แท็ก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
สนามบินสุวรรณภูมิ
พรรคประชาธิปัตย์
กระทรวงยุติธรรม
ตลาดหลักทรัพย์
สภาผู้แทนราษฎร
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการตรวจสอบกรณีที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐและคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ของสหรัฐอเมริการะบุอาจมีความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดในโครงการสนามบินสุวรรณภูมิว่า ตอนนี้พรรคได้มอบหมายให้หลายคนในพรรคไปติดตามอาทิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นประธานคณะทำงานของพรรคในด้านการสื่อสารคมนาคม เทคโนโลยี นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรค ซึ่งเคยได้รับมอบหมายจากพรรคไปติดตามเรื่องการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ รวมทั้งนายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี ทำหน้าที่ติดตามเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น และในวันนี้ก็จะมีการถามกระทู้สดในสภาผู้แทนราษฎร ขณะเดียวกันทราบว่ามีคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร 2 ชุดที่ได้รับเรื่องนี้ไปแล้ว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ตนอยากเห็นรัฐบาลทำ คือ 1.ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้ โดยใช้บุคคลที่สังคมให้การยอมรับ มีความมั่นใจในความเป็นกลาง เพื่อตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา 2.อยากให้รัฐบาลให้ความร่วมมือกับการตรวจสอบที่ทำขึ้นโดยคณะอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาผู้แทนราษฎร ฝ่ายค้าน หรือสื่อสารมวลชน และ3. ตนคิดว่าข้อเท็จทั้งหลายที่เกี่ยวข้องน่าจะมีการเปิดเผย เช่นสัญญาที่ทำกันระหว่างทางบทม. กับทางกลุ่มผู้ชนะการประมูลก่อสร้าง กับสัญญาระหว่างบริษัทด้วยกันเอง ซึ่งทั้งหมดนี้มีความจำเป็นที่จะต้องทำ เพื่อไม่ให้ประเทศเสียชื่อเสียง เนื่องจากการกล่าวหาหรือข้อเท็จจริงที่ปรากฎ ไปปรากฎเป็นข้อมูลสาธารณะไปทั่วโลก ดังนั้นจึงคิดว่าคงไม่เพียงพอหากรัฐบาลจะปัดเรื่องนี้เพียงแค่ว่าข้อมูลไม่น่าเชื่อถือ หรือไปกล่าวอ้างบุคคลภายนอกว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไร
“ผมคิดว่าเราควรจะได้รักษาชื่อเสียงของเราด้วยการสามารถชี้แจงเรื่องทั้งหมดว่าเป็นอย่างไร ถ้าไม่มีการกระทำผิด ก็ควรจะมีข้อมูลที่มีน้ำหนักที่จะชี้แจงได้ ถ้ามีการกระทำผิด ก็ต้องเอาคนที่ทำผิดมาลงโทษจึงจะทำให้เกิดระบบการบริหารจัดการที่ดี หรือธรรมาภิบาลได้ ดังนั้นนี่คือแนวทางที่คิดว่ารัฐบาลน่าจะต้องทำ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
สำหรับกรณีที่รัฐบาลแก้ปัญหาด้วยการซื้อตรงจากบริษัทโดยไม่ผ่านคนกลางนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปัญหาที่ผ่านมาเกิดขึ้นจากการที่มีการดำเนินการผ่านคนกลาง ดังนั้นการปรับเปลี่ยนมาขายตรง ก็เป็นการแก้ปัญหา เมื่อบริษัทนั้นถูกทางการสหรัฐกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมาย เพราะได้มีการกล่าวอ้างว่าการติดสินบนเกิดขึ้นจากการผ่านคนกลาง ดังนั้นตรงนี้เป็นจุดที่ตนคิดว่า เราต้องเอาข้อเท็จจริงออกมา เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะฉะนั้นบริษัทที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางนั้น รัฐบาลต้องเปิดเผยออกมาว่าเป็นใคร มีความสัมพันธ์กับใครบ้าง กับพรรคการเมืองหรือไม่ กับกทม.หรือไม่ หรือกับกระทรวงอะไรหรือไม่ เพื่อจะได้เห็นภาพที่ชัดเจน จะได้มีการชี้แจงกันไป
ส่วนกรณีที่รัฐบาลโยนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะสื่อมวลชนนำเสนอข้อมูลผิดพลาดนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ข้อมูลเหล่านั้นเป็นข้อมูลสาธารณะที่ทางการของต่างประเทศได้นำเสนอ เราก็ต้องให้ความสำคัญในการที่จะแก้ไขหรือชี้แจง ถ้าคลาดเคลื่อน แต่หากไม่คลาดเคลื่อนก็เป็นเรื่องใหญ่ที่เราต้องดำเนินการ ฉะนั้นตนคิดว่าไม่ควรพยายามที่จะปัดให้เรื่องพ้นไป เพราะถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญที่กระทบต่อชื่อเสียงประเทศและกระทบต่อผลประโยชน์ของส่วนรวมด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าอยากเห็นนายกรัฐมนตรีเข้ามามีบทบาทในเรื่องนี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนอยากเห็นนายกรัฐมนตรีจริงจังในการที่จะทำความกระจ่าง เพราะถ้าในที่สุดไม่มีอะไรผิดก็ต้องสามารถชี้แจงให้คนเชื่อถือได้ แต่ถ้ามีก็ต้องดำเนินการเด็ดขาด ซึ่งตรงนี้คือสิ่งที่ตนคิดว่าน่าจะเป็นท่าทีที่เหมาะสมของนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 28 เม.ย. 2548--จบ--
-ดท-
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ตนอยากเห็นรัฐบาลทำ คือ 1.ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้ โดยใช้บุคคลที่สังคมให้การยอมรับ มีความมั่นใจในความเป็นกลาง เพื่อตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา 2.อยากให้รัฐบาลให้ความร่วมมือกับการตรวจสอบที่ทำขึ้นโดยคณะอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาผู้แทนราษฎร ฝ่ายค้าน หรือสื่อสารมวลชน และ3. ตนคิดว่าข้อเท็จทั้งหลายที่เกี่ยวข้องน่าจะมีการเปิดเผย เช่นสัญญาที่ทำกันระหว่างทางบทม. กับทางกลุ่มผู้ชนะการประมูลก่อสร้าง กับสัญญาระหว่างบริษัทด้วยกันเอง ซึ่งทั้งหมดนี้มีความจำเป็นที่จะต้องทำ เพื่อไม่ให้ประเทศเสียชื่อเสียง เนื่องจากการกล่าวหาหรือข้อเท็จจริงที่ปรากฎ ไปปรากฎเป็นข้อมูลสาธารณะไปทั่วโลก ดังนั้นจึงคิดว่าคงไม่เพียงพอหากรัฐบาลจะปัดเรื่องนี้เพียงแค่ว่าข้อมูลไม่น่าเชื่อถือ หรือไปกล่าวอ้างบุคคลภายนอกว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไร
“ผมคิดว่าเราควรจะได้รักษาชื่อเสียงของเราด้วยการสามารถชี้แจงเรื่องทั้งหมดว่าเป็นอย่างไร ถ้าไม่มีการกระทำผิด ก็ควรจะมีข้อมูลที่มีน้ำหนักที่จะชี้แจงได้ ถ้ามีการกระทำผิด ก็ต้องเอาคนที่ทำผิดมาลงโทษจึงจะทำให้เกิดระบบการบริหารจัดการที่ดี หรือธรรมาภิบาลได้ ดังนั้นนี่คือแนวทางที่คิดว่ารัฐบาลน่าจะต้องทำ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
สำหรับกรณีที่รัฐบาลแก้ปัญหาด้วยการซื้อตรงจากบริษัทโดยไม่ผ่านคนกลางนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปัญหาที่ผ่านมาเกิดขึ้นจากการที่มีการดำเนินการผ่านคนกลาง ดังนั้นการปรับเปลี่ยนมาขายตรง ก็เป็นการแก้ปัญหา เมื่อบริษัทนั้นถูกทางการสหรัฐกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมาย เพราะได้มีการกล่าวอ้างว่าการติดสินบนเกิดขึ้นจากการผ่านคนกลาง ดังนั้นตรงนี้เป็นจุดที่ตนคิดว่า เราต้องเอาข้อเท็จจริงออกมา เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะฉะนั้นบริษัทที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางนั้น รัฐบาลต้องเปิดเผยออกมาว่าเป็นใคร มีความสัมพันธ์กับใครบ้าง กับพรรคการเมืองหรือไม่ กับกทม.หรือไม่ หรือกับกระทรวงอะไรหรือไม่ เพื่อจะได้เห็นภาพที่ชัดเจน จะได้มีการชี้แจงกันไป
ส่วนกรณีที่รัฐบาลโยนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะสื่อมวลชนนำเสนอข้อมูลผิดพลาดนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ข้อมูลเหล่านั้นเป็นข้อมูลสาธารณะที่ทางการของต่างประเทศได้นำเสนอ เราก็ต้องให้ความสำคัญในการที่จะแก้ไขหรือชี้แจง ถ้าคลาดเคลื่อน แต่หากไม่คลาดเคลื่อนก็เป็นเรื่องใหญ่ที่เราต้องดำเนินการ ฉะนั้นตนคิดว่าไม่ควรพยายามที่จะปัดให้เรื่องพ้นไป เพราะถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญที่กระทบต่อชื่อเสียงประเทศและกระทบต่อผลประโยชน์ของส่วนรวมด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าอยากเห็นนายกรัฐมนตรีเข้ามามีบทบาทในเรื่องนี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนอยากเห็นนายกรัฐมนตรีจริงจังในการที่จะทำความกระจ่าง เพราะถ้าในที่สุดไม่มีอะไรผิดก็ต้องสามารถชี้แจงให้คนเชื่อถือได้ แต่ถ้ามีก็ต้องดำเนินการเด็ดขาด ซึ่งตรงนี้คือสิ่งที่ตนคิดว่าน่าจะเป็นท่าทีที่เหมาะสมของนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 28 เม.ย. 2548--จบ--
-ดท-