กรุงเทพ--12 ต.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
วันนี้ (12 ต.ค.) ฯพณฯ นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ภายหลังจากการรับมอบเงินสมทบเข้ากองทุนเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภาคใต้ของไทยและภาคเหนือของมาเลเซียจากการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไตรตันออยส์ ประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 7.5 ล้านบาท ดดย ฯพณน รัฐมนตรีว่าการฯ กล่าวว่า วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งกองทุนเพื่อให้เยาวชนในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับการวางท่อก๊าซให้สามารถมีส่วนร่วมหรือรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยสาขาวิชาที่จะให้การสนับสนุนได้แก่ ด้านปิโตร เคมี เศรษฐศาสตร์ บริหารธุรกิจ วิศวกรรมศาสตร์ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น โดยอาจจะเข้าศึกษาในสถาบันต่างๆ ของไทย และของประเทศมาเลเซีย ซึ่งการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว แม้จำนวนจะยังไม่มากนัก แต่นับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ทุกฝ่ายควรให้การสนับสนุนการจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ฯ เป็นความริเริ่มของรัฐบาลไทยสืบเนื่องจากความสำเร็จของความร่วมมือระหว่างไทยกับมาเลเซียที่สามารถสนับสนุนให้เกิดข้อตกลงซื้อ-ขายก๊าซธรรมชาติจากพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2541 และสมาคมไทย-มาเลเซีย ซึ่งมี ฯพณฯ ม.ร.ว. เกษมสโมสร เกษมศรี เป็นนายกสมาคมฯ และสมาคมมาเลเฃีย-ไทย ซึ่งมี Tan Sri Ahmad Kamil bin Jaafar เป็นนายกสมาคมฯ จะร่วมกันบริหารกองทุนฯ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 225 0096 หรือ 225 7900-43--จบ--
วันนี้ (12 ต.ค.) ฯพณฯ นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ภายหลังจากการรับมอบเงินสมทบเข้ากองทุนเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภาคใต้ของไทยและภาคเหนือของมาเลเซียจากการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไตรตันออยส์ ประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 7.5 ล้านบาท ดดย ฯพณน รัฐมนตรีว่าการฯ กล่าวว่า วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งกองทุนเพื่อให้เยาวชนในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับการวางท่อก๊าซให้สามารถมีส่วนร่วมหรือรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยสาขาวิชาที่จะให้การสนับสนุนได้แก่ ด้านปิโตร เคมี เศรษฐศาสตร์ บริหารธุรกิจ วิศวกรรมศาสตร์ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น โดยอาจจะเข้าศึกษาในสถาบันต่างๆ ของไทย และของประเทศมาเลเซีย ซึ่งการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว แม้จำนวนจะยังไม่มากนัก แต่นับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ทุกฝ่ายควรให้การสนับสนุนการจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ฯ เป็นความริเริ่มของรัฐบาลไทยสืบเนื่องจากความสำเร็จของความร่วมมือระหว่างไทยกับมาเลเซียที่สามารถสนับสนุนให้เกิดข้อตกลงซื้อ-ขายก๊าซธรรมชาติจากพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2541 และสมาคมไทย-มาเลเซีย ซึ่งมี ฯพณฯ ม.ร.ว. เกษมสโมสร เกษมศรี เป็นนายกสมาคมฯ และสมาคมมาเลเฃีย-ไทย ซึ่งมี Tan Sri Ahmad Kamil bin Jaafar เป็นนายกสมาคมฯ จะร่วมกันบริหารกองทุนฯ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 225 0096 หรือ 225 7900-43--จบ--