การลงนามในความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน
ภายใต้ความร่วมมือทางการเงิน ประจำปี 2538
_________________
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ดร. ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
และเอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมันประจำประเทศไทย (Dr. Dieter Siemes) ได้ลงนามในความตกลงระหว่าง
รัฐบาลไทยกับรัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน ภายใต้ความร่วมมือทางการเงิน ประจำปี 2538 เมื่อวันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน
2539 เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุม 201 กระทรวงการคลัง
ภายใต้ความร่วมมือทางการเงินประจำปี 2538 นี้ รัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมันได้ตกลงที่จะให้ความช่วยเหลือ
ทางการเงินในรูปเงินกู้ผสมรูปแบบใหม่ (Composite Financing) โดยผ่านสถาบันเครดิตเพื่อการบูรณะและพัฒนาแห่งสหพันธ์
สาธารณรัฐเยอรมัน (Kreditanstalt fur Wiederaufbau - KfW) แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สำหรับเป็น
ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบขจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ โรงงานไฟฟ้าพลังความร้อนแม่เมาะ เครื่องที่ 4 - 7 จำนวน 120
ล้านดอยช์มาร์ค โดยแบ่งเงินกู้ออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้
1. ส่วนที่หนึ่ง รัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน จะให้เงินกู้จำนวน 30 ล้านดอยช์มาร์ค โดยผ่าน KfW สำหรับ
โครงการข้างต้น ซึ่งได้กำหนดเงื่อนไขเงินกู้ คืออัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 0.75 ต่อปี กำหนดระยะเวลาชำระคืน 40 ปี รวม
ระยะเวลาปลอดหนี้เงินต้น 10 ปี
2. ส่วนที่สอง รัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน จะเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ในวงเงินกู้ ไม่เกิน 90 ล้านดอยช์มาร์ค
ซึ่ง KfW จะจัดหาจากตลาดการเงินเพื่อสมทบกับเงินกู้ในส่วนที่หนึ่ง ซึ่งตามภาวะตลาดปัจจุบันจะมีอัตราดอกเบี้ยประมาณ ร้อยละ
8.53 ต่อปี สำหรับระยะเงินกู้ 10 ปี
ส่วนเงื่อนไขในการจัดซื้อสินค้าและบริการเปิดโอกาสให้กระทำได้เสรี ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นสินค้าและบริการจาก
ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน
รัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน ได้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทยมาตั้งแต่ปี
2504 จนถึงปัจจุบันมีวงเงินกู้รวมทั้งสิ้น 1,004.7 ล้านดอยซ์มาร์ค หรือ ประมาณ 16,694.97 ล้านบาท โดยความช่วยเหลือ
ทางการเงินส่วนใหญ่จะมุ่งให้แก่โครงการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานพัฒนาเมืองและชนบท ซึ่งในปัจจุบัน รัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐ
เยอรมันได้ให้ความสนใจในโครงการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรมนุษย์
_________________
--ข่าวกระทรวงการคลัง กองกลาง สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 58 / 8 พฤศจิกายน 2539--
ภายใต้ความร่วมมือทางการเงิน ประจำปี 2538
_________________
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ดร. ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
และเอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมันประจำประเทศไทย (Dr. Dieter Siemes) ได้ลงนามในความตกลงระหว่าง
รัฐบาลไทยกับรัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน ภายใต้ความร่วมมือทางการเงิน ประจำปี 2538 เมื่อวันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน
2539 เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุม 201 กระทรวงการคลัง
ภายใต้ความร่วมมือทางการเงินประจำปี 2538 นี้ รัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมันได้ตกลงที่จะให้ความช่วยเหลือ
ทางการเงินในรูปเงินกู้ผสมรูปแบบใหม่ (Composite Financing) โดยผ่านสถาบันเครดิตเพื่อการบูรณะและพัฒนาแห่งสหพันธ์
สาธารณรัฐเยอรมัน (Kreditanstalt fur Wiederaufbau - KfW) แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สำหรับเป็น
ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบขจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ โรงงานไฟฟ้าพลังความร้อนแม่เมาะ เครื่องที่ 4 - 7 จำนวน 120
ล้านดอยช์มาร์ค โดยแบ่งเงินกู้ออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้
1. ส่วนที่หนึ่ง รัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน จะให้เงินกู้จำนวน 30 ล้านดอยช์มาร์ค โดยผ่าน KfW สำหรับ
โครงการข้างต้น ซึ่งได้กำหนดเงื่อนไขเงินกู้ คืออัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 0.75 ต่อปี กำหนดระยะเวลาชำระคืน 40 ปี รวม
ระยะเวลาปลอดหนี้เงินต้น 10 ปี
2. ส่วนที่สอง รัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน จะเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ในวงเงินกู้ ไม่เกิน 90 ล้านดอยช์มาร์ค
ซึ่ง KfW จะจัดหาจากตลาดการเงินเพื่อสมทบกับเงินกู้ในส่วนที่หนึ่ง ซึ่งตามภาวะตลาดปัจจุบันจะมีอัตราดอกเบี้ยประมาณ ร้อยละ
8.53 ต่อปี สำหรับระยะเงินกู้ 10 ปี
ส่วนเงื่อนไขในการจัดซื้อสินค้าและบริการเปิดโอกาสให้กระทำได้เสรี ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นสินค้าและบริการจาก
ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน
รัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน ได้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทยมาตั้งแต่ปี
2504 จนถึงปัจจุบันมีวงเงินกู้รวมทั้งสิ้น 1,004.7 ล้านดอยซ์มาร์ค หรือ ประมาณ 16,694.97 ล้านบาท โดยความช่วยเหลือ
ทางการเงินส่วนใหญ่จะมุ่งให้แก่โครงการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานพัฒนาเมืองและชนบท ซึ่งในปัจจุบัน รัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐ
เยอรมันได้ให้ความสนใจในโครงการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรมนุษย์
_________________
--ข่าวกระทรวงการคลัง กองกลาง สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 58 / 8 พฤศจิกายน 2539--