ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. เศรษฐกิจภาคใต้ 10 เดือนแรกปี 48 ค่อนข้างซบเซา รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) สำนักงานภาคใต้ ระบุว่า เศรษฐกิจภาคใต้เดือน ต.ค.48 ค่อนข้างซบเซา เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงทาง
เศรษฐกิจ อาทิ ราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อ และความกังวลต่อปัญหาในจังหวัดภาคใต้ตอนล่าง เป็นแรงกด
ดันต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ พิจารณาจากเครื่องชี้ที่สำคัญ คือ การลงทุนภาคเอกชนลดลง และการบริโภค
ภาคเอกชนขยายตัวไม่มากนัก ขณะที่การผลิตของอุตสาหกรรมลดลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกจากการที่
ราคาสินค้าเกษตรหลัก คือ ยางพาราที่ยังทรงตัวในระดับสูง และการส่งออกขยายตัว ส่วนการท่องเที่ยวแม้จำนวน
นักท่องเที่ยวจะลดลง แต่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในฤดูกาลท่องเที่ยว (ผู้จัดการรายวัน, โพสต์ทูเดย์, ไทยรัฐ)
2. ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน พ.ย.48 เพิ่มขึ้นไม่มากนักจากปัจจัยความกังวลด้านการ
เมือง คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.หอการค้าไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน พ.ย.48 ว่า
ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเท่ากับ 82.6 เพิ่มจากเดือน ต.ค.ซึ่งอยู่ที่ 81.4 ขณะที่ความเชื่อมั่น
เกี่ยวกับโอกาสหางานทำ เพิ่มขึ้นจาก 80.3 เป็น 81.4 และความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตเพิ่มเป็น
99.8 จากเดือน ต.ค.ซึ่งอยู่ที่ 98.9 ทั้งนี้ การปรับตัวเพิ่มของดัชนีความเชื่อมั่นข้างต้น ได้รับแรงหนุนจากปัจจัย
บวก ได้แก่ ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศปรับลดลง และการส่งออกขยายตัว สำหรับปัจจัยลบต่อความเชื่อมั่นใน
เดือนที่ผ่านมา ได้แก่ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ลดลง 14.87 จุด ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลง ผู้บริโภคยังกังวลต่อปัญหา
ค่าครองชีพ และราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น ความไม่สงบในภาคใต้ และปัจจัยการเมืองที่มีความไม่แน่นอนสูง ขณะที่
ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย กล่าวว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองในเดือน พ.ย.ที่ผ่าน
มาถือว่าเป็นปัจจัยที่ผู้บริโภคมีความกังวล ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวไม่สูงมากเท่าที่ควร แต่ผู้บริโภคพร้อมให้
ความสำคัญน้อยลง หากสถานการณ์คลี่คลาย (กรุงเทพธุรกิจ, เดลินิวส์, มติชน)
3. รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้เดือน พ.ย.48 สูงกว่าประมาณการ 2,045 ล้านบาท รอง ผอ.
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลประจำเดือน พ.ย.48 ยังคงสูงกว่า
ประมาณการต่อเนื่อง โดยจัดเก็บได้ 98,939 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสาร งปม. 2,045 ล้านบาท
ส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ในช่วง 2 เดือนแรกของปี งปม. 49 (ต.ค.-พ.ย.48) จัดเก็บได้ 183,116 ล้าน
บาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสาร งปม.3,187 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.8 ทั้งนี้ ภาษีที่ยังมีผลการจัดเก็บขยาย
ตัวในเกณฑ์สูง คือ ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งเก็บได้สูงกว่าเดือนเดียวกันในปีก่อนหน้า
ถึงร้อยละ 28.3 และ 19.7 ตามลำดับ (กรุงเทพธุรกิจ, โพสต์ทูเดย์, มติชน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานของ สรอ.เพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่
3 ธ.ค.48 รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 8 ธ.ค.48 ก.แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า ยอดการขอรับสวัสดิการว่าง
งานของ สรอ. ณ สัปดาห์ล่าสุด (สิ้นสุดวันที่ 3 ธ.ค.48) เพิ่มขึ้น 6,000 คน เป็นจำนวน 327,000 คน จาก
จำนวน 321,000 คนในสัปดาห์ก่อนหน้า นับเป็นการเพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมายของตลาดซึ่งคาดว่ายอดการขอรับ
สวัสดิการว่างงานจะมีจำนวนเพียง 317,000 คน ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จาก ก.แรงงาน เปิดเผยว่า เท่าที่ผ่านมา
ยอดขอรับสวัสดิการว่างงานมักจะเพิ่มขึ้นในช่วงสัปดาห์หลังเทศกาลขอบคุณพระเจ้า อย่างไรก็ตาม ยอดการขอรับ
สวัสดิการว่างงานเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดแนวโน้มตลาดแรงงานที่แม่นยำกว่า กลับมีแนวโน้มที่ดี โดยลดลง
ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 เป็นจำนวน 322,500 คน จากจำนวน 322,750 คนในสัปดาห์ก่อนหน้า (รอยเตอร์)
2. คาดว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีในปีหน้าจะขยายตัวดีขึ้น รายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.48 สถาบัน RWI และ IfW ของเยอรมนี ปรับเพิ่มพยากรณ์อัตราการเติบโตทาง
เศรษฐกิจของเยอรมนีในปีหน้า เนื่องจากคาดว่าความต้องการสินค้าของเยอรมนีในตลาดโลกจะเพิ่มสูงขึ้น โดย
RWI คาดว่าจีดีพีของเยอรมนีในปีหน้าจะเติบโตร้อยละ 1.6 เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับร้อยละ 1.4
ส่วน IfW คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวร้อยละ 1.5 เพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 1.1 ในขณะที่ Klaus Regling ผอ.ทั่ว
ไป ฝ่ายกิจการเศรษฐกิจของคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป กล่าวว่า เศรษฐกิจของเยอรมนีในปีหน้าจะขยายตัวสูง
กว่าร้อยละ 1.2 ซึ่งเป็นอัตราที่ผู้บริหารคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และจะชะลอตัวลงเล็กน้อยในปี 50 เนื่องจากผล
กระทบจากมาตรการภาษีของรัฐ ทั้งนี้ เศรษฐกิจของเยอรมนีในไตรมาส 3 ปีนี้ขยายตัวได้ดี และคาดว่าเศรษฐกิจ
ในปีหน้าจะเริ่มต้นได้ดีจากปัจจัยสนับสนุนหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความต้องการสินค้าของเยอรมนีจากต่าง
ประเทศ รวมทั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า ตลอดจนการอ่อนตัวลงของค่าเงินยูโร (รอยเตอร์)
3. ผลผลิตอุตสาหกรรมของเยอรมนีในเดือน ต.ค.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 จากเดือนก่อนสูงกว่าที่
คาดไว้ รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 8 ธ.ค.48 ก.เศรษฐกิจของเยอรมนีรายงานผลผลิตอุตสาหกรรมของเยอรมนี
เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 ในเดือน ต.ค.48 จากเดือนก่อน สูงกว่าร้อยละ 0.5 ที่ผลสำรวจโดยรอยเตอร์คาดไว้ โดย
ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของผลผลิตในภาคโรงงานอุตสาหกรรมจากความต้องการสินค้าสำหรับผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่าง
ต่อเนื่องจากต่างประเทศ โดยคำสั่งซื้อสินค้าโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นในเดือน ต.ค.48 เป็นเดือนที่ 5 ในรอบ
6 เดือน นักวิเคราะห์จึงคาดว่าเศรษฐกิจเยอรมนีจะขยายตัวร้อยละ 0.4 ในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ และขยายตัวต่อ
เนื่องไปยังปีหน้า นอกจากนี้ยังคาดว่าตัวเลขผลผลิตที่ดีขึ้นจะส่งผลให้ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของธุรกิจสำหรับเดือน ธ.
ค.48 ที่สำรวจโดย Ifo และถูกมองว่าเป็นตัวชี้วัดภาวะเศรษฐกิจของเยอรมนีและเขตเศรษฐกิจยุโรปดีขึ้น ผล
สำรวจโดยรอยเตอร์คาดว่าดัชนีดังกล่าวซึ่งมีกำหนดจะเผยแพร่อย่างเป็นทางการในวันที่ 16 ธ.ค.นี้จะเพิ่มขึ้น
จากระดับ 97.8 ในเดือน พ.ย.48 เป็น 98.4 ในเดือน ธ.ค.48 (รอยเตอร์)
4. ธ.กลางเกาหลีใต้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือนที่ระดับร้อยละ
3.75 รายงานจากโซลเมื่อ 8 ธ.ค.48 ธ.กลางเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน ได้
พิจารณาปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ที่ระดับร้อยละ 3.75 จากร้อยละ 3.50 นับเป็น
การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน หลังจากที่ ธ.กลางใช้นโยบายการเงินเข้มงวด โดยการ
คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับร้อยละ 3.25 เป็นเวลากว่า 3 ปี สำหรับการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ ธ.กลาง
เกาหลีใต้มีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อ อันเนื่องมาจากการที่เศรษฐกิจขยายตัวประกอบกับ
การที่ราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของ
บรรดานักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งคาดว่า ธ.กลางเกาหลีใต้จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม เนื่องจากอัตรา
เงินเฟ้อชะลอลงที่ระดับร้อยละ 2.4 ในเดือน พ.ย.48 จากร้อยละ 2.5 ในเดือนก่อนหน้า และคาดว่าน่าจะมีการ
ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงครึ่งแรกของปี 49 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 9 ธ.ค. 48 8 ธ.ค.48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.268 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.0896/41.3842 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.86938 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 692.58/ 18.98 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,050/10,150 9,850/9,950 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 55.94 53.2 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.24*/22.69** 24.84*/22.69** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม 40 สตางค์ เมื่อ 9 ธ.ค. 48
** ปรับลด 40 สตางค์ เมื่อ 14 พ.ย. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. เศรษฐกิจภาคใต้ 10 เดือนแรกปี 48 ค่อนข้างซบเซา รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) สำนักงานภาคใต้ ระบุว่า เศรษฐกิจภาคใต้เดือน ต.ค.48 ค่อนข้างซบเซา เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงทาง
เศรษฐกิจ อาทิ ราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อ และความกังวลต่อปัญหาในจังหวัดภาคใต้ตอนล่าง เป็นแรงกด
ดันต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ พิจารณาจากเครื่องชี้ที่สำคัญ คือ การลงทุนภาคเอกชนลดลง และการบริโภค
ภาคเอกชนขยายตัวไม่มากนัก ขณะที่การผลิตของอุตสาหกรรมลดลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกจากการที่
ราคาสินค้าเกษตรหลัก คือ ยางพาราที่ยังทรงตัวในระดับสูง และการส่งออกขยายตัว ส่วนการท่องเที่ยวแม้จำนวน
นักท่องเที่ยวจะลดลง แต่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในฤดูกาลท่องเที่ยว (ผู้จัดการรายวัน, โพสต์ทูเดย์, ไทยรัฐ)
2. ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน พ.ย.48 เพิ่มขึ้นไม่มากนักจากปัจจัยความกังวลด้านการ
เมือง คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.หอการค้าไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน พ.ย.48 ว่า
ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเท่ากับ 82.6 เพิ่มจากเดือน ต.ค.ซึ่งอยู่ที่ 81.4 ขณะที่ความเชื่อมั่น
เกี่ยวกับโอกาสหางานทำ เพิ่มขึ้นจาก 80.3 เป็น 81.4 และความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตเพิ่มเป็น
99.8 จากเดือน ต.ค.ซึ่งอยู่ที่ 98.9 ทั้งนี้ การปรับตัวเพิ่มของดัชนีความเชื่อมั่นข้างต้น ได้รับแรงหนุนจากปัจจัย
บวก ได้แก่ ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศปรับลดลง และการส่งออกขยายตัว สำหรับปัจจัยลบต่อความเชื่อมั่นใน
เดือนที่ผ่านมา ได้แก่ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ลดลง 14.87 จุด ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลง ผู้บริโภคยังกังวลต่อปัญหา
ค่าครองชีพ และราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น ความไม่สงบในภาคใต้ และปัจจัยการเมืองที่มีความไม่แน่นอนสูง ขณะที่
ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย กล่าวว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองในเดือน พ.ย.ที่ผ่าน
มาถือว่าเป็นปัจจัยที่ผู้บริโภคมีความกังวล ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวไม่สูงมากเท่าที่ควร แต่ผู้บริโภคพร้อมให้
ความสำคัญน้อยลง หากสถานการณ์คลี่คลาย (กรุงเทพธุรกิจ, เดลินิวส์, มติชน)
3. รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้เดือน พ.ย.48 สูงกว่าประมาณการ 2,045 ล้านบาท รอง ผอ.
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลประจำเดือน พ.ย.48 ยังคงสูงกว่า
ประมาณการต่อเนื่อง โดยจัดเก็บได้ 98,939 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสาร งปม. 2,045 ล้านบาท
ส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ในช่วง 2 เดือนแรกของปี งปม. 49 (ต.ค.-พ.ย.48) จัดเก็บได้ 183,116 ล้าน
บาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสาร งปม.3,187 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.8 ทั้งนี้ ภาษีที่ยังมีผลการจัดเก็บขยาย
ตัวในเกณฑ์สูง คือ ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งเก็บได้สูงกว่าเดือนเดียวกันในปีก่อนหน้า
ถึงร้อยละ 28.3 และ 19.7 ตามลำดับ (กรุงเทพธุรกิจ, โพสต์ทูเดย์, มติชน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานของ สรอ.เพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่
3 ธ.ค.48 รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 8 ธ.ค.48 ก.แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า ยอดการขอรับสวัสดิการว่าง
งานของ สรอ. ณ สัปดาห์ล่าสุด (สิ้นสุดวันที่ 3 ธ.ค.48) เพิ่มขึ้น 6,000 คน เป็นจำนวน 327,000 คน จาก
จำนวน 321,000 คนในสัปดาห์ก่อนหน้า นับเป็นการเพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมายของตลาดซึ่งคาดว่ายอดการขอรับ
สวัสดิการว่างงานจะมีจำนวนเพียง 317,000 คน ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จาก ก.แรงงาน เปิดเผยว่า เท่าที่ผ่านมา
ยอดขอรับสวัสดิการว่างงานมักจะเพิ่มขึ้นในช่วงสัปดาห์หลังเทศกาลขอบคุณพระเจ้า อย่างไรก็ตาม ยอดการขอรับ
สวัสดิการว่างงานเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดแนวโน้มตลาดแรงงานที่แม่นยำกว่า กลับมีแนวโน้มที่ดี โดยลดลง
ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 เป็นจำนวน 322,500 คน จากจำนวน 322,750 คนในสัปดาห์ก่อนหน้า (รอยเตอร์)
2. คาดว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีในปีหน้าจะขยายตัวดีขึ้น รายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.48 สถาบัน RWI และ IfW ของเยอรมนี ปรับเพิ่มพยากรณ์อัตราการเติบโตทาง
เศรษฐกิจของเยอรมนีในปีหน้า เนื่องจากคาดว่าความต้องการสินค้าของเยอรมนีในตลาดโลกจะเพิ่มสูงขึ้น โดย
RWI คาดว่าจีดีพีของเยอรมนีในปีหน้าจะเติบโตร้อยละ 1.6 เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับร้อยละ 1.4
ส่วน IfW คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวร้อยละ 1.5 เพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 1.1 ในขณะที่ Klaus Regling ผอ.ทั่ว
ไป ฝ่ายกิจการเศรษฐกิจของคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป กล่าวว่า เศรษฐกิจของเยอรมนีในปีหน้าจะขยายตัวสูง
กว่าร้อยละ 1.2 ซึ่งเป็นอัตราที่ผู้บริหารคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และจะชะลอตัวลงเล็กน้อยในปี 50 เนื่องจากผล
กระทบจากมาตรการภาษีของรัฐ ทั้งนี้ เศรษฐกิจของเยอรมนีในไตรมาส 3 ปีนี้ขยายตัวได้ดี และคาดว่าเศรษฐกิจ
ในปีหน้าจะเริ่มต้นได้ดีจากปัจจัยสนับสนุนหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความต้องการสินค้าของเยอรมนีจากต่าง
ประเทศ รวมทั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า ตลอดจนการอ่อนตัวลงของค่าเงินยูโร (รอยเตอร์)
3. ผลผลิตอุตสาหกรรมของเยอรมนีในเดือน ต.ค.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 จากเดือนก่อนสูงกว่าที่
คาดไว้ รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 8 ธ.ค.48 ก.เศรษฐกิจของเยอรมนีรายงานผลผลิตอุตสาหกรรมของเยอรมนี
เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 ในเดือน ต.ค.48 จากเดือนก่อน สูงกว่าร้อยละ 0.5 ที่ผลสำรวจโดยรอยเตอร์คาดไว้ โดย
ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของผลผลิตในภาคโรงงานอุตสาหกรรมจากความต้องการสินค้าสำหรับผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่าง
ต่อเนื่องจากต่างประเทศ โดยคำสั่งซื้อสินค้าโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นในเดือน ต.ค.48 เป็นเดือนที่ 5 ในรอบ
6 เดือน นักวิเคราะห์จึงคาดว่าเศรษฐกิจเยอรมนีจะขยายตัวร้อยละ 0.4 ในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ และขยายตัวต่อ
เนื่องไปยังปีหน้า นอกจากนี้ยังคาดว่าตัวเลขผลผลิตที่ดีขึ้นจะส่งผลให้ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของธุรกิจสำหรับเดือน ธ.
ค.48 ที่สำรวจโดย Ifo และถูกมองว่าเป็นตัวชี้วัดภาวะเศรษฐกิจของเยอรมนีและเขตเศรษฐกิจยุโรปดีขึ้น ผล
สำรวจโดยรอยเตอร์คาดว่าดัชนีดังกล่าวซึ่งมีกำหนดจะเผยแพร่อย่างเป็นทางการในวันที่ 16 ธ.ค.นี้จะเพิ่มขึ้น
จากระดับ 97.8 ในเดือน พ.ย.48 เป็น 98.4 ในเดือน ธ.ค.48 (รอยเตอร์)
4. ธ.กลางเกาหลีใต้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือนที่ระดับร้อยละ
3.75 รายงานจากโซลเมื่อ 8 ธ.ค.48 ธ.กลางเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน ได้
พิจารณาปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ที่ระดับร้อยละ 3.75 จากร้อยละ 3.50 นับเป็น
การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน หลังจากที่ ธ.กลางใช้นโยบายการเงินเข้มงวด โดยการ
คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับร้อยละ 3.25 เป็นเวลากว่า 3 ปี สำหรับการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ ธ.กลาง
เกาหลีใต้มีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อ อันเนื่องมาจากการที่เศรษฐกิจขยายตัวประกอบกับ
การที่ราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของ
บรรดานักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งคาดว่า ธ.กลางเกาหลีใต้จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม เนื่องจากอัตรา
เงินเฟ้อชะลอลงที่ระดับร้อยละ 2.4 ในเดือน พ.ย.48 จากร้อยละ 2.5 ในเดือนก่อนหน้า และคาดว่าน่าจะมีการ
ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงครึ่งแรกของปี 49 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 9 ธ.ค. 48 8 ธ.ค.48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.268 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.0896/41.3842 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.86938 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 692.58/ 18.98 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,050/10,150 9,850/9,950 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 55.94 53.2 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.24*/22.69** 24.84*/22.69** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม 40 สตางค์ เมื่อ 9 ธ.ค. 48
** ปรับลด 40 สตางค์ เมื่อ 14 พ.ย. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--