กรุงเทพ--30 ต.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
ตามที่กรมสารนิเทศได้ออกข่าวเกี่ยวกับกรณีสมาชิก New Territories Domestic Animal Association ยื่นหนังสือประท้วงการนำเข้าเนื้อสุกรจากประเทศไทยโดยอ้างว่ามีเชื้อโรคปากและเท้าเปื่อยใน เนื้อสุกร นั้น
กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานเพิ่มเติมจากสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกงว่าหนังสือพิมพ์ Apple Daily ฉบับวันพุธที่ 28 ตุลาคม 2541 ได้รายงานข่าวว่าจากการที่ค่าเงินบาทลดลงในช่วงนี้จึงมีการนำเข้าเนื้อหมูแช่แข็งจากไทยจำนวนมากในราคาต่ำกว่าราคาในตลาดฮ่องกงถึง 40 % ทำให้การขายส่งหมูที่เลี้ยงในฮ่องกงได้รับผลกระทบกระเทือน ข้อมูลของกรมเกษตรและประมงฮ่องกงระบุว่า ในแต่ละวันจะมีหมูที่เลี้ยงในฮ่องกงออกจำหน่ายในตลาดประมาณ 900 ตัว จากจีนประมาณ 5,000 ตัว อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2541 เป็นต้นมามีการส่งออกหมูจากไทยไปฮ่องกงจำนวน 600-700 ตัว ซึ่งใกล้เคียงกับจำนวนหมูที่ฮ่องกงเลี้ยงและ จำหน่าย ดังนั้น กลุ่มผู้เลี้ยงหมูจำนวนกว่า 100 คน จึงได้เดินทางไปที่กรมเกษตรและประมงฮ่องกง และที่สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกง เพื่อขอร้องให้รัฐบาลทั้งสองแห่งระงับการนำเข้าหมูจำนวนมากจากประเทศไทย เนื่องจากจะกระทบกระเทือนกิจการของตนและเกรงว่าหมูที่นำเข้าจากไทยอาจมีเชื้อโรคปากและเท้าเปื่อยที่จะแพร่ระบาดไปยังหมูที่เลี้ยงในฮ่องกง ซึ่งจะกระทบกระเทือนต่อสุขภาพชาวฮ่องกงได้
ต่อมาเมื่อวันอังคารที่ 27 ตุลาคม 2541 โฆษกของกรมอนามัยฮ่องกงได้แถลงว่า ตามหลักปฏิบัติสากลเนื้อสัตว์นำเข้าทั้งหมดจะมีใบรับรองความปลอดภัยต่อสุขภาพโดยระบุว่าเป็นเนื้อที่ปราศจากโรคติดต่อและปลอดภัยต่อการบริโภค ดังนั้น เนื้อสัตว์ที่นำเข้าจากประเทศไทยก็ควรที่จะปราศจากโรคปากและเท้าเปื่อยและปลอดภัยต่อการบริโภคด้วยเช่นกัน และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีรายงานในเรื่องการตรวจพบโรคดังกล่าว
นอกจากนี้ กรมอนามัยฮ่องกงยังแถลงเพิ่มเติมด้วยว่าโรคปากและเท้าเปื่อยเป็นโรคที่เกิดกับสัตว์และโดยปกติจะไม่ติดต่อสู่มนุษย์ อย่างไรก็ดี กรมอนามัยและกรมเกษตรและประมงของฮ่องกงคงจะตรวจตราในเรื่องดังกล่าวต่อไป ซึ่งก็สอดคล้องกับการดำเนินการทางการไทยอยู่แล้ว ประเทศไทยจึงหวังว่าฮ่องกงจะไม่ใช้เหตุผลทางสุขอนามัยมาเป็นข้ออ้างในการกีดกันเนื้อสุกรของไทย ซึ่งจะไม่สอดคล้องกับการส่งเสริมการค้าในกรอบพหุภาคีของ WTO
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 225 0096 หรือ 225 7900-43--จบ--
ตามที่กรมสารนิเทศได้ออกข่าวเกี่ยวกับกรณีสมาชิก New Territories Domestic Animal Association ยื่นหนังสือประท้วงการนำเข้าเนื้อสุกรจากประเทศไทยโดยอ้างว่ามีเชื้อโรคปากและเท้าเปื่อยใน เนื้อสุกร นั้น
กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานเพิ่มเติมจากสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกงว่าหนังสือพิมพ์ Apple Daily ฉบับวันพุธที่ 28 ตุลาคม 2541 ได้รายงานข่าวว่าจากการที่ค่าเงินบาทลดลงในช่วงนี้จึงมีการนำเข้าเนื้อหมูแช่แข็งจากไทยจำนวนมากในราคาต่ำกว่าราคาในตลาดฮ่องกงถึง 40 % ทำให้การขายส่งหมูที่เลี้ยงในฮ่องกงได้รับผลกระทบกระเทือน ข้อมูลของกรมเกษตรและประมงฮ่องกงระบุว่า ในแต่ละวันจะมีหมูที่เลี้ยงในฮ่องกงออกจำหน่ายในตลาดประมาณ 900 ตัว จากจีนประมาณ 5,000 ตัว อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2541 เป็นต้นมามีการส่งออกหมูจากไทยไปฮ่องกงจำนวน 600-700 ตัว ซึ่งใกล้เคียงกับจำนวนหมูที่ฮ่องกงเลี้ยงและ จำหน่าย ดังนั้น กลุ่มผู้เลี้ยงหมูจำนวนกว่า 100 คน จึงได้เดินทางไปที่กรมเกษตรและประมงฮ่องกง และที่สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกง เพื่อขอร้องให้รัฐบาลทั้งสองแห่งระงับการนำเข้าหมูจำนวนมากจากประเทศไทย เนื่องจากจะกระทบกระเทือนกิจการของตนและเกรงว่าหมูที่นำเข้าจากไทยอาจมีเชื้อโรคปากและเท้าเปื่อยที่จะแพร่ระบาดไปยังหมูที่เลี้ยงในฮ่องกง ซึ่งจะกระทบกระเทือนต่อสุขภาพชาวฮ่องกงได้
ต่อมาเมื่อวันอังคารที่ 27 ตุลาคม 2541 โฆษกของกรมอนามัยฮ่องกงได้แถลงว่า ตามหลักปฏิบัติสากลเนื้อสัตว์นำเข้าทั้งหมดจะมีใบรับรองความปลอดภัยต่อสุขภาพโดยระบุว่าเป็นเนื้อที่ปราศจากโรคติดต่อและปลอดภัยต่อการบริโภค ดังนั้น เนื้อสัตว์ที่นำเข้าจากประเทศไทยก็ควรที่จะปราศจากโรคปากและเท้าเปื่อยและปลอดภัยต่อการบริโภคด้วยเช่นกัน และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีรายงานในเรื่องการตรวจพบโรคดังกล่าว
นอกจากนี้ กรมอนามัยฮ่องกงยังแถลงเพิ่มเติมด้วยว่าโรคปากและเท้าเปื่อยเป็นโรคที่เกิดกับสัตว์และโดยปกติจะไม่ติดต่อสู่มนุษย์ อย่างไรก็ดี กรมอนามัยและกรมเกษตรและประมงของฮ่องกงคงจะตรวจตราในเรื่องดังกล่าวต่อไป ซึ่งก็สอดคล้องกับการดำเนินการทางการไทยอยู่แล้ว ประเทศไทยจึงหวังว่าฮ่องกงจะไม่ใช้เหตุผลทางสุขอนามัยมาเป็นข้ออ้างในการกีดกันเนื้อสุกรของไทย ซึ่งจะไม่สอดคล้องกับการส่งเสริมการค้าในกรอบพหุภาคีของ WTO
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 225 0096 หรือ 225 7900-43--จบ--