1. รูปแบบทั่วไป
ระบบการทำธุรกิจการค้าที่นิยมแพร่หลายในสหภาพพม่า มีดังนี้
1. การค้าปกติ (Normal Trade) เป็นการติดต่อทำธุรกิจค้าขายโดยการทำสัญญาซื้อขายและการเปิด L/C ตามปกติ
2. การค้าต่างตอบแทน (Counter Trade) เป็นการซื้อขายสินค้าตอบแทนตามเงื่อนไขมูลค่าสินค้าที่ระบุใน L/C กับหน่วยงานธุรกิจทั่วไปในสหภาพพม่า
3. การค้าแบบขายฝาก (Sales on Consignment basls) เป็นการค้าในรูปของการที่บริษัทต่างชาติสามารถส่งสินค้าของตนให้กับเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจในสหภาพพม่าเพื่อการฝากขาย โดยสามารถได้ทั้งในรูปเงินตราต่างประเทศและเงินสกุลท้องถิ่น
ในกระณีขายเป็นเงินตราต่างประเทศ รายได้ที่เกิดจากการขายสินค้า จะต้องหักค่านายหน้าให้แก่ผู้รับฝากขาย อย่างน้อยที่สุดร้อยละ 5 และต้องจ่ายภาษีเงินได้แก่รัฐบาลเรียบร้อยแล้ว จึงจะสามารถส่งเงินที่เหลือกลับประเทศได้
ในกรณีขายเป็นเงินสกุลท้องถิ่น จะต้องนำเงินที่ได้จากการขายมาซื้อสินค้าในสหภาพพม่าเพื่อส่งออก ในมูลค่าการส่งออก FOB เท่ากับราคา CIF ของการนำเข้าสินค้ามาขายในสหภาพพม่าบวกอีกร้อยละ 20
4. การค้าแบบนำเข้าก่อนส่งออกหลัง (Import First and Export Later System) โดยบริษัทต่างชาติ สามารถที่จะส่งสินค้าของตนให้แก่บริษัทลูกค้าในสหภาพพม่าโดยหลักเกณฑ์นำเข้าก่อนเพื่อนำมาขาย แล้วบริษัทพม่าผู้นำเข้าสินค้าจึงค่อยส่งสินค้าจากสหภาพพม่าออกไปขาย ในมูลค่าราคาที่นำเข้าสินค้า (CIF) บวกอีกร้อยละ 10
5. การค้าชายแดนระบบเดิม ผู้ที่ประสงค์จะดำเนินการค้าตามระบบนี้จะต้องจดทะเบียนเป็นผู้ทำธุรกิจนำเข้าส่งออก และได้รับใบอนุญาตนำเข้าส่งออก (มีอายุเพียง 6 เดือน) ที่สำนักงานการค้าชายแดน (Border Trade Office) ของเมืองต่าง ๆ บริเวณชายแดน หรือในส่วนกลางที่กรมการค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่ใดที่หนึ่ง เพื่อดำเนินธุรกิจการค้าชายแดนระบบเดิมที่กำหนดไว้ที่เมือง Lashlo, Kawkarelk, Dawei (ทวาย), Myeik (มะริด), Myltkylna, Bammaw, Kyaing Tung (เชียงตุง), Tachlleik (ท่าขี้เหล็ก), Kawthoung (เกาะสอง), Maungtaw, Tamu
การค้าชายแดนระบบใหม่ ผู้ที่จะทำธุรกิจการค้าชายแดนระบบใหม่จะต้องยื่นจดทะเบียนขออนุญาตนำเข้าส่งออก ซึ่งมีระยะเวลาเพียง 6 เดือนเช่นกัน ตามเงื่อนไขที่กำหนดโดยคณะกรรมการประสานงานการค้าชายแดนประจำแต่ละเมือง (Township Border trade Co-ordination Committee) และจะต้องดำเนินธุรกิจตามที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
เมืองที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการค้าชายแดนระบบใหม่ เฉพาะบริเวณติดกับประเทศไทยได้แก่
- Kyaing Tung (เชียงตุง)
- Tachlleik (ท่าขี้เหล็กตรงข้ามแม่สาย)
- Myawadi (เมียวดีตรงข้ามแม่สอด)
- Kawkareik
- Dawei (ทวาย)
- Myeik (มะริด)
- Kaw Thaung (เกาะสองหรือวิคตอเรยพ้อยท์ตรงข้ามระนอง)
ผู้ที่จะดำเนินธุรกิจการค้าชายแดนทั้งสองระบบนี้จะต้องเป็นสมาชิกของหอการค้าในจังหวัดชายแดนนั้น ๆ
6. การดำเนินการตัวแทนธุรกิจ บริษัทต่างชาติสามารถแต่งตั้งบุคคลหรือผู้ประกอบการเป็นตัวแทนธุรกิจในสหภาพพม่าได้ โดยตัวแทนดังกล่าวนี้จะต้องจดทะเบียนกับกระทรวง-พาณิชย์
7. การจัดตั้งบริษัทต่างชาติหรือสำนักงานสาขา บริษัทต่างชาติหรือสำนักงานสาขาของบริษัทต่างชาติทุกบริษัทที่ตั้งในสหภาพพม่า จะต้องยื่นขอใบอนุญาตทำการค้า (Permit to trade) จากกระทรวงวางแผนและพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ก่อนที่จะจดทะเบียนบริษัทกับสำนักงานจดทะเบียน โดยมีการกำหนดเงินทุนที่จะต้องนำเข้ามาในสหภาพพม่าตามลักษณะของธุรกิจ ดังรายละเอียดในหัวข้อเรื่องการขอใบอนุญาตทำการค้า
2. ระบบการนำเข้าส่งออกสินค้า
2.1 ขั้นตอนการนำเข้าส่งออกสินค้า
กระทรวงพาณิชย์ กำหนดให้ผู้ที่มีความประสงค์จะทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าส่งออกสินค้า จะต้องยื่นขอจดทะเบียนเป็นผู้นำเข้าส่งออก ที่สำนักงานทะเบียนนำเข้าส่งออก (Export-Import Registration Office) กรมการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยมีอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน 5,000 จาต สำหรับระยะเวลา 1 ปี และ 10,000 จาต สำหรับระยะเวลา 3 ปี
คุณสมบัติของผู้ที่จะสามารถยื่นขอจดทะเบียนเป็นผู้นำเข้าส่งออก มีดังนี้
1. บุคคลธรรมดาทั้งหลายที่มีสัญชาติพม่า หรือที่แปลงสัญชาติเป็นพม่า (Naturallsed Citizenship)
2. ห้างหุ้นส่วน บริษัททั้งหลายที่จัดตั้งขึ้นในสหภาพพม่า
3. ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทร่วมทุน ทั้งหลายที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายการลงทุนต่างประเทศของสหภาพพม่า
4. สหกรณ์ทั้งหลายที่จดทะเบียนภายใต้กฎหมายสหกรณ์ของสหภาพพม่า ปี 2533
2.2 สิทธิของผู้จดทะเบียนนำเข้าส่งออก
1. สามารถส่งออกสินค้าทุกชนิด ยกเว้น ไม้สัก น้ำมันปิโตรเลียม แก๊สธรรมชาติ ไข่มุก หยก อัญมณี แร่ธรรมชาติ และสินค้าอื่น ๆ ที่ระบุว่าดำเนินการโดยหน่วยงานรัฐวิสาหกิจแต่เพียงผู้เดียว
2. สามารถนำเข้าสินค้าทุกชนิดตามเงื่อนไขของกฎและระเบียบที่ระบุไว้ ยกเว้นสินค้าที่เป็นสินค้าห้ามนำเข้า
3. สามารถจำหน่ายสินค้าในตลาดภายในประเทศได้
4. สามารถยื่นขอหนังสือเดินทางประเภทธุรกิจไปต่างประเทศได้
5. สามารถที่จะรับรองแขกต่างประเทศ เพื่อการเจรจาธุรกิจได้
2.3 การส่งสินค้าออกและค่าธรรมเนียมใบอนุญาต
1. ผู้ส่งออกที่จดทะเบียน ก่อนที่จะส่งสินค้าออก จะต้องได้รับใบอนุญาตส่งออกจากกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีระยะเวลา 6 เดือน โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการออกใบอนุญาตส่งออก
2. ผู้ซื้อในต่างประเทศจะต้องเปิด L/C ที่ Myanmar Investment and Commercial Bank : MICB หรือ Myanmar Foreign Trade Bank : MFTB ผ่านทางธนาคารในต่างประเทศทีเป็นที่ยอมรับ หลังจากนั้น ผู้ซื้อต้องแจ้งชื่อเรือที่จะขนสินค้า
3. แจ้งการท่าเรือสหภาพพม่าให้ทราบว่า สินค้าที่ขนส่งทางเรือจะคิดราคา FOB เป็นเกณฑ์
4. ในกรณีต้องการให้มีการตรวจสอบก่อนการขนส่งสินค้า The Inspection and Agency Service Department จะดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับคุณลักษณะ น้ำหนัก คุณภาพ และการบรรจุภัณฑ์ ของสินค้าที่จะขนส่งทางเรือ
5. รายละเอียดเอกสารเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าทางเรือ เช่น Shipping Bills Freight Bill เป็นต้น จะต้องยื่นต่อธนาคารที่ได้เปิด L/C ไว้
2.4 การนำเข้าสินค้าและค่าธรรมใบอนุญาตนำเข้าสินค้า
1. ก่อนอื่น ผู้นำเข้าที่จดทะเบียน จะต้อบเปิดบัญชีเงินฝากสกุลเงินตราต่างประเทศ ที่ Myanmar Investment and Commercial Bank : MICB หรือ Myanmar Foreign Trade Bank : MFTB เพื่อสำหรับใช้ยื่นขอใบอนุญาตนำเข้าสินค้าจากกระทรวงพาณิชย์
2. แนบสัญญาขาย (Sale Contact) และ Proforma Invoice ซึ่งมีรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับสินค้า บรรจุภัณฑ์ และระยะเวลาการส่งมอบไปด้วย
3. ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตนำเข้าสินค้า กระทรวงพาณิชย์จะคิดในอัตราส่วนของราคานำเข้าที่กำหนด ดังนี้
ราคานำเข้า CIF ณ ท่าเรือย่างกุ้ง
-------------------------------------------------------------------
ราคานำเข้า C.I.F. ท่าเรือย่างกุ้ง ค่าธรรมเนียมนำเข้า
-------------------------------------------------------------------
10,000 จาตแรก 250 จาต
10,000-25,000 จาต 625 จาต
25,001-50,000 จาต 1,250 จาต
50,001-100,000 จาต 2,500 จาต
100,001-200,000 จาต 5,000 จาต
200,001-400,000 จาต 10,000 จาต
400,001-1,000,000 จาต 20,000 จาต
มากกว่า 1,000,001 จาตขึ้นไป 50,000 จาต
------------------------------------------------------------------
ผู้นำเข้าสินค้าจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการนำเข้าภายใน 21 วัน นับจากวันตามที่ระบุไว้ในใบอนุญาตนำเข้า
4. ในกรณีที่ซื้อเป็นราคา FOB ผู้นำเข้าจะต้องทำการประกันภัยสินค้ากับ Myanmar Insurance Company และใช้บริษัท Myanmar Five Star Line เป็นผู้ขนส่งสินค้าเท่านั้น
5. สินค้านำเข้าที่ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมการนำเข้า
5.1 สินค้าที่นำเข้าโดยองค์การที่ดำเนินธุรกิจในสหภาพพม่าภายใต้กฏหมายการลงทุนต่างประเทศของสหภาพพม่า และวัตถุประสงค์การใช้เพื่อธุรกิจคือ
1. เครื่องจักร เครื่องมือ ส่วนประกอบของเครื่องจักร ชิ้นส่วนอะหลั่ย และวัสดุที่ใช้ทางธุรกิจที่มีความจำเป็นต้องใช้สำหรับช่วงการก่อสร้างโดยนำเข้ามาในฐานะทุนของต่างประเทศที่ระบุโดยคณะกรรมการลงทุน สหภาพพม่า (Myanmar Investment Commission : MIC )
2. วัตถุดิบและวัสดุที่ใช้สำหรับการบรรจุผลิตภัณฑ์ (สำหรับช่วง 3 ปีแรกเท่านั้น) ผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์สำหรับใช้ร่วมในการก่อสร้างเพื่อการผลิตและส่งออกให้สมบูรณ์
5.2 สินค้าที่นำเข้าโดยหน่วยงานของรัฐ
1. สินค้าที่นำเข้าเพื่อวัตถุประสงค์ใช้ในราชการ
2. สินค้าทุนที่นำเข้าภายใต้โครงการลงทุนประจำปี
5.3 รถยนต์ใหม่ที่ใช้เพื่อธุรกิจที่นำเข้าโดยระบบขายฝากและขายในประเทศเป็นเงินสกุลแข็งโดยผ่านหน่วยงาน
- Vehicle, Machinery and Equipment Trading
- Inspection and Agency Services Co.
- Myanmar Motor Limited
ให้กับหน่วยงานที่ดำเนินธุรกิจภายใต้การส่งเสริมการลงทุน นอกจากนี้ยังมีสินค้าที่นำเข้าโดยบริษัทน้ำมันที่ดำเนินธุรกิจภายใต้ข้อตกลงร่วมกับ Myanmar Oil and Gas Enterprise และสินค้าที่นำเข้าโดยคณะทูตานุทูตต่างๆ
5.4 ผลิตภัณฑ์ยา และวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตยาที่นำเข้าโดยหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของรัฐหรือภาคเอกชนที่จดทะเบียนเป็นผู้นำเข้าส่งออก เพื่อใช้ในการสนับสนุนและปรับปรุงการสาธารณสุขหรือสวัสดิการของประชาชนที่รับการรักษาทางการแพทย์
5.5 ปุ๋ย เครื่องมือการเกษตร เครื่องจักรการเกษตรและยาฆ่าแมลง ที่ใช้เพื่อการพัฒนาภาคการเกษตร ที่นำเข้าโดยหน่วยงานวิสาหกิจของรัฐ หรือภาคเอกชนที่จดทะเบียนเป็นผู้นำเข้าส่งออก
5.6 สินค้าผ่านแดน
2.6 รูปการนำเข้าสินค้า
เพื่อเป็นการสนับสนุนผู้ที่จดทะเบียนเป็นผู้นำเข้าส่ง นำเข้าสินค้าที่รัฐมีความต้องการเป็นลำดับแรก และเพื่อสนองตอบต่อความต้องการนำเข้าสินค้าที่ผู้นำเข้าประสงค์จะนำเข้า กระทรวงพาณิชย์ได้รายการสินค้านำเข้า โดยแยกออกเป็น
1. รายการสินค้าที่จำเป็น (Priority Items) ได้แก่ เครื่องจักรและอะหลั่ยวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรม ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ยากำจัดวัชชพืช เมล็ดพันธุ์สำหรับการเกษตร (Agricultureal Inputs) อาหารปรุงแต่ง วัสดุก่อสร้าง ยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ผลิตภัณฑ์ยาและอุปกรณ์ผลิตยา เครื่องจักรและวัสดุด้านการประมง วัสดุสำหรับเพาะเลี้ยงปศุสัตว์ เครื่องมือการไฟฟ้า เครื่องมือการคมนาคม เครื่องเขียน ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
2. รายการสินค้าฟุ่มเฟือย (Optional Items) ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม สิ่งทอ ของใช้ส่วนบุคคลของในครัวเรือน เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานพาหนะ และสินค้าเบ็ดเตล็ด
2.6.1 วิธีการนำเข้าสินค้าทั้งสองรายการนี้มีดังนี้
1. นำเข้าโดยเงินที่ได้จากการส่งออก (Import by Export Reten- tlon Money) เมื่อผู้ส่งออกสามารถส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ และมีรายได้จากการขายสินค้า สามารถที่จะนำเงินได้นี้นำเข้าสินค้าได้ โดยมีระเบียบดังนี้
1.1 หากผู้นำเข้า/ส่งออก (ที่จดทะเบียน) ประสงค์จะนำเข้าสิน-ค้าในรายการสินค้าฟุ่มเฟือย จะต้องนำเข้าสินค้าในรายการสินค้าจำเป็น มูลค่าอย่างน้อยร้อยละ 50 ของราคาสินค้านั้น
1.2 หากประสงค์จะนำเข้าสินค้านอกเหนือที่ระบุในรายการสิน-ค้าฟุ่มเฟือยและสินค้าจำเป็น จะต้องนำเข้าสินค้ารายการสินค้าจำเป็น มูลค่าอย่างน้อยร้อยละ 25 ของราคาสินค้านั้น
2. นำเข้าโดยรายได้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศเกิดจากการให้บริการต่าง ๆ (Import by Foreign exchange Income earned by services) รายได้ที่เกิดจากการให้บริการต่าง ๆ เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าแปลหนังสือ เป็นต้น สามารถที่จะนำไปซื้อสินค้าในรายการสินค้าฟุ่มเฟือยได้ ตามเงื่อนไขข้อ 1.1 และ 1.2 หากนำเงินตราต่างประเทศดังกล่าวนี้ตามจำนวนที่กระทรวงการคลัง สหภาพพม่ากำหนดไปแลกเป็นเงินสกุลพื้นเมือง
3. นำเข้าโดยเงินตราต่างประเทศที่ได้รับโอน (Import with Foreign Exchange Received by Account Transfer) ในกรณีที่ชาวพม่ามีเงินโอนจากญาติผู้ที่ประกอบอาชีพในต่างประเทศ เมื่อได้รับเงินโอนแล้ว หากประสงค์ที่จะใช้เงินดังกล่าวนี้นำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย ก็สามารถกระทำได้โดยมีกฎว่า จะต้องเสียภาษีเงินได้ที่เกี่ยวข้องแล้ว และแบ่งสรรให้กับครอบครัวหรือญาติของผู้โอนเงินแล้ว สามารถที่จะนำเงินสกุลต่างประเทศที่เหลือไปแลกเป็นเงินสกุลพื้นเมืองตามจำนวนที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้ เพื่อนำเข้าสินค้าตามเงื่อนไขข้อ 1.1 และ 1.2
4. นำเข้าโดยทุนต่างประเทศที่นำเข้ามาในสหภาพพม่า (Import by Foreign Capital Brought Into myanmar) บริษัทต่างที่นำทุนเข้ามาดำเนินธุรกิจในสหภาพพม่า สามารถที่จะนำเข้าสินค้ารายการสินค้าฟุ่มเฟือยได้ตามเงื่อนไขในข้อ 1.1 และ 1.2 มูลค่าสูงสุดร้อยละ 75 ของจำนวนทุนที่นำเข้ามาในสหภาพพม่า
5. นำเข้าตามระบบนำเข้าก่อนส่งออกหลัง (Import First and Export later System)
5.1 หากนำเข้าสินค้ารายการฟุ่มเฟือย จะต้องนำเข้าสินค้ารายการจำเป็น มูลค่าอย่างต่ำร้อยละ 50 ของราคา C.I.F. สินค้าที่นำเข้าทั้งหมด
5.2 หากนำเข้าสินค้าอื่น ๆ ที่ไม่ได้ระบุในรายการสินค้าฟุ่มเฟือยจะต้องนำเข้าสินค้ารายการสินค้าจำเป็น มูลค่าอย่างต่ำร้อยละ 25 ของราคา C.I.F. สินค้าที่นำเข้าทั้งหมด
2.6.2 เงื่อนไขการนำเข้าสินค้าในรายการสินค้าจำเป็น และรายการสินค้าฟุ่มเฟือย
1. นำเข้ารายการสินค้าฟุ่มเฟือย อนุญาตให้นำเข้าโดยวิธีนำเข้าจากเงินได้ที่ส่งออก นำเข้าตามระบบนำเข้าก่อนส่งออกหลัง และนำเข้าตามระบบฝากขาย โดยมีเงื่อนไขดังนี้
1.1 มูลค่าสูงสุดที่อนุญาตให้นำเข้า ครั้งละไม่เกิน 100,000 เหรียญสหรัฐฯ
1.2 สินค้าจำเป็นจะต้องนำเข้าก่อนภายในระยะเวลา 6 เดือน นับจากวันที่กำหนดในใบอนุญาตนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย
1.3 หากไม่มีการนำเข้ารายการสินค้าจำเป็น ภายหลังจากที่มีการนำเข้ารายการสินค้าฟุ่มเฟือยแล้ว จะไม่มีการพิจารณาอนุญาตให้นำเข้ารายการสินค้าฟุ่มเฟือยครั้งใหม่
1.4 หากนำเข้าโดยระบบนำเข้าก่อนส่งออกหลัง และระบบขายฝากจะอนุญาตให้มีการส่งออกได้ ก็ต่อเมื่อมีการนำเข้ารายการสินค้าฟุ่มเฟือยก่อนแล้ว
1.5 หากไม่สามารถนำเข้ารายการสินค้าจำเป็น หรือมีการกระทำการใด ๆ เพื่อฉ้อโกงหรือหลอกลวงเกี่ยวกับเรื่องนี้ จะมีการพิจารณาถึงขั้นยกเลิกใบจดทะเบียนผู้นำเข้าส่งออก
2. นำเข้ารายการสินค้าฟุ่มเฟือย อนุญาตให้นำเข้าโดยเงินที่ได้จากการส่งออก การนำเข้าตามระบบนำเข้าก่อนส่งออกหลัง การนำเข้าตามระบบขายฝาก โดยมีเงื่อนไขดังนี้
2.1 มูลค่าการนำเข้าจริงของสินค้าในรายการสินค้าจำเป็นจะต้องเท่ากับจำนวนที่กำหนดไว้สำหรับการนำเข้าสินค้าในรายการนี้
2.2 จะต้องมีการนำเข้าสินค้าในรายการสินค้าที่จำเป็นตามที่ระบุไว้ในใบอนุญาตนำเข้า
2.3 การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย จนมูลค่าเท่ากับมูลค่าการนำเข้าสินค้าจำเป็นที่นำเข้าจริง จะใช้พิจารณาสำหรับอนุญาตการนำเข้าโดยเงินที่ได้จากการส่งออกในโอกาสต่อไป
2.4 ถ้าการนำเข้าสินค้าจำเป็นโดยเงินที่ได้จากการส่งออกตามข้อ 2.3 สะสมกันจากใบอนุญาตส่งออก 3-4 ใบ และมีมูลค่าเท่ากับที่กำหนดไว้แล้ว จึงจะพิจารณาอนุญาตการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย
2.5 ในกรณีของสินค้าอื่นที่ไม่ได้ระบุไว้ในรายการทั้งสองนี้ หากมีการนำเข้าสินค้าจำเป็นตามวิธีดังกล่าวข้างต้น ในจำนวนมูลค่า 3 เท่าของจำนวนนำเข้า
3. การขอใบอนุญาตทำการค้า (PERMIT TO TRADE)
ตาม Companies Law ของสหภาพพม่าปี พ.ศ. 2455 มาตรา 27A กำหนดไว้ว่า บริษัทต่างชาติหรือบริษัทที่จัดตั้งขึ้นในสหภาพพม่า ประสงค์ที่จะดำเนินกิจการด้านการค้าต่างประเทศ ก่อนที่จะสามารถดำเนินการได้ จะต้องได้รับใบอนุญาตทำการค้า (Permit to Trade) จากกระทรวงพาณิชย์ สหภาพพม่า ซึ่งรวมไปถึงสาขาของบริษัทต่างประเทศในสหภาพพม่าด้วย นอกจากนี้ ทางการของสหภาพพม่าได้กำหนดประเภทของบริษัทของชาวพม่าที่จะต้องยื่นขอใบอนุญาตทำการค้าไว้ ดังนี้
1. บริษัทของชาวพม่าหรือสาขาที่เปลี่ยนเป็นบริษัทต่างชาติ โดยเหตุที่ (by Virtue of) มีการโอนหุ้นเพียงจำนวน 1 หุ้น ให้แก่ชาวต่างชาติ
2. บริษัทที่ดำเนินกิจการการค้าต่างประเทศ มีนิยามว่า เป็นบริษัทที่มีสาขาหรือสาขาย่อนในต่างประเทศ เพื่อวัตถุประสงค์เพื่อการค้า
1. เอกสารหลักฐานที่ใช้ประกอบการขอใบอนุญาตทำการค้า
การยื่นขอใบอนุญาตทำการค้าจะต้องยื่นที่กระทรวงการค้า ก่อนที่จะยื่นจดทะเบียนบริษัทหรือสาขาบริษัทกับสำนักงานทะเบียนบริษัท (the Companies Regristration Office) ตามแบบฟอร์มที่กำหนดไว้ (เอกสารแนบ 1) พร้อมด้วยหลักฐาน ต่อไปนี้
1. สำเนาหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัท หรือกฎบัตร (Charter) กฎข้อบังคับ (Statue) หรือกฎอื่น ๆ ที่ระบุเกี่ยวกับองค์ประกอบของบริษัท
2. สำเนาบัญชีงบดุลย์ (Balance sheet) และผลกำไรขาดทุนของบริษัท โดยจะต้องเป็นบัญชีในช่วง 2 ปี ก่อนที่จะยื่นคำขอใบอนุญาต
3. จะต้องกรอกแบบสอบถามที่ออกโดยกระทรวงพาณิชย์ ให้ครบถ้วนแนบไปด้วย
4. รายชื่อกิจการของธุรกิจหรือเศรษฐกิจที่ตั้งใจจะเข้าไปดำเนินการในสหภาพพม่า
5. รายการประมาณการค่าใช้จ่ายของบริษัทต่างประเทศหรือสาขาในปีแรกที่จัดตั้งขึ้นใหม่
6. ในกรณีที่บริษัทต่างชาติหรือสาขา ที่มีวัตถุประสงค์ต้องการที่จะดำเนินการเกี่ยวกับการบริการเพื่อประโยชน์หรือใช้หาประโยชน์จากสาธารณชน การพัฒนาหรือใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในสหภาพพม่า จะต้องแนบใบรับรองจากกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับกิจการนั้น
2. การพิจารณาใบขออนุญาตทำการค้า
คณะกรรมการโครงสร้างทุน (Capital Structure Committee) ซึ่งมีอธิบดีกรมการค้า กระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน จะทำหน้าที่พิจารณาคำขอใบอนุญาตทำการค้าในขั้นแรก ก่อนที่จะนำเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์อนุมัติ โดยมีแนวทางการพิจารณา ดังนี้
1. เป็นตามนโยบายและวัตถุประสงค์ทางเศรษฐกิจของประเทศ
2. เป็นการนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ และเพื่อส่งเสริมการส่งออก
3. สอดคล้องกับกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมายการลงทุน ต่างประเทศของสหภาพพม่า
4. สนับสนุนและช่วยการพัฒนาเศรษฐกิจ
5. สนับสนุนและช่วยธุรกิจการนำเข้า-ส่งออก
6. พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและพาณิชยกรรม
7. ก่อให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ คณะกรรมการณ์ ยังทำหน้าที่พิจารณาแนวทางการกำหนดนโยบายและการกำหนดจำนวนเงินทุนที่บริษัทต่างชาตินำเข้ามาในสหภาพพม่าอีกด้วย เนื่องจากเป็นกฎระเบียบของทางการสหภาพพม่า ที่บริษัทต่างชาติหรือสาขาที่ได้รับใบอนุญาตทำการค้า จะต้องนำเงินทุนสกุลที่เป็นที่ยอมรับเข้ามาในสหภาพพม่า โดยฝากไว้ที่ธนาคารเพื่อการค้าต่างประเทศ สหภาพพม่า คณะกรรมการณ์ จะพิจารณากำหนดจำนวนเงินทุนที่ต้องการสำหรับแต่ละธุรกิจของบริษัทต่างชาติหรือสาขาต้องนำเข้ามา ด้วยหลักการความเสมอภาค สมเหตุสมผลและเป็นที่ยอมรับ โดยจะมีหลักเกณฑ์ประกอบด้วย
1. ในกรณีของบริษัทต่างประเทศที่ตั้งขึ้นในสหภาพพม่า จะต้องนำทุนจดทะเบียนและทุนที่ชำระแล้ว (Issued and Paid up capital) เข้ามา
2. ในกรณีที่เป็นสาขาของบริษัทต่างชาติที่ตั้งขึ้นนอกสหภาพพม่า จะต้องนำบัญชีเงินทุนจดทะเบียนของสำนักงานใหญ่ (Head Office Fixed Capital) เข้ามา
3. ระเบียบการจัดหาเงินทุนจะต้องปรับปรุงและจัดทำตามกฎเกณฑ์ ต่อไปนี้
3.1 ในกรณีสาขาบริษัทต่างชาติที่ตั้งขึ้นนอกสหภาพพม่า บัญชีเงินทุนจดทะเบียนของสำนักงานใหญ่จะต้องมีหลักเกณฑ์ ดังนี้
- ตามขอบเขตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดำเนินการอยู่
- ตามระบบการบัญชี
- ตามรูปแบบของการทำสัญญาทางธุรกิจ เช่น ทำสัญญาโดยตรงระหว่างลูกค้าในสหภาพพม่ากับสำนักงานใหญ่ หรือโดยสำนักงานสาขาเป็นต้น
3.2 ในกรณีของบริษัทต่างชาติที่ตั้งขึ้นในสหภาพพม่า ทุนจดทะเบียน และทุนที่ชำระแล้ว จะต้องมีหลักเกณฑ์ ดังนี้
- ตามขอบเขตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดำเนินการอยู่นอกสหภาพพม่า
- ตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในหนังสือบริคณฑ์สนธิของบริษัท
- ตามรูปแบบของการทำสัญญาทางธุรกิจ
4. จำนวนเงินที่ต้องนำเข้ามาในประเทศสหภาพพม่า
จำนวนเงินทุนขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดให้บริษัทต่างชาติและสาขาที่ตั้งขึ้นในสหภาพพม่าจะต้องนำเข้ามาในสหภาพพม่าตามประเภทธุรกิจ ที่เทียบค่ากับเงินจาต ดังนี้
4.1 กิจการที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการค้าและบริการ 1,000,000 จาต
4.2 กิจการที่เกี่ยวกับการค้าและการบริการ 500,000 จาต
4.3 กิจการที่เกี่ยวกับการบริการ 300,000 จาต
5. ระยะเวลาการนำเงินทุนเข้าประเทศสหภาพพม่า
คณะกรรมการฯ ได้กำหนดระยะเวลาที่ต่างชาติจะต้องนำเงินทุนเข้ามาในสหภาพพม่า สำหรับกิจการแต่ละประเภท มีขั้นตอนกำหนดเวลา ดังนี้
5.1 การส่งเงินทุนครั้งแรกเข้ามาอย่างต่ำร้อยละ 50 ของเงินทุนที่กำหนดไว้ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับใบอนุญาตทำการค้า
5.2 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 50 จะต้องส่งเข้ามาภายในเวลา 180 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับใบอนุญาตทำการค้า หากสามารถพิสูจน์ด้วยลายลักษณ์อักษรว่า เงินทุนส่วนนี้ยังไม่เป็นที่ต้องการในกิจการในสหภาพพม่า บริษัทหรือสาขาอาจจะได้รับอนุญาตให้ผัดผ่อนระยะเวลาออกไป แต่ไม่เกิน 12 เดือน นับจากวันที่ได้รับใบอนุญาตทำการค้า
ภายหลังจากที่คณะกรรมการฯ ได้กำหนดและวางเงื่อนไขเกี่ยวกับจำนวนเงินทุนที่ต้องส่งเข้ามาในแต่ละกิจการแล้ว ก็จะนำความคิดเห็นเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พิจารณาเพื่ออนุมัติใบอนุญาตทำการค้าต่อไป
6. ระยะเวลาบังคับใช้ใบอนุญาตทำการค้า
โดยปกติทั่วไปใบอนุญาตทำการค้ามีระยะเวลาบังคับใช้เพียง 1 ปี นับจากวันที่ออกใบอนุญาต แต่สามารถที่จะขอต่ออายุออกไปได้ปีต่อปี
7. การต่ออายุใบอนุญาตทำการค้า
การขอต่ออายุใบอนุญาตทำการค้าจะต้องยื่นใบขออนุมัติต่อกระทรวงการค้าภายใน 30 วัน ก่อนที่ใบอนุญาตฯ จะหมดอายุลง โดยขั้นตอนในการขอต่อใบอนุญาตฯ จะดำเนินการเช่นเดียวกับการขอใบอนุญาตฯ ใหม่ตามข้างต้นนี้ แต่มีสิ่งต้องเพิ่มเติมดังนี้
1. ในกรณีของสาขาบริษัทต่างชาติ ซึ่งสมุดบัญชีคงเป็นระบบบัญชีเงินสด ใบยื่นขอต่อใบอนุญาตทำการค้าจะต้องแนบบัญชียอดขายในสหภาพพม่ารวมประจำปี ทั้งขายโดยสำนักงานใหญ่หรือสาขา บัญชียอดขายทั่วไป รายงานประจำปีและรายงานสถานะการเงินของสำนักงานใหญ่ด้วย
2. หลักฐานทางเอกสารที่แนบ จะต้องประกอบด้วยการจ่ายภาษี การคืนภาษีที่ค้างประเมิน และการจ่ายภาษีล่วงหน้าของปีประเมินภาษีล่าสุด ตามกฎหมายภาษีของสหภาพพม่าด้วยกำไรของธุรกิจ แต่ไม่รวมภาษีเงินได้หรือภาษีอื่นที่เกี่ยวกับการนำเข้าเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ
3. หากมีการเปลี่ยนแปลงหรือสลับหนังสือบริคณฑ์สนธิ จะต้องแจ้งไปด้วย
4. คำรับรองว่าได้ปฎิบัติตามเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ได้รับอนุญาตในใบอนุญาตทำการค้าครั้งที่แล้ว
5. ใบรับรองทุนที่จดทะเบียนและทุนที่ชำระแล้ว หรือบัญชีทุนของสำนักงานใหญ่ตามเงื่อนไขของกระทรวงพาณิชย์
6. งบดุลในสหภาพพม่า บัญชีกำไรขาดทุนในช่วงสองปีล่าสุด ที่ผ่านการตรวจสอบจากนักบัญชีที่ได้รับอนุญาต หรือคำรับรองของสำนักงานบัญชีตามที่กำหนดไว้ในบริษัทของสหภาพพม่า
7. การยกเลิกหรือการระงับใบอนุญาตทำการค้า
ใบอนุญาตทำการค้าอาจจะถูกยกเลิกหรือระงับเมื่อใดก็ได้ หากสาขาบริษัทต่างชาติ บริษัทต่างชาติ เจ้าหน้าที่หรือตัวแทนกระทำการดังต่อไปนี้
1. ทำความผิดภายใต้กฎหมายภาษีของสหภาพพม่า
2. ทำความผิดภายใต้กฎหมายว่าด้วยการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ พ.ศ.2480
3. ทำความผิดภายใต้กฎหมายศุลกากร
4. ทำความผิดใด ๆ ที่บริษัทจะต้องรับผิดชอบในการลงโทษตามกฎหมายต่าง ๆ ที่ใช้บังคับในเวลานั้น
5. ฝ่าฝืนเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ระบุไว้ในใบอนุญาต
8. การยกเลิก
บริษัททุกบริษัทที่ประสงค์จะยกเลิกกิจการ จะต้องยื่นเรื่องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และแจ้งการยกเลิกกับนายทะเบียนภายใน 1 เดือนหลังจากวันที่เริ่มเลิกกิจการ หรือปิดสาขา ที่มา : สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงย่างกุ้ง
--ข่าวเศรษฐกิจ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่5 / 15 มีนาคม 2540--
ระบบการทำธุรกิจการค้าที่นิยมแพร่หลายในสหภาพพม่า มีดังนี้
1. การค้าปกติ (Normal Trade) เป็นการติดต่อทำธุรกิจค้าขายโดยการทำสัญญาซื้อขายและการเปิด L/C ตามปกติ
2. การค้าต่างตอบแทน (Counter Trade) เป็นการซื้อขายสินค้าตอบแทนตามเงื่อนไขมูลค่าสินค้าที่ระบุใน L/C กับหน่วยงานธุรกิจทั่วไปในสหภาพพม่า
3. การค้าแบบขายฝาก (Sales on Consignment basls) เป็นการค้าในรูปของการที่บริษัทต่างชาติสามารถส่งสินค้าของตนให้กับเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจในสหภาพพม่าเพื่อการฝากขาย โดยสามารถได้ทั้งในรูปเงินตราต่างประเทศและเงินสกุลท้องถิ่น
ในกระณีขายเป็นเงินตราต่างประเทศ รายได้ที่เกิดจากการขายสินค้า จะต้องหักค่านายหน้าให้แก่ผู้รับฝากขาย อย่างน้อยที่สุดร้อยละ 5 และต้องจ่ายภาษีเงินได้แก่รัฐบาลเรียบร้อยแล้ว จึงจะสามารถส่งเงินที่เหลือกลับประเทศได้
ในกรณีขายเป็นเงินสกุลท้องถิ่น จะต้องนำเงินที่ได้จากการขายมาซื้อสินค้าในสหภาพพม่าเพื่อส่งออก ในมูลค่าการส่งออก FOB เท่ากับราคา CIF ของการนำเข้าสินค้ามาขายในสหภาพพม่าบวกอีกร้อยละ 20
4. การค้าแบบนำเข้าก่อนส่งออกหลัง (Import First and Export Later System) โดยบริษัทต่างชาติ สามารถที่จะส่งสินค้าของตนให้แก่บริษัทลูกค้าในสหภาพพม่าโดยหลักเกณฑ์นำเข้าก่อนเพื่อนำมาขาย แล้วบริษัทพม่าผู้นำเข้าสินค้าจึงค่อยส่งสินค้าจากสหภาพพม่าออกไปขาย ในมูลค่าราคาที่นำเข้าสินค้า (CIF) บวกอีกร้อยละ 10
5. การค้าชายแดนระบบเดิม ผู้ที่ประสงค์จะดำเนินการค้าตามระบบนี้จะต้องจดทะเบียนเป็นผู้ทำธุรกิจนำเข้าส่งออก และได้รับใบอนุญาตนำเข้าส่งออก (มีอายุเพียง 6 เดือน) ที่สำนักงานการค้าชายแดน (Border Trade Office) ของเมืองต่าง ๆ บริเวณชายแดน หรือในส่วนกลางที่กรมการค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่ใดที่หนึ่ง เพื่อดำเนินธุรกิจการค้าชายแดนระบบเดิมที่กำหนดไว้ที่เมือง Lashlo, Kawkarelk, Dawei (ทวาย), Myeik (มะริด), Myltkylna, Bammaw, Kyaing Tung (เชียงตุง), Tachlleik (ท่าขี้เหล็ก), Kawthoung (เกาะสอง), Maungtaw, Tamu
การค้าชายแดนระบบใหม่ ผู้ที่จะทำธุรกิจการค้าชายแดนระบบใหม่จะต้องยื่นจดทะเบียนขออนุญาตนำเข้าส่งออก ซึ่งมีระยะเวลาเพียง 6 เดือนเช่นกัน ตามเงื่อนไขที่กำหนดโดยคณะกรรมการประสานงานการค้าชายแดนประจำแต่ละเมือง (Township Border trade Co-ordination Committee) และจะต้องดำเนินธุรกิจตามที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
เมืองที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการค้าชายแดนระบบใหม่ เฉพาะบริเวณติดกับประเทศไทยได้แก่
- Kyaing Tung (เชียงตุง)
- Tachlleik (ท่าขี้เหล็กตรงข้ามแม่สาย)
- Myawadi (เมียวดีตรงข้ามแม่สอด)
- Kawkareik
- Dawei (ทวาย)
- Myeik (มะริด)
- Kaw Thaung (เกาะสองหรือวิคตอเรยพ้อยท์ตรงข้ามระนอง)
ผู้ที่จะดำเนินธุรกิจการค้าชายแดนทั้งสองระบบนี้จะต้องเป็นสมาชิกของหอการค้าในจังหวัดชายแดนนั้น ๆ
6. การดำเนินการตัวแทนธุรกิจ บริษัทต่างชาติสามารถแต่งตั้งบุคคลหรือผู้ประกอบการเป็นตัวแทนธุรกิจในสหภาพพม่าได้ โดยตัวแทนดังกล่าวนี้จะต้องจดทะเบียนกับกระทรวง-พาณิชย์
7. การจัดตั้งบริษัทต่างชาติหรือสำนักงานสาขา บริษัทต่างชาติหรือสำนักงานสาขาของบริษัทต่างชาติทุกบริษัทที่ตั้งในสหภาพพม่า จะต้องยื่นขอใบอนุญาตทำการค้า (Permit to trade) จากกระทรวงวางแผนและพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ก่อนที่จะจดทะเบียนบริษัทกับสำนักงานจดทะเบียน โดยมีการกำหนดเงินทุนที่จะต้องนำเข้ามาในสหภาพพม่าตามลักษณะของธุรกิจ ดังรายละเอียดในหัวข้อเรื่องการขอใบอนุญาตทำการค้า
2. ระบบการนำเข้าส่งออกสินค้า
2.1 ขั้นตอนการนำเข้าส่งออกสินค้า
กระทรวงพาณิชย์ กำหนดให้ผู้ที่มีความประสงค์จะทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าส่งออกสินค้า จะต้องยื่นขอจดทะเบียนเป็นผู้นำเข้าส่งออก ที่สำนักงานทะเบียนนำเข้าส่งออก (Export-Import Registration Office) กรมการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยมีอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน 5,000 จาต สำหรับระยะเวลา 1 ปี และ 10,000 จาต สำหรับระยะเวลา 3 ปี
คุณสมบัติของผู้ที่จะสามารถยื่นขอจดทะเบียนเป็นผู้นำเข้าส่งออก มีดังนี้
1. บุคคลธรรมดาทั้งหลายที่มีสัญชาติพม่า หรือที่แปลงสัญชาติเป็นพม่า (Naturallsed Citizenship)
2. ห้างหุ้นส่วน บริษัททั้งหลายที่จัดตั้งขึ้นในสหภาพพม่า
3. ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทร่วมทุน ทั้งหลายที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายการลงทุนต่างประเทศของสหภาพพม่า
4. สหกรณ์ทั้งหลายที่จดทะเบียนภายใต้กฎหมายสหกรณ์ของสหภาพพม่า ปี 2533
2.2 สิทธิของผู้จดทะเบียนนำเข้าส่งออก
1. สามารถส่งออกสินค้าทุกชนิด ยกเว้น ไม้สัก น้ำมันปิโตรเลียม แก๊สธรรมชาติ ไข่มุก หยก อัญมณี แร่ธรรมชาติ และสินค้าอื่น ๆ ที่ระบุว่าดำเนินการโดยหน่วยงานรัฐวิสาหกิจแต่เพียงผู้เดียว
2. สามารถนำเข้าสินค้าทุกชนิดตามเงื่อนไขของกฎและระเบียบที่ระบุไว้ ยกเว้นสินค้าที่เป็นสินค้าห้ามนำเข้า
3. สามารถจำหน่ายสินค้าในตลาดภายในประเทศได้
4. สามารถยื่นขอหนังสือเดินทางประเภทธุรกิจไปต่างประเทศได้
5. สามารถที่จะรับรองแขกต่างประเทศ เพื่อการเจรจาธุรกิจได้
2.3 การส่งสินค้าออกและค่าธรรมเนียมใบอนุญาต
1. ผู้ส่งออกที่จดทะเบียน ก่อนที่จะส่งสินค้าออก จะต้องได้รับใบอนุญาตส่งออกจากกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีระยะเวลา 6 เดือน โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการออกใบอนุญาตส่งออก
2. ผู้ซื้อในต่างประเทศจะต้องเปิด L/C ที่ Myanmar Investment and Commercial Bank : MICB หรือ Myanmar Foreign Trade Bank : MFTB ผ่านทางธนาคารในต่างประเทศทีเป็นที่ยอมรับ หลังจากนั้น ผู้ซื้อต้องแจ้งชื่อเรือที่จะขนสินค้า
3. แจ้งการท่าเรือสหภาพพม่าให้ทราบว่า สินค้าที่ขนส่งทางเรือจะคิดราคา FOB เป็นเกณฑ์
4. ในกรณีต้องการให้มีการตรวจสอบก่อนการขนส่งสินค้า The Inspection and Agency Service Department จะดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับคุณลักษณะ น้ำหนัก คุณภาพ และการบรรจุภัณฑ์ ของสินค้าที่จะขนส่งทางเรือ
5. รายละเอียดเอกสารเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าทางเรือ เช่น Shipping Bills Freight Bill เป็นต้น จะต้องยื่นต่อธนาคารที่ได้เปิด L/C ไว้
2.4 การนำเข้าสินค้าและค่าธรรมใบอนุญาตนำเข้าสินค้า
1. ก่อนอื่น ผู้นำเข้าที่จดทะเบียน จะต้อบเปิดบัญชีเงินฝากสกุลเงินตราต่างประเทศ ที่ Myanmar Investment and Commercial Bank : MICB หรือ Myanmar Foreign Trade Bank : MFTB เพื่อสำหรับใช้ยื่นขอใบอนุญาตนำเข้าสินค้าจากกระทรวงพาณิชย์
2. แนบสัญญาขาย (Sale Contact) และ Proforma Invoice ซึ่งมีรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับสินค้า บรรจุภัณฑ์ และระยะเวลาการส่งมอบไปด้วย
3. ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตนำเข้าสินค้า กระทรวงพาณิชย์จะคิดในอัตราส่วนของราคานำเข้าที่กำหนด ดังนี้
ราคานำเข้า CIF ณ ท่าเรือย่างกุ้ง
-------------------------------------------------------------------
ราคานำเข้า C.I.F. ท่าเรือย่างกุ้ง ค่าธรรมเนียมนำเข้า
-------------------------------------------------------------------
10,000 จาตแรก 250 จาต
10,000-25,000 จาต 625 จาต
25,001-50,000 จาต 1,250 จาต
50,001-100,000 จาต 2,500 จาต
100,001-200,000 จาต 5,000 จาต
200,001-400,000 จาต 10,000 จาต
400,001-1,000,000 จาต 20,000 จาต
มากกว่า 1,000,001 จาตขึ้นไป 50,000 จาต
------------------------------------------------------------------
ผู้นำเข้าสินค้าจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการนำเข้าภายใน 21 วัน นับจากวันตามที่ระบุไว้ในใบอนุญาตนำเข้า
4. ในกรณีที่ซื้อเป็นราคา FOB ผู้นำเข้าจะต้องทำการประกันภัยสินค้ากับ Myanmar Insurance Company และใช้บริษัท Myanmar Five Star Line เป็นผู้ขนส่งสินค้าเท่านั้น
5. สินค้านำเข้าที่ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมการนำเข้า
5.1 สินค้าที่นำเข้าโดยองค์การที่ดำเนินธุรกิจในสหภาพพม่าภายใต้กฏหมายการลงทุนต่างประเทศของสหภาพพม่า และวัตถุประสงค์การใช้เพื่อธุรกิจคือ
1. เครื่องจักร เครื่องมือ ส่วนประกอบของเครื่องจักร ชิ้นส่วนอะหลั่ย และวัสดุที่ใช้ทางธุรกิจที่มีความจำเป็นต้องใช้สำหรับช่วงการก่อสร้างโดยนำเข้ามาในฐานะทุนของต่างประเทศที่ระบุโดยคณะกรรมการลงทุน สหภาพพม่า (Myanmar Investment Commission : MIC )
2. วัตถุดิบและวัสดุที่ใช้สำหรับการบรรจุผลิตภัณฑ์ (สำหรับช่วง 3 ปีแรกเท่านั้น) ผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์สำหรับใช้ร่วมในการก่อสร้างเพื่อการผลิตและส่งออกให้สมบูรณ์
5.2 สินค้าที่นำเข้าโดยหน่วยงานของรัฐ
1. สินค้าที่นำเข้าเพื่อวัตถุประสงค์ใช้ในราชการ
2. สินค้าทุนที่นำเข้าภายใต้โครงการลงทุนประจำปี
5.3 รถยนต์ใหม่ที่ใช้เพื่อธุรกิจที่นำเข้าโดยระบบขายฝากและขายในประเทศเป็นเงินสกุลแข็งโดยผ่านหน่วยงาน
- Vehicle, Machinery and Equipment Trading
- Inspection and Agency Services Co.
- Myanmar Motor Limited
ให้กับหน่วยงานที่ดำเนินธุรกิจภายใต้การส่งเสริมการลงทุน นอกจากนี้ยังมีสินค้าที่นำเข้าโดยบริษัทน้ำมันที่ดำเนินธุรกิจภายใต้ข้อตกลงร่วมกับ Myanmar Oil and Gas Enterprise และสินค้าที่นำเข้าโดยคณะทูตานุทูตต่างๆ
5.4 ผลิตภัณฑ์ยา และวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตยาที่นำเข้าโดยหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของรัฐหรือภาคเอกชนที่จดทะเบียนเป็นผู้นำเข้าส่งออก เพื่อใช้ในการสนับสนุนและปรับปรุงการสาธารณสุขหรือสวัสดิการของประชาชนที่รับการรักษาทางการแพทย์
5.5 ปุ๋ย เครื่องมือการเกษตร เครื่องจักรการเกษตรและยาฆ่าแมลง ที่ใช้เพื่อการพัฒนาภาคการเกษตร ที่นำเข้าโดยหน่วยงานวิสาหกิจของรัฐ หรือภาคเอกชนที่จดทะเบียนเป็นผู้นำเข้าส่งออก
5.6 สินค้าผ่านแดน
2.6 รูปการนำเข้าสินค้า
เพื่อเป็นการสนับสนุนผู้ที่จดทะเบียนเป็นผู้นำเข้าส่ง นำเข้าสินค้าที่รัฐมีความต้องการเป็นลำดับแรก และเพื่อสนองตอบต่อความต้องการนำเข้าสินค้าที่ผู้นำเข้าประสงค์จะนำเข้า กระทรวงพาณิชย์ได้รายการสินค้านำเข้า โดยแยกออกเป็น
1. รายการสินค้าที่จำเป็น (Priority Items) ได้แก่ เครื่องจักรและอะหลั่ยวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรม ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ยากำจัดวัชชพืช เมล็ดพันธุ์สำหรับการเกษตร (Agricultureal Inputs) อาหารปรุงแต่ง วัสดุก่อสร้าง ยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ผลิตภัณฑ์ยาและอุปกรณ์ผลิตยา เครื่องจักรและวัสดุด้านการประมง วัสดุสำหรับเพาะเลี้ยงปศุสัตว์ เครื่องมือการไฟฟ้า เครื่องมือการคมนาคม เครื่องเขียน ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
2. รายการสินค้าฟุ่มเฟือย (Optional Items) ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม สิ่งทอ ของใช้ส่วนบุคคลของในครัวเรือน เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานพาหนะ และสินค้าเบ็ดเตล็ด
2.6.1 วิธีการนำเข้าสินค้าทั้งสองรายการนี้มีดังนี้
1. นำเข้าโดยเงินที่ได้จากการส่งออก (Import by Export Reten- tlon Money) เมื่อผู้ส่งออกสามารถส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ และมีรายได้จากการขายสินค้า สามารถที่จะนำเงินได้นี้นำเข้าสินค้าได้ โดยมีระเบียบดังนี้
1.1 หากผู้นำเข้า/ส่งออก (ที่จดทะเบียน) ประสงค์จะนำเข้าสิน-ค้าในรายการสินค้าฟุ่มเฟือย จะต้องนำเข้าสินค้าในรายการสินค้าจำเป็น มูลค่าอย่างน้อยร้อยละ 50 ของราคาสินค้านั้น
1.2 หากประสงค์จะนำเข้าสินค้านอกเหนือที่ระบุในรายการสิน-ค้าฟุ่มเฟือยและสินค้าจำเป็น จะต้องนำเข้าสินค้ารายการสินค้าจำเป็น มูลค่าอย่างน้อยร้อยละ 25 ของราคาสินค้านั้น
2. นำเข้าโดยรายได้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศเกิดจากการให้บริการต่าง ๆ (Import by Foreign exchange Income earned by services) รายได้ที่เกิดจากการให้บริการต่าง ๆ เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าแปลหนังสือ เป็นต้น สามารถที่จะนำไปซื้อสินค้าในรายการสินค้าฟุ่มเฟือยได้ ตามเงื่อนไขข้อ 1.1 และ 1.2 หากนำเงินตราต่างประเทศดังกล่าวนี้ตามจำนวนที่กระทรวงการคลัง สหภาพพม่ากำหนดไปแลกเป็นเงินสกุลพื้นเมือง
3. นำเข้าโดยเงินตราต่างประเทศที่ได้รับโอน (Import with Foreign Exchange Received by Account Transfer) ในกรณีที่ชาวพม่ามีเงินโอนจากญาติผู้ที่ประกอบอาชีพในต่างประเทศ เมื่อได้รับเงินโอนแล้ว หากประสงค์ที่จะใช้เงินดังกล่าวนี้นำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย ก็สามารถกระทำได้โดยมีกฎว่า จะต้องเสียภาษีเงินได้ที่เกี่ยวข้องแล้ว และแบ่งสรรให้กับครอบครัวหรือญาติของผู้โอนเงินแล้ว สามารถที่จะนำเงินสกุลต่างประเทศที่เหลือไปแลกเป็นเงินสกุลพื้นเมืองตามจำนวนที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้ เพื่อนำเข้าสินค้าตามเงื่อนไขข้อ 1.1 และ 1.2
4. นำเข้าโดยทุนต่างประเทศที่นำเข้ามาในสหภาพพม่า (Import by Foreign Capital Brought Into myanmar) บริษัทต่างที่นำทุนเข้ามาดำเนินธุรกิจในสหภาพพม่า สามารถที่จะนำเข้าสินค้ารายการสินค้าฟุ่มเฟือยได้ตามเงื่อนไขในข้อ 1.1 และ 1.2 มูลค่าสูงสุดร้อยละ 75 ของจำนวนทุนที่นำเข้ามาในสหภาพพม่า
5. นำเข้าตามระบบนำเข้าก่อนส่งออกหลัง (Import First and Export later System)
5.1 หากนำเข้าสินค้ารายการฟุ่มเฟือย จะต้องนำเข้าสินค้ารายการจำเป็น มูลค่าอย่างต่ำร้อยละ 50 ของราคา C.I.F. สินค้าที่นำเข้าทั้งหมด
5.2 หากนำเข้าสินค้าอื่น ๆ ที่ไม่ได้ระบุในรายการสินค้าฟุ่มเฟือยจะต้องนำเข้าสินค้ารายการสินค้าจำเป็น มูลค่าอย่างต่ำร้อยละ 25 ของราคา C.I.F. สินค้าที่นำเข้าทั้งหมด
2.6.2 เงื่อนไขการนำเข้าสินค้าในรายการสินค้าจำเป็น และรายการสินค้าฟุ่มเฟือย
1. นำเข้ารายการสินค้าฟุ่มเฟือย อนุญาตให้นำเข้าโดยวิธีนำเข้าจากเงินได้ที่ส่งออก นำเข้าตามระบบนำเข้าก่อนส่งออกหลัง และนำเข้าตามระบบฝากขาย โดยมีเงื่อนไขดังนี้
1.1 มูลค่าสูงสุดที่อนุญาตให้นำเข้า ครั้งละไม่เกิน 100,000 เหรียญสหรัฐฯ
1.2 สินค้าจำเป็นจะต้องนำเข้าก่อนภายในระยะเวลา 6 เดือน นับจากวันที่กำหนดในใบอนุญาตนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย
1.3 หากไม่มีการนำเข้ารายการสินค้าจำเป็น ภายหลังจากที่มีการนำเข้ารายการสินค้าฟุ่มเฟือยแล้ว จะไม่มีการพิจารณาอนุญาตให้นำเข้ารายการสินค้าฟุ่มเฟือยครั้งใหม่
1.4 หากนำเข้าโดยระบบนำเข้าก่อนส่งออกหลัง และระบบขายฝากจะอนุญาตให้มีการส่งออกได้ ก็ต่อเมื่อมีการนำเข้ารายการสินค้าฟุ่มเฟือยก่อนแล้ว
1.5 หากไม่สามารถนำเข้ารายการสินค้าจำเป็น หรือมีการกระทำการใด ๆ เพื่อฉ้อโกงหรือหลอกลวงเกี่ยวกับเรื่องนี้ จะมีการพิจารณาถึงขั้นยกเลิกใบจดทะเบียนผู้นำเข้าส่งออก
2. นำเข้ารายการสินค้าฟุ่มเฟือย อนุญาตให้นำเข้าโดยเงินที่ได้จากการส่งออก การนำเข้าตามระบบนำเข้าก่อนส่งออกหลัง การนำเข้าตามระบบขายฝาก โดยมีเงื่อนไขดังนี้
2.1 มูลค่าการนำเข้าจริงของสินค้าในรายการสินค้าจำเป็นจะต้องเท่ากับจำนวนที่กำหนดไว้สำหรับการนำเข้าสินค้าในรายการนี้
2.2 จะต้องมีการนำเข้าสินค้าในรายการสินค้าที่จำเป็นตามที่ระบุไว้ในใบอนุญาตนำเข้า
2.3 การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย จนมูลค่าเท่ากับมูลค่าการนำเข้าสินค้าจำเป็นที่นำเข้าจริง จะใช้พิจารณาสำหรับอนุญาตการนำเข้าโดยเงินที่ได้จากการส่งออกในโอกาสต่อไป
2.4 ถ้าการนำเข้าสินค้าจำเป็นโดยเงินที่ได้จากการส่งออกตามข้อ 2.3 สะสมกันจากใบอนุญาตส่งออก 3-4 ใบ และมีมูลค่าเท่ากับที่กำหนดไว้แล้ว จึงจะพิจารณาอนุญาตการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย
2.5 ในกรณีของสินค้าอื่นที่ไม่ได้ระบุไว้ในรายการทั้งสองนี้ หากมีการนำเข้าสินค้าจำเป็นตามวิธีดังกล่าวข้างต้น ในจำนวนมูลค่า 3 เท่าของจำนวนนำเข้า
3. การขอใบอนุญาตทำการค้า (PERMIT TO TRADE)
ตาม Companies Law ของสหภาพพม่าปี พ.ศ. 2455 มาตรา 27A กำหนดไว้ว่า บริษัทต่างชาติหรือบริษัทที่จัดตั้งขึ้นในสหภาพพม่า ประสงค์ที่จะดำเนินกิจการด้านการค้าต่างประเทศ ก่อนที่จะสามารถดำเนินการได้ จะต้องได้รับใบอนุญาตทำการค้า (Permit to Trade) จากกระทรวงพาณิชย์ สหภาพพม่า ซึ่งรวมไปถึงสาขาของบริษัทต่างประเทศในสหภาพพม่าด้วย นอกจากนี้ ทางการของสหภาพพม่าได้กำหนดประเภทของบริษัทของชาวพม่าที่จะต้องยื่นขอใบอนุญาตทำการค้าไว้ ดังนี้
1. บริษัทของชาวพม่าหรือสาขาที่เปลี่ยนเป็นบริษัทต่างชาติ โดยเหตุที่ (by Virtue of) มีการโอนหุ้นเพียงจำนวน 1 หุ้น ให้แก่ชาวต่างชาติ
2. บริษัทที่ดำเนินกิจการการค้าต่างประเทศ มีนิยามว่า เป็นบริษัทที่มีสาขาหรือสาขาย่อนในต่างประเทศ เพื่อวัตถุประสงค์เพื่อการค้า
1. เอกสารหลักฐานที่ใช้ประกอบการขอใบอนุญาตทำการค้า
การยื่นขอใบอนุญาตทำการค้าจะต้องยื่นที่กระทรวงการค้า ก่อนที่จะยื่นจดทะเบียนบริษัทหรือสาขาบริษัทกับสำนักงานทะเบียนบริษัท (the Companies Regristration Office) ตามแบบฟอร์มที่กำหนดไว้ (เอกสารแนบ 1) พร้อมด้วยหลักฐาน ต่อไปนี้
1. สำเนาหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัท หรือกฎบัตร (Charter) กฎข้อบังคับ (Statue) หรือกฎอื่น ๆ ที่ระบุเกี่ยวกับองค์ประกอบของบริษัท
2. สำเนาบัญชีงบดุลย์ (Balance sheet) และผลกำไรขาดทุนของบริษัท โดยจะต้องเป็นบัญชีในช่วง 2 ปี ก่อนที่จะยื่นคำขอใบอนุญาต
3. จะต้องกรอกแบบสอบถามที่ออกโดยกระทรวงพาณิชย์ ให้ครบถ้วนแนบไปด้วย
4. รายชื่อกิจการของธุรกิจหรือเศรษฐกิจที่ตั้งใจจะเข้าไปดำเนินการในสหภาพพม่า
5. รายการประมาณการค่าใช้จ่ายของบริษัทต่างประเทศหรือสาขาในปีแรกที่จัดตั้งขึ้นใหม่
6. ในกรณีที่บริษัทต่างชาติหรือสาขา ที่มีวัตถุประสงค์ต้องการที่จะดำเนินการเกี่ยวกับการบริการเพื่อประโยชน์หรือใช้หาประโยชน์จากสาธารณชน การพัฒนาหรือใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในสหภาพพม่า จะต้องแนบใบรับรองจากกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับกิจการนั้น
2. การพิจารณาใบขออนุญาตทำการค้า
คณะกรรมการโครงสร้างทุน (Capital Structure Committee) ซึ่งมีอธิบดีกรมการค้า กระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน จะทำหน้าที่พิจารณาคำขอใบอนุญาตทำการค้าในขั้นแรก ก่อนที่จะนำเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์อนุมัติ โดยมีแนวทางการพิจารณา ดังนี้
1. เป็นตามนโยบายและวัตถุประสงค์ทางเศรษฐกิจของประเทศ
2. เป็นการนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ และเพื่อส่งเสริมการส่งออก
3. สอดคล้องกับกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมายการลงทุน ต่างประเทศของสหภาพพม่า
4. สนับสนุนและช่วยการพัฒนาเศรษฐกิจ
5. สนับสนุนและช่วยธุรกิจการนำเข้า-ส่งออก
6. พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและพาณิชยกรรม
7. ก่อให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ คณะกรรมการณ์ ยังทำหน้าที่พิจารณาแนวทางการกำหนดนโยบายและการกำหนดจำนวนเงินทุนที่บริษัทต่างชาตินำเข้ามาในสหภาพพม่าอีกด้วย เนื่องจากเป็นกฎระเบียบของทางการสหภาพพม่า ที่บริษัทต่างชาติหรือสาขาที่ได้รับใบอนุญาตทำการค้า จะต้องนำเงินทุนสกุลที่เป็นที่ยอมรับเข้ามาในสหภาพพม่า โดยฝากไว้ที่ธนาคารเพื่อการค้าต่างประเทศ สหภาพพม่า คณะกรรมการณ์ จะพิจารณากำหนดจำนวนเงินทุนที่ต้องการสำหรับแต่ละธุรกิจของบริษัทต่างชาติหรือสาขาต้องนำเข้ามา ด้วยหลักการความเสมอภาค สมเหตุสมผลและเป็นที่ยอมรับ โดยจะมีหลักเกณฑ์ประกอบด้วย
1. ในกรณีของบริษัทต่างประเทศที่ตั้งขึ้นในสหภาพพม่า จะต้องนำทุนจดทะเบียนและทุนที่ชำระแล้ว (Issued and Paid up capital) เข้ามา
2. ในกรณีที่เป็นสาขาของบริษัทต่างชาติที่ตั้งขึ้นนอกสหภาพพม่า จะต้องนำบัญชีเงินทุนจดทะเบียนของสำนักงานใหญ่ (Head Office Fixed Capital) เข้ามา
3. ระเบียบการจัดหาเงินทุนจะต้องปรับปรุงและจัดทำตามกฎเกณฑ์ ต่อไปนี้
3.1 ในกรณีสาขาบริษัทต่างชาติที่ตั้งขึ้นนอกสหภาพพม่า บัญชีเงินทุนจดทะเบียนของสำนักงานใหญ่จะต้องมีหลักเกณฑ์ ดังนี้
- ตามขอบเขตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดำเนินการอยู่
- ตามระบบการบัญชี
- ตามรูปแบบของการทำสัญญาทางธุรกิจ เช่น ทำสัญญาโดยตรงระหว่างลูกค้าในสหภาพพม่ากับสำนักงานใหญ่ หรือโดยสำนักงานสาขาเป็นต้น
3.2 ในกรณีของบริษัทต่างชาติที่ตั้งขึ้นในสหภาพพม่า ทุนจดทะเบียน และทุนที่ชำระแล้ว จะต้องมีหลักเกณฑ์ ดังนี้
- ตามขอบเขตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดำเนินการอยู่นอกสหภาพพม่า
- ตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในหนังสือบริคณฑ์สนธิของบริษัท
- ตามรูปแบบของการทำสัญญาทางธุรกิจ
4. จำนวนเงินที่ต้องนำเข้ามาในประเทศสหภาพพม่า
จำนวนเงินทุนขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดให้บริษัทต่างชาติและสาขาที่ตั้งขึ้นในสหภาพพม่าจะต้องนำเข้ามาในสหภาพพม่าตามประเภทธุรกิจ ที่เทียบค่ากับเงินจาต ดังนี้
4.1 กิจการที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการค้าและบริการ 1,000,000 จาต
4.2 กิจการที่เกี่ยวกับการค้าและการบริการ 500,000 จาต
4.3 กิจการที่เกี่ยวกับการบริการ 300,000 จาต
5. ระยะเวลาการนำเงินทุนเข้าประเทศสหภาพพม่า
คณะกรรมการฯ ได้กำหนดระยะเวลาที่ต่างชาติจะต้องนำเงินทุนเข้ามาในสหภาพพม่า สำหรับกิจการแต่ละประเภท มีขั้นตอนกำหนดเวลา ดังนี้
5.1 การส่งเงินทุนครั้งแรกเข้ามาอย่างต่ำร้อยละ 50 ของเงินทุนที่กำหนดไว้ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับใบอนุญาตทำการค้า
5.2 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 50 จะต้องส่งเข้ามาภายในเวลา 180 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับใบอนุญาตทำการค้า หากสามารถพิสูจน์ด้วยลายลักษณ์อักษรว่า เงินทุนส่วนนี้ยังไม่เป็นที่ต้องการในกิจการในสหภาพพม่า บริษัทหรือสาขาอาจจะได้รับอนุญาตให้ผัดผ่อนระยะเวลาออกไป แต่ไม่เกิน 12 เดือน นับจากวันที่ได้รับใบอนุญาตทำการค้า
ภายหลังจากที่คณะกรรมการฯ ได้กำหนดและวางเงื่อนไขเกี่ยวกับจำนวนเงินทุนที่ต้องส่งเข้ามาในแต่ละกิจการแล้ว ก็จะนำความคิดเห็นเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พิจารณาเพื่ออนุมัติใบอนุญาตทำการค้าต่อไป
6. ระยะเวลาบังคับใช้ใบอนุญาตทำการค้า
โดยปกติทั่วไปใบอนุญาตทำการค้ามีระยะเวลาบังคับใช้เพียง 1 ปี นับจากวันที่ออกใบอนุญาต แต่สามารถที่จะขอต่ออายุออกไปได้ปีต่อปี
7. การต่ออายุใบอนุญาตทำการค้า
การขอต่ออายุใบอนุญาตทำการค้าจะต้องยื่นใบขออนุมัติต่อกระทรวงการค้าภายใน 30 วัน ก่อนที่ใบอนุญาตฯ จะหมดอายุลง โดยขั้นตอนในการขอต่อใบอนุญาตฯ จะดำเนินการเช่นเดียวกับการขอใบอนุญาตฯ ใหม่ตามข้างต้นนี้ แต่มีสิ่งต้องเพิ่มเติมดังนี้
1. ในกรณีของสาขาบริษัทต่างชาติ ซึ่งสมุดบัญชีคงเป็นระบบบัญชีเงินสด ใบยื่นขอต่อใบอนุญาตทำการค้าจะต้องแนบบัญชียอดขายในสหภาพพม่ารวมประจำปี ทั้งขายโดยสำนักงานใหญ่หรือสาขา บัญชียอดขายทั่วไป รายงานประจำปีและรายงานสถานะการเงินของสำนักงานใหญ่ด้วย
2. หลักฐานทางเอกสารที่แนบ จะต้องประกอบด้วยการจ่ายภาษี การคืนภาษีที่ค้างประเมิน และการจ่ายภาษีล่วงหน้าของปีประเมินภาษีล่าสุด ตามกฎหมายภาษีของสหภาพพม่าด้วยกำไรของธุรกิจ แต่ไม่รวมภาษีเงินได้หรือภาษีอื่นที่เกี่ยวกับการนำเข้าเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ
3. หากมีการเปลี่ยนแปลงหรือสลับหนังสือบริคณฑ์สนธิ จะต้องแจ้งไปด้วย
4. คำรับรองว่าได้ปฎิบัติตามเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ได้รับอนุญาตในใบอนุญาตทำการค้าครั้งที่แล้ว
5. ใบรับรองทุนที่จดทะเบียนและทุนที่ชำระแล้ว หรือบัญชีทุนของสำนักงานใหญ่ตามเงื่อนไขของกระทรวงพาณิชย์
6. งบดุลในสหภาพพม่า บัญชีกำไรขาดทุนในช่วงสองปีล่าสุด ที่ผ่านการตรวจสอบจากนักบัญชีที่ได้รับอนุญาต หรือคำรับรองของสำนักงานบัญชีตามที่กำหนดไว้ในบริษัทของสหภาพพม่า
7. การยกเลิกหรือการระงับใบอนุญาตทำการค้า
ใบอนุญาตทำการค้าอาจจะถูกยกเลิกหรือระงับเมื่อใดก็ได้ หากสาขาบริษัทต่างชาติ บริษัทต่างชาติ เจ้าหน้าที่หรือตัวแทนกระทำการดังต่อไปนี้
1. ทำความผิดภายใต้กฎหมายภาษีของสหภาพพม่า
2. ทำความผิดภายใต้กฎหมายว่าด้วยการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ พ.ศ.2480
3. ทำความผิดภายใต้กฎหมายศุลกากร
4. ทำความผิดใด ๆ ที่บริษัทจะต้องรับผิดชอบในการลงโทษตามกฎหมายต่าง ๆ ที่ใช้บังคับในเวลานั้น
5. ฝ่าฝืนเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ระบุไว้ในใบอนุญาต
8. การยกเลิก
บริษัททุกบริษัทที่ประสงค์จะยกเลิกกิจการ จะต้องยื่นเรื่องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และแจ้งการยกเลิกกับนายทะเบียนภายใน 1 เดือนหลังจากวันที่เริ่มเลิกกิจการ หรือปิดสาขา ที่มา : สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงย่างกุ้ง
--ข่าวเศรษฐกิจ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่5 / 15 มีนาคม 2540--