กรุงเทพ--2 เม.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมสำหรับเอเชียและแปซิฟิก(ESCAP)ร่วมกับรัฐบาลไทย รัฐบาลญี่ปุ่น ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จะร่วมกันจัดการประชุมนานาชาติในเรื่อง Symposium on the Comprehensive Development of Greater Mekong Subregion ระหว่างวันที่ 7-8 เมษายน 2542 ณ อาคารสำนักงานสหประชาชาติ กรุงเทพฯ
การประชุมครั้งนี้ มีจุดประสงค์หลักเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาคมระหว่างประเทศรับทราบโดยทั่วกันถึงกิจกรรมความร่วมมือทางเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคนี้ และเพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเด็นต่างๆ รวมทั้ง ผลกระทบของวิกฤตการณ์เศรษฐกิจต่อการพัฒนาอนุภูมิภาค การส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และบทบาทของภาคเอกชนในการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง ในการนี้ การประชุมจะหารือในหลายหัวข้อ โดยเฉพาะบทบาทของภาคเอกชนภายใต้หัวข้อ “private sector perspectives on the globalization of manufacturing/regional operation and foreign direct investment in the GMS ” ซึ่งจะเป็นการสะท้อนทัศนะของภาคเอกชนต่อภาคการผลิตในยุคโลกาภิวัฒน์ รวมทั้งการปฏิบัติการและการลงทุนต่างชาติในเขตลุ่มแม่น้ำโขง
การประชุมนี้คาดว่าผู้เข้าร่วมประชุมจะประกอบด้วยผู้กำหนดนโยบายและผู้แทนภาคธุรกิจระดับสูงจากประเทศญี่ปุ่น ไทย ออสเตรเลีย ลาว พม่า กัมพูชา และเวียดนาม รวมทั้งนักวิชาการ ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ เช่น สำนักงานเลขาธิการอาเซียน คณะกรรมาธิการลุ่มแม่น้ำโข UNDP รวมทั้งสื่อมวลชน และ NGO ต่างๆ
ผลประโยชน์หลักที่คาดว่าจะได้รับจากการประชุมครั้งนี้ คือการส่งเสริมการค้าและการลงทุนในภูมิภาค และส่งเสริมความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมในการพัฒนาเศรษฐกิจของภูมิภาคอันจะนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองในอินโดจีนต่อไป--จบ--
คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมสำหรับเอเชียและแปซิฟิก(ESCAP)ร่วมกับรัฐบาลไทย รัฐบาลญี่ปุ่น ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จะร่วมกันจัดการประชุมนานาชาติในเรื่อง Symposium on the Comprehensive Development of Greater Mekong Subregion ระหว่างวันที่ 7-8 เมษายน 2542 ณ อาคารสำนักงานสหประชาชาติ กรุงเทพฯ
การประชุมครั้งนี้ มีจุดประสงค์หลักเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาคมระหว่างประเทศรับทราบโดยทั่วกันถึงกิจกรรมความร่วมมือทางเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคนี้ และเพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเด็นต่างๆ รวมทั้ง ผลกระทบของวิกฤตการณ์เศรษฐกิจต่อการพัฒนาอนุภูมิภาค การส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และบทบาทของภาคเอกชนในการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง ในการนี้ การประชุมจะหารือในหลายหัวข้อ โดยเฉพาะบทบาทของภาคเอกชนภายใต้หัวข้อ “private sector perspectives on the globalization of manufacturing/regional operation and foreign direct investment in the GMS ” ซึ่งจะเป็นการสะท้อนทัศนะของภาคเอกชนต่อภาคการผลิตในยุคโลกาภิวัฒน์ รวมทั้งการปฏิบัติการและการลงทุนต่างชาติในเขตลุ่มแม่น้ำโขง
การประชุมนี้คาดว่าผู้เข้าร่วมประชุมจะประกอบด้วยผู้กำหนดนโยบายและผู้แทนภาคธุรกิจระดับสูงจากประเทศญี่ปุ่น ไทย ออสเตรเลีย ลาว พม่า กัมพูชา และเวียดนาม รวมทั้งนักวิชาการ ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ เช่น สำนักงานเลขาธิการอาเซียน คณะกรรมาธิการลุ่มแม่น้ำโข UNDP รวมทั้งสื่อมวลชน และ NGO ต่างๆ
ผลประโยชน์หลักที่คาดว่าจะได้รับจากการประชุมครั้งนี้ คือการส่งเสริมการค้าและการลงทุนในภูมิภาค และส่งเสริมความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมในการพัฒนาเศรษฐกิจของภูมิภาคอันจะนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองในอินโดจีนต่อไป--จบ--