 19 ก.ค.48 เวลา 9.00 น. ตามเวลากรีนนิช (รอยเตอร์)
3. เศรษฐกิจฝรั่งเศสมีแนวโน้มดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 48 แต่ยังคงมีความเสี่ยงด้านการขาดดุล
งปม. รายงานจากปารีสเมื่อ 15 ก.ค.48 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยในรายงานที่
มีการเผยแพร่ทาง website โดยไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจฝรั่งเศสมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากการดำเนิน
นโยบายเศรษฐกิจซึ่งมีทิศทางชัดเจนและมุ่งเน้นการจ้างงาน ซึ่งจะก่อให้เกิดการใช้จ่ายภายในประเทศและส่งผลต่อ
เนื่องให้เศรษฐกิจเติบโตได้ในช่วงที่เหลือของปี 48 นี้ ประกอบกับการที่สภาวะแวดล้อมทางธุรกิจปรับตัวดีขึ้นจะเป็น
ปัจจัยสนับสนุนการลงทุน รวมถึงการที่เงินยูโรอ่อนค่าลงจะช่วยให้ความต้องการสินค้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นสนับ
สนุนการส่งออกของประเทศได้ ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟได้คาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศสในปี 48 ที่
ระดับร้อยละ 1.75 และคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 49 ที่ระดับเหนือกว่าร้อยละ 2 สำหรับปัจจัย
เสี่ยงหลักที่อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศส ได้แก่ ราคาน้ำมันและความต้องการนำเข้า
สินค้าจากประเทศคู่ค้าในสหภาพยุโรป นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟได้กล่าวเตือนฝรั่งเศสเกี่ยวกับความเสี่ยงจากการขาด
ดุล งปม. ที่ฝรั่งเศสจะต้องควบคุมให้อยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 3 ของผลิตภัณฑ์ในประเทศตามหลักเกณฑ์ของสหภาพ
ยุโรป ซึ่งฝรั่งเศสประสบปัญหาไม่สามารถควบคุมการขาดดุล งปม.ในระดับที่กำหนดได้มาตั้งแต่ปี 45 (รอยเตอร์)
4. ราคาบ้านในอังกฤษเดือน ก.ค.48 อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี ที่ราคา 196,649 ปอนด์
รายงานจากลอนดอน เมื่อ 18 ก.ค.48 Rightmove เปิดเผยว่า จากผลสำรวจราคาบ้านในอังกฤษในเดือน ก.
ค.48 (เป็นการสำรวจระหว่างวันที่ 11 มิ.ย.-9 ก.ค.)เพิ่มขึ้นในระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปีที่ราคา 196,649
ปอนด์ หรือลดลงร้อยละ 1.0 จากเดือน มิ.ย.48 และเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.2 จากปีก่อนหน้า โดยในเดือน มิ.
ย.48 ราคาบ้านในอังกฤษเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบต่อปี และหากเทียบต่อเดือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ทั้งนี้
ราคาบ้านเป็นเครื่องชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญของอังกฤษ ซึ่งตลาดอสังหาริมทรัพย์เห็นว่าเป็นตัวเลขที่สนับสนุนความ
เชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคต อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจดังกล่าวพบว่า จำนวนอสังหาริมทรัพย์ของตัวแทนขายที่มี
การจับจองลดลงเพียงเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 71 หลังต่อ 1 ตัวแทน จากระดับ 73 ในเดือนก่อน ซึ่งชี้ให้เห็นว่าตลาด
อสังหาริมทรัพย์ยังคงก้าวต่อไปได้ดี อนึ่ง ผลสำรวจดังกล่าวเปิดเผยหลังจากที่บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างบ้านใน
อังกฤษ Bovis Homes กล่าวว่า การชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์เห็นได้จากยอดขายบ้านใหม่ที่ลดลง เนื่อง
จากผู้ซื้อมีความกังวลว่าจะขายบ้านเก่าได้ยากลำบาก (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 18 ก.ค. 48 15 ก.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.789 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.5995/41.8853 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.7000-2.71875 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 655.46/ 18.32 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,300/8,400 8,300/8,400 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 52.83 52.51 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.74*/22.99** 25.74*/22.99** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม 40 สตางค์ เมื่อ 12 ก.ค. 48
**ปรับเพิ่ม 90 สตางค์เมื่อ13 ก.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--