กรุงเทพ--12 เม.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
วันนี้ (12 เมษายน 2542) ฯพณฯ นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย และ ฯพณฯ เช็ค ฮามัด บิน จาเซ็ม บิน จาบีร์ อัล-ตานี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกาตาร์ ได้ร่วมแถลงข่าว ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังพิธีต้อนรับเช็ค ฮามัด บิน คาลิฟา อัล-ตานี เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ ในฐานะแขกของรัฐบาลอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 เมษายน 2542 การหารือเต็มคณะระหว่างฝ่ายไทยกับฝ่ายกาตาร์ และการลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า และวิชาการ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยได้กล่าวถึงความสำคัญของการเยือนครั้งนี้ในฐานะที่เป็นการเยือนอย่างเป็นทางการครั้งแรกสำหรับประมุขจากรัฐริมอ่าวอาหรับ สำหรับผลการหารือดังกล่าวมีดังนี้
1. ที่ประชุมได้หารือเพื่อเพิ่มปริมาณการค้า การลงทุนและการส่งออกของทั้งสองฝ่าย ซึ่งในสภาพปัจจุบัน ไทยเสียเปรียบดุลการค้ากับกาตาร์มากพอสมควร โดยไทยส่งออกสินค้าเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม อาหาร และเครื่องใช้ไฟฟ้าไปยังกาตาร์ ในขณะที่กาตาร์ส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมายังไทย ในการนี้ ที่ประชุมหารือถึงข้อประสงค์ของฝ่ายไทยซึ่งต้องการแก้ไขการเสียดุลดังกล่าว ซึ่งฝ่ายกาตาร์ยินดีต้อนรับการลงทุนจากไทยเพื่อลดปริมาณการเสียดุลอันเนื่องมาจากมูลค่าของสินค้านำเข้าจากไทยที่ต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าที่ไทยนำเข้าจากกาตาร์
2. ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับความสนใจของนักลงทุนและนักวิชาการฝ่ายไทยในการสร้างโรงงานผลิตปุ๋ยยูเรียในกาตาร์โดยใช้ทรัพยากรธรรมชาติของกาตาร์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายของภาคเกษตรกรรม การขาดดุลการค้า และมูลค่าการผลิต เนื่องจากภาคเกษตรกรรมของไทยนำเข้าปุ๋ยยูเรียคิดเป็นจำนวน 800,000 ตัน ต่อปี ซึ่งฝ่ายกาตาร์แสดงความสนใจที่จะให้ความร่วมมือในส่วนนี้
3. ที่ประชุมหารือเกี่ยวกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งนักท่องเที่ยวจากกาตาร์มายังไทยมีอัตราเพิ่มขึ้นปีละ 70% -80% แต่คิดเป็นเพียง 4,000 คน ในปีที่ผ่านมา ซึ่งกาตาร์เสนอให้มีเที่ยวบินตรงระหว่างกรุงโดฮาและกรุงเทพฯ นอกจากนี้ เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ให้ความสนใจจังหวัดภูเก็ตมาก และเห็นว่ายังมีบุคคลอีกมากในรัฐริมอ่าวซึ่งไม่รู้จักจังหวัดภูเก็ตและสถานที่พักตากอากาศในจังหวัดดังกล่าวดี
4. ฝ่ายกาตาร์จะเพิ่มและสนับสนุนการไปทำงานในกาตาร์ของแรงงานไทยให้มากขึ้น
5. ที่ประชุมหารือเกี่ยวกับการนำเข้าอาหารฮาราลจากไทยโดยผลิตเป็นอาหารสำเร็จรูปบรรจุหีบห่ออย่างถูกต้อง นอกจากนี้ จากการที่จะมีงาน International Global Food and Technology Exhibition ณ กรุงโดฮา ในระยะเวลาต่อจากนี้ ฝ่ายไทยแจ้งว่าจะมีบริษัทผลิตอาหารของไทยเข้าร่วมแสดงสินค้าด้วย6. ฝ่ายกาตาร์ยืนยันการสนับสนุน ฯพณฯ ดร.ศุภชัย พาณิชภักดิ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้สมัครของไทยในตำแหน่งผู้อำนวยการ WTO รวมทั้งกล่าวว่ารัฐริมอ่าวส่วนใหญ่ก็สนับสนุนผู้สมัครของไทยเช่นกัน--จบ--
วันนี้ (12 เมษายน 2542) ฯพณฯ นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย และ ฯพณฯ เช็ค ฮามัด บิน จาเซ็ม บิน จาบีร์ อัล-ตานี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกาตาร์ ได้ร่วมแถลงข่าว ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังพิธีต้อนรับเช็ค ฮามัด บิน คาลิฟา อัล-ตานี เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ ในฐานะแขกของรัฐบาลอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 เมษายน 2542 การหารือเต็มคณะระหว่างฝ่ายไทยกับฝ่ายกาตาร์ และการลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า และวิชาการ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยได้กล่าวถึงความสำคัญของการเยือนครั้งนี้ในฐานะที่เป็นการเยือนอย่างเป็นทางการครั้งแรกสำหรับประมุขจากรัฐริมอ่าวอาหรับ สำหรับผลการหารือดังกล่าวมีดังนี้
1. ที่ประชุมได้หารือเพื่อเพิ่มปริมาณการค้า การลงทุนและการส่งออกของทั้งสองฝ่าย ซึ่งในสภาพปัจจุบัน ไทยเสียเปรียบดุลการค้ากับกาตาร์มากพอสมควร โดยไทยส่งออกสินค้าเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม อาหาร และเครื่องใช้ไฟฟ้าไปยังกาตาร์ ในขณะที่กาตาร์ส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมายังไทย ในการนี้ ที่ประชุมหารือถึงข้อประสงค์ของฝ่ายไทยซึ่งต้องการแก้ไขการเสียดุลดังกล่าว ซึ่งฝ่ายกาตาร์ยินดีต้อนรับการลงทุนจากไทยเพื่อลดปริมาณการเสียดุลอันเนื่องมาจากมูลค่าของสินค้านำเข้าจากไทยที่ต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าที่ไทยนำเข้าจากกาตาร์
2. ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับความสนใจของนักลงทุนและนักวิชาการฝ่ายไทยในการสร้างโรงงานผลิตปุ๋ยยูเรียในกาตาร์โดยใช้ทรัพยากรธรรมชาติของกาตาร์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายของภาคเกษตรกรรม การขาดดุลการค้า และมูลค่าการผลิต เนื่องจากภาคเกษตรกรรมของไทยนำเข้าปุ๋ยยูเรียคิดเป็นจำนวน 800,000 ตัน ต่อปี ซึ่งฝ่ายกาตาร์แสดงความสนใจที่จะให้ความร่วมมือในส่วนนี้
3. ที่ประชุมหารือเกี่ยวกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งนักท่องเที่ยวจากกาตาร์มายังไทยมีอัตราเพิ่มขึ้นปีละ 70% -80% แต่คิดเป็นเพียง 4,000 คน ในปีที่ผ่านมา ซึ่งกาตาร์เสนอให้มีเที่ยวบินตรงระหว่างกรุงโดฮาและกรุงเทพฯ นอกจากนี้ เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ให้ความสนใจจังหวัดภูเก็ตมาก และเห็นว่ายังมีบุคคลอีกมากในรัฐริมอ่าวซึ่งไม่รู้จักจังหวัดภูเก็ตและสถานที่พักตากอากาศในจังหวัดดังกล่าวดี
4. ฝ่ายกาตาร์จะเพิ่มและสนับสนุนการไปทำงานในกาตาร์ของแรงงานไทยให้มากขึ้น
5. ที่ประชุมหารือเกี่ยวกับการนำเข้าอาหารฮาราลจากไทยโดยผลิตเป็นอาหารสำเร็จรูปบรรจุหีบห่ออย่างถูกต้อง นอกจากนี้ จากการที่จะมีงาน International Global Food and Technology Exhibition ณ กรุงโดฮา ในระยะเวลาต่อจากนี้ ฝ่ายไทยแจ้งว่าจะมีบริษัทผลิตอาหารของไทยเข้าร่วมแสดงสินค้าด้วย6. ฝ่ายกาตาร์ยืนยันการสนับสนุน ฯพณฯ ดร.ศุภชัย พาณิชภักดิ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้สมัครของไทยในตำแหน่งผู้อำนวยการ WTO รวมทั้งกล่าวว่ารัฐริมอ่าวส่วนใหญ่ก็สนับสนุนผู้สมัครของไทยเช่นกัน--จบ--