กรุงเทพ--24 ธ.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
วันนี้ (22 ธันวาคม 2542) นายอุ้ม เมาลานนท์ รักษาการโฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้ตอบข้อซักถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับผลการหารือของคณะผู้แทนไทยที่เดินทางไปเจรจาด้านประมงกับพม่า ระหว่างวันที่ 21-22 ธันวาคม 2542 สรุปดังนี้
1. กระทรวงการต่างประเทศได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้งว่า คณะผู้แทนไทยนำโดยนาย สุทธิพร จีรพันธุ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายพลจัตวา หม่อง หม่อง เต็ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงปศุสัตว์และประมงพม่าและได้หารือข้อราชการกับนายอู จ่อ ลวิน อธิบดีกรมปศุสัตว์และประมงพม่า มีผลสรุปว่า ตามที่ฝ่ายพม่าแจ้งฝ่ายไทยว่า พร้อมที่จะรับคณะผู้แทนไทยเพื่อไปหารือเกี่ยวกับประมง นั้น ฝ่ายพม่าได้แจ้งว่าพม่ามีความจำเป็นและข้อจำกัดบางประการด้านทรัพยากรสัตว์น้ำในน่านน้ำพม่า อันเป็นผลกระทบจากการทำประมงของเรือประมงต่างชาติรวมถึงเรือประมงท้องถิ่นของพม่าเองด้วย
ความกังวลต่อข้อจำกัดดังกล่าวเกิดจากปริมาณสัตว์น้ำในน่านน้ำพม่าที่ลดลง ทำให้เรือประมงต่างชาติที่จะทำการประมงในน่านน้ำพม่าต้องรอไปอีกระยะหนึ่ง โดยฝ่ายพม่า ขอให้ฝ่ายไทยอดทนไปอีกสักระยะ
2. การชะลอการอนุญาตทำการประมงในน่านน้ำพม่าของต่างชาตินั้น มิได้เป็นมาตรการเลือกปฏิบัติต่อชาติใดชาติหนึ่ง และการที่ฝ่ายพม่าระงับการให้การอนุญาตทำประมง ดังกล่าวเป็นการชั่วคราวเท่านั้น มิใช่เป็นการปิดโอกาสประมงไทยอย่างถาวร
3. ฝ่ายพม่าย้ำว่า พม่าต้องการเวลาอีกสักระยะเพื่อเก็บข้อมูลทำแผน จนเมื่อทราบข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณสัตว์น้ำ รวมถึงได้จัดการและวางแผนด้านประมงแล้ว จึงจะมีการอนุญาตให้ประมงต่างชาติทำการประมงในน่านน้ำพม่าต่อไป
4. อนึ่ง เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 21 ธันวาคม 2542 ทั้งสองฝ่ายได้จัดทำบันทึก การหารือ โดยในบันทึกดังกล่าวตอนหนึ่งระบุด้วยว่า ประเทศไทยจะได้รับการพิจารณาอนุญาตให้ทำการประมงในน่านน้ำพม่าต่อไปด้วยดี ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประเทศเพื่อนบ้านและเป็นสมาชิกของ ASEAN ด้วยกัน
5. นอกจากนั้น พม่าได้ย้ำถึงการศึกษาความเป็นไปได้ที่ไทย-พม่าจะร่วมมือ โดยลงทุนหรือร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าประมง อันได้แก่ อุตสาหกรรมผลิตปลาป่น โรงน้ำแข็ง และอุตสาหกรรมผลิตปลากระป๋อง เป็นต้น--จบ--
วันนี้ (22 ธันวาคม 2542) นายอุ้ม เมาลานนท์ รักษาการโฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้ตอบข้อซักถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับผลการหารือของคณะผู้แทนไทยที่เดินทางไปเจรจาด้านประมงกับพม่า ระหว่างวันที่ 21-22 ธันวาคม 2542 สรุปดังนี้
1. กระทรวงการต่างประเทศได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้งว่า คณะผู้แทนไทยนำโดยนาย สุทธิพร จีรพันธุ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายพลจัตวา หม่อง หม่อง เต็ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงปศุสัตว์และประมงพม่าและได้หารือข้อราชการกับนายอู จ่อ ลวิน อธิบดีกรมปศุสัตว์และประมงพม่า มีผลสรุปว่า ตามที่ฝ่ายพม่าแจ้งฝ่ายไทยว่า พร้อมที่จะรับคณะผู้แทนไทยเพื่อไปหารือเกี่ยวกับประมง นั้น ฝ่ายพม่าได้แจ้งว่าพม่ามีความจำเป็นและข้อจำกัดบางประการด้านทรัพยากรสัตว์น้ำในน่านน้ำพม่า อันเป็นผลกระทบจากการทำประมงของเรือประมงต่างชาติรวมถึงเรือประมงท้องถิ่นของพม่าเองด้วย
ความกังวลต่อข้อจำกัดดังกล่าวเกิดจากปริมาณสัตว์น้ำในน่านน้ำพม่าที่ลดลง ทำให้เรือประมงต่างชาติที่จะทำการประมงในน่านน้ำพม่าต้องรอไปอีกระยะหนึ่ง โดยฝ่ายพม่า ขอให้ฝ่ายไทยอดทนไปอีกสักระยะ
2. การชะลอการอนุญาตทำการประมงในน่านน้ำพม่าของต่างชาตินั้น มิได้เป็นมาตรการเลือกปฏิบัติต่อชาติใดชาติหนึ่ง และการที่ฝ่ายพม่าระงับการให้การอนุญาตทำประมง ดังกล่าวเป็นการชั่วคราวเท่านั้น มิใช่เป็นการปิดโอกาสประมงไทยอย่างถาวร
3. ฝ่ายพม่าย้ำว่า พม่าต้องการเวลาอีกสักระยะเพื่อเก็บข้อมูลทำแผน จนเมื่อทราบข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณสัตว์น้ำ รวมถึงได้จัดการและวางแผนด้านประมงแล้ว จึงจะมีการอนุญาตให้ประมงต่างชาติทำการประมงในน่านน้ำพม่าต่อไป
4. อนึ่ง เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 21 ธันวาคม 2542 ทั้งสองฝ่ายได้จัดทำบันทึก การหารือ โดยในบันทึกดังกล่าวตอนหนึ่งระบุด้วยว่า ประเทศไทยจะได้รับการพิจารณาอนุญาตให้ทำการประมงในน่านน้ำพม่าต่อไปด้วยดี ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประเทศเพื่อนบ้านและเป็นสมาชิกของ ASEAN ด้วยกัน
5. นอกจากนั้น พม่าได้ย้ำถึงการศึกษาความเป็นไปได้ที่ไทย-พม่าจะร่วมมือ โดยลงทุนหรือร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าประมง อันได้แก่ อุตสาหกรรมผลิตปลาป่น โรงน้ำแข็ง และอุตสาหกรรมผลิตปลากระป๋อง เป็นต้น--จบ--