นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า สถานการณ์การส่งออกข้าว ในเดือนมิถุนายน 2548 สามารถส่งออกข้าวไ ด้ 0.599 ล้านตัน มูลค่า 187 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (7,423 ล้านบาท) ปริมาณ ส่งออกเท่ากับเดือนก่อน มูลค่าลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.53 แต่มูลค่าในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.54 โดยตลาดส่งออกที่สำคัญได้แก่ เบนิน ไนจีเรีย อิรัก แคเมอรูน ไอเวอรี่โคสต์ แอฟริกาใต้ จีน สหรัฐฯ ฮ่องกง เซเนกัล ตามลำดับ
สำหรับการส่งออกในช่วง มกราคม- มิถุนายน 2548 ได้ส่งออกข้าวแล้วประมาณ 3.73 ล้านตัน มูลค่า 1,148 ล้านเหรียญสหรัฐฯ(44,683 ล้านบาท) ปริมาณและมูลค่าลดลงจากระยะเดียวของปีก่อนร้อยละ 19.40 และ 8.29 ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลจากภาวะความแห้งแล้งผลผลิตข้าวลดลงและราคาข้าวไทยค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่งขัน แต่คาดว่าการส่งออกข้าวจะมีปริมาณ 8.3 ล้านตัน มูลค่า 2,510 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยข้าวที่ส่งออกดังกล่าวเป็น ข้าวหอมมะลิไทย 1.03 ล้านตัน มูลค่า 395 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ( 15,337 ล้านบาท) หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 28 และ 34 ของปริมาณและมูลค่าการส่งออกทั้งหมดตามลำดับ โดยราคาข้าวส่งออกเฉลี่ยในปี 2548 (ม.ค.- มิ.ย 48 ) อยู่ที่ระดับ ตันละ 308 เหรียญสหรัฐฯ สูงกว่าระยะเดียวกันของปีก่อนที่ระดับตันละ 270 เหรียญสหรัฐฯ หรือสูงขึ้นร้อยละ 14.07
จากการที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาข้าวส่งออกของไทยได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับที่แข่งขันได้มากขึ้น ในขณะที่ราคาข้าวในประเทศอยู่ในระดับสูงและมีเสถียรภาพ ภาวะการส่งออกข้าวในระยะนี้ ความต้องการข้าวจากต่างประเทศส่วนใหญ่ยังคงเป็นตลาดแอฟริกาที่มีความต้องการข้าวขาวและข้าวนึ่งจากไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การส่งออกข้าวในเดือนมิถุนายน 2548 มีความเคลื่อนไหวต่อเนื่องจากเดือนก่อน สำหรับในส่วนของข้าวหอมมะลิไทยความต้องการส่วนใหญ่เป็นปลายข้าวจากตลาดแอฟริกา โดยข้าวหอมมะลิไทย 100 % ชั้น 2 มีราคาส่งออกเฉลี่ยตันละ 404 เหรียญสหรัฐฯลดลงจากเดือนก่อนตันละ 16 เหรียญสหรัฐฯ และ ข้าวขาว 100 % ชั้น 2 มีราคาส่งออกเฉลี่ยตันละ 294 เหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากเดือนก่อนตันละ 10 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับข้าวเปลือกหอมมะลิมีราคาเฉลี่ยตันละ 7,790 บาทลดลงจากเดือนก่อนตันละ 191 บาท ส่วนข้าวเปลือกเจ้านาปรังความชื้นไม่เกิน 15 % มีราคาตันละ 6,880 บาทลดลงจากเดือนก่อนตันละ 20 บาทซึ่งสูงกว่าราคารับจำนำของรัฐบาล
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์ความต้องการข้าวในตลาดโลกและราคาข้าวส่งออกของไทยมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอีก จะส่งผลให้ราคาข้าวไทยจูงใจประเทศผู้ซื้อมากขึ้น โดยคาดว่าการส่งออกในเดือนกรกฎาคม 2548 จะมีปริมาณไม่น้อยกว่า 6 แสนตัน ซึ่งสูงกว่าเดือนที่ผ่านมา
สำหรับความร่วมมือกับจังหวัดที่ปลูกข้าวหอมมะลิในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถมีตราสินค้าเป็นของตนเอง(Branding) ขณะนี้ได้ดำเนินการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ( Work Shop) อบรมผู้ประกอบการ สหกรณ์ โรงสี และผู้ส่งออก เสร็จสิ้นแล้ว5 จังหวัดได้แก่ จังหวัดร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ สุรินทร์ อำนาจเจริญ และ ศรีษะเกษ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการมีความกระตือรือร้นที่จะส่งออกข้าวหอมมะลิไทยภายใต้ตราสินค้าของตนเอง ทั้งนี้กรมการค้าต่างประเทศจะดำเนินการประชาสัมพันธ์ข้าวหอมมะลิภายใต้ตราสัญญลักษณ์ข้าวหอมมะลิไทยให้เป็นที่ประจักษ์แก่ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศให้ยอมรับในคุณค่าว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพสูงเหมาะสมกับผู้บริโภคที่มี รสนิยมสูงอย่างแท้จริง
--กรมการค้าระหว่างประเทศ--
-สส-
สำหรับการส่งออกในช่วง มกราคม- มิถุนายน 2548 ได้ส่งออกข้าวแล้วประมาณ 3.73 ล้านตัน มูลค่า 1,148 ล้านเหรียญสหรัฐฯ(44,683 ล้านบาท) ปริมาณและมูลค่าลดลงจากระยะเดียวของปีก่อนร้อยละ 19.40 และ 8.29 ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลจากภาวะความแห้งแล้งผลผลิตข้าวลดลงและราคาข้าวไทยค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่งขัน แต่คาดว่าการส่งออกข้าวจะมีปริมาณ 8.3 ล้านตัน มูลค่า 2,510 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยข้าวที่ส่งออกดังกล่าวเป็น ข้าวหอมมะลิไทย 1.03 ล้านตัน มูลค่า 395 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ( 15,337 ล้านบาท) หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 28 และ 34 ของปริมาณและมูลค่าการส่งออกทั้งหมดตามลำดับ โดยราคาข้าวส่งออกเฉลี่ยในปี 2548 (ม.ค.- มิ.ย 48 ) อยู่ที่ระดับ ตันละ 308 เหรียญสหรัฐฯ สูงกว่าระยะเดียวกันของปีก่อนที่ระดับตันละ 270 เหรียญสหรัฐฯ หรือสูงขึ้นร้อยละ 14.07
จากการที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาข้าวส่งออกของไทยได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับที่แข่งขันได้มากขึ้น ในขณะที่ราคาข้าวในประเทศอยู่ในระดับสูงและมีเสถียรภาพ ภาวะการส่งออกข้าวในระยะนี้ ความต้องการข้าวจากต่างประเทศส่วนใหญ่ยังคงเป็นตลาดแอฟริกาที่มีความต้องการข้าวขาวและข้าวนึ่งจากไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การส่งออกข้าวในเดือนมิถุนายน 2548 มีความเคลื่อนไหวต่อเนื่องจากเดือนก่อน สำหรับในส่วนของข้าวหอมมะลิไทยความต้องการส่วนใหญ่เป็นปลายข้าวจากตลาดแอฟริกา โดยข้าวหอมมะลิไทย 100 % ชั้น 2 มีราคาส่งออกเฉลี่ยตันละ 404 เหรียญสหรัฐฯลดลงจากเดือนก่อนตันละ 16 เหรียญสหรัฐฯ และ ข้าวขาว 100 % ชั้น 2 มีราคาส่งออกเฉลี่ยตันละ 294 เหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากเดือนก่อนตันละ 10 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับข้าวเปลือกหอมมะลิมีราคาเฉลี่ยตันละ 7,790 บาทลดลงจากเดือนก่อนตันละ 191 บาท ส่วนข้าวเปลือกเจ้านาปรังความชื้นไม่เกิน 15 % มีราคาตันละ 6,880 บาทลดลงจากเดือนก่อนตันละ 20 บาทซึ่งสูงกว่าราคารับจำนำของรัฐบาล
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์ความต้องการข้าวในตลาดโลกและราคาข้าวส่งออกของไทยมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอีก จะส่งผลให้ราคาข้าวไทยจูงใจประเทศผู้ซื้อมากขึ้น โดยคาดว่าการส่งออกในเดือนกรกฎาคม 2548 จะมีปริมาณไม่น้อยกว่า 6 แสนตัน ซึ่งสูงกว่าเดือนที่ผ่านมา
สำหรับความร่วมมือกับจังหวัดที่ปลูกข้าวหอมมะลิในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถมีตราสินค้าเป็นของตนเอง(Branding) ขณะนี้ได้ดำเนินการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ( Work Shop) อบรมผู้ประกอบการ สหกรณ์ โรงสี และผู้ส่งออก เสร็จสิ้นแล้ว5 จังหวัดได้แก่ จังหวัดร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ สุรินทร์ อำนาจเจริญ และ ศรีษะเกษ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการมีความกระตือรือร้นที่จะส่งออกข้าวหอมมะลิไทยภายใต้ตราสินค้าของตนเอง ทั้งนี้กรมการค้าต่างประเทศจะดำเนินการประชาสัมพันธ์ข้าวหอมมะลิภายใต้ตราสัญญลักษณ์ข้าวหอมมะลิไทยให้เป็นที่ประจักษ์แก่ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศให้ยอมรับในคุณค่าว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพสูงเหมาะสมกับผู้บริโภคที่มี รสนิยมสูงอย่างแท้จริง
--กรมการค้าระหว่างประเทศ--
-สส-