สามสินค้ารุมโวย FTA ไม่ขลังจริง

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 12, 2005 14:19 —กรมส่งเสริมการส่งออก

          นายเธียรชัย มหาศิริ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย เปิดเผยว่า สินค้าเครื่องนุ่งห่มของไทยไม่ได้รับประโยชน์มากนักจากการจัดทำเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับหลายประเทศที่มีผลบังคับใช้โดยเฉพาะกับออสเตรเลีย ถึงแม้ว่าทางออสเตรเลียจะได้ลดภาษีนำเข้าลงแล้วจากเดิม 25% มาเหลือ 12.5% ในปีแรกและจะเหลือ 0% ในปี 2558 ก็ตามทีแต่โดยข้อเท็จจริงในเวลานี้สินค้าไทยยังไม่สามารถส่งเข้าไปจำหน่ายภายใต้สิทธิประโยชน์ของเอฟทีเอเพิ่มขึ้น เนื่องจาก ออสเตรเลียก็ได้ลดภาษีนำเข้าให้กับประเทศอื่นๆ เป็นการทั่วไปลงเหลือ 18% ด้วย ซึ่งมีช่วงห่างจากไทยเพียง 5% สำหรับในการลดภาษีของออสเตรเลียดังกล่าวส่งผลให้สินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มจากประเทศไทยยังแข่งขันลำบากกับสินค้าของจากในออสเตรเลียซึ่งมีราคาถูกกว่า 20-30% ในขณะที่เอฟทีเอไทยและญี่ปุ่นยังอยู่ในระหว่างการเจรจาเรื่องกฎแหล่งกำเนิดสินค้า โดยที่ถ้าหากไทยยอมทำตามญี่ปุ่นโดยใช้กฎแหล่งกำเนิดสินค้าที่ต้องใช้วัตถุดิบจากไทยหรือญี่ปุ่นเท่านั้นในการผลิต ไทยจะได้รับประโยชน์น้อยเพราะปัจจุบันวัตถุดิบหลายตัวของไทยยังต้องนำเข้า ส่วนเอฟทีเอไทยกับจีน และอินเดีย เครื่องนุ่งห่มของไทยจะได้รับประโยชน์ไม่มากเช่นกันเนื่องจากทั้งสองประเทศเป็นผู้ผลิตเครื่องนุ่งห่มรายใหญ่และเป็นคู่แข่งของไทยด้วย
ด้านนายประยูร เลิศสงวนสินชัย อุปนายกสมาคมเครื่องหนังไทย ได้ระบุว่าการทำเอฟทีเอกับออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ สินค้าเครื่องหนังของไทยได้รับประโยชน์ค่อนข้างน้อย ถึงแม้ว่าเครื่องหนังบางพิกัดของไทยจะได้รับการลดภาษีลงเหลือ 0% แล้วก็ตาม (ส่วนใหญ่ได้ลดลงจาก 25% เหลือ 12.5% ในปีแรกและจะเหลือ 0% ในปี 2558) แต่ก็ยังไม่สามารถเจาะตลาดได้เนื่องจากจะต้องแข่งขันอย่างรุนแรงกับสินค้าจีน ซึ่งออสเตรเลียได้ลดภาษีนำเข้าสินค้าเครื่องหนังจากจีนเหลือ 5% เป็นเหตุให้สินค้าจีนมีราคาถูกกว่าและถือครองตลาดออสเตรเลียอยู่ในเวลานี้
ขณะที่นางสาวปภาวี สุธาธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท สวิฟท์ จำกัด ผู้ส่งออกผลไม้รายใหญ่ ได้เปิดเผยว่าแม้ว่าเวลานี้เอฟทีเอไทยและออสเตรเลียในสินค้าผักผลไม้ จะได้มีการลดภาษีนำเข้าเหลือ 0% แล้วก็ตามแต่ก็ยังไม่สามารถส่งออกผลไม้ได้เพิ่มขึ้นนอกจาก 3 รายเดิมที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น โดยเฉพาะสินค้ารายการใหม่จะต้องใช้เวลาในการจัดทำหลักเกณฑ์การนำเข้านานถึง 2 ปี ในขณะที่ผลไม้ 3 รายการเดิมโดยเฉพาะมังคุดจะต้องมีการผ่าตรวจพิสูจน์ว่าไม่มีแมลงโดยจะต้องเสียค่าตรวจถึง 63,000 บาทต่อชิพเมนต์ ส่วนลำไยและลิ้นจี่จะต้องควบคุมอุณหภูมิห้องเย็นตั้งแต่ต้นทางปลายทางให้ได้ 0 องศาซึ่งถือเป็นผลไม้แช่แข็ง เมื่อนำออกไปจำหน่ายทำให้เปลือกยุบตัว ผิวมีสีคล้ำไม่น่ารับประทานทำให้ขายได้น้อย
ประเด็นวิเคราะห์
หลังจากการมีผลบังคับใช้ของเอฟทีเอระหว่างไทย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แล้วอุตสาหกรรมของไทยโดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเครื่องนุ่งห่ม เครื่องหนัง และอาหาร ไม่ได้รับผลประโยชน์เท่าที่ควร เนื่องจากยังไม่สามารถเจาะตลาดเข้าไปได้ อีกทั้งสินค้าของจีนเข้าไปครอบครองตลาดอยู่แล้ว โดยเฉพาะสินค้าผลไม้ ออสเตรเลียได้กำหนดให้จัดทำหลักเกณฑ์การนำเข้าสินค้าผลใหม่ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลานานถึง 2 ปี ยกเว้น มังคุด ลำไยและลิ้นจี่ โดยทั้ง 3 รายการนี้ มังคุดจะต้องมีการผ่าพิสูจน์ว่าไม่มีแมลงปะปนมาโดยจะต้องเสียค่าใช้จ่าย 63,000 บาทต่อชิพเมนต์ ส่วนลำไยและลิ้นจี่จะต้องมีการควบคุมอุณหภูมิ 0 องศา สำหรับสินค้าเครื่องหนัง ออสเตรเลียได้ลดภาษีการนำเข้าให้จีนเหลือ 5 % ส่งผลให้สินค้าของจีนมีราคาถูกกว่าไทย
ที่มา: http://www.depthai.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ