ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ก.คลังเตรียมปฏิรูปรัฐวิสาหกิจเพื่อยกระดับการบริหาร นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รมว.คลัง
กล่าวว่า ใน 4 ปีข้างหน้าต้องแปรรูปรัฐวิสาหกิจยกระดับการบริหารให้เหมือนเอกชน นำเข้าซื้อขายในตลาดหลัก
ทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อสร้างการเงินภาครัฐให้เข้มแข็ง โดยจะมีการยกฐานะคณะกรรมการนโยบายรัฐ
วิสาหกิจ (กนร.) ที่มี นรม.เป็นประธาน เป็นคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจแห่งชาติ ดูแลการตั้งคณะกรรมการ
ของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด จากนั้นจะมีการตั้งบรรษัทรัฐวิสาหกิจกลางแห่งชาติ หรือซูเปอร์โฮลดิ้ง เพื่อเข้าถือหุ้นในรัฐ
วิสาหกิจทั้งหมดแทน ก.คลัง ซึ่งจะมีรายได้ไปลงทุนในโครงการต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์กับประเทศ ซึ่งในอนาคต
รัฐบาลต้องการลงทุนในบรรษัทนิติบุคคลเฉพาะกิจ (SPV) เอาเงินที่มีในโฮลดิ้งไปลงทุน นำ SPV เข้าระดมทุนใน
ตลาดหลักทรัพย์ เมื่อมีกำไรก็ขายออกเพื่อนำเงินไปลงทุนที่อื่น ๆ ทั้งนี้ การจัดตั้ง SPV จะเสนอ ครม. ภายใน 1-
2 สัปดาห์นี้ โดยโครงสร้างของ SPV จะมีนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัด ก.คลัง เป็นประธาน นายธีรพงษ์ ตั้งธีร
สุนันท์ ผจก.ธกส. เป็น กก.ผจก. ด้วยเงินประเดิมจากเงิน งปม. 1,000 ล้านบาท และจะทยอยเรียกเก็บครั้ง
ละประมาณ 100-200 ล้านบาท (โพสต์ทูเดย์, ผู้จัดการรายวัน)
2. ธปท. คาดดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน ก.พ.48 เกินดุล แต่ยังขาดดุลการค้า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร
เทวกุล ผู้ว่าการ ธปท. เปิดเผยว่า ในเดือน ก.พ.นี้ ดุลบัญชีเดินสะพัดน่าจะเกินดุลได้หลังจากที่เดือน ม.ค.ขาด
ดุล เนื่องจากตัวเลขนักท่องเที่ยวในเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือน ม.ค. ที่มีตัวเลขนักท่องเที่ยวอยู่ที่
890,000 คน ลดลงร้อยละ 26.9 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 47 เพราะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึ
นามิ รวมถึงสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในขณะที่ดุลการค้าจะยังขาดดุลอยู่แต่น้อยกว่า
เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค. ที่ขาดดุลการค้า 1,475 ล้านดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากการนำเข้าขยายตัวมากสูงถึง
9,170 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือร้อยละ 33.6 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยน้ำมันมีการนำเข้ามากที่สุด
ส่วนการส่งออกมีมูลค่า 7,695 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 11.6 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (เดลิ
นิวส์)
3. ธปท. เผยไทยยังไม่พร้อมเข้าโครงการประเมินทางด้านการเงิน ดร.ธาริษา วัฒนเกส รอง
ผู้ว่าการ สายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการประเมินทางด้านการเงิน
(Financial Sector Assessment Programme: FSAP) ว่า ธปท. ได้มีการประเมินตัวเองแล้วพบว่า ยังมี
บางอย่างที่ไม่พร้อม โดยเฉพาะการขาดอำนาจทางกฎหมายบางอย่าง เช่น การที่ ธปท. ยังไม่มีการกำกับแบบรวม
กลุ่ม (Consolidated Supervision) ซึ่งเป็นการกำกับแบบรวมเครือข่ายทั้งหมด โดยอำนาจการกำกับแบบรวม
กลุ่มนั้นได้มีการระบุไว้ในร่าง พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน ดังนั้น ถ้า พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงินไม่ผ่านการ
พิจารณาของรัฐสภาก็อาจทำให้ไทยไม่มีคุณสมบัติตามแนวทางของ FSAP นอกจากนี้ กฎเกณฑ์บางอย่างของไทยที่
ควรจะมีก็ยังไม่มี เช่น เรื่องของการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันไม่ได้มีการกำหนดกฎเกณฑ์ต่าง ๆ แต่ต่อไปจะ
ต้องมีการกำหนดเกณฑ์การไปลงทุนในต่างประเทศคร่าว ๆ ที่จะให้นักลงทุนที่จะลงทุนในต่างประเทศรู้ถึงความเสี่ยง
ของประเทศที่จะเข้าไปลงทุน ทั้งนี้ โครงการ FSAP เป็นโครงการประเมินทางด้านการเงินของ IMF และ
ธนาคารโลก ซึ่ง ธปท. จะทำการศึกษาระบบทั้งหมด 7 ระบบ เพื่อประเมินตนเองก่อนที่จะยื่นหนังสือเชิญทีมงาน
จาก IMF และธนาคารโลกมาตรวจสอบ โดยคาดว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นก่อนปี 2551 และน่าจะเสร็จสมบูรณ์ก่อน
ที่กฎบาเซิล 2 จะนำมาใช้ปฏิบัติภับภาคการเงินของไทย (กรุงเทพธุรกิจ)
4. ธปท. ประเมินมูลค่าความเสียหายจากภัยแล้งเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 หมื่นล้านบาท ผู้สื่อข่าวรายงาน
ข่าวจาก ธปท. ว่า ธปท. ได้ติดตามผลกระทบจากภาวะภัยแล้งในฤดูกาลเพาะปลูกปี 47/48 พบว่า มูลค่าความ
เสียหายต่อผลผลิตพืชผลสำคัญ ประกอบด้วย ข้าวนาปี อ้อย ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง เพิ่มขึ้นจาก
ประมาณการเดิม ณ สิ้นปี 47 ประมาณ 2 พันล้านบาท ทำให้มูลค่าความเสียหายอยู่ที่ 15,026 ล้านบาท เนื่องจาก
ความแห้งแล้งยาวนานกว่าทุกปี และพื้นที่ประสบภัยแล้งเพิ่มขึ้นจาก 55 จังหวัด เป็น 58 จังหวัด ทั้งนี้ มูลค่าความ
เสียหายที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลกระทบต่อจีดีพีเล็กน้อยร้อยละ 0.18 อย่างไรก็ตาม ธปท. ยังไม่รวมผลกระทบที่อาจจะ
เกิดขึ้นต่อเนื่องจากความแห้งแล้งที่อาจจะกระทบต่อการเพาะปลูกในปี 48/49 โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อทำ
การศึกษาเพิ่มเติม (ไทยรัฐ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ผลผลิตอุตสาหกรรมของ สรอ.ในเดือน ก.พ.48 เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 0.3
ขณะที่ความสามารถในการผลิตเพิ่มขึ้นสูงกว่าประมาณการที่ร้อยละ 79.4 รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 16 มี.ค.48
ธ.กลาง สรอ. เปิดเผยว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมของ สรอ.ในเดือน ก.พ.48 เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อย
ละ 0.3 ขณะที่ความสามารถในการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 79.4 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ โดย
นักวิเคราะห์ประมาณการก่อนหน้านี้ว่า ผลผลิตอุตสาหกรรม (ซึ่งประกอบด้วยผลผลิตโรงงาน เหมืองแร่ และ
สาธารณูปโภค) จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 และคาดว่าความสามารถในการผลิตจะอยู่ที่ร้อยละ 79.2 ทั้งนี้ หลังจากที่
ทบทวนตัวเลขใหม่แล้วพบว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมและความสามารถในการผลิตในเดือน ม.ค.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ
0.1 และ 79.2 ตามลำดับ จากที่รายงานก่อนหน้านี้ว่าผลผลิตอุตสาหกรรมไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน และความ
สามารถในการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 79.0 อนึ่ง สาเหตุสำคัญที่ส่งผลให้ผลผลิตโดยรวมชะลอตัวลง คือ ผลผลิต
สาธารณูปโภคในเดือน ก.พ.48 ลดลงร้อยละ 1.1 หลังจากที่ลดลงถึงร้อยละ 2.8 ในเดือนก่อน (ตัวเลขที่ทบทวน
แล้ว) เนื่องจากอากาศที่อบอุ่นส่งผลให้ความต้องการในผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความร้อนลดลง ในขณะที่ดัชนีผลผลิตสินค้า
คงทนของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 เนื่องจากผลผลิตรถยนต์และผลผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านพุ่งสูงขึ้น สำหรับผล
ผลิตอุตสาหกรรมการผลิตในเดือน ก.พ.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ขณะที่ Factory operating rate เพิ่มขึ้นร้อย
ละ 78.5 ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดตั้งแต่เดือน พ.ย.43 อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการผลิตโรงงานยังคงอยู่ที่ร้อย
ละ 1.3 ต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยระหว่างปี 2515-2548 (รอยเตอร์)
2. สรอ.ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้นในระดับสูงในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 47 รายงานจาก
วอชิงตันเมื่อ 16 มี.ค.48 ก.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ไตรมาสที่ 4 ปี 47 สรอ.ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจำนวน 187.9
พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. (คิดเป็นร้อยละ 6.3 ของผลิตภัณฑ์ในประเทศ) ขาดดุลเพิ่มขึ้น 22 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.
จากการขาดดุลจำนวน 165.9 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ในช่วงไตรมาสก่อนหน้า และเป็นการขาดดุลสูงกว่าการคาด
การณ์ของตลาดซึ่งคาดว่าจะขาดดุลจำนวน 181.9 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้เกิดความวิตกว่า สรอ.จะ
สามารถกระตุ้นการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อชดเชยการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดได้หรือไม่ รวมทั้งส่งผลให้เงิน
ดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงในรอบ 3 ปีเมื่อเทียบกับเงินยูโรและเงินสกุลหลักอื่นๆ ซึ่งจากข้อมูลของ ก.พาณิชย์ พบ
ว่า เงินดอลลาร์ สรอ.อ่อนค่าลงร้อยละ 5 ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 47 และร้อยละ 8 ตลอดทั้งปี 47 เมื่อ
เทียบกับเงินสกุลหลัก 7 สกุล สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดทั้งปี 47 ขาดดุลเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 เป็นจำนวน 665.9 พัน
ล.ดอลลาร์ สรอ. จากจำนวน 530.7 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ในปี 46 (รอยเตอร์)
3. การก่อสร้างบ้านใหม่ของ สรอ.เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ในเดือน ก.พ.48 รายงานจากวอชิงตัน
เมื่อ 16 มี.ค.48 ก.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ยอดการก่อสร้างบ้านใหม่ของ สรอ.ในเดือน ก.พ.48 มีจำนวน
2.195 ล.หลัง เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 จากจำนวน 2.183 ล.หลังในเดือนก่อนหน้า นับเป็นการเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุด
ในรอบ 21 ปี นับตั้งแต่เดือน ก.พ.27 ที่มีจำนวน 2.260 ล.หลัง และเป็นการเพิ่มขึ้นเกินความคาดหมายของ
ตลาดซึ่งคาดว่าจะลดลงร้อยละ 5 เป็นจำนวน 2.050 ล.หลัง ทั้งนี้ การก่อสร้างบ้านใหม่ที่เพิ่มขึ้นมีสาเหตุจาก
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองซึ่งอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้การก่อสร้างบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 สู่ระดับสูงสุด
จำนวน 1.775 ล.หลัง ทั้งนี้ แม้จะมีการคาดหมายว่าอาจมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในปี 48 นี้ แต่บรรดาผู้
ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ก็ยังคงคาดหวังว่าราคาบ้านและการก่อสร้างบ้านใหม่จะยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่าจะต่ำกว่า
ปี 47 ก็ตาม (รอยเตอร์)
4. ดัชนีราคาผู้บริโภคของเขตเศรษฐกิจยุโรปในเดือน ก.พ.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 สูงกว่าที่คาด
การณ์ไว้ รายงานจากบรัสเซลล์ เมื่อ 16 มี.ค.48 สำนักงานสถิติสหภาพยุโรป เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของ
เขตเศรษฐกิจยุโรป (12 ประเทศ) ในเดือน ก.พ.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบต่อเดือน และหากเทียบต่อปี
เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 หลังจากที่เดือน ม.ค.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประมาณการไว้ล่าสุดที่
ร้อยละ 2.0 รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อดังกล่าวอยู่เหนือกว่าระดับที่ ธ.กลางยุโรปกำหนดเป้าหมายไว้ที่ร้อยละ 2.0
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 46 เป็นต้นมา ธ.กลางยุโรปยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับต่ำที่ร้อยละ 2.0
มาโดยตลอด ท่ามกลางการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัว แต่ประธาน ธ.กลางกล่าวเตือนเมื่อวัน
จันทร์ที่ผ่านมาว่า ความเสี่ยงด้านภาวะเงินเฟ้อยังคงเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ควรคำนึงถึงมากที่สุด (รอยเตอร์)
5 รัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว และธ.กลางญี่ปุ่นได้ปรับเพิ่มแนวโน้มการขยายตัวทาง
เศรษฐกิจของประเทศแล้ว รายงานจากโตเกียวเมื่อวันที่ 16 มี.ค. 48 รัฐบาล และธ.กลางญี่ปุ่นเปิดเผยภาย
หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงินธ.กลางญี่ปุ่นมีมติไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินเป็นเดือนที่ 3 ว่า
เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆและต่อเนื่อง ขณะเดียวกันธ.กลางญี่ปุ่นได้ปรับแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจไปในทิศ
ทางที่ดีขึ้น โดยมีสัญญานว่าเศรษฐกิจได้พ้นจากภาวะอ่อนแอแล้ว นำโดยภาคเทคโนโลยีการสื่อสารและภาคอื่นๆที่
เกี่ยวข้อง นอกจากนั้นภาคการส่งออกก็เริ่มฟื้นตัวแล้วภายหลังจากไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเดือนก.พ. โดยนัก
เศรษฐศาสตร์จาก BNP Paribas กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจญี่ปุ่นชี้ว่าผลผลิตขยายตัวนับตั้งแต่เดือนม.ค. แม้ว่าใน
เดือน ก.พ.จะชะลอตัวก็ตาม แต่โดยเฉลี่ยยังอยู่ในแนวโน้มที่ดีในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 17 มี.ค. 48 16 มี.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.471 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.2934/38.5790 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.25 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 706.64/14.20 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,050/8,150 8,000/8,100 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 47.56 46.33 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.09*/15.19** 22.09*/15.19** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 11 มี.ค. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 22 ก.พ. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ก.คลังเตรียมปฏิรูปรัฐวิสาหกิจเพื่อยกระดับการบริหาร นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รมว.คลัง
กล่าวว่า ใน 4 ปีข้างหน้าต้องแปรรูปรัฐวิสาหกิจยกระดับการบริหารให้เหมือนเอกชน นำเข้าซื้อขายในตลาดหลัก
ทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อสร้างการเงินภาครัฐให้เข้มแข็ง โดยจะมีการยกฐานะคณะกรรมการนโยบายรัฐ
วิสาหกิจ (กนร.) ที่มี นรม.เป็นประธาน เป็นคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจแห่งชาติ ดูแลการตั้งคณะกรรมการ
ของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด จากนั้นจะมีการตั้งบรรษัทรัฐวิสาหกิจกลางแห่งชาติ หรือซูเปอร์โฮลดิ้ง เพื่อเข้าถือหุ้นในรัฐ
วิสาหกิจทั้งหมดแทน ก.คลัง ซึ่งจะมีรายได้ไปลงทุนในโครงการต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์กับประเทศ ซึ่งในอนาคต
รัฐบาลต้องการลงทุนในบรรษัทนิติบุคคลเฉพาะกิจ (SPV) เอาเงินที่มีในโฮลดิ้งไปลงทุน นำ SPV เข้าระดมทุนใน
ตลาดหลักทรัพย์ เมื่อมีกำไรก็ขายออกเพื่อนำเงินไปลงทุนที่อื่น ๆ ทั้งนี้ การจัดตั้ง SPV จะเสนอ ครม. ภายใน 1-
2 สัปดาห์นี้ โดยโครงสร้างของ SPV จะมีนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัด ก.คลัง เป็นประธาน นายธีรพงษ์ ตั้งธีร
สุนันท์ ผจก.ธกส. เป็น กก.ผจก. ด้วยเงินประเดิมจากเงิน งปม. 1,000 ล้านบาท และจะทยอยเรียกเก็บครั้ง
ละประมาณ 100-200 ล้านบาท (โพสต์ทูเดย์, ผู้จัดการรายวัน)
2. ธปท. คาดดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน ก.พ.48 เกินดุล แต่ยังขาดดุลการค้า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร
เทวกุล ผู้ว่าการ ธปท. เปิดเผยว่า ในเดือน ก.พ.นี้ ดุลบัญชีเดินสะพัดน่าจะเกินดุลได้หลังจากที่เดือน ม.ค.ขาด
ดุล เนื่องจากตัวเลขนักท่องเที่ยวในเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือน ม.ค. ที่มีตัวเลขนักท่องเที่ยวอยู่ที่
890,000 คน ลดลงร้อยละ 26.9 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 47 เพราะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึ
นามิ รวมถึงสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในขณะที่ดุลการค้าจะยังขาดดุลอยู่แต่น้อยกว่า
เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค. ที่ขาดดุลการค้า 1,475 ล้านดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากการนำเข้าขยายตัวมากสูงถึง
9,170 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือร้อยละ 33.6 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยน้ำมันมีการนำเข้ามากที่สุด
ส่วนการส่งออกมีมูลค่า 7,695 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 11.6 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (เดลิ
นิวส์)
3. ธปท. เผยไทยยังไม่พร้อมเข้าโครงการประเมินทางด้านการเงิน ดร.ธาริษา วัฒนเกส รอง
ผู้ว่าการ สายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการประเมินทางด้านการเงิน
(Financial Sector Assessment Programme: FSAP) ว่า ธปท. ได้มีการประเมินตัวเองแล้วพบว่า ยังมี
บางอย่างที่ไม่พร้อม โดยเฉพาะการขาดอำนาจทางกฎหมายบางอย่าง เช่น การที่ ธปท. ยังไม่มีการกำกับแบบรวม
กลุ่ม (Consolidated Supervision) ซึ่งเป็นการกำกับแบบรวมเครือข่ายทั้งหมด โดยอำนาจการกำกับแบบรวม
กลุ่มนั้นได้มีการระบุไว้ในร่าง พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน ดังนั้น ถ้า พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงินไม่ผ่านการ
พิจารณาของรัฐสภาก็อาจทำให้ไทยไม่มีคุณสมบัติตามแนวทางของ FSAP นอกจากนี้ กฎเกณฑ์บางอย่างของไทยที่
ควรจะมีก็ยังไม่มี เช่น เรื่องของการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันไม่ได้มีการกำหนดกฎเกณฑ์ต่าง ๆ แต่ต่อไปจะ
ต้องมีการกำหนดเกณฑ์การไปลงทุนในต่างประเทศคร่าว ๆ ที่จะให้นักลงทุนที่จะลงทุนในต่างประเทศรู้ถึงความเสี่ยง
ของประเทศที่จะเข้าไปลงทุน ทั้งนี้ โครงการ FSAP เป็นโครงการประเมินทางด้านการเงินของ IMF และ
ธนาคารโลก ซึ่ง ธปท. จะทำการศึกษาระบบทั้งหมด 7 ระบบ เพื่อประเมินตนเองก่อนที่จะยื่นหนังสือเชิญทีมงาน
จาก IMF และธนาคารโลกมาตรวจสอบ โดยคาดว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นก่อนปี 2551 และน่าจะเสร็จสมบูรณ์ก่อน
ที่กฎบาเซิล 2 จะนำมาใช้ปฏิบัติภับภาคการเงินของไทย (กรุงเทพธุรกิจ)
4. ธปท. ประเมินมูลค่าความเสียหายจากภัยแล้งเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 หมื่นล้านบาท ผู้สื่อข่าวรายงาน
ข่าวจาก ธปท. ว่า ธปท. ได้ติดตามผลกระทบจากภาวะภัยแล้งในฤดูกาลเพาะปลูกปี 47/48 พบว่า มูลค่าความ
เสียหายต่อผลผลิตพืชผลสำคัญ ประกอบด้วย ข้าวนาปี อ้อย ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง เพิ่มขึ้นจาก
ประมาณการเดิม ณ สิ้นปี 47 ประมาณ 2 พันล้านบาท ทำให้มูลค่าความเสียหายอยู่ที่ 15,026 ล้านบาท เนื่องจาก
ความแห้งแล้งยาวนานกว่าทุกปี และพื้นที่ประสบภัยแล้งเพิ่มขึ้นจาก 55 จังหวัด เป็น 58 จังหวัด ทั้งนี้ มูลค่าความ
เสียหายที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลกระทบต่อจีดีพีเล็กน้อยร้อยละ 0.18 อย่างไรก็ตาม ธปท. ยังไม่รวมผลกระทบที่อาจจะ
เกิดขึ้นต่อเนื่องจากความแห้งแล้งที่อาจจะกระทบต่อการเพาะปลูกในปี 48/49 โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อทำ
การศึกษาเพิ่มเติม (ไทยรัฐ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ผลผลิตอุตสาหกรรมของ สรอ.ในเดือน ก.พ.48 เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 0.3
ขณะที่ความสามารถในการผลิตเพิ่มขึ้นสูงกว่าประมาณการที่ร้อยละ 79.4 รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 16 มี.ค.48
ธ.กลาง สรอ. เปิดเผยว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมของ สรอ.ในเดือน ก.พ.48 เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อย
ละ 0.3 ขณะที่ความสามารถในการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 79.4 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ โดย
นักวิเคราะห์ประมาณการก่อนหน้านี้ว่า ผลผลิตอุตสาหกรรม (ซึ่งประกอบด้วยผลผลิตโรงงาน เหมืองแร่ และ
สาธารณูปโภค) จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 และคาดว่าความสามารถในการผลิตจะอยู่ที่ร้อยละ 79.2 ทั้งนี้ หลังจากที่
ทบทวนตัวเลขใหม่แล้วพบว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมและความสามารถในการผลิตในเดือน ม.ค.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ
0.1 และ 79.2 ตามลำดับ จากที่รายงานก่อนหน้านี้ว่าผลผลิตอุตสาหกรรมไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน และความ
สามารถในการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 79.0 อนึ่ง สาเหตุสำคัญที่ส่งผลให้ผลผลิตโดยรวมชะลอตัวลง คือ ผลผลิต
สาธารณูปโภคในเดือน ก.พ.48 ลดลงร้อยละ 1.1 หลังจากที่ลดลงถึงร้อยละ 2.8 ในเดือนก่อน (ตัวเลขที่ทบทวน
แล้ว) เนื่องจากอากาศที่อบอุ่นส่งผลให้ความต้องการในผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความร้อนลดลง ในขณะที่ดัชนีผลผลิตสินค้า
คงทนของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 เนื่องจากผลผลิตรถยนต์และผลผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านพุ่งสูงขึ้น สำหรับผล
ผลิตอุตสาหกรรมการผลิตในเดือน ก.พ.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ขณะที่ Factory operating rate เพิ่มขึ้นร้อย
ละ 78.5 ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดตั้งแต่เดือน พ.ย.43 อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการผลิตโรงงานยังคงอยู่ที่ร้อย
ละ 1.3 ต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยระหว่างปี 2515-2548 (รอยเตอร์)
2. สรอ.ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้นในระดับสูงในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 47 รายงานจาก
วอชิงตันเมื่อ 16 มี.ค.48 ก.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ไตรมาสที่ 4 ปี 47 สรอ.ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจำนวน 187.9
พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. (คิดเป็นร้อยละ 6.3 ของผลิตภัณฑ์ในประเทศ) ขาดดุลเพิ่มขึ้น 22 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.
จากการขาดดุลจำนวน 165.9 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ในช่วงไตรมาสก่อนหน้า และเป็นการขาดดุลสูงกว่าการคาด
การณ์ของตลาดซึ่งคาดว่าจะขาดดุลจำนวน 181.9 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้เกิดความวิตกว่า สรอ.จะ
สามารถกระตุ้นการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อชดเชยการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดได้หรือไม่ รวมทั้งส่งผลให้เงิน
ดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงในรอบ 3 ปีเมื่อเทียบกับเงินยูโรและเงินสกุลหลักอื่นๆ ซึ่งจากข้อมูลของ ก.พาณิชย์ พบ
ว่า เงินดอลลาร์ สรอ.อ่อนค่าลงร้อยละ 5 ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 47 และร้อยละ 8 ตลอดทั้งปี 47 เมื่อ
เทียบกับเงินสกุลหลัก 7 สกุล สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดทั้งปี 47 ขาดดุลเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 เป็นจำนวน 665.9 พัน
ล.ดอลลาร์ สรอ. จากจำนวน 530.7 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ในปี 46 (รอยเตอร์)
3. การก่อสร้างบ้านใหม่ของ สรอ.เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ในเดือน ก.พ.48 รายงานจากวอชิงตัน
เมื่อ 16 มี.ค.48 ก.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ยอดการก่อสร้างบ้านใหม่ของ สรอ.ในเดือน ก.พ.48 มีจำนวน
2.195 ล.หลัง เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 จากจำนวน 2.183 ล.หลังในเดือนก่อนหน้า นับเป็นการเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุด
ในรอบ 21 ปี นับตั้งแต่เดือน ก.พ.27 ที่มีจำนวน 2.260 ล.หลัง และเป็นการเพิ่มขึ้นเกินความคาดหมายของ
ตลาดซึ่งคาดว่าจะลดลงร้อยละ 5 เป็นจำนวน 2.050 ล.หลัง ทั้งนี้ การก่อสร้างบ้านใหม่ที่เพิ่มขึ้นมีสาเหตุจาก
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองซึ่งอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้การก่อสร้างบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 สู่ระดับสูงสุด
จำนวน 1.775 ล.หลัง ทั้งนี้ แม้จะมีการคาดหมายว่าอาจมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในปี 48 นี้ แต่บรรดาผู้
ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ก็ยังคงคาดหวังว่าราคาบ้านและการก่อสร้างบ้านใหม่จะยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่าจะต่ำกว่า
ปี 47 ก็ตาม (รอยเตอร์)
4. ดัชนีราคาผู้บริโภคของเขตเศรษฐกิจยุโรปในเดือน ก.พ.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 สูงกว่าที่คาด
การณ์ไว้ รายงานจากบรัสเซลล์ เมื่อ 16 มี.ค.48 สำนักงานสถิติสหภาพยุโรป เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของ
เขตเศรษฐกิจยุโรป (12 ประเทศ) ในเดือน ก.พ.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบต่อเดือน และหากเทียบต่อปี
เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 หลังจากที่เดือน ม.ค.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประมาณการไว้ล่าสุดที่
ร้อยละ 2.0 รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อดังกล่าวอยู่เหนือกว่าระดับที่ ธ.กลางยุโรปกำหนดเป้าหมายไว้ที่ร้อยละ 2.0
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 46 เป็นต้นมา ธ.กลางยุโรปยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับต่ำที่ร้อยละ 2.0
มาโดยตลอด ท่ามกลางการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัว แต่ประธาน ธ.กลางกล่าวเตือนเมื่อวัน
จันทร์ที่ผ่านมาว่า ความเสี่ยงด้านภาวะเงินเฟ้อยังคงเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ควรคำนึงถึงมากที่สุด (รอยเตอร์)
5 รัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว และธ.กลางญี่ปุ่นได้ปรับเพิ่มแนวโน้มการขยายตัวทาง
เศรษฐกิจของประเทศแล้ว รายงานจากโตเกียวเมื่อวันที่ 16 มี.ค. 48 รัฐบาล และธ.กลางญี่ปุ่นเปิดเผยภาย
หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงินธ.กลางญี่ปุ่นมีมติไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินเป็นเดือนที่ 3 ว่า
เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆและต่อเนื่อง ขณะเดียวกันธ.กลางญี่ปุ่นได้ปรับแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจไปในทิศ
ทางที่ดีขึ้น โดยมีสัญญานว่าเศรษฐกิจได้พ้นจากภาวะอ่อนแอแล้ว นำโดยภาคเทคโนโลยีการสื่อสารและภาคอื่นๆที่
เกี่ยวข้อง นอกจากนั้นภาคการส่งออกก็เริ่มฟื้นตัวแล้วภายหลังจากไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเดือนก.พ. โดยนัก
เศรษฐศาสตร์จาก BNP Paribas กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจญี่ปุ่นชี้ว่าผลผลิตขยายตัวนับตั้งแต่เดือนม.ค. แม้ว่าใน
เดือน ก.พ.จะชะลอตัวก็ตาม แต่โดยเฉลี่ยยังอยู่ในแนวโน้มที่ดีในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 17 มี.ค. 48 16 มี.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.471 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.2934/38.5790 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.25 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 706.64/14.20 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,050/8,150 8,000/8,100 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 47.56 46.33 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.09*/15.19** 22.09*/15.19** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 11 มี.ค. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 22 ก.พ. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--