สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--16 ธ.ค.--บิสนิวส์
1. สถานการณ์สินค้า
1.1 สินค้าที่มีปัญหา
สัปดาห์นี้ไม่มีสินค้าที่มีปัญหา
1.2 สินค้าที่ต้องคอยเฝ้าระวัง
กระเทียม : กระเทียมเถื่อนทะลักเข้าไทย
จากการที่มีตัวแทนชมรมผู้ปลูกกระเทียมภาคเหนือ จำนวน 22 คน ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนอธิบดีกรมศุลกากร และอธิบดีกรมการค้าภายใน เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2541 ว่าขณะนี้มีกระเทียมเถื่อนทะลักเข้าไทยเป็นจำนวนมาก หน่วยงานรัฐควรติดตามและดูแลการปราบปรามลักลอบนำเข้าอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อราคากระเทียมที่เกษตรกรขายได้ในช่วงที่ผลผลิตกระเทียมจะทยอยออกสู่ตลาดในเดือนมีนาคม - เมษายน ที่จะถึงเร็ว ๆ นี้อีก
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรคาดว่าผลผลิตกระเทียมที่จะผลิตได้ในปีเพาะปลูก 2541/42 ประมาณ 130,307 ตัน ซึ่งปริมาณการผลิตดังกล่าว จะเกินความต้องการของตลาดไม่มากนัก และไม่น่าจะมีผลทำให้ราคากระเทียมตกต่ำแต่ถ้ายังมีการลักลอบนำเข้ากระเทียมเป็นจำนวนมากและการปราบปรามลักลอบนำเข้ากระเทียมไม่ได้ผลจะก่อให้เกิดปัญหาราคากระเทียมตกต่ำอย่างแน่นอน สำหรับการลักลอบนำเข้ากระเทียมเถื่อนจะอาศัยช่วงจังหวะที่ผลผลิตกระเทียมภาคเหนือลดลงหรือราคาภายในประเทศสูง จึงนำเข้ามาจากประเทศจีนและพม่า ผ่านเข้ามาตามแนวชายแดนในเขตท้องที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จังหวัดระนอง และจังหวัดตามแนวชายแดนริมน้ำโขง ซึ่งคาดว่าในแต่ละปีจะมีกระเทียมเถื่อนลักลอบเข้ามาภายในประเทศไม่ต่ำกว่า 50,000 ตัน มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 38 ของผลผลิตภายในประเทศ ขณะนี้ราคากระเทียมแห้งใหญ่คละที่เกษตรกรขายได้เดือนตุลาคม 2541 เฉลี่ยกิโลกรัมละ 27.16 บาท ส่วนราคากระเทียมแห้งใหญ่มัดจุกขายส่งตลาดกรุงเทพฯ เดือนตุลาคม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 31.69 บาท
แนวทางแก้ไขปัญหามีดังนี้
1. ควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการปราบปรามลักลอบนำเข้าให้ได้ผลอย่างจริงจัง
2. ควรมีมาตรการให้เกษตรกรที่เพาะปลูกกระเทียมมาขึ้นทะเบียน หรือแจ้งพื้นที่ปลูก และผลผลิตที่คาดว่าจะได้รับที่เกษตรอำเภอ หรือสหกรณ์อำเภอ เพื่อเตรียมการแก้ไขปัญหาเมื่อราคากระเทียมตกต่ำ และใช้เป็นข้อมูลในการช่วยเหลือเกษตรกรเฉพาะผลผลิตกระเทียมที่ผลิตได้ภายในประเทศเท่านั้น
3. ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นที่ไม่มีปัญหาด้านตลาด ทดแทน เช่น มันฝรั่ง และข้าวโพดหวาน เป็นต้น
2. สถานการณ์สินค้าเกษตรที่สำคัญ
สับปะรด : แนวทางการดำเนินงานของสำนักงานพัฒนาสับปะรดแห่งประเทศไทย
สืบเนื่องจากคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ ได้มีมติให้จัดตั้งสำนักงานพัฒนาสับปะรดแห่งประเทศไทย และให้ทดลองปฏิบัติงาน 6 เดือน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการปฏิบัติงานในการแก้ไขปัญหาสับปะรดและประสานงานการเชื่อมโยงด้านการผลิตวัตถุดิบ ด้านโรงงานและการตลาด ซึ่งคณะกรรมการนโยบายฯ ได้เห็นชอบแนวทางการดำเนินงาน 2 แนวทางตามที่สำนักงานฯ ได้เสนอดังนี้
1. แนวทางการดำเนินงานในการทำข้อตกลงซื้อขายสับปะรดระหว่างโรงงานและเกษตรกร โดย
1) การทำหนังสือเอกสารสัญญาข้อตกลงล่วงหน้าแสดงเจตจำนงค์ซื้อขายสับปะรดระหว่างโรงงานสับปะรดกระป๋องและเกษตรกรสมาชิก
2) ผู้แทนบริษัทและสมาชิกแต่ละรายที่จะร่วมทำข้อตกลงซื้อขายจะลงชื่อไว้เป็นหลักฐานในหนังสือแสดงเจตจำนงค์และต่างฝ่ายต่างถือไว้เป็นสำคัญฝ่ายละฉบับ
2. แนวทางการทำมูลภัณฑ์กันชน (Buffer Stock) เพื่อเตรียมการรองรับปัญหาสับปะรดที่จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนธันวาคม 2541 | เดือนมิถุนายน 2542 โดย
1) ศึกษาความต้องการของตลาดต่างประเทศและข้อมูลสินค้าทดแทนและแข่งขันเกี่ยวกับราคาและปริมาณการซื้อขายล่วงหน้า
2) ศึกษาปริมาณสินค้าทดแทนและแข่งขันจากประเทศไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
3) การพยากรณ์ปริมาณสินค้าของประเทศไทย
4) ศึกษาดินฟ้าอากาศที่มีผลกระทบต่อการผลิตของไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
5) ศึกษาแนวทางการเปิดตลาดและส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าในแหล่งใหม่
6) พิจารณาตัดสินใจทำการกักเก็บสินค้าและจัดสรรสินค้าในปริมาณที่เหมาะสม
7) การผลิตเพื่อเก็บสินค้าและวิธีการเก็บกักสินค้า
8) ระบายสินค้าที่กักเก็บออกขายนอกฤดูกาล
9) คืนเงินให้กับรัฐบาลเมื่อสิ้นฤดูกาลทำการเก็บสินค้า
--รายงานสถานการณ์สินค้าเกษตรประจำวันที่ 30 พ.ย - 6 ธ.ค. 2541--
1. สถานการณ์สินค้า
1.1 สินค้าที่มีปัญหา
สัปดาห์นี้ไม่มีสินค้าที่มีปัญหา
1.2 สินค้าที่ต้องคอยเฝ้าระวัง
กระเทียม : กระเทียมเถื่อนทะลักเข้าไทย
จากการที่มีตัวแทนชมรมผู้ปลูกกระเทียมภาคเหนือ จำนวน 22 คน ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนอธิบดีกรมศุลกากร และอธิบดีกรมการค้าภายใน เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2541 ว่าขณะนี้มีกระเทียมเถื่อนทะลักเข้าไทยเป็นจำนวนมาก หน่วยงานรัฐควรติดตามและดูแลการปราบปรามลักลอบนำเข้าอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อราคากระเทียมที่เกษตรกรขายได้ในช่วงที่ผลผลิตกระเทียมจะทยอยออกสู่ตลาดในเดือนมีนาคม - เมษายน ที่จะถึงเร็ว ๆ นี้อีก
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรคาดว่าผลผลิตกระเทียมที่จะผลิตได้ในปีเพาะปลูก 2541/42 ประมาณ 130,307 ตัน ซึ่งปริมาณการผลิตดังกล่าว จะเกินความต้องการของตลาดไม่มากนัก และไม่น่าจะมีผลทำให้ราคากระเทียมตกต่ำแต่ถ้ายังมีการลักลอบนำเข้ากระเทียมเป็นจำนวนมากและการปราบปรามลักลอบนำเข้ากระเทียมไม่ได้ผลจะก่อให้เกิดปัญหาราคากระเทียมตกต่ำอย่างแน่นอน สำหรับการลักลอบนำเข้ากระเทียมเถื่อนจะอาศัยช่วงจังหวะที่ผลผลิตกระเทียมภาคเหนือลดลงหรือราคาภายในประเทศสูง จึงนำเข้ามาจากประเทศจีนและพม่า ผ่านเข้ามาตามแนวชายแดนในเขตท้องที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จังหวัดระนอง และจังหวัดตามแนวชายแดนริมน้ำโขง ซึ่งคาดว่าในแต่ละปีจะมีกระเทียมเถื่อนลักลอบเข้ามาภายในประเทศไม่ต่ำกว่า 50,000 ตัน มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 38 ของผลผลิตภายในประเทศ ขณะนี้ราคากระเทียมแห้งใหญ่คละที่เกษตรกรขายได้เดือนตุลาคม 2541 เฉลี่ยกิโลกรัมละ 27.16 บาท ส่วนราคากระเทียมแห้งใหญ่มัดจุกขายส่งตลาดกรุงเทพฯ เดือนตุลาคม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 31.69 บาท
แนวทางแก้ไขปัญหามีดังนี้
1. ควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการปราบปรามลักลอบนำเข้าให้ได้ผลอย่างจริงจัง
2. ควรมีมาตรการให้เกษตรกรที่เพาะปลูกกระเทียมมาขึ้นทะเบียน หรือแจ้งพื้นที่ปลูก และผลผลิตที่คาดว่าจะได้รับที่เกษตรอำเภอ หรือสหกรณ์อำเภอ เพื่อเตรียมการแก้ไขปัญหาเมื่อราคากระเทียมตกต่ำ และใช้เป็นข้อมูลในการช่วยเหลือเกษตรกรเฉพาะผลผลิตกระเทียมที่ผลิตได้ภายในประเทศเท่านั้น
3. ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นที่ไม่มีปัญหาด้านตลาด ทดแทน เช่น มันฝรั่ง และข้าวโพดหวาน เป็นต้น
2. สถานการณ์สินค้าเกษตรที่สำคัญ
สับปะรด : แนวทางการดำเนินงานของสำนักงานพัฒนาสับปะรดแห่งประเทศไทย
สืบเนื่องจากคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ ได้มีมติให้จัดตั้งสำนักงานพัฒนาสับปะรดแห่งประเทศไทย และให้ทดลองปฏิบัติงาน 6 เดือน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการปฏิบัติงานในการแก้ไขปัญหาสับปะรดและประสานงานการเชื่อมโยงด้านการผลิตวัตถุดิบ ด้านโรงงานและการตลาด ซึ่งคณะกรรมการนโยบายฯ ได้เห็นชอบแนวทางการดำเนินงาน 2 แนวทางตามที่สำนักงานฯ ได้เสนอดังนี้
1. แนวทางการดำเนินงานในการทำข้อตกลงซื้อขายสับปะรดระหว่างโรงงานและเกษตรกร โดย
1) การทำหนังสือเอกสารสัญญาข้อตกลงล่วงหน้าแสดงเจตจำนงค์ซื้อขายสับปะรดระหว่างโรงงานสับปะรดกระป๋องและเกษตรกรสมาชิก
2) ผู้แทนบริษัทและสมาชิกแต่ละรายที่จะร่วมทำข้อตกลงซื้อขายจะลงชื่อไว้เป็นหลักฐานในหนังสือแสดงเจตจำนงค์และต่างฝ่ายต่างถือไว้เป็นสำคัญฝ่ายละฉบับ
2. แนวทางการทำมูลภัณฑ์กันชน (Buffer Stock) เพื่อเตรียมการรองรับปัญหาสับปะรดที่จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนธันวาคม 2541 | เดือนมิถุนายน 2542 โดย
1) ศึกษาความต้องการของตลาดต่างประเทศและข้อมูลสินค้าทดแทนและแข่งขันเกี่ยวกับราคาและปริมาณการซื้อขายล่วงหน้า
2) ศึกษาปริมาณสินค้าทดแทนและแข่งขันจากประเทศไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
3) การพยากรณ์ปริมาณสินค้าของประเทศไทย
4) ศึกษาดินฟ้าอากาศที่มีผลกระทบต่อการผลิตของไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
5) ศึกษาแนวทางการเปิดตลาดและส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าในแหล่งใหม่
6) พิจารณาตัดสินใจทำการกักเก็บสินค้าและจัดสรรสินค้าในปริมาณที่เหมาะสม
7) การผลิตเพื่อเก็บสินค้าและวิธีการเก็บกักสินค้า
8) ระบายสินค้าที่กักเก็บออกขายนอกฤดูกาล
9) คืนเงินให้กับรัฐบาลเมื่อสิ้นฤดูกาลทำการเก็บสินค้า
--รายงานสถานการณ์สินค้าเกษตรประจำวันที่ 30 พ.ย - 6 ธ.ค. 2541--