นาย Norbert Frankenstein เจ้าของบริษัท The Thai Cooking Company (TCC) ซึ่งเป็นบริษัทดำเนินธุรกิจด้านร้านอาหารไทยหลายสาขาในกรุงเบอร์ลินประสงค์หาผู้ร่วมลงทุนเพื่อดำเนินโครงการธุรกิจครบวงจรเพื่อส่งเสริมกิจกรรมเกี่ยวกับอาหารไทยสินค้าไทย และศิลปวัฒนธรรมของไทย เกี่ยวกับเรื่องนี้ สถานเอกอัครราทูต ณ กรุงเบอร์ลิน ได้รายงานข้อมูลและข้อสังเกตเพื่อใช้ประกอบการพิจารณา ดังนี้
1. ธุรกิจร้านอาหารไทยระดับ 5 ดาว ที่นาย Frankenstein สนใจจะดำเนินการนั้น จะเปิดขึ้นในบริเวณชั้นล่างของอาคาร European Commission House ตั้งอยู่ที่ถนน Unter den Linden ใกล้กับประตูบรันเดนบวร์กซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจที่สำคัญของกรุงเบอร์ลิน ทั้งนี้ชั้นล่างของอาคารดังกล่าวจะมีพื้นที่ประมาณ 250 ตารางเมตรและด้านหน้าสุดของอาคารมีส่วนพื้นที่แบบ Bistro & Coffee Shop ขนาด 81 ตารางเมตร โดยโครงการนี้จะใช้เงินลงทุนเบื้องต้นประมาณ 2 ล้านมาร์ก ซึ่งนาย Frankenstein ได้แสดงความประสงค์ที่จะหาผู้ร่วมลงทุนฝ่ายไทยเข้าร่วมดำเนินโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ทางเจ้าของพื้นที่อาคารฯ ได้ขอให้นาย Frankenstein แจ้งความประสงค์ในการดำเนินธุรกิจโดยด่วนซึ่งเรื่องนี้สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้มอบรายชื่อบริษัทไทยที่กำลังหาคู่ค้า (partner) ด้านการลงทุนร้านอาหารซึ่งได้รับจากสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศให้นาย Frankenstein พิจารณาด้วยแล้ว
2. นอกจากนี้ นาย Frankenstein ยังมีแผนที่จะพัฒนาพื้นที่ด้านล่างของสถานีรถไฟ Hackesherhof ซึ่งอยู่ในเขต Berlin Mitte (บริเวณใจกลางกรุงเบอร์ลิน) ซึ่งทางการรถไฟของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี มีแผนจะพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวให้เป็น Shopping Mall ในอีกประมาณ 1-2 ปีข้างหน้า ซึ่งในเรื่องนี้ นาย Frankenstein ได้แสดงความสนใจที่จะหาผู้ร่วมลงทุนฝ่ายไทยเพื่อเปิดกิจการขายอาหาร สินค้า และหัตถกรรมของไทยในบริเวณดังกล่าว ซึ่งนาย Frankenstein จะได้แจ้งรายละเอียด หากมีความคืบหน้าในการพัฒนาพื้นที่บริเวณดังกล่าวให้สถานเอกอัครราชทูตฯ ทราบในโอกาสต่อไป
3. เกี่ยวกับเรื่องนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ให้ความเห็นประกอบการพิจารณาว่าสำหรับโครงการในข้อ 1 การเปิดกิจการร้านอาหารไทยระดับ 5 ดาว ในพื้นที่ Prime Area ดังกล่าว เป็นโครงการที่น่าสนับสนุน เพราะไม่เพียงแต่จะเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจไทยแต่ยังมีส่วนช่วยประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในเชิงบวกอีกด้วย ซึ่งหากโครงการนี้ได้ผู้ร่วมลงทุนเป็นชาวไทยก็จะทำให้มีความเข้าใจในศิลปะการทำอาหารไทยและวัฒนธรรมไทยมากยิ่งขึ้นกอปรกับในปัจจุบันร้านอาหารไทยได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในสหพันธ์ฯโดยมีทั้งร้านอาหารไทยที่ประกอบการโดยชาวไทยและชาวต่างชาติ ในขณะเดียวกันร้านอาหารไทยที่ได้รับการยอมรับในเรื่องสถานที่การบริการ และรสชาติอาหาร ยังมีจำนวนไม่มากนักหากโครงการนี้ได้ร่วมลงทุนที่มีวัตถุประสงค์ร่วมกันและมีความชำนาญการในส่วนของฝ่ายไทย ผสมผสานกับการจัดการธุรกิจและ connections ของฝ่ายเยอรมัน (ซึ่งร้านอาหารไทยของนาย Frankenstein เองก็ได้รับความนิยมจากชาวเยอรมันในกรุงเบอร์ลินเป็นอย่างดี) เชื่อว่าธุรกิจนี้น่าที่จะสร้างประโยชน์และผลต่อเนื่องในกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของไทยได้มากอีกทางหนึ่ง
4. สำหรับโครงการในข้อ 2 โดยหลักการนั้น สถานเอกอัครราชทูตฯ เห็นด้วยกับการส่งเสริมให้มี Shopping Mall เกี่ยวกับอาหารไทย สินค้าไทย และศูนย์รวมของกิจกรรมศิลปวัฒนธรรมไทยในบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้ หากมีรายละเอียดเพิ่มเติม สถานเอกอัครราชทูตฯจะได้รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการฯ ให้ทราบต่อไป
อนึ่ง สถานเอกอัครราชทูตฯ มีความเห็นเพิ่มเติมว่าโครงการทั้งสองข้างต้นยังเป็นการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทยที่ได้มอบหมายให้ EXIM Bank พิจารณาปล่อยเงินกู้ให้กับบริษัทไทยในต่างประเทศที่ไปลงทุนในด้านร้านอาหารและร้านขายสินค้าเกี่ยวกับอาหารและวัตถุดิบจากประเทศไทย
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ คุณเลื่อมใส สานุช กลุ่มงานธุรกิจบริการสำนักบริการส่งอออก กรมส่งเสริมการส่งออก โทร. 512-0093-104 ต่อ 500 หรือที่ sts1@mocnet.moc.go.th
--กรมส่งเสริมการส่งออก พฤศจิกายน 2542--
1. ธุรกิจร้านอาหารไทยระดับ 5 ดาว ที่นาย Frankenstein สนใจจะดำเนินการนั้น จะเปิดขึ้นในบริเวณชั้นล่างของอาคาร European Commission House ตั้งอยู่ที่ถนน Unter den Linden ใกล้กับประตูบรันเดนบวร์กซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจที่สำคัญของกรุงเบอร์ลิน ทั้งนี้ชั้นล่างของอาคารดังกล่าวจะมีพื้นที่ประมาณ 250 ตารางเมตรและด้านหน้าสุดของอาคารมีส่วนพื้นที่แบบ Bistro & Coffee Shop ขนาด 81 ตารางเมตร โดยโครงการนี้จะใช้เงินลงทุนเบื้องต้นประมาณ 2 ล้านมาร์ก ซึ่งนาย Frankenstein ได้แสดงความประสงค์ที่จะหาผู้ร่วมลงทุนฝ่ายไทยเข้าร่วมดำเนินโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ทางเจ้าของพื้นที่อาคารฯ ได้ขอให้นาย Frankenstein แจ้งความประสงค์ในการดำเนินธุรกิจโดยด่วนซึ่งเรื่องนี้สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้มอบรายชื่อบริษัทไทยที่กำลังหาคู่ค้า (partner) ด้านการลงทุนร้านอาหารซึ่งได้รับจากสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศให้นาย Frankenstein พิจารณาด้วยแล้ว
2. นอกจากนี้ นาย Frankenstein ยังมีแผนที่จะพัฒนาพื้นที่ด้านล่างของสถานีรถไฟ Hackesherhof ซึ่งอยู่ในเขต Berlin Mitte (บริเวณใจกลางกรุงเบอร์ลิน) ซึ่งทางการรถไฟของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี มีแผนจะพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวให้เป็น Shopping Mall ในอีกประมาณ 1-2 ปีข้างหน้า ซึ่งในเรื่องนี้ นาย Frankenstein ได้แสดงความสนใจที่จะหาผู้ร่วมลงทุนฝ่ายไทยเพื่อเปิดกิจการขายอาหาร สินค้า และหัตถกรรมของไทยในบริเวณดังกล่าว ซึ่งนาย Frankenstein จะได้แจ้งรายละเอียด หากมีความคืบหน้าในการพัฒนาพื้นที่บริเวณดังกล่าวให้สถานเอกอัครราชทูตฯ ทราบในโอกาสต่อไป
3. เกี่ยวกับเรื่องนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ให้ความเห็นประกอบการพิจารณาว่าสำหรับโครงการในข้อ 1 การเปิดกิจการร้านอาหารไทยระดับ 5 ดาว ในพื้นที่ Prime Area ดังกล่าว เป็นโครงการที่น่าสนับสนุน เพราะไม่เพียงแต่จะเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจไทยแต่ยังมีส่วนช่วยประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในเชิงบวกอีกด้วย ซึ่งหากโครงการนี้ได้ผู้ร่วมลงทุนเป็นชาวไทยก็จะทำให้มีความเข้าใจในศิลปะการทำอาหารไทยและวัฒนธรรมไทยมากยิ่งขึ้นกอปรกับในปัจจุบันร้านอาหารไทยได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในสหพันธ์ฯโดยมีทั้งร้านอาหารไทยที่ประกอบการโดยชาวไทยและชาวต่างชาติ ในขณะเดียวกันร้านอาหารไทยที่ได้รับการยอมรับในเรื่องสถานที่การบริการ และรสชาติอาหาร ยังมีจำนวนไม่มากนักหากโครงการนี้ได้ร่วมลงทุนที่มีวัตถุประสงค์ร่วมกันและมีความชำนาญการในส่วนของฝ่ายไทย ผสมผสานกับการจัดการธุรกิจและ connections ของฝ่ายเยอรมัน (ซึ่งร้านอาหารไทยของนาย Frankenstein เองก็ได้รับความนิยมจากชาวเยอรมันในกรุงเบอร์ลินเป็นอย่างดี) เชื่อว่าธุรกิจนี้น่าที่จะสร้างประโยชน์และผลต่อเนื่องในกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของไทยได้มากอีกทางหนึ่ง
4. สำหรับโครงการในข้อ 2 โดยหลักการนั้น สถานเอกอัครราชทูตฯ เห็นด้วยกับการส่งเสริมให้มี Shopping Mall เกี่ยวกับอาหารไทย สินค้าไทย และศูนย์รวมของกิจกรรมศิลปวัฒนธรรมไทยในบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้ หากมีรายละเอียดเพิ่มเติม สถานเอกอัครราชทูตฯจะได้รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการฯ ให้ทราบต่อไป
อนึ่ง สถานเอกอัครราชทูตฯ มีความเห็นเพิ่มเติมว่าโครงการทั้งสองข้างต้นยังเป็นการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทยที่ได้มอบหมายให้ EXIM Bank พิจารณาปล่อยเงินกู้ให้กับบริษัทไทยในต่างประเทศที่ไปลงทุนในด้านร้านอาหารและร้านขายสินค้าเกี่ยวกับอาหารและวัตถุดิบจากประเทศไทย
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ คุณเลื่อมใส สานุช กลุ่มงานธุรกิจบริการสำนักบริการส่งอออก กรมส่งเสริมการส่งออก โทร. 512-0093-104 ต่อ 500 หรือที่ sts1@mocnet.moc.go.th
--กรมส่งเสริมการส่งออก พฤศจิกายน 2542--