นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงบทบาทของประเทศไทยในการประชุมเอเปคครั้งที่ 13 ว่าเวลานี้ประเด็นของเอเปค ถ้าทบทวนดูโดยเริ่มจากมุมมองทางเศรษฐกิจ การที่จะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเปิดเสรีในระดับของพหุภาคี เป็นเรื่องสำคัญ แต่ว่าขณะเดียวกันตนคิดว่าขณะนี้สิ่งที่เป็นปัญหาภัยคุกคามทางเศรษฐกิจจะมีหลายเรื่องหลายด้านหลายมิติด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการก่อการร้าย โรคระบาด ปัญหาความขัดแย้งกันในทางสังคม เพราะฉะนั้นตนคิดว่าเวทีเอเปคน่าจะต้องนำไปพิจารณาด้วย ในแง่ของการขับเคลื่อนเพื่อให้เศรษฐกิจของภูมิภาคมีความก้าวหน้าต่อไป โดยภาพรวมของเมืองไทยวันนี้ เท่าที่ฟังจากรัฐบาลที่มองว่าวันนี้กระแสต่าง ๆ รุมเร้าหลายด้านทั้งม็อบครู ม็อบกฟผ. และยังม็อบสวนลุม
“ปมปัญหาความขัดแย้งหลาย ๆ อย่าง เกิดขึ้นจากแนวทางการบริหารของรัฐบาล อย่างเช่นกรณีครูกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการที่รัฐบาลไม่พยายามผลักดันนโยบายปฏิรูปการศึกษาและการกระจายอำนาจอย่างจริงจัง แต่กลับเอาประเด็นนี้มาเล่นการเมืองบ้าง หาเสียงทางการเมืองบ้าง จนเกิดการเผชิญหน้าอย่างนี้เป็นต้น หรือการแปรรูปก็เช่นเดียวกัน ว่าความรีบร้อนในการที่จะขายอำนาจการผูกขาดมากกว่าการปรับโครงสร้างกิจการไฟฟ้าให้ชัดเจน ก็เป็นที่มาของปัญหา ส่วนความอึดอัดหรือความขัดแย้งอื่น ๆ ผมเคยเป็นฝ่ายเตือนรัฐบาลเองว่าเป็นเพราะรัฐบาลพยายามไปปิดกั้นพื้นที่การแสดงออกทุกทาง ที่น่าเสียใจในวันนี้ก็คือว่านอกจากทางผู้นำรัฐบาลยังไม่ยอมเข้าใจอย่างนี้แล้ว ยังขาดความกล้าหาญ ในสถานการณ์ที่เกิดความสับสนมาก ๆ มีแต่ผู้นำประเทศต้องทำความชัดเจน ไม่ใช่อ้างดาวพุธ ไม่ใช่อ้างอะไรก็ตามที่จะบอกว่าขอไม่พูด แต่เพราะว่ากลัวเพลี่ยงพล้ำทางการเมือง หรือว่ากลัวไม่สามารถควบคุมสติอารมณ์ของตัวเองได้ อันนี้ไม่ใช่วิสัยของผู้นำ ผู้นำเวลาประเทศมีปัญหาต้องออกมายืนข้างหน้าและก็พูดด้วยความชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร และก็ต้องยอมรับได้ว่าถ้ามีคนจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ตามกระบวนการของวิถีทางประชาธิปไตย” ผู้นำฝ่ายค้านกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 พ.ย.2548--จบ--
“ปมปัญหาความขัดแย้งหลาย ๆ อย่าง เกิดขึ้นจากแนวทางการบริหารของรัฐบาล อย่างเช่นกรณีครูกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการที่รัฐบาลไม่พยายามผลักดันนโยบายปฏิรูปการศึกษาและการกระจายอำนาจอย่างจริงจัง แต่กลับเอาประเด็นนี้มาเล่นการเมืองบ้าง หาเสียงทางการเมืองบ้าง จนเกิดการเผชิญหน้าอย่างนี้เป็นต้น หรือการแปรรูปก็เช่นเดียวกัน ว่าความรีบร้อนในการที่จะขายอำนาจการผูกขาดมากกว่าการปรับโครงสร้างกิจการไฟฟ้าให้ชัดเจน ก็เป็นที่มาของปัญหา ส่วนความอึดอัดหรือความขัดแย้งอื่น ๆ ผมเคยเป็นฝ่ายเตือนรัฐบาลเองว่าเป็นเพราะรัฐบาลพยายามไปปิดกั้นพื้นที่การแสดงออกทุกทาง ที่น่าเสียใจในวันนี้ก็คือว่านอกจากทางผู้นำรัฐบาลยังไม่ยอมเข้าใจอย่างนี้แล้ว ยังขาดความกล้าหาญ ในสถานการณ์ที่เกิดความสับสนมาก ๆ มีแต่ผู้นำประเทศต้องทำความชัดเจน ไม่ใช่อ้างดาวพุธ ไม่ใช่อ้างอะไรก็ตามที่จะบอกว่าขอไม่พูด แต่เพราะว่ากลัวเพลี่ยงพล้ำทางการเมือง หรือว่ากลัวไม่สามารถควบคุมสติอารมณ์ของตัวเองได้ อันนี้ไม่ใช่วิสัยของผู้นำ ผู้นำเวลาประเทศมีปัญหาต้องออกมายืนข้างหน้าและก็พูดด้วยความชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร และก็ต้องยอมรับได้ว่าถ้ามีคนจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ตามกระบวนการของวิถีทางประชาธิปไตย” ผู้นำฝ่ายค้านกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 พ.ย.2548--จบ--