กรุงเทพ--18 ต.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
วันนี้ ( 18 ต.ค. 42) นาย William Fischer เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทยได้เข้าเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการกับ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเพื่อเตรียมการเกี่ยวกับการเยือนของนาย Alexander Downer รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย ซึ่งจะเดินทางมาเยือนประเทศไทยในวันที่ 19 ตุลาคม 2542 ภายหลังการหารือ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ ฯ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. ความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกองกำลังรักษาสันติภาพไทยและออสเตรเลียในกองกำลังนานาชาติ INTERFET เป็นไปอย่างดียิ่ง และคาดว่าเมื่อกองกำลังหลักของไทยเดินทางไปถึง ความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกองกำลังทั้งสองประเทศจะยังคงดำเนินต่อไป
2. ออท. Fischer ได้แจ้งให้รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ทราบว่า ขณะนี้ออสเตรเลีย และประเทศอื่นๆ ได้พยายามขยายวงของประเทศต่างๆ ที่จะส่งกองกำลังเข้าร่วม INTERFET มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในทวีปแอฟริกาเช่น แอฟริกาใต้ ซิมบับเว เป็นต้น ซึ่ง ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ฯ ได้ให้ความเห็นว่าการที่มีกองกำลังของประเทศต่างๆ เข้าร่วมใน INTERFET มากขึ้นจะส่งผลให้ มีความชอบธรรม ความเข้มแข็งตลอดจนมีความเป็นกลางมากยิ่งขึ้น
3. ออท. Fischer ได้ยืนยันว่า รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศสบทบทุน Trust Fund เป็นเงิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐและรัฐบาลโปรตุเกสประกาศสบทบทุนเป็นเงิน 5 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่เนื่องจากเหตุผลทางด้านขั้นตอนงบประมาณของญี่ปุ่นส่งผลให้การเบิกจ่ายเงินจะทำได้ในช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายน ศกนี้ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ฯ กล่าวว่า "ไทยจะสามารถเบิกค่าใช้จ่ายที่สำรองออกไปกลับคืนมาได้ราวเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เร็วมาก" ทั้งนี้ ออท. Fischer ได้กล่าวด้วยว่า หากไทยมีปัญหาด้านงบประมาณ รัฐบาลออสเตรเลียก็พร้อมจะให้ความช่วยเหลือ และว่ารัฐบาลออสเตรเลียจะสนับสนุนให้สามารถเบิกจ่ายได้เป็นรายเดือนโดยในชั้นนี้ ประเทศที่จะสามารถเบิกจ่ายรายเดือนได้มีเพียงประเทศไทยและฟิลิปปินส์ อีกทั้งรัฐบาลออสเตรเลียจะให้ความสนับสนุนด้านค่าใช้จ่ายในการส่งกองกำลังในการสนับสนุนและค่าขนส่งต่างๆ ทำให้ประเทศไทยสามารถลดจำนวนเงินที่ต้องสำรอง จ่ายได้
4. ออท. Fischer กล่าวว่า ขณะนี้ มีการเตรียมการเข้าสู่ Phase III กล่าวคือการส่งมอบติมอร์ตะวันออกให้อยู่ในความรับผิดชอบของสหประชาชาติ (UN) อย่างเต็มรูปแบบต่อไป ซึ่ง UN จะเข้าไปดูแลอย่างครบวงจร โดยใช้งบประมาณของ UN เพื่อเตรียมการมอบเอกราชให้แก่ติมอร์ตะวันออกต่อไป โดยจะมีการจัดตั้งองค์กรเข้ามาบริหารชั่วคราว (UN TransitionalAdministration in East Timor- UNTAET) ซึ่งคาดว่าจะมีประเทศต่างๆ เข้ามาร่วมกว่า 30 ประเทศ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติการนานาชาติที่ยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งของสหประชาชาติ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ฯ กล่าวว่า "เลขาธิการ UN จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะให้ใครดำรงตำแหน่งผู้แทนพิเศษของเลขาธิการ UN ในติมอร์ตะวันออก และตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติและเมื่อติมอร์ตะวันออกเป็นเอกราช ประเทศไทยก็จะมีความสัมพันธ์กับติมอร์ตะวันออกในลักษณะเดียวกับมิตรประเทศต่างๆ ของไทย"
5. ต่อข้อถามของผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับบทบาทของประเทศไทยใน Phase III นั้น ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ฯ กล่าวว่า ประเทศไทยมีความพร้อมในหลายๆ ด้าน หากมีข้อเสนอที่สร้างสรรค์ ไทยก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ--จบ--
วันนี้ ( 18 ต.ค. 42) นาย William Fischer เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทยได้เข้าเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการกับ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเพื่อเตรียมการเกี่ยวกับการเยือนของนาย Alexander Downer รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย ซึ่งจะเดินทางมาเยือนประเทศไทยในวันที่ 19 ตุลาคม 2542 ภายหลังการหารือ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ ฯ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. ความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกองกำลังรักษาสันติภาพไทยและออสเตรเลียในกองกำลังนานาชาติ INTERFET เป็นไปอย่างดียิ่ง และคาดว่าเมื่อกองกำลังหลักของไทยเดินทางไปถึง ความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกองกำลังทั้งสองประเทศจะยังคงดำเนินต่อไป
2. ออท. Fischer ได้แจ้งให้รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ทราบว่า ขณะนี้ออสเตรเลีย และประเทศอื่นๆ ได้พยายามขยายวงของประเทศต่างๆ ที่จะส่งกองกำลังเข้าร่วม INTERFET มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในทวีปแอฟริกาเช่น แอฟริกาใต้ ซิมบับเว เป็นต้น ซึ่ง ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ฯ ได้ให้ความเห็นว่าการที่มีกองกำลังของประเทศต่างๆ เข้าร่วมใน INTERFET มากขึ้นจะส่งผลให้ มีความชอบธรรม ความเข้มแข็งตลอดจนมีความเป็นกลางมากยิ่งขึ้น
3. ออท. Fischer ได้ยืนยันว่า รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศสบทบทุน Trust Fund เป็นเงิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐและรัฐบาลโปรตุเกสประกาศสบทบทุนเป็นเงิน 5 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่เนื่องจากเหตุผลทางด้านขั้นตอนงบประมาณของญี่ปุ่นส่งผลให้การเบิกจ่ายเงินจะทำได้ในช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายน ศกนี้ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ฯ กล่าวว่า "ไทยจะสามารถเบิกค่าใช้จ่ายที่สำรองออกไปกลับคืนมาได้ราวเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เร็วมาก" ทั้งนี้ ออท. Fischer ได้กล่าวด้วยว่า หากไทยมีปัญหาด้านงบประมาณ รัฐบาลออสเตรเลียก็พร้อมจะให้ความช่วยเหลือ และว่ารัฐบาลออสเตรเลียจะสนับสนุนให้สามารถเบิกจ่ายได้เป็นรายเดือนโดยในชั้นนี้ ประเทศที่จะสามารถเบิกจ่ายรายเดือนได้มีเพียงประเทศไทยและฟิลิปปินส์ อีกทั้งรัฐบาลออสเตรเลียจะให้ความสนับสนุนด้านค่าใช้จ่ายในการส่งกองกำลังในการสนับสนุนและค่าขนส่งต่างๆ ทำให้ประเทศไทยสามารถลดจำนวนเงินที่ต้องสำรอง จ่ายได้
4. ออท. Fischer กล่าวว่า ขณะนี้ มีการเตรียมการเข้าสู่ Phase III กล่าวคือการส่งมอบติมอร์ตะวันออกให้อยู่ในความรับผิดชอบของสหประชาชาติ (UN) อย่างเต็มรูปแบบต่อไป ซึ่ง UN จะเข้าไปดูแลอย่างครบวงจร โดยใช้งบประมาณของ UN เพื่อเตรียมการมอบเอกราชให้แก่ติมอร์ตะวันออกต่อไป โดยจะมีการจัดตั้งองค์กรเข้ามาบริหารชั่วคราว (UN TransitionalAdministration in East Timor- UNTAET) ซึ่งคาดว่าจะมีประเทศต่างๆ เข้ามาร่วมกว่า 30 ประเทศ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติการนานาชาติที่ยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งของสหประชาชาติ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ฯ กล่าวว่า "เลขาธิการ UN จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะให้ใครดำรงตำแหน่งผู้แทนพิเศษของเลขาธิการ UN ในติมอร์ตะวันออก และตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติและเมื่อติมอร์ตะวันออกเป็นเอกราช ประเทศไทยก็จะมีความสัมพันธ์กับติมอร์ตะวันออกในลักษณะเดียวกับมิตรประเทศต่างๆ ของไทย"
5. ต่อข้อถามของผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับบทบาทของประเทศไทยใน Phase III นั้น ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ฯ กล่าวว่า ประเทศไทยมีความพร้อมในหลายๆ ด้าน หากมีข้อเสนอที่สร้างสรรค์ ไทยก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ--จบ--