ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท. เชื่อว่าเศรษฐกิจจะเติบโตตามที่คาดการณ์ไว้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการ
ธปท. เปิดเผยว่า ผลจากคลื่นสึนามิคงทำให้ภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบบ้าง แต่ยังเชื่อว่าอัตราการเติบโต
ทางเศรษฐกิจจะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ และดุลบัญชีเดินสะพัดในปีนี้ยังเป็นบวกและจะเกินดุลต่อเนื่องไปอีก 2-3
ปี เนื่องจาการบริโภคภายในประเทศและการส่งออกมีการขยายตัวในระดับที่ดี อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ธปท.
ประเมินว่าในปี 48 จีดีพีของไทยจะมีอัตราการเติบโตร้อยละ 5.5-6.5 และหลังจากคณะกรรมการนโยบายการ
เงินประชุมในวันที่ 19 ม.ค.นี้ คงจะมีการทบทวนอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอีกครั้ง (ข่าวสด, ไทยรัฐ)
2. ก.คลังเผยปี 47 เกินดุลกว่า 1.1 แสนล้าน นายสมชัย สัจจพงษ์ รอง ผอ.สนง.เศรษฐกิจ
การคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงฐานะการคลังภาคสาธารณะตามระบบ สศค. ในปี งปม.47 ว่ามีฐานะเกินดุลสูงถึง
110,291 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1.7 ของจีดีพี ซึ่งประกอบด้วยการเกินดุลการคลังของรัฐบาล 40,119
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.6 ของจีดีพี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เกินดุล 55,040 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ
0.9 ของจีดีพี และรัฐวิสาหกิจ เกินดุล 15,132 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.2 ของจีดีพี ทั้งนี้ เป็นผลจากรัฐบาล
มีนโยบายในการกระตุ้นและรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจ ส่วนผลกระทบของผลการดำเนินงานด้านการคลังของ
รัฐบาลปี งปม.47 ที่มีต่อภาคเศรษฐกิจนั้น ในด้านรายจ่ายเพื่อการบริโภคขั้นสุดท้ายของรัฐบาลที่ประกอบด้วยราย
จ่ายเงินเดือน ค่าจ้างการใช้สินค้าและบริการ มีจำนวน 654,637 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี งปม.46 ถึงร้อยละ
10.9 ส่วนรายจ่ายลงทุนของภาครัฐ มีจำนวน 119,814 ล้านบาท ลดลงจากปี งปม.46 ร้อยละ 6.7 สำหรับ
ภาคการเงินในปี งปม.47 รัฐบาลชดเชยการขาดดุลด้วยการออกตั๋วเงินคงคลังและพันธบัตร 60,000 และ
30,000 ล้านบาท ตามลำดับ (ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
3. คาด ธ.กลาง สรอ. จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งละ 0.25% ในเดือน ก.พ. และ มี.ค.48
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการธนาคารกลาง สรอ. หรือ เฟด ในวันที่ 1-2
ก.พ.นี้ อาจจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.25 เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจ สรอ. ยังคงชี้ถึงแนวโน้มการ
ขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยมีตัวแปรที่น่าสนใจ คือ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่มีการจ้าง
งานเพิ่มขึ้น 157,000 ตำแหน่ง แม้ว่าตัวเลขในเดือน ธ.ค.47 จะไม่แข็งแกร่งมากเท่าที่ตลาดคาดไว้ โดยเฟดน่า
จะทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมเดือน ก.พ. และ มี.ค.นี้ อีกครั้งละ 0.25% และอาจขยับขึ้นเป็น
ร้อยละ 3.0 ในเดือน พ.ค.48 ทำให้โดยรวมคาดว่าอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ณ ปลายปี 48 ไม่น่าจะต่ำกว่า
ระดับร้อยละ 3.50 ซึ่งการปรับขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวจะส่งผลกดดันต่อการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยของ ธปท.
แต่ขึ้นอยู่กับตัวเลขเงินเฟ้อและการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยด้วย โดยคาดว่า ณ ปลายปี 48 อัตราดอกเบี้ยซื้อ
คืนพันธบัตรระยะเวลา 14 วัน น่าจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.75 — 3.00 จากระดับร้อยละ 2.00 ณ ปลายปี 47 ที่
ผ่านมา (โพสต์ทูเดย์)
4. ไทยอาจขาดดุลการค้าครั้งแรกในรอบ 7 ปี ในปี 48 นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผอ.ศูนย์ศึกษาการ
ค้าระหว่างประเทศ ม.หอการค้าไทย เปิดเผยการคาดการณ์ภาวะส่งออกสินค้าไตรมาสแรก ปี 48 โดยวิจัยจาก
แบบจำลองและสำรวจผู้ประกอบการส่งออกรวม 1,551 ราย ว่า เศรษฐกิจไทยจะเป็นแบบ Sandwich
Economy คือ ยังเป็นเศรษฐกิจที่ต้องดิ้นรนและอยู่กึ่งกลางที่ถูกบีบจากประเทศที่ต้นทุนต่ำกว่า และประเทศที่พร้อม
ด้านเงินลงทุน เทคโนโลยีและการบริหารจัดการ ส่วนปัจจัยเสี่ยงคือการบริโภคของคนไทยที่ลดลง นโยบายประชา
นิยมของภาครัฐที่มีผลต่อความกังวลต่อหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น และศักยภาพทางการแข่งขัน ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจปี
48 จะขยายตัวร้อยละ 5.0 — 5.5 ลดลงจากร้อยละ 6.2 ในปี 47 โดยการส่งออกมีมูลค่า 109,147 ล้าน
ดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 12.5 การนำเข้ามีมูลค่า 110,062 ดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 14.8
ทำให้ขาดดุลการค้า 915 ล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งเป็นการขาดดุลการค้าครั้งแรกในรอบ 7 ปี จากที่ปีก่อนเกินดุล
1,460 ล้านดอลลาร์ สรอ. ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดยังคงเกินดุล 5,350 ล้านดอลลาร์ สรอ. แต่ลดลงจากปีก่อนที่
เกินดุล 6,870 ล้านดอลลาร์ สรอ. สาเหตุจากภาคบริการและการท่องเที่ยวที่มีรายได้ลดลงตั้งแต่ต้นปีจากเหตุ
การสึนามิ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการด้านส่งออกส่วนใหญ่ร้อยละ 61.9 ยังเห็นว่าการส่งออกไตรมาสแรกปีนี้จะ
เพิ่มขึ้น โดยร้อยละ 53.6 คาดว่ามูลค่าการส่งออกจะเพิ่มขึ้น และร้อยละ 57.8 เห็นว่าราคาสินค้าจะสูงขึ้น นอก
จากนี้ ร้อยละ 84.5 เห็นว่าราคาน้ำมันขณะนี้จะมีผลกระทบต่อต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้น (มติชน, กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ผู้ว่าการ ธ.กลางของประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 10 ประเทศหรือ G10 ยินดีที่ สรอ.ตั้งใจลด
การขาดดุลงบประมาณลง รายงานจากบาเซิล เมื่อ 10 ม.ค.47 ผู้ว่าการ ธ.กลางของประเทศอุตสาหกรรมชั้น
นำ 10 ประเทศหรือ G10 ยินดีกับความตั้งใจของ สรอ.ที่จะลดการขาดดุลงบประมาณลง โดย รมต.คลังของ
สรอ.กล่าวว่าเขาจะทำงานร่วมกับรัฐสภา สรอ.ในการพยายามลดการขาดดุลงบประมาณของ สรอ.ลงการขาดดุล
งบประมาณจำนวนมหาศาลของ สรอ.ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ สรอ.ลดต่ำลงในขณะนี้และอาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ
โลกที่คาดว่าจะขยายตัวอย่างน้อยประมาณร้อยละ 4 ในปีนี้ (รอยเตอร์)
2..EDB กำหนดเป้าหมายการลงทุนภาคอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ ในปี 48 จะชะลอตัวอยู่ที่จำนวน
8.0 พัน ล.ดอลลาร์สิงคโปร์ รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ 10 ม.ค.47 The Economic Development Board
(EDB) ซึ่งเป็นคณะกรรมการส่งเสริมโครงสร้างภาคการค้าของสิงคโปร์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันการลงทุนของสิงคโปร์
ได้มุ่งสู่ภาคบริการมากขึ้น ซึ่งเป็นเครื่องสะท้อนว่าสิงคโปร์จะเลิกพึ่งพาการส่งออกสินค้าทีเกิดจากโรงงานที่ใช้
เทคโนโลยีต่ำ เนื่องจากมีการแข่งขันอย่างรุนแรงจากจีนและอินเดีย ทั้งนี้ EDB ได้กำหนดเป้าหมายการลงทุนภาค
อุตสาหกรรม.ในปี 48 ว่าจะมีมูลค่า 8.0 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (4.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ.) ลดลงจากปีก่อน
ที่มีมูลค่า 8.3 พัน ล.ดอลลาร์สิงคโปร์ แต่เพิ่มขึ้นจากปี 46 ที่มีมูลค่า 7.5 พัน ล.ดอลลาร์สิงคโปร์ (จากการ
ระบาดของโรคไข้หวัดซาร์สที่ส่งผลให้บางธุรกิจต้องระงับการใช้จ่ายด้านโรงงาน) ซึ่งประธาน EDB กล่าวคาด
การณ์ถึงเหตุการณ์บางอย่างในปี 48 ที่ส่งผลต่อการลงทุนภาคอุตสาหกรรมว่า มีสัญญาณของการชะลอตัวใน
อุตสาหกรรมภาคอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งผลกระทบจากการอ่อนค่าของเงินสกุลดอลลาร์ สรอ. การแข่งขันของค่าเงิน
ยูโร ประกอบกับความผันผวนของราคาน้ำมันในปัจจุบัน นอกจากนี้ EDB ยังได้ประมาณการการเพิ่มขึ้นของการลง
ทุนภาคบริการในปี 48 ว่าจะมีมูลค่า 2.4 พัน ล.ดอลลาร์สิงคโปร์จาก 2.3 และ 1.9 พัน ล.ดอลลาร์ สิงคโปร์
ในปี 47 และ 46 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ในปี 47 ที่ผ่านมารัฐบาลสามารถบรรลุเป้าหมายการลงทุนภาค
อุตสาหกรรมที่ระดับ 8.0 พัน ล.ดอลลาร์สิงคโปร์และ 2.0 พัน ล.ดอลลาร์สิงคโปร์สำหรับภาคบริการ สะท้อนให้
เห็นถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์ โดยในปี 47 เศรษฐกิจสิงคโปร์ขยายตัวถึงร้อยละ 8.1 อันเป็น
อัตราการเติบโตสูงสุดในรอบ 4 ปี และขยายตัวรวดเร็วเป็นอันดับที่ 2 ในเอเชีย รองจากประเทศจีน ทั้งนี้ ภาค
อุตสาหกรรมเป็นภาคเศรษฐกิจสำคัญที่มีผลต่อเศรษฐกิจของสิงคโปร์ (ที่มีมูลค่า 95 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) โดยมี
สัดส่วนถึง 1 ใน 3 ของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) (รอยเตอร์)
3. คาดว่ายอดขาดดุลการค้าของ สรอ.ในเดือน พ.ย.47 จะลดลง รายงานจากนิวยอร์กเมื่อ
10 ม.ค.48 รอยเตอร์เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งคาดว่าดุลการค้าของ สรอ.ใน
เดือน พ.ย.47 จะขาดดุลลดลงเหลือ 54.00 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. จากระดับ 55.46 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ใน
เดือนก่อน สาเหตุจากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงส่งผลให้มูลค่าการนำเข้าน้ำมันของ สรอ.ลดลงตาม ประกอบกับ
การที่เงินดอลลาร์ สรอ.อ่อนค่าลง เป็นปัจจัยสนับสนุนให้มูลค่าการส่งออกของ สรอ.เพิ่มขึ้น อนึ่ง การที่เงิน
ดอลลาร์ สรอ.อ่อนค่าลง ส่งผลให้สินค้าส่งออกราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้า แต่ทำให้สินค้านำเข้าราคา
แพงขึ้น อย่างไรก็ตาม การเติบโตของการส่งออกจะต้องสูงกว่าการนำเข้าถึง 1.5 เท่า จึงจะทำให้ สรอ.ไม่
ประสบภาวะการขาดดุลการค้า (รอยเตอร์)
4. สรอ.กล่าวว่าภาษีสิ่งทอของจีนไม่สอดคล้องกับกฎของ WTO รายงานจากฮ่องกง เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 48 สรอ.เห็นว่าการที่จีนจัดเก็บภาษีส่งออกสิ่งทอจากผู้ส่งออกร้อยละ 2 — 4 เมื่อเดือนที่แล้วไม่สอดคล้อง
ตามกฎขององค์การการค้าโลก (WTO) และไม่มีผลต่อเศรษฐกิจเนื่องจากภาษีที่จีนจัดเก็บจากผู้ส่งออกของจีนเป็น
อัตราที่ต่ำเกินไป ซึ่งส่งผลกระทบต่อสรอ.มากและเห็นว่าจีนควรเปิดตลาดสิ่งทอเพื่อนำเข้าสิ่งทอจากทั่วโลก และ
ขจัดการจัดเก็บค่าธรรมเนียมนำเข้าสิ่งทอที่ส่งผลให้สินค้าสิ่งทอของจีนมีราคาถูกกว่าแหล่งอื่น ซึ่งไม่เป็นธรรม ทั้งนี้
การที่จีนดำเนินการดังกล่าวเพื่อลดความขัดแย้งทางการค้าเนื่องจากผู้ผลิตสิ่งทอทั่วโลกเกรงว่าธุรกิจจะขาดทุนจาก
การที่โควตาส่งออกสิ่งทอของจีนจะหมดอายุในเดือนนี้ อนึ่งสรอ.มีสิทธิตามกฎของ WTO ที่จะจำกัดโควตานำเข้าสิ่ง
ทอรายปีจากจีนจนกระทั่งปี 51 และก.พาณิชย์สรอ.เริ่มเข้มงวดในการนำเข้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มจากจีน
แล้ว (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 11/1/2548 10/1/2548 30/1/2547 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.23 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.0459/39.3308 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.1875-2.2000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 696.03/24.90 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,800/7,900 7,800/7,900 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 35.87 37.26 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 19.29*/14.59 19.29*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด ลิตรละ 30 สตางค์ เมื่อ 17 ธ.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท. เชื่อว่าเศรษฐกิจจะเติบโตตามที่คาดการณ์ไว้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการ
ธปท. เปิดเผยว่า ผลจากคลื่นสึนามิคงทำให้ภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบบ้าง แต่ยังเชื่อว่าอัตราการเติบโต
ทางเศรษฐกิจจะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ และดุลบัญชีเดินสะพัดในปีนี้ยังเป็นบวกและจะเกินดุลต่อเนื่องไปอีก 2-3
ปี เนื่องจาการบริโภคภายในประเทศและการส่งออกมีการขยายตัวในระดับที่ดี อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ธปท.
ประเมินว่าในปี 48 จีดีพีของไทยจะมีอัตราการเติบโตร้อยละ 5.5-6.5 และหลังจากคณะกรรมการนโยบายการ
เงินประชุมในวันที่ 19 ม.ค.นี้ คงจะมีการทบทวนอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอีกครั้ง (ข่าวสด, ไทยรัฐ)
2. ก.คลังเผยปี 47 เกินดุลกว่า 1.1 แสนล้าน นายสมชัย สัจจพงษ์ รอง ผอ.สนง.เศรษฐกิจ
การคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงฐานะการคลังภาคสาธารณะตามระบบ สศค. ในปี งปม.47 ว่ามีฐานะเกินดุลสูงถึง
110,291 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1.7 ของจีดีพี ซึ่งประกอบด้วยการเกินดุลการคลังของรัฐบาล 40,119
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.6 ของจีดีพี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เกินดุล 55,040 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ
0.9 ของจีดีพี และรัฐวิสาหกิจ เกินดุล 15,132 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.2 ของจีดีพี ทั้งนี้ เป็นผลจากรัฐบาล
มีนโยบายในการกระตุ้นและรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจ ส่วนผลกระทบของผลการดำเนินงานด้านการคลังของ
รัฐบาลปี งปม.47 ที่มีต่อภาคเศรษฐกิจนั้น ในด้านรายจ่ายเพื่อการบริโภคขั้นสุดท้ายของรัฐบาลที่ประกอบด้วยราย
จ่ายเงินเดือน ค่าจ้างการใช้สินค้าและบริการ มีจำนวน 654,637 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี งปม.46 ถึงร้อยละ
10.9 ส่วนรายจ่ายลงทุนของภาครัฐ มีจำนวน 119,814 ล้านบาท ลดลงจากปี งปม.46 ร้อยละ 6.7 สำหรับ
ภาคการเงินในปี งปม.47 รัฐบาลชดเชยการขาดดุลด้วยการออกตั๋วเงินคงคลังและพันธบัตร 60,000 และ
30,000 ล้านบาท ตามลำดับ (ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
3. คาด ธ.กลาง สรอ. จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งละ 0.25% ในเดือน ก.พ. และ มี.ค.48
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการธนาคารกลาง สรอ. หรือ เฟด ในวันที่ 1-2
ก.พ.นี้ อาจจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.25 เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจ สรอ. ยังคงชี้ถึงแนวโน้มการ
ขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยมีตัวแปรที่น่าสนใจ คือ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่มีการจ้าง
งานเพิ่มขึ้น 157,000 ตำแหน่ง แม้ว่าตัวเลขในเดือน ธ.ค.47 จะไม่แข็งแกร่งมากเท่าที่ตลาดคาดไว้ โดยเฟดน่า
จะทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมเดือน ก.พ. และ มี.ค.นี้ อีกครั้งละ 0.25% และอาจขยับขึ้นเป็น
ร้อยละ 3.0 ในเดือน พ.ค.48 ทำให้โดยรวมคาดว่าอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ณ ปลายปี 48 ไม่น่าจะต่ำกว่า
ระดับร้อยละ 3.50 ซึ่งการปรับขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวจะส่งผลกดดันต่อการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยของ ธปท.
แต่ขึ้นอยู่กับตัวเลขเงินเฟ้อและการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยด้วย โดยคาดว่า ณ ปลายปี 48 อัตราดอกเบี้ยซื้อ
คืนพันธบัตรระยะเวลา 14 วัน น่าจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.75 — 3.00 จากระดับร้อยละ 2.00 ณ ปลายปี 47 ที่
ผ่านมา (โพสต์ทูเดย์)
4. ไทยอาจขาดดุลการค้าครั้งแรกในรอบ 7 ปี ในปี 48 นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผอ.ศูนย์ศึกษาการ
ค้าระหว่างประเทศ ม.หอการค้าไทย เปิดเผยการคาดการณ์ภาวะส่งออกสินค้าไตรมาสแรก ปี 48 โดยวิจัยจาก
แบบจำลองและสำรวจผู้ประกอบการส่งออกรวม 1,551 ราย ว่า เศรษฐกิจไทยจะเป็นแบบ Sandwich
Economy คือ ยังเป็นเศรษฐกิจที่ต้องดิ้นรนและอยู่กึ่งกลางที่ถูกบีบจากประเทศที่ต้นทุนต่ำกว่า และประเทศที่พร้อม
ด้านเงินลงทุน เทคโนโลยีและการบริหารจัดการ ส่วนปัจจัยเสี่ยงคือการบริโภคของคนไทยที่ลดลง นโยบายประชา
นิยมของภาครัฐที่มีผลต่อความกังวลต่อหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น และศักยภาพทางการแข่งขัน ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจปี
48 จะขยายตัวร้อยละ 5.0 — 5.5 ลดลงจากร้อยละ 6.2 ในปี 47 โดยการส่งออกมีมูลค่า 109,147 ล้าน
ดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 12.5 การนำเข้ามีมูลค่า 110,062 ดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 14.8
ทำให้ขาดดุลการค้า 915 ล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งเป็นการขาดดุลการค้าครั้งแรกในรอบ 7 ปี จากที่ปีก่อนเกินดุล
1,460 ล้านดอลลาร์ สรอ. ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดยังคงเกินดุล 5,350 ล้านดอลลาร์ สรอ. แต่ลดลงจากปีก่อนที่
เกินดุล 6,870 ล้านดอลลาร์ สรอ. สาเหตุจากภาคบริการและการท่องเที่ยวที่มีรายได้ลดลงตั้งแต่ต้นปีจากเหตุ
การสึนามิ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการด้านส่งออกส่วนใหญ่ร้อยละ 61.9 ยังเห็นว่าการส่งออกไตรมาสแรกปีนี้จะ
เพิ่มขึ้น โดยร้อยละ 53.6 คาดว่ามูลค่าการส่งออกจะเพิ่มขึ้น และร้อยละ 57.8 เห็นว่าราคาสินค้าจะสูงขึ้น นอก
จากนี้ ร้อยละ 84.5 เห็นว่าราคาน้ำมันขณะนี้จะมีผลกระทบต่อต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้น (มติชน, กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ผู้ว่าการ ธ.กลางของประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 10 ประเทศหรือ G10 ยินดีที่ สรอ.ตั้งใจลด
การขาดดุลงบประมาณลง รายงานจากบาเซิล เมื่อ 10 ม.ค.47 ผู้ว่าการ ธ.กลางของประเทศอุตสาหกรรมชั้น
นำ 10 ประเทศหรือ G10 ยินดีกับความตั้งใจของ สรอ.ที่จะลดการขาดดุลงบประมาณลง โดย รมต.คลังของ
สรอ.กล่าวว่าเขาจะทำงานร่วมกับรัฐสภา สรอ.ในการพยายามลดการขาดดุลงบประมาณของ สรอ.ลงการขาดดุล
งบประมาณจำนวนมหาศาลของ สรอ.ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ สรอ.ลดต่ำลงในขณะนี้และอาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ
โลกที่คาดว่าจะขยายตัวอย่างน้อยประมาณร้อยละ 4 ในปีนี้ (รอยเตอร์)
2..EDB กำหนดเป้าหมายการลงทุนภาคอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ ในปี 48 จะชะลอตัวอยู่ที่จำนวน
8.0 พัน ล.ดอลลาร์สิงคโปร์ รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ 10 ม.ค.47 The Economic Development Board
(EDB) ซึ่งเป็นคณะกรรมการส่งเสริมโครงสร้างภาคการค้าของสิงคโปร์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันการลงทุนของสิงคโปร์
ได้มุ่งสู่ภาคบริการมากขึ้น ซึ่งเป็นเครื่องสะท้อนว่าสิงคโปร์จะเลิกพึ่งพาการส่งออกสินค้าทีเกิดจากโรงงานที่ใช้
เทคโนโลยีต่ำ เนื่องจากมีการแข่งขันอย่างรุนแรงจากจีนและอินเดีย ทั้งนี้ EDB ได้กำหนดเป้าหมายการลงทุนภาค
อุตสาหกรรม.ในปี 48 ว่าจะมีมูลค่า 8.0 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (4.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ.) ลดลงจากปีก่อน
ที่มีมูลค่า 8.3 พัน ล.ดอลลาร์สิงคโปร์ แต่เพิ่มขึ้นจากปี 46 ที่มีมูลค่า 7.5 พัน ล.ดอลลาร์สิงคโปร์ (จากการ
ระบาดของโรคไข้หวัดซาร์สที่ส่งผลให้บางธุรกิจต้องระงับการใช้จ่ายด้านโรงงาน) ซึ่งประธาน EDB กล่าวคาด
การณ์ถึงเหตุการณ์บางอย่างในปี 48 ที่ส่งผลต่อการลงทุนภาคอุตสาหกรรมว่า มีสัญญาณของการชะลอตัวใน
อุตสาหกรรมภาคอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งผลกระทบจากการอ่อนค่าของเงินสกุลดอลลาร์ สรอ. การแข่งขันของค่าเงิน
ยูโร ประกอบกับความผันผวนของราคาน้ำมันในปัจจุบัน นอกจากนี้ EDB ยังได้ประมาณการการเพิ่มขึ้นของการลง
ทุนภาคบริการในปี 48 ว่าจะมีมูลค่า 2.4 พัน ล.ดอลลาร์สิงคโปร์จาก 2.3 และ 1.9 พัน ล.ดอลลาร์ สิงคโปร์
ในปี 47 และ 46 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ในปี 47 ที่ผ่านมารัฐบาลสามารถบรรลุเป้าหมายการลงทุนภาค
อุตสาหกรรมที่ระดับ 8.0 พัน ล.ดอลลาร์สิงคโปร์และ 2.0 พัน ล.ดอลลาร์สิงคโปร์สำหรับภาคบริการ สะท้อนให้
เห็นถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์ โดยในปี 47 เศรษฐกิจสิงคโปร์ขยายตัวถึงร้อยละ 8.1 อันเป็น
อัตราการเติบโตสูงสุดในรอบ 4 ปี และขยายตัวรวดเร็วเป็นอันดับที่ 2 ในเอเชีย รองจากประเทศจีน ทั้งนี้ ภาค
อุตสาหกรรมเป็นภาคเศรษฐกิจสำคัญที่มีผลต่อเศรษฐกิจของสิงคโปร์ (ที่มีมูลค่า 95 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) โดยมี
สัดส่วนถึง 1 ใน 3 ของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) (รอยเตอร์)
3. คาดว่ายอดขาดดุลการค้าของ สรอ.ในเดือน พ.ย.47 จะลดลง รายงานจากนิวยอร์กเมื่อ
10 ม.ค.48 รอยเตอร์เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งคาดว่าดุลการค้าของ สรอ.ใน
เดือน พ.ย.47 จะขาดดุลลดลงเหลือ 54.00 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. จากระดับ 55.46 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ใน
เดือนก่อน สาเหตุจากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงส่งผลให้มูลค่าการนำเข้าน้ำมันของ สรอ.ลดลงตาม ประกอบกับ
การที่เงินดอลลาร์ สรอ.อ่อนค่าลง เป็นปัจจัยสนับสนุนให้มูลค่าการส่งออกของ สรอ.เพิ่มขึ้น อนึ่ง การที่เงิน
ดอลลาร์ สรอ.อ่อนค่าลง ส่งผลให้สินค้าส่งออกราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้า แต่ทำให้สินค้านำเข้าราคา
แพงขึ้น อย่างไรก็ตาม การเติบโตของการส่งออกจะต้องสูงกว่าการนำเข้าถึง 1.5 เท่า จึงจะทำให้ สรอ.ไม่
ประสบภาวะการขาดดุลการค้า (รอยเตอร์)
4. สรอ.กล่าวว่าภาษีสิ่งทอของจีนไม่สอดคล้องกับกฎของ WTO รายงานจากฮ่องกง เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 48 สรอ.เห็นว่าการที่จีนจัดเก็บภาษีส่งออกสิ่งทอจากผู้ส่งออกร้อยละ 2 — 4 เมื่อเดือนที่แล้วไม่สอดคล้อง
ตามกฎขององค์การการค้าโลก (WTO) และไม่มีผลต่อเศรษฐกิจเนื่องจากภาษีที่จีนจัดเก็บจากผู้ส่งออกของจีนเป็น
อัตราที่ต่ำเกินไป ซึ่งส่งผลกระทบต่อสรอ.มากและเห็นว่าจีนควรเปิดตลาดสิ่งทอเพื่อนำเข้าสิ่งทอจากทั่วโลก และ
ขจัดการจัดเก็บค่าธรรมเนียมนำเข้าสิ่งทอที่ส่งผลให้สินค้าสิ่งทอของจีนมีราคาถูกกว่าแหล่งอื่น ซึ่งไม่เป็นธรรม ทั้งนี้
การที่จีนดำเนินการดังกล่าวเพื่อลดความขัดแย้งทางการค้าเนื่องจากผู้ผลิตสิ่งทอทั่วโลกเกรงว่าธุรกิจจะขาดทุนจาก
การที่โควตาส่งออกสิ่งทอของจีนจะหมดอายุในเดือนนี้ อนึ่งสรอ.มีสิทธิตามกฎของ WTO ที่จะจำกัดโควตานำเข้าสิ่ง
ทอรายปีจากจีนจนกระทั่งปี 51 และก.พาณิชย์สรอ.เริ่มเข้มงวดในการนำเข้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มจากจีน
แล้ว (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 11/1/2548 10/1/2548 30/1/2547 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.23 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.0459/39.3308 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.1875-2.2000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 696.03/24.90 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,800/7,900 7,800/7,900 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 35.87 37.26 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 19.29*/14.59 19.29*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด ลิตรละ 30 สตางค์ เมื่อ 17 ธ.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--