กรุงเทพ--22 ก.พ.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2542 ฯพณฯ มรว. สุขุมพันธ์ บริพัตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนาย Khong Sam Nuon รองรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ของกัมพูชาได้ร่วมหารือและลงนามในเอกสารแถลงข่าวร่วมเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาด้านทุ่นระเบิด (Joint Press Statement on Cooperation on Mine Action between Thailand and Cambodia) ณ ศาลาศูนย์วัฒนธรรมผามออีแดง เชิงเขาพระวิหาร อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีคณะทูตต่างประเทศและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งจากกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม กองบัญชาการทหารสูงสุด กองทัพบก จังหวัดศรีสะเกษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นพยาน
เอกสารแถลงข่าวร่วมดังกล่าวเป็นการแสดงเจตจำนงของทั้งสองประเทศที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหาทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ตกค้างอยู่เป็นจำนวนมากที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาโดยมีจุดมุ่งหมายที่จะให้ประชาชนของทั้งสองประเทศสามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างสะดวกสบาย เพื่อนำไปสู่การพัฒนาพื้นที่บริเวณดังกล่าวทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยว ในโอกาสนี้ ทั้งสองประเทศได้ร่วมกันเรียกร้องต่อประชาคมระหว่างประเทศให้ความช่วยเหลือทั้งด้านวิชาการและการเงินต่อศูนย์ทุ่นระเบิดแห่งชาติ (Thailand Mine Action Centre - TMAC) ของประเทศไทย และ Cambodian Mine Action Centre (CMAC) เพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ของไทยและกัมพูชาที่จะพยายามกำจัดทุ่นระเบิดบริเวณดังกล่าวให้หมดไปภายใน 3 ปี ทั้งนี้ ถ้อยแถลงดังกล่าวได้ระบุด้วยว่า ศูนย์ทั้งสองจะดำเนินการโดยเร็วเพื่อร่วมกันจัดทำโครงการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและโครงการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
การแก้ปัญหาเกี่ยวกับทุ่นระเบิดนี้เป็นการยึดถือตามแนวทางและหลักการของอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ สะสม ผลิตและโอน และการทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) ซึ่งทั้งสองประเทศได้ลงนามไปแล้ว โดยในส่วนของประเทศไทย ฯพณฯ มรว. สุขุมพันธ์ บริพัตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2540 ณ กุรงออตตาวา และต่อมาไทยได้ยื่นสัตยาบันสารต่อสหประชาชาติเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2541 นอกจากนั้น การแก้ปัญหาเกี่ยวกับทุ่นระเบิดยังเป็นไปตามหลักการกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และกฏหมายระหว่างประเทศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสอดคล้องกับผลการหารือข้อราชการระหว่าง ฯพณฯนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชาเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2541 และการประชุม 3 ฝ่ายระหว่างไทย กัมพูชา และ UNHCR เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งที่ประชุมดังกล่าวได้เล็งเห็นว่า TMAC และ CMAC ต้องมีความร่วมมือกันโดยเร็วที่สุด
ทั้งสองฝ่ายเห็น พ้องว่า ความร่วมมือระหว่างไทยกับกัมพูชาในการแก้ปัญหาทุ่นระเบิดจะเป็นก้าวหนึ่งที่จะส่งเสริมความร่วมมือบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาด้านอื่นๆ และได้แสดงความหวังว่า จะมีการแก้ไขปัญหาชายแดนอื่นๆ ระหว่างกันเพื่อให้ชายแดนไทย-กัมพูชามีสันติภาพและความร่วมมือระหว่างกันในอนาคตอันใกล้
อนึ่ง ในพิธีการลงนามข้างต้น มีเอกอัครราชทูต และผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ เข้าร่วมดังนี้ นอร์เวย์ แคนาดา ออสเตรีย สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เบลเยี่ยม เยอรมนี ออสเตรเลีย ที่ปรึกษาคณะผู้แทน EU นอกจากนี้ ยังมีผู้แทนองค์การระหว่างประเทศต่างๆ คือผู้แทน UNDP ICRC และ UNICEF ในโอกาสนี้ ทางการไทย และกัมพูชาได้ขอให้ประเทศต่างๆ ดังกล่าวพิจารณาให้การสนับสนุนการดำเนินงานของ TMAC-CMAC ต่อไปด้วย--จบ--
เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2542 ฯพณฯ มรว. สุขุมพันธ์ บริพัตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนาย Khong Sam Nuon รองรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ของกัมพูชาได้ร่วมหารือและลงนามในเอกสารแถลงข่าวร่วมเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาด้านทุ่นระเบิด (Joint Press Statement on Cooperation on Mine Action between Thailand and Cambodia) ณ ศาลาศูนย์วัฒนธรรมผามออีแดง เชิงเขาพระวิหาร อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีคณะทูตต่างประเทศและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งจากกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม กองบัญชาการทหารสูงสุด กองทัพบก จังหวัดศรีสะเกษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นพยาน
เอกสารแถลงข่าวร่วมดังกล่าวเป็นการแสดงเจตจำนงของทั้งสองประเทศที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหาทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ตกค้างอยู่เป็นจำนวนมากที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาโดยมีจุดมุ่งหมายที่จะให้ประชาชนของทั้งสองประเทศสามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างสะดวกสบาย เพื่อนำไปสู่การพัฒนาพื้นที่บริเวณดังกล่าวทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยว ในโอกาสนี้ ทั้งสองประเทศได้ร่วมกันเรียกร้องต่อประชาคมระหว่างประเทศให้ความช่วยเหลือทั้งด้านวิชาการและการเงินต่อศูนย์ทุ่นระเบิดแห่งชาติ (Thailand Mine Action Centre - TMAC) ของประเทศไทย และ Cambodian Mine Action Centre (CMAC) เพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ของไทยและกัมพูชาที่จะพยายามกำจัดทุ่นระเบิดบริเวณดังกล่าวให้หมดไปภายใน 3 ปี ทั้งนี้ ถ้อยแถลงดังกล่าวได้ระบุด้วยว่า ศูนย์ทั้งสองจะดำเนินการโดยเร็วเพื่อร่วมกันจัดทำโครงการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและโครงการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
การแก้ปัญหาเกี่ยวกับทุ่นระเบิดนี้เป็นการยึดถือตามแนวทางและหลักการของอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ สะสม ผลิตและโอน และการทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) ซึ่งทั้งสองประเทศได้ลงนามไปแล้ว โดยในส่วนของประเทศไทย ฯพณฯ มรว. สุขุมพันธ์ บริพัตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2540 ณ กุรงออตตาวา และต่อมาไทยได้ยื่นสัตยาบันสารต่อสหประชาชาติเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2541 นอกจากนั้น การแก้ปัญหาเกี่ยวกับทุ่นระเบิดยังเป็นไปตามหลักการกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และกฏหมายระหว่างประเทศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสอดคล้องกับผลการหารือข้อราชการระหว่าง ฯพณฯนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชาเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2541 และการประชุม 3 ฝ่ายระหว่างไทย กัมพูชา และ UNHCR เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งที่ประชุมดังกล่าวได้เล็งเห็นว่า TMAC และ CMAC ต้องมีความร่วมมือกันโดยเร็วที่สุด
ทั้งสองฝ่ายเห็น พ้องว่า ความร่วมมือระหว่างไทยกับกัมพูชาในการแก้ปัญหาทุ่นระเบิดจะเป็นก้าวหนึ่งที่จะส่งเสริมความร่วมมือบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาด้านอื่นๆ และได้แสดงความหวังว่า จะมีการแก้ไขปัญหาชายแดนอื่นๆ ระหว่างกันเพื่อให้ชายแดนไทย-กัมพูชามีสันติภาพและความร่วมมือระหว่างกันในอนาคตอันใกล้
อนึ่ง ในพิธีการลงนามข้างต้น มีเอกอัครราชทูต และผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ เข้าร่วมดังนี้ นอร์เวย์ แคนาดา ออสเตรีย สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เบลเยี่ยม เยอรมนี ออสเตรเลีย ที่ปรึกษาคณะผู้แทน EU นอกจากนี้ ยังมีผู้แทนองค์การระหว่างประเทศต่างๆ คือผู้แทน UNDP ICRC และ UNICEF ในโอกาสนี้ ทางการไทย และกัมพูชาได้ขอให้ประเทศต่างๆ ดังกล่าวพิจารณาให้การสนับสนุนการดำเนินงานของ TMAC-CMAC ต่อไปด้วย--จบ--