นาย สาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวชี้แจงกรณีที่พรรคไทยรักไทยบอกว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โหนกระแสนายสนธิ ลิ้มทองกุล และนำดอกไม้ไปมอบให้นายสนธิเพื่อให้กำลังใจ ว่าการเอาดอกไม้ไปให้นายสนธินั้น พรรคประชาธิปัตย์ขอชี้แจงว่า น.ต.ศิธาและพรรคไทยรักไทยไม่ควรใช้วิธีการกล่าวเท็จมาบอกกับประชาชน หรือแกล้งทำเป็นเหมารวม ไม่แยกแยะว่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร หากทำเช่นนี้เป็นประจำก็สมควรแล้วที่ประชาชนจะเสื่อมศรัทธาพรรคไทยรักไทยลงทุกวัน การที่บอกว่านายอภิสิทธิ์ เอาดอกไม้ไปให้นายสนธินั้นก็ไม่เป็นความจริง เพราะนายอภิสิทธิ์ไม่ได้เอาดอกไม้ไปให้นายสนธิ การไปพบนายสนธิในวันนั้น ก็ไปตามคำเชิญของนายสนธิซึ่งกำลังได้รับการคุกคามรังแกจากรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐบาล เพราะฉะนั้นเมื่อนายสนธิในฐานะเป็นสื่อมวลชนคนหนึ่ง และเป็นประชาชนคนหนึ่ง ได้รับความเดือดร้อนนายอภิสิทธิ์ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ในฐานะเป็นส.ส. ก็ไปรับฟังเรื่องความเดือดร้อนของนายสนธิเป็นปกติ เหมือนกับที่ไปฟังความเดือดร้อนของประชาชนพี่น้องคนอื่น ๆ เมื่อได้รับเชิญให้ไป เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องเป็นการเอาดอกไม้ไปให้นายสนธิเพื่อไปโหนกระแสแต่อย่างใด นายอภิสิทธิ์ทราบดีอยู่แล้วว่าจะต้องถูกหาเรื่องเหมารวมใส่ร้ายโดยพรรคไทยรักไทย ดังนั้นนายอภิสิทธิ์จึงให้สัมภาณ์กับสื่อมวลชนเพื่อแสดงความชัดเจนว่าการไปพบนายสนธิ ในฐานะอะไร เพราะอะไร และด้วยเหตุผลอะไร และสื่อมวลชนคงเป็นพยานได้ ในทางตรงกันข้ามพ.ต.ท.ทักษิณเองมักพยายามทำตัวโหนกระแสเหตุการณ์สำคัญ ๆ ของบ้านเมืองอยู่ตลอดเวลา เพื่อหวังคะแนนเสียงให้กับตนเองตลอดเวลา โดยไม่สนเรื่องการแก้ไขปัญหาระยะยาวของประเทศ ทำตัวเป็นม้าพลอยพยัก เปลี่ยนกลับไปกลับมาได้ตลอดเวลา
“ถ้าเผื่อพรรคไทยรักไทย ยังโกหกแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ เช่นกรณีที่บอกว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้เอาดอกไม้ไปให้นายสนธิก็บอกว่าเอาดอกไม้ไปให้ แม้ว่าคนทั้งประเทศเขาจะเห็นกันอยู่ในวันนั้น ทั้งยังมีสื่อมวลชนไป ทั้งทีวีไปทุกช่อง หนังสือพิมพ์ไปทุกฉบับ และก็เห็นกันอยู่ว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้ทำอย่างนั้น น.ต.ศิธาก็ยังมาพูดเท็จต่อประชาชนทั้งประเทศ แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้ก็ยังออกมาพูดปดมดเท็จ แล้วถ้าเรื่องใหญ่ ๆ ของประเทศซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ต่าง ๆ พรรคไทยรักไทยยิ่งกล่าวเท็จอยู่เป็นประจำไม่กล่าวเท็จมากกว่านี้หรือ หรือว่าการกล่าวเท็จ การใส่ร้ายป้ายสีเป็นลักษณะเฉพาะตัวของผู้นำพรรคและสมาชิกในพรรคไทยรักไทย ซึ่งดูจะเป็นเรื่องธรรมดาของคนพรรคนี้แล้ว” นายสาธิต กล่าว
นายสาธิต กล่าวต่อว่ากรณีที่พรรคไทยรักไทยออกมายกโพลว่าคะแนนนิยมของพรรคไทยรักไทยยังดี ตนอยากบอกว่าก่อนที่พรรคไทยรักไทยจะกล่าวอ้างโพล พรรคไทยรักไทยควรไปถาม ส.ส.ในพรรคก่อน เช่นนายโสภณ เพชรสว่าง ส.ส.บุรีรัมย์ ที่ออกมาบอกเองว่ากระแสความนิยมพรรคไทยรักไทยในต่างจังหวัดลดลงเรื่อยๆ ซึ่งตนเห็นว่าสิ่งที่ ส.ส.ทรท.พูดน่าจะเป็นความจริงมากกว่า เพราะเป็นคำพูดของ ส.ส.ในพื้นที่และการที่น.ต.ศิธาอ้างโพลเพราะไม่มีเหตุผลใดที่จะมาชี้แจงต่อสาธารณชน โดยมีการอ้างโพลโดยไม่มีการอธิบาย แต่หากโพล
แสดงออกมาว่ากระแสความนิยมรัฐบาลตก ก็จะสร้างความไม่พอใจกับรัฐบาลมาก ดังนั้นการอ้างโพลของพรรคไทยรักไทยจึงเป็นการอ้างโพลปลอบใจตัวเอง เพราะรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่กำลังรุมเร้าในขณะนี้ได้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 28 พ.ย.2548--จบ--
“ถ้าเผื่อพรรคไทยรักไทย ยังโกหกแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ เช่นกรณีที่บอกว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้เอาดอกไม้ไปให้นายสนธิก็บอกว่าเอาดอกไม้ไปให้ แม้ว่าคนทั้งประเทศเขาจะเห็นกันอยู่ในวันนั้น ทั้งยังมีสื่อมวลชนไป ทั้งทีวีไปทุกช่อง หนังสือพิมพ์ไปทุกฉบับ และก็เห็นกันอยู่ว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้ทำอย่างนั้น น.ต.ศิธาก็ยังมาพูดเท็จต่อประชาชนทั้งประเทศ แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้ก็ยังออกมาพูดปดมดเท็จ แล้วถ้าเรื่องใหญ่ ๆ ของประเทศซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ต่าง ๆ พรรคไทยรักไทยยิ่งกล่าวเท็จอยู่เป็นประจำไม่กล่าวเท็จมากกว่านี้หรือ หรือว่าการกล่าวเท็จ การใส่ร้ายป้ายสีเป็นลักษณะเฉพาะตัวของผู้นำพรรคและสมาชิกในพรรคไทยรักไทย ซึ่งดูจะเป็นเรื่องธรรมดาของคนพรรคนี้แล้ว” นายสาธิต กล่าว
นายสาธิต กล่าวต่อว่ากรณีที่พรรคไทยรักไทยออกมายกโพลว่าคะแนนนิยมของพรรคไทยรักไทยยังดี ตนอยากบอกว่าก่อนที่พรรคไทยรักไทยจะกล่าวอ้างโพล พรรคไทยรักไทยควรไปถาม ส.ส.ในพรรคก่อน เช่นนายโสภณ เพชรสว่าง ส.ส.บุรีรัมย์ ที่ออกมาบอกเองว่ากระแสความนิยมพรรคไทยรักไทยในต่างจังหวัดลดลงเรื่อยๆ ซึ่งตนเห็นว่าสิ่งที่ ส.ส.ทรท.พูดน่าจะเป็นความจริงมากกว่า เพราะเป็นคำพูดของ ส.ส.ในพื้นที่และการที่น.ต.ศิธาอ้างโพลเพราะไม่มีเหตุผลใดที่จะมาชี้แจงต่อสาธารณชน โดยมีการอ้างโพลโดยไม่มีการอธิบาย แต่หากโพล
แสดงออกมาว่ากระแสความนิยมรัฐบาลตก ก็จะสร้างความไม่พอใจกับรัฐบาลมาก ดังนั้นการอ้างโพลของพรรคไทยรักไทยจึงเป็นการอ้างโพลปลอบใจตัวเอง เพราะรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่กำลังรุมเร้าในขณะนี้ได้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 28 พ.ย.2548--จบ--