นายอภิชาติ ศักดิเศรษฐ์ ส.ส. นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในเอกสารงบประมาณบอกเพียงกว้างๆว่ารัฐบาลจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินในการดำเนินนโยบายและมาตรการต่างๆ ในการพัฒนาประเทศ และนายกฯกล่าวแถลงประกอบการเสนอด้วยความภาคภูมิใจว่าเป็นเงินที่รัฐบาลได้จากการจัดเก็บภาษีที่เกินเป้าต่อเนื่องกันมา 3 ปี แต่นายกฯต้องไม่ลืมว่าเงิน 50,000 ล้าน ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี เป็นเงินที่พี่น้องประชาชนเป็นเจ้าของ เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะมาชื่นชมคนจัดเก็บว่าเก่ง แต่สาระสำคัญอยู่ที่เราจะใช้จ่ายเงินงบประมาณในก้อนนี้ ให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริงได้อย่างไร ซึ่งพี่น้องประชาชนก็มีความคาดหวังว่า เงินงบประมาณทุกบาท ทุกสตางค์จะก่อให้เกิดประโยชน์กับพวกเขาอย่างแท้จริง แต่น่าเสียดายที่เราไม่มีรายละเอียดที่จะบอกกับพี่น้องประชาชนให้อุ่นใจว่า ในร่างงบประมาณรายจ่ายนี้มีโครงการหรือแผนงานที่ชัดเจนอย่างไรบ้าง
นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า ตนมีข้อสังเกต 2 เรื่อง คือ 1. เรื่องค่าใช้จ่ายในโครงการตามแผนยุทธศาสตร์ของผู้ว่าฯซีอีโอ ซึ่งตั้งงบไว้ถึง 15,000 ล้านบาท ซึ่งถ้าดูการจัดงบผู้ว่าฯซีอีโอรวม 2 ปี ทั้งปี 2547 และปี 2548 มีการใช้เงินไปแล้วถึง 25,250 ล้านบาท ซึ่งการดำเนินการได้ผลหรือไม่อย่างไร ควรต้องมีการประเมิน และมีคำถามเกิดขึ้นว่าผลการปฏิบัติงานของผู้ว่าฯซีอีโอได้รับความชื่นชมจากพี่น้องประชาชนหรือไม่ พร้อมทั้งมีความเป็นห่วงในงบผู้ว่าฯซีอีโอ เนื่องจากพบว่า 1. การบูรณาการในกลุ่มจังหวัดไม่เป็นความจริง เพราะแต่ละจังหวัดต่างคนต่างทำตามยุทธศาสตร์ของตัวเอง เพียงแต่นำมารวมกันและทำเป็นกลุ่มจังหวัดเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการปรึกษาหารือกันระหว่างจังหวัด ถ้าไม่มีรัฐมนตรีหรือรองนายกฯที่ดูแลมานั่งเป็นประธาน 2.ภายในจังหวัดด้วยกันเอง ขาดการปรึกษาหารือกับหน่วยงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นจึงทำให้เกิดผลต่อเนื่องที่ตามมาจากการจัดงบผู้ว่าฯซีอีโอ คือ เกิดศูนย์อำนาจใหม่ในการจัดงบประมาณในจังหวัด เพราะทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนต่างวิ่งเข้าหาผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะหวังว่างบซีอีโอจะเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงในการทำงาน 2. งบเอสเอ็มแอล ซึ่งตั้งไว้ 9,400 ล้าน และไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน โครงการนำร่องหมู่บ้านเอสเอ็มแอล 1,002 แห่ง ใช้งบไปแล้ว 250 ล้านบาท มีการประเมินผลอย่างไร และรัฐบาลบอกว่าจะเพิ่มอีก 38,250 กว่าหมู่บ้าน และจะทำให้ทั่วประเทศในปีงบประมาณ 2549 ทั้งที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าหมู่บ้านใดจะได้รับงบ
‘ผมเข้าใจดีว่างบประมาณกลางปี 2548 จำนวน 50,000 ล้านบาทนี้อาจจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ในภาวะที่ประเทศของเราเผชิญกับปัญหาราคาน้ำมันแพง ปัญหาการก่อการร้าย ปัญหาภัยพิบัติต่างๆ แต่หากมีการจัดการที่ไม่ดี หรือมีวิธีการที่กระจุกตัวอยู่ที่ผู้มีอำนาจในการใช้จ่ายเงิน งบประมาณในส่วนนี้ก็ไม่สามารถไปถึงมือประชาชนได้อย่างแท้จริง’ นายอภิชาติกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 20 เม.ย. 2548--จบ--
-ดท-
นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า ตนมีข้อสังเกต 2 เรื่อง คือ 1. เรื่องค่าใช้จ่ายในโครงการตามแผนยุทธศาสตร์ของผู้ว่าฯซีอีโอ ซึ่งตั้งงบไว้ถึง 15,000 ล้านบาท ซึ่งถ้าดูการจัดงบผู้ว่าฯซีอีโอรวม 2 ปี ทั้งปี 2547 และปี 2548 มีการใช้เงินไปแล้วถึง 25,250 ล้านบาท ซึ่งการดำเนินการได้ผลหรือไม่อย่างไร ควรต้องมีการประเมิน และมีคำถามเกิดขึ้นว่าผลการปฏิบัติงานของผู้ว่าฯซีอีโอได้รับความชื่นชมจากพี่น้องประชาชนหรือไม่ พร้อมทั้งมีความเป็นห่วงในงบผู้ว่าฯซีอีโอ เนื่องจากพบว่า 1. การบูรณาการในกลุ่มจังหวัดไม่เป็นความจริง เพราะแต่ละจังหวัดต่างคนต่างทำตามยุทธศาสตร์ของตัวเอง เพียงแต่นำมารวมกันและทำเป็นกลุ่มจังหวัดเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการปรึกษาหารือกันระหว่างจังหวัด ถ้าไม่มีรัฐมนตรีหรือรองนายกฯที่ดูแลมานั่งเป็นประธาน 2.ภายในจังหวัดด้วยกันเอง ขาดการปรึกษาหารือกับหน่วยงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นจึงทำให้เกิดผลต่อเนื่องที่ตามมาจากการจัดงบผู้ว่าฯซีอีโอ คือ เกิดศูนย์อำนาจใหม่ในการจัดงบประมาณในจังหวัด เพราะทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนต่างวิ่งเข้าหาผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะหวังว่างบซีอีโอจะเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงในการทำงาน 2. งบเอสเอ็มแอล ซึ่งตั้งไว้ 9,400 ล้าน และไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน โครงการนำร่องหมู่บ้านเอสเอ็มแอล 1,002 แห่ง ใช้งบไปแล้ว 250 ล้านบาท มีการประเมินผลอย่างไร และรัฐบาลบอกว่าจะเพิ่มอีก 38,250 กว่าหมู่บ้าน และจะทำให้ทั่วประเทศในปีงบประมาณ 2549 ทั้งที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าหมู่บ้านใดจะได้รับงบ
‘ผมเข้าใจดีว่างบประมาณกลางปี 2548 จำนวน 50,000 ล้านบาทนี้อาจจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ในภาวะที่ประเทศของเราเผชิญกับปัญหาราคาน้ำมันแพง ปัญหาการก่อการร้าย ปัญหาภัยพิบัติต่างๆ แต่หากมีการจัดการที่ไม่ดี หรือมีวิธีการที่กระจุกตัวอยู่ที่ผู้มีอำนาจในการใช้จ่ายเงิน งบประมาณในส่วนนี้ก็ไม่สามารถไปถึงมือประชาชนได้อย่างแท้จริง’ นายอภิชาติกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 20 เม.ย. 2548--จบ--
-ดท-