ภาวะเงินเฟ้อ เกิดขึ้น ใน 2 ลักษณะ
ลักษณะที่ 1 คือ DEMAND PULL คือ ประชาชนมีความต้องการในสินค้าและบริการมากขึ้น ขณะที่สินค้ามีน้อยกว่าความต้องการ ทำให้เกิดความต้องการมากกว่าสินค้า ราคาสินค้าจึงแพงขึ้นเรื่อย ๆ ประชาชนต้องใช้เงินจำนวนมากขึ้น ซื้อสินค้าได้จำนวนเท่าเดิม
กรณีที่ 2 Cost Push (ถ้าจำไม่ผิด) หมายถึง ภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการสูงขึ้น เรื่อย ๆ (กรณีประเทศไทย ภาวะเงินเฟ้อปัจจุบันเกิดจากสาเหตุนี้เป็นหลักเนื่องจาก ปัจจัยการผลิตที่สำคัญคือราคาน้ำมัน ทำให้ต้นทุนสินค้าและบริการแพงขึ้น เมื่อราคาสินค้าและบริการแพงมากขึ้น ค่าจ้างแรงงานเดิมจะมีค่าเงินน้อยลงเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อตามที่กล่าวแล้วข้างต้น ดังนั้น การเพิ่มค่าแรงด้านหนึ่งทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น (ของแพง) แต่ในด้านกลับกัน ค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ก็เป็นต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการตัวหนึ่ง ทำให้สินค้าและบริการมีต้นทุนสูงขึ้น ราคาก็แพงขึ้นเช่น กัน กรณีการขาดดุลการค้า โดยหลักใหญ่คือ สินค้าส่งออกน้อยกว่า ซื้อสินค้าจากต่างประเทศเข้ามา (กรณีของไทยปัจจุบัน การขาดดุลการค้า มีสาเหตุจากการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศเนื่องจากประเทศไทยไม่ได้เป็นผู้ผลิตน้ำมันได้มากเท่ากับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ) ดังนั้น เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นตามมาจากการขาดดุลการค้าคือ ค่าเงินบาทอ่อนตัวลง หมายความว่า ประเทศไทยต้องใช้เงินบาทมากขึ้น ในการซื้อสินค้าจากต่างประเทศในจำนวนเท่าเดิม
กล่าวโดยสรุป ผลต่อเศรษฐกิจไทย ตามปัจจัยเรื่องภาวะเงินเฟ้อ การขาดดุลการค้า ภาวะราคาน้ำมันสูงขึ้น และค่าแรงเพิ่มขึ้น เป็นสัญญาณที่แสดงว่า เศรษฐกิจไทยเริ่มมีปัญหา เงินในกระเป๋าของประชาชน น้อยลง ของแพงขึ้น คนจะซื้อสินค้าและบริการน้อยลง บริษัทห้างร้านที่ผลิตสินค้าและบริการก็จะขายของได้น้อยลง ผู้ผลิตสินค้าและบริการมีต้นทุนการผลิตสุงขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันและค่าแรงที่เพิ่มขึ้น แต่ของขายได้น้อยลง ก็จะลดกำลังการผลิตลง หากเหตุการณ์รุนแรงมากขึ้น ก็จะมีการปลดคนงานเพื่อลดค่าใช้จ่าย คนตกงานก็ไม่มีกำลังซื้อ ดังนั้น เศรษฐกิจหดตัวลง หากตัวเลข GDP ปี 47 เท่ากัน 5.8 แต่ปี 48 ตัวเลขออกมาเป็น 4.5 ถือว่าเศรษฐกิจชะลอตัวลง หากตัวเลข GDP ต่ำกว่าตัวเลขเงินเฟ้อหมายถึง เศรษฐกิจไทย กำลังถดถอย
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-
ลักษณะที่ 1 คือ DEMAND PULL คือ ประชาชนมีความต้องการในสินค้าและบริการมากขึ้น ขณะที่สินค้ามีน้อยกว่าความต้องการ ทำให้เกิดความต้องการมากกว่าสินค้า ราคาสินค้าจึงแพงขึ้นเรื่อย ๆ ประชาชนต้องใช้เงินจำนวนมากขึ้น ซื้อสินค้าได้จำนวนเท่าเดิม
กรณีที่ 2 Cost Push (ถ้าจำไม่ผิด) หมายถึง ภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการสูงขึ้น เรื่อย ๆ (กรณีประเทศไทย ภาวะเงินเฟ้อปัจจุบันเกิดจากสาเหตุนี้เป็นหลักเนื่องจาก ปัจจัยการผลิตที่สำคัญคือราคาน้ำมัน ทำให้ต้นทุนสินค้าและบริการแพงขึ้น เมื่อราคาสินค้าและบริการแพงมากขึ้น ค่าจ้างแรงงานเดิมจะมีค่าเงินน้อยลงเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อตามที่กล่าวแล้วข้างต้น ดังนั้น การเพิ่มค่าแรงด้านหนึ่งทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น (ของแพง) แต่ในด้านกลับกัน ค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ก็เป็นต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการตัวหนึ่ง ทำให้สินค้าและบริการมีต้นทุนสูงขึ้น ราคาก็แพงขึ้นเช่น กัน กรณีการขาดดุลการค้า โดยหลักใหญ่คือ สินค้าส่งออกน้อยกว่า ซื้อสินค้าจากต่างประเทศเข้ามา (กรณีของไทยปัจจุบัน การขาดดุลการค้า มีสาเหตุจากการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศเนื่องจากประเทศไทยไม่ได้เป็นผู้ผลิตน้ำมันได้มากเท่ากับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ) ดังนั้น เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นตามมาจากการขาดดุลการค้าคือ ค่าเงินบาทอ่อนตัวลง หมายความว่า ประเทศไทยต้องใช้เงินบาทมากขึ้น ในการซื้อสินค้าจากต่างประเทศในจำนวนเท่าเดิม
กล่าวโดยสรุป ผลต่อเศรษฐกิจไทย ตามปัจจัยเรื่องภาวะเงินเฟ้อ การขาดดุลการค้า ภาวะราคาน้ำมันสูงขึ้น และค่าแรงเพิ่มขึ้น เป็นสัญญาณที่แสดงว่า เศรษฐกิจไทยเริ่มมีปัญหา เงินในกระเป๋าของประชาชน น้อยลง ของแพงขึ้น คนจะซื้อสินค้าและบริการน้อยลง บริษัทห้างร้านที่ผลิตสินค้าและบริการก็จะขายของได้น้อยลง ผู้ผลิตสินค้าและบริการมีต้นทุนการผลิตสุงขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันและค่าแรงที่เพิ่มขึ้น แต่ของขายได้น้อยลง ก็จะลดกำลังการผลิตลง หากเหตุการณ์รุนแรงมากขึ้น ก็จะมีการปลดคนงานเพื่อลดค่าใช้จ่าย คนตกงานก็ไม่มีกำลังซื้อ ดังนั้น เศรษฐกิจหดตัวลง หากตัวเลข GDP ปี 47 เท่ากัน 5.8 แต่ปี 48 ตัวเลขออกมาเป็น 4.5 ถือว่าเศรษฐกิจชะลอตัวลง หากตัวเลข GDP ต่ำกว่าตัวเลขเงินเฟ้อหมายถึง เศรษฐกิจไทย กำลังถดถอย
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-