1. สถานการณ์การผลิต
มติ ครม. ระงับการเลี้ยงกุ้งในเขตน้ำจืด
ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 7 กค. 2541 ที่ระบุว่าให้ระงับการเลี้ยงกุ้งกุลาดำในเขตพื้นที่น้ำจืด ทั้งนี้เป็นการใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 9 พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 โดยให้ระงับการเพาะเลี้ยง กุ้งกุลาดำระบบความเค็มต่ำในเขตพื้นที่น้ำจืดทุกจังหวัด และหากอยู่ระว่างช่วงการเพาะเลี้ยง ก็ผ่อนผันให้ดำเนินการได้จนช่วงการจับกุ้งให้แล้วเสร็จภายใน 4 เดือน
มติดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเห็นว่า การเลี้ยงกุ้งในเขตน้ำจืดจะเป็นการก่อให้เกิดมลพิษ 3 ประการคือ 1) สารอินทรีย์ที่เกิดจากอาหารและของเสียที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แม้จะแก้ปัญหาด้วยการเลี้ยงระบบปิดและค่าใช้จ่ายในการบำบัดของเสียก็สูงมาก เกษตรกรคงจะไม่ยอมใช้ 2)จะเกิดมลพิษจาการใช้ยาปฏิชีวนะจากการเลี้ยงกุ้ง 3) มลพิษจากเกลือซึ่งปัญหานี้ไม่สามารถแก้ไขด้วยระบบใดได้เลย นอกจากนี้คณะรัฐมนตรีมีความเห็นว่าการเลี้ยงกุ้งในพื้นที่น้ำจืดจะส่งผลให้ภาพพจน์ของประเทศด้านสิ่งแวดล้อมเสียหาย และจะทำให้ต่างประเทศไม่รับซื้อกุ้งจากไทยได้
อย่างไรก็ตามมติดังกล่าว เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งไม่สามารถรับได้ เพราะได้ลงทุนไปมากแล้วและระยะเวลาที่ผ่อนผันเพียง 4 เดือน ไม่สามารถคืนทุนได้โดยเฉพาะผู้ลงทุนรายใหม่ โดยอ้างว่าการที่จะได้ทุนคืนนั้นอย่างน้อยต้องจับกุ้งขาย 2-3 รุ่น และขณะนี้กำลังเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรียืดเวลาการผ่อนผันออกไปเป็น 1 ปี หรือ 1 ปีครึ่ง ซึ่งปัญหาดังกล่าวขณะนี้ยังไม่มีข้อยุติ
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (1-3 ก.ค. 41) สัตว์น้ำทุกชนิดส่งเข้าประมูลจำหน่าย ที่องค์การสะพานปลากรุงเทพฯ มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,050.20 ตัน แยกเป็นสัตว์น้ำเค็ม 656.10 ตัน สัตว์น้ำจืด 394.10 ตัน ประกอบด้วยสัตว์น้ำที่สำคัญ ได้แก่
1.1 ปลาดุก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 6.54 ตัน
1.2 ปลาช่อน ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 7.14 ตัน
1.3 กุ้งทะเล ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 60.89 ตัน
1.4 ปลาทู ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 250.72 ตัน
1.5 ปลาหมึก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 28.82 ตัน
2. สถานการณ์การตลาด
กุ้งกุลาดำราคาอ่อนตัวลงเล็กน้อย
กุ้งกุลาดำขนาด 30-40 ตัวต่อกิโลกรัม ราคาที่เกษตรกรขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 303.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 313.00 บาท ในสัปดาห์ก่อน 10.00 บาท ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากความอ่อนตัวทางเศรษฐกิจในเอเชียที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราการส่งออกโน้มต่ำลงเล็กน้อย ทางด้านเกษตรกรยังคงรอดูสถานการณ์และบางส่วนอยู่ระหว่างการลงกุ้งใหม่
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 35.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
2.2 ปลาช่อนราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 62.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 70.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
2.3 กุ้งกุลาดำ กุ้งกุลาดำสดขนาดกลางราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 303.00 บาท ลดลงจาก 313.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 10.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 500.00 บาทลดลงจาก 507.50 บาท ของสัปดาห์ก่อน 7.50 บาท
2.4 ปลาทู ปลาทูสดขนาดกลางราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 18.46 บาท สูงขึ้นจาก 18.24 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.22 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 30.00 บาท ลดลงจาก 30.50 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.50 บาท
2.5 ปลาหมึก ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 44.00บาท ลดลงจาก 55.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 11.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 65.00 บาท บาท ลดลงจาก 68.75 บาท ของสัปดาห์ก่อน 3.75 บาท
2.6 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 3.59 บาทลดลงจาก 3.67 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.08 บาท
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีน 58-62.9% เฉลี่ยกิโลกรัมละ 20.30 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 25 ประจำวันที่ 13-19 มิ.ย. 2541--
มติ ครม. ระงับการเลี้ยงกุ้งในเขตน้ำจืด
ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 7 กค. 2541 ที่ระบุว่าให้ระงับการเลี้ยงกุ้งกุลาดำในเขตพื้นที่น้ำจืด ทั้งนี้เป็นการใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 9 พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 โดยให้ระงับการเพาะเลี้ยง กุ้งกุลาดำระบบความเค็มต่ำในเขตพื้นที่น้ำจืดทุกจังหวัด และหากอยู่ระว่างช่วงการเพาะเลี้ยง ก็ผ่อนผันให้ดำเนินการได้จนช่วงการจับกุ้งให้แล้วเสร็จภายใน 4 เดือน
มติดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเห็นว่า การเลี้ยงกุ้งในเขตน้ำจืดจะเป็นการก่อให้เกิดมลพิษ 3 ประการคือ 1) สารอินทรีย์ที่เกิดจากอาหารและของเสียที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แม้จะแก้ปัญหาด้วยการเลี้ยงระบบปิดและค่าใช้จ่ายในการบำบัดของเสียก็สูงมาก เกษตรกรคงจะไม่ยอมใช้ 2)จะเกิดมลพิษจาการใช้ยาปฏิชีวนะจากการเลี้ยงกุ้ง 3) มลพิษจากเกลือซึ่งปัญหานี้ไม่สามารถแก้ไขด้วยระบบใดได้เลย นอกจากนี้คณะรัฐมนตรีมีความเห็นว่าการเลี้ยงกุ้งในพื้นที่น้ำจืดจะส่งผลให้ภาพพจน์ของประเทศด้านสิ่งแวดล้อมเสียหาย และจะทำให้ต่างประเทศไม่รับซื้อกุ้งจากไทยได้
อย่างไรก็ตามมติดังกล่าว เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งไม่สามารถรับได้ เพราะได้ลงทุนไปมากแล้วและระยะเวลาที่ผ่อนผันเพียง 4 เดือน ไม่สามารถคืนทุนได้โดยเฉพาะผู้ลงทุนรายใหม่ โดยอ้างว่าการที่จะได้ทุนคืนนั้นอย่างน้อยต้องจับกุ้งขาย 2-3 รุ่น และขณะนี้กำลังเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรียืดเวลาการผ่อนผันออกไปเป็น 1 ปี หรือ 1 ปีครึ่ง ซึ่งปัญหาดังกล่าวขณะนี้ยังไม่มีข้อยุติ
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (1-3 ก.ค. 41) สัตว์น้ำทุกชนิดส่งเข้าประมูลจำหน่าย ที่องค์การสะพานปลากรุงเทพฯ มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,050.20 ตัน แยกเป็นสัตว์น้ำเค็ม 656.10 ตัน สัตว์น้ำจืด 394.10 ตัน ประกอบด้วยสัตว์น้ำที่สำคัญ ได้แก่
1.1 ปลาดุก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 6.54 ตัน
1.2 ปลาช่อน ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 7.14 ตัน
1.3 กุ้งทะเล ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 60.89 ตัน
1.4 ปลาทู ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 250.72 ตัน
1.5 ปลาหมึก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 28.82 ตัน
2. สถานการณ์การตลาด
กุ้งกุลาดำราคาอ่อนตัวลงเล็กน้อย
กุ้งกุลาดำขนาด 30-40 ตัวต่อกิโลกรัม ราคาที่เกษตรกรขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 303.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 313.00 บาท ในสัปดาห์ก่อน 10.00 บาท ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากความอ่อนตัวทางเศรษฐกิจในเอเชียที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราการส่งออกโน้มต่ำลงเล็กน้อย ทางด้านเกษตรกรยังคงรอดูสถานการณ์และบางส่วนอยู่ระหว่างการลงกุ้งใหม่
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 35.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
2.2 ปลาช่อนราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 62.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 70.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
2.3 กุ้งกุลาดำ กุ้งกุลาดำสดขนาดกลางราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 303.00 บาท ลดลงจาก 313.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 10.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 500.00 บาทลดลงจาก 507.50 บาท ของสัปดาห์ก่อน 7.50 บาท
2.4 ปลาทู ปลาทูสดขนาดกลางราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 18.46 บาท สูงขึ้นจาก 18.24 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.22 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 30.00 บาท ลดลงจาก 30.50 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.50 บาท
2.5 ปลาหมึก ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 44.00บาท ลดลงจาก 55.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 11.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 65.00 บาท บาท ลดลงจาก 68.75 บาท ของสัปดาห์ก่อน 3.75 บาท
2.6 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 3.59 บาทลดลงจาก 3.67 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.08 บาท
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีน 58-62.9% เฉลี่ยกิโลกรัมละ 20.30 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 25 ประจำวันที่ 13-19 มิ.ย. 2541--