เนื่องจากรัฐธรรมนูญใหม่กำหนดให้นักการเมืองทุกพรรคจะต้องมีสาขา
พรรคอย่างน้อยภาคละ หนึ่งสาขา โดย
เฉพาะพรรคประชาธิปัตย์เองซึ่งเป็นพรรคเก่าแก่จัดตั้งมา 53 ปีแล้ว
ในเรื่องดังกล่าว ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ในฐานะ
รองหัวหน้าพรรคและเป็นประธานคณะทำงานสาขาพรรค และศูนย์ประสานงาน
และดูแลเรื่องสาขาพรรคโดยตรง
ได้กล่าวถึงบทบาทของพรรคที่มีต่อสาขาพรรคว่า
"รากฐานของพรรคในรูปแบบที่เป็นพรรคการเมืองอย่างแท้จริงจำเ
ป็นจะต้องมีกลไกพรรคที่มีความเชื่อมั่น และ
ก็มีความสำคัญใกล้ชิดกับสมาชิกในแต่ละพื้นที่เป็นอย่างดี
ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งได้ก่อตั้งมานานแล้ว ได้หยั่ง
รากลึกตรงนี้แล้วได้เห็นความสำคัญของสาขาพรรคอย่างมาก
ที่ผ่านมาพรรคการเมืองก็เป็นพรรคอย่างหลวม ๆ มีการ
ทำงานเหมือนกับเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับเลือกตั้งและทำกิจกรรมเป็นครั
้ง ๆ ไป ซึ่งจะต้องมีปัจจัยอื่น ๆ เข้าเกี่ยว ข้องด้วย เช่น
เรื่องของเงินที่เป็นปัจจัยในการหาเสียงอย่างมาก
ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับแนวทางอย่างนั้น
แต่เราเห็นว่ากลุ่มใดที่จะทดแทน มีความสำคัญ
และเราให้ความสำคัญมาโดยตลอดก็คือการให้สาขาพรรคมีองค์กร มี กิจกรรม
มีตัวบุคคล มีบทบาทที่สำคัญเป็นของตัวเอง
เป็นการกระจายอำนาจของระบบพรรคการเมืองสู่ท้องถิ่นอย่าง แท้จริง
ดังนั้นเราจึงต้องการที่จะฟื้นฟู ถึงแม้ว่าเราจะมีสาขาพรรคอยู่แล้ว
173 แห่งซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุง
เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญใหม่
แต่ว่าเขตเลือกตั้งใหม่ของเราทั่วประเทศแบ่งเป็น 400 เขต
ดังนั้นก็ควรจะมีเขต ต่อสาขาพรรคการเมือง 400 สาขาให้ได้
ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งเขตเลือกตั้งเป็นแบบ
แบ่งเขตเบอร์เดียว และมีปาร์ตี้ลิส ทุกเขตด้วย
เราจึงต้องให้ความสำคัญกับคะแนนเสียงจากทุกเขต ถ้าเกิดจะทำแบบเดิม
ส่งคนลงตรงไหน ที่หวังจะได้อย่างแท้จริงเราก็ดูแลเฉพาะตรงนั้น
ตรงไหนที่ไม่หวังจะได้ส.ส.ก็ส่งผ่าน ๆ ไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่สำหรับ
ปัจจุบันทำไม่ได้ นักการเมืองจะต้องมีฐานเสียงที่แน่นทุกเขต
ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่เราจะต้องให้ความสำคัญกับสาขา
ใช่ว่าพรรคประชาธิปัตย์พึ่งจะมาให้ความสำคัญกับสาขาพรรค
เราทำกันมานานแล้ว แต่เนื่องจากเดิมการทำงาน ยังไม่
เข้าระบบดังนั้นการบริหารงานของสาขาพรรคก็เลยมีบทบาทน้อยพรรคมีเป้าหม
ายว่าจะมีสาขา 400 สาขาทั่วประเทศ
ในช่วงต้นอาจจะเป็นไปไม่ได้ต้องใช้ระยะเวลาค่อย ๆ
ทำไปและสาขานี้จะต้องเป็นสาขาอย่างแท้จริง ไม่ใช่สาขาที่มี
สถานที่แล้วก็ไม่ได้ทำอะไร
แต่ว่าหน้าที่บทบาทของสาขาจะได้รับการกระจายอำนาจเหมือนกับเป็นจำลองพ
รรคการ เมืองไปไว้ในพื้นที่ ต้องทำงานในทุกด้านของพรรคการเมือง
เมื่อก่อนนี้อาจจะเป็นลักษณะเลือกตั้งแต่ละครั้งก็จะไป
ตั้งศูนย์ย่อยอีกที พอไม่เลือกตั้งก็หยุดซะเฉย ๆ
พอได้ส.ส.ก็ไม่เกี่ยว กับสาขาก็ไปตั้งของตัวเองแยกออกต่างหากอะไร
อย่างนี้เป็นต้น แต่ว่าต่อไปนี้จะต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
สาขาพรรคก็คือองค์กรจำลองของพรรคในพื้นที่ เป็นที่ทำ
คอยให้บริการประชาชน เป็นที่ทำงานของส.ส.ในเขตพื้นที่
เป็นศูนย์ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เป็นศูนย์รวมใน
การหาสมาชิกของพรรคในเขตเลือกตั้งนั้นด้วย
ตรงนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราถือว่าสำคัญ เพราะว่าการหาสมาชิก
เมื่อ ก่อนเราถือว่ามีสมาชิก 100-200 คน ก็ได้แล้ว แต่ว่าจริง ๆ
แล้วเราต้องหาสมาชิกให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ มีผู้มีสิทธิ์
ออกเสียงเลือกตั้งในเขตนั้นเท่าไหร่ จริง
ๆถ้าจะได้ทั้งหมดเป็นสมาชิกพรรคเราก็ยิ่งดีในการลงคดีแนนเสียงเลือกตั
้ง ดังนั้นก็เป็นหน้าที่ของสาขาพรรคที่จะต้องหาสมาชิกให้มากที่สุด
เราก็ตั้งเป้าเอาไว้ ในการที่จะพัฒนาสาขาด้วยว่ามี
หน้าที่อันหนึ่งที่สำคัญสมมุติว่ามีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในเขตนั้น
60,000 คน เราควรจะต้องมีสมาชิกเลือกตั้งได้ประมาณไว้
สักครึ่งหนึ่งซึ่งมันอาจจะต้องใช้เวลา
และต้องให้คนที่มีสิทธิเลือกตั้งได้เห็นว่ามันมีประโยชน์อะไรในการเป็
นสมาชิก ของพรรค
ประโยชน์อะไรนั้นก็หมายความว่าต่อไปเราก็จะให้สิทธิและเสียงของสาขาพร
รค ในการที่จะเสนอชื่อ บุคคล เพื่อที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง
ในหน้าที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นส.ส., สก.,สข. หรือ ส.ส.
หรือส.ท.(สภาเทศบาล)อะไร ก็แล้วแต่ ทางเขตเลือกตั้งต่าง ๆ
มีอะไรเกิดขึ้นนักการเมืองควรจะต้องมีส่วนไปเกี่ยวข้องด้วย
การเสนอก็เริ่มต้นมากจาก สาขาพรรค
ส่วนที่สอง ก็คือประชาชนมีความเดือดร้อนอะไรในพื้นที่นั้
นมีความต้องการและอยากให้พัฒนาอย่างไร หรือ เรื่องของระดับภาค
ระดับจังหวัด หรือมีความต้องการอย่างไรก็สามารถเป็นศูนย์กลาง
ศูนย์รวมของนโยบายต่าง ๆ ของ พรรคในเขตนั้น
ส่วนที่สาม ก็คือว่าเวลามีเรื่องสำคัญ ๆ
ระดับชาติขึ้นมาต้องการความเห็น ของประชาชนตรงนี้ก็มี สิทธิ์ที่จะทำ
ประชาพิจารณ์ หรือว่าเสนอความคิดเห็นมายังพรรค
ทั้งหลายทั้งปวงทุกอย่างที่พรรคพึงกระทำในท้องที่ นั้น ๆ ดังนั้น
เราเห็นว่าตรงนี้จะเป็นกลไล หรือ
กลยุทธที่สำคัญในการที่จะสร้างความแน่นแฟ้น หรือความสัมพันธ์กับ
ประชาชน ระหว่างเจ้าของประเทศกับพรรคการเมืองซึ่งเป็นตัวแทนของเขา
ก็เป็นวิธีที่จะทำงานต่อไปของพรรคเราในอนาคต
ส่วนเป้าหมายในการจัดตั้งสาขาของพรรคก็คือ
ประการแรกทำอย่างไรที่จะให้ส.ส.ที่เราทั้ง 123 คน จัดตั้งสาขา พรรค
ให้ได้ครบ 123 สาขาก่อน
ตรงนี้ก็ยากแล้วเพราะว่าหลายแห่งก็ยังไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่
แต่การตัดสินเบื้องต้น ครั้งแรกเอา 123 ก่อนถ้ามากกว่านั้นยิ่งดี
ประการที่สองเราก็จะกำหนดเป้าหมายเพิ่มขึ้นตามลำดับ แต่ยังไม่สามารถ
กำหนดได้ในขณะนี้ว่าภายในกี่ปีที่เราจะมี 400 สาขา
แต่ว่าเราจะต้องมีศูนย์ประสานงาน ตรงไหนยังไม่พร้อมเป็นสาขา
พรรคก็เป็นศูนย์ประสานงานก่อนเพื่อรองรับการเลือกตั้งในคราวต่อไป
คือจะต้องมีเรื่องใดเรื่องหนึ่งมิฉะนั้นแล้วไม่มี
งานทำเป็นสื่อโยงในการหาเสียงด้วย
ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเพราะเราต้องการคะแนนเสียง
สำหรับปาร์ตี้ลิสด้วยถึงแม้ว่า
ผู้สมัครนั้นบางทีมันรู้อยู่แล้วว่าสู้ไม่ได้ อย่างเช่น จ.สุพรรณบุรี
(เขตคุณบรรหาร ศิลปอาชา) เรายังสู้เขาไม่ได้แต่ว่าเราก็
ต้องการคะแนนเสียงปาร์ตี้ลิสด้วยว่าคะแนนเสียงคนสุพรรณที่มีสิทธิเลือ
กผู้แทน นั้นเขาก็เลือกคุณบรรหาร แต่ว่าใน
แง่ของพรรคการเมืองเขาอาจจะเลื่อมใสประชาธิปัตย์
ถ้าเกิดว่าเราไม่มีใครเข้าไปหาเสียงตรงนั้นเลย ไม่มีผู้แทนเลย
เราก็อาจจะสูญเสียคะแนนเสียงที่ควรจะได้
ดังนั้นบทบาทของสาขาพรรคก็จะต้องมีหน้าที่ในการหาเสียง
ในความช่วยเหลือจากรัฐนั้นสาขาพรรคก็จะได้รับความช่วยเหลือ
จากรัฐบาลผ่านมาทางพรรคใหญ่ แต่โดยอาจจะ ให้เงินอุดหนุน
เงินสนับสนุนแต่ในขณะเดียวกันก็มีข้อบังคับว่า
สาขาพรรคก็ต้องดูแลทำบัญชีการเงินให้ถูกต้องตาม รูปแบบ และตรวจสอบได้
แล้วก็ให้กรรมการสาขาพรรคก็จะต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินของตัวเองด้วย
ซึ่งต้องแสดง
ทรัพย์สินเพื่อที่จะควบคุมว่าเมื่อเอางบประมาณไปแล้วเอาเข้ากระเป๋าหร
ือเปล่า หรือรับบริจาคจากใครมาก็ต้องแสดง อย่างเปิดเผย
ว่าเงินเอาไหน เอาไปทำอะไรบ้างเพื่อความโปร่งใส
ท้ายสุดนี้ผมในฐานะรองหัวหน้าพรรค
และได้เข้ามาดูแลเรื่องการพัฒนาสาขาพรรค ก็อยากจะฝากถึงสมาชิก พรรค
และประชาชนทุกท่านว่าขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองพรรคเดีย
วในประเทศไทยที่ไม่หลุดเป็น เจ้าของของบุคคล คนใด
จะเป็นพรรคการเมืองซึ่งใกล้ความเป็นพรรคการเมืองในอุดมคติ
เพราะตามกฎหมายรัฐธรรม นูญกฎหมายนักการเมืองอย่างแท้จริง
ใกล้เคียงที่สุด
และก็เป็นรากแก้วที่จะพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศไทยได้ ต่อไป
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น
ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าพี่น้องประชาชนมีความรู้สึกว่าเป็นเจ้าของประเทศ
ไทยหรือไม่ การแสดง
ตนเป็นเจ้าของประเทศไทยไม่ใช่การลงไปเลือกตั้งอย่างเดียว
แต่ว่าต้องแสดงสิทธิและเสียงของตัวเอง และควบคุม
การทำงานของพรรคการเมืองและ
ผู้สมัครที่เป็นตัวแทนทั้งหลายผ่านกลไกของพรรคการเมืองตลอดเวลา
ดังนั้นอยาก
จะเห็นประชาชนเข้ามามีบทบาทสำคัญเป็นกรรมการสาขาพรรคกัน ไม่ใช่ปล่อยใ
ห้คนเพียงกลุ่มน้อยทำกันไปเพียง กลุ่มเดียว
สิ่งที่จะทำให้ประเทศเราใกล้เคียงกับประเทศที่เจริญทางประชาธิไตยได้
ก็ด้วยตัวของทุกคนที่เป็นเจ้าของ ประเทศ
มามีบทบาทสำคัญผ่านสาขาพรรคคุมพรรคและก็มีบทบาทมาก ๆ
ในการให้กับพรรค.--จบ--
พรรคอย่างน้อยภาคละ หนึ่งสาขา โดย
เฉพาะพรรคประชาธิปัตย์เองซึ่งเป็นพรรคเก่าแก่จัดตั้งมา 53 ปีแล้ว
ในเรื่องดังกล่าว ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ในฐานะ
รองหัวหน้าพรรคและเป็นประธานคณะทำงานสาขาพรรค และศูนย์ประสานงาน
และดูแลเรื่องสาขาพรรคโดยตรง
ได้กล่าวถึงบทบาทของพรรคที่มีต่อสาขาพรรคว่า
"รากฐานของพรรคในรูปแบบที่เป็นพรรคการเมืองอย่างแท้จริงจำเ
ป็นจะต้องมีกลไกพรรคที่มีความเชื่อมั่น และ
ก็มีความสำคัญใกล้ชิดกับสมาชิกในแต่ละพื้นที่เป็นอย่างดี
ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งได้ก่อตั้งมานานแล้ว ได้หยั่ง
รากลึกตรงนี้แล้วได้เห็นความสำคัญของสาขาพรรคอย่างมาก
ที่ผ่านมาพรรคการเมืองก็เป็นพรรคอย่างหลวม ๆ มีการ
ทำงานเหมือนกับเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับเลือกตั้งและทำกิจกรรมเป็นครั
้ง ๆ ไป ซึ่งจะต้องมีปัจจัยอื่น ๆ เข้าเกี่ยว ข้องด้วย เช่น
เรื่องของเงินที่เป็นปัจจัยในการหาเสียงอย่างมาก
ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับแนวทางอย่างนั้น
แต่เราเห็นว่ากลุ่มใดที่จะทดแทน มีความสำคัญ
และเราให้ความสำคัญมาโดยตลอดก็คือการให้สาขาพรรคมีองค์กร มี กิจกรรม
มีตัวบุคคล มีบทบาทที่สำคัญเป็นของตัวเอง
เป็นการกระจายอำนาจของระบบพรรคการเมืองสู่ท้องถิ่นอย่าง แท้จริง
ดังนั้นเราจึงต้องการที่จะฟื้นฟู ถึงแม้ว่าเราจะมีสาขาพรรคอยู่แล้ว
173 แห่งซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุง
เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญใหม่
แต่ว่าเขตเลือกตั้งใหม่ของเราทั่วประเทศแบ่งเป็น 400 เขต
ดังนั้นก็ควรจะมีเขต ต่อสาขาพรรคการเมือง 400 สาขาให้ได้
ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งเขตเลือกตั้งเป็นแบบ
แบ่งเขตเบอร์เดียว และมีปาร์ตี้ลิส ทุกเขตด้วย
เราจึงต้องให้ความสำคัญกับคะแนนเสียงจากทุกเขต ถ้าเกิดจะทำแบบเดิม
ส่งคนลงตรงไหน ที่หวังจะได้อย่างแท้จริงเราก็ดูแลเฉพาะตรงนั้น
ตรงไหนที่ไม่หวังจะได้ส.ส.ก็ส่งผ่าน ๆ ไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่สำหรับ
ปัจจุบันทำไม่ได้ นักการเมืองจะต้องมีฐานเสียงที่แน่นทุกเขต
ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่เราจะต้องให้ความสำคัญกับสาขา
ใช่ว่าพรรคประชาธิปัตย์พึ่งจะมาให้ความสำคัญกับสาขาพรรค
เราทำกันมานานแล้ว แต่เนื่องจากเดิมการทำงาน ยังไม่
เข้าระบบดังนั้นการบริหารงานของสาขาพรรคก็เลยมีบทบาทน้อยพรรคมีเป้าหม
ายว่าจะมีสาขา 400 สาขาทั่วประเทศ
ในช่วงต้นอาจจะเป็นไปไม่ได้ต้องใช้ระยะเวลาค่อย ๆ
ทำไปและสาขานี้จะต้องเป็นสาขาอย่างแท้จริง ไม่ใช่สาขาที่มี
สถานที่แล้วก็ไม่ได้ทำอะไร
แต่ว่าหน้าที่บทบาทของสาขาจะได้รับการกระจายอำนาจเหมือนกับเป็นจำลองพ
รรคการ เมืองไปไว้ในพื้นที่ ต้องทำงานในทุกด้านของพรรคการเมือง
เมื่อก่อนนี้อาจจะเป็นลักษณะเลือกตั้งแต่ละครั้งก็จะไป
ตั้งศูนย์ย่อยอีกที พอไม่เลือกตั้งก็หยุดซะเฉย ๆ
พอได้ส.ส.ก็ไม่เกี่ยว กับสาขาก็ไปตั้งของตัวเองแยกออกต่างหากอะไร
อย่างนี้เป็นต้น แต่ว่าต่อไปนี้จะต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
สาขาพรรคก็คือองค์กรจำลองของพรรคในพื้นที่ เป็นที่ทำ
คอยให้บริการประชาชน เป็นที่ทำงานของส.ส.ในเขตพื้นที่
เป็นศูนย์ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เป็นศูนย์รวมใน
การหาสมาชิกของพรรคในเขตเลือกตั้งนั้นด้วย
ตรงนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราถือว่าสำคัญ เพราะว่าการหาสมาชิก
เมื่อ ก่อนเราถือว่ามีสมาชิก 100-200 คน ก็ได้แล้ว แต่ว่าจริง ๆ
แล้วเราต้องหาสมาชิกให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ มีผู้มีสิทธิ์
ออกเสียงเลือกตั้งในเขตนั้นเท่าไหร่ จริง
ๆถ้าจะได้ทั้งหมดเป็นสมาชิกพรรคเราก็ยิ่งดีในการลงคดีแนนเสียงเลือกตั
้ง ดังนั้นก็เป็นหน้าที่ของสาขาพรรคที่จะต้องหาสมาชิกให้มากที่สุด
เราก็ตั้งเป้าเอาไว้ ในการที่จะพัฒนาสาขาด้วยว่ามี
หน้าที่อันหนึ่งที่สำคัญสมมุติว่ามีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในเขตนั้น
60,000 คน เราควรจะต้องมีสมาชิกเลือกตั้งได้ประมาณไว้
สักครึ่งหนึ่งซึ่งมันอาจจะต้องใช้เวลา
และต้องให้คนที่มีสิทธิเลือกตั้งได้เห็นว่ามันมีประโยชน์อะไรในการเป็
นสมาชิก ของพรรค
ประโยชน์อะไรนั้นก็หมายความว่าต่อไปเราก็จะให้สิทธิและเสียงของสาขาพร
รค ในการที่จะเสนอชื่อ บุคคล เพื่อที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง
ในหน้าที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นส.ส., สก.,สข. หรือ ส.ส.
หรือส.ท.(สภาเทศบาล)อะไร ก็แล้วแต่ ทางเขตเลือกตั้งต่าง ๆ
มีอะไรเกิดขึ้นนักการเมืองควรจะต้องมีส่วนไปเกี่ยวข้องด้วย
การเสนอก็เริ่มต้นมากจาก สาขาพรรค
ส่วนที่สอง ก็คือประชาชนมีความเดือดร้อนอะไรในพื้นที่นั้
นมีความต้องการและอยากให้พัฒนาอย่างไร หรือ เรื่องของระดับภาค
ระดับจังหวัด หรือมีความต้องการอย่างไรก็สามารถเป็นศูนย์กลาง
ศูนย์รวมของนโยบายต่าง ๆ ของ พรรคในเขตนั้น
ส่วนที่สาม ก็คือว่าเวลามีเรื่องสำคัญ ๆ
ระดับชาติขึ้นมาต้องการความเห็น ของประชาชนตรงนี้ก็มี สิทธิ์ที่จะทำ
ประชาพิจารณ์ หรือว่าเสนอความคิดเห็นมายังพรรค
ทั้งหลายทั้งปวงทุกอย่างที่พรรคพึงกระทำในท้องที่ นั้น ๆ ดังนั้น
เราเห็นว่าตรงนี้จะเป็นกลไล หรือ
กลยุทธที่สำคัญในการที่จะสร้างความแน่นแฟ้น หรือความสัมพันธ์กับ
ประชาชน ระหว่างเจ้าของประเทศกับพรรคการเมืองซึ่งเป็นตัวแทนของเขา
ก็เป็นวิธีที่จะทำงานต่อไปของพรรคเราในอนาคต
ส่วนเป้าหมายในการจัดตั้งสาขาของพรรคก็คือ
ประการแรกทำอย่างไรที่จะให้ส.ส.ที่เราทั้ง 123 คน จัดตั้งสาขา พรรค
ให้ได้ครบ 123 สาขาก่อน
ตรงนี้ก็ยากแล้วเพราะว่าหลายแห่งก็ยังไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่
แต่การตัดสินเบื้องต้น ครั้งแรกเอา 123 ก่อนถ้ามากกว่านั้นยิ่งดี
ประการที่สองเราก็จะกำหนดเป้าหมายเพิ่มขึ้นตามลำดับ แต่ยังไม่สามารถ
กำหนดได้ในขณะนี้ว่าภายในกี่ปีที่เราจะมี 400 สาขา
แต่ว่าเราจะต้องมีศูนย์ประสานงาน ตรงไหนยังไม่พร้อมเป็นสาขา
พรรคก็เป็นศูนย์ประสานงานก่อนเพื่อรองรับการเลือกตั้งในคราวต่อไป
คือจะต้องมีเรื่องใดเรื่องหนึ่งมิฉะนั้นแล้วไม่มี
งานทำเป็นสื่อโยงในการหาเสียงด้วย
ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเพราะเราต้องการคะแนนเสียง
สำหรับปาร์ตี้ลิสด้วยถึงแม้ว่า
ผู้สมัครนั้นบางทีมันรู้อยู่แล้วว่าสู้ไม่ได้ อย่างเช่น จ.สุพรรณบุรี
(เขตคุณบรรหาร ศิลปอาชา) เรายังสู้เขาไม่ได้แต่ว่าเราก็
ต้องการคะแนนเสียงปาร์ตี้ลิสด้วยว่าคะแนนเสียงคนสุพรรณที่มีสิทธิเลือ
กผู้แทน นั้นเขาก็เลือกคุณบรรหาร แต่ว่าใน
แง่ของพรรคการเมืองเขาอาจจะเลื่อมใสประชาธิปัตย์
ถ้าเกิดว่าเราไม่มีใครเข้าไปหาเสียงตรงนั้นเลย ไม่มีผู้แทนเลย
เราก็อาจจะสูญเสียคะแนนเสียงที่ควรจะได้
ดังนั้นบทบาทของสาขาพรรคก็จะต้องมีหน้าที่ในการหาเสียง
ในความช่วยเหลือจากรัฐนั้นสาขาพรรคก็จะได้รับความช่วยเหลือ
จากรัฐบาลผ่านมาทางพรรคใหญ่ แต่โดยอาจจะ ให้เงินอุดหนุน
เงินสนับสนุนแต่ในขณะเดียวกันก็มีข้อบังคับว่า
สาขาพรรคก็ต้องดูแลทำบัญชีการเงินให้ถูกต้องตาม รูปแบบ และตรวจสอบได้
แล้วก็ให้กรรมการสาขาพรรคก็จะต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินของตัวเองด้วย
ซึ่งต้องแสดง
ทรัพย์สินเพื่อที่จะควบคุมว่าเมื่อเอางบประมาณไปแล้วเอาเข้ากระเป๋าหร
ือเปล่า หรือรับบริจาคจากใครมาก็ต้องแสดง อย่างเปิดเผย
ว่าเงินเอาไหน เอาไปทำอะไรบ้างเพื่อความโปร่งใส
ท้ายสุดนี้ผมในฐานะรองหัวหน้าพรรค
และได้เข้ามาดูแลเรื่องการพัฒนาสาขาพรรค ก็อยากจะฝากถึงสมาชิก พรรค
และประชาชนทุกท่านว่าขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองพรรคเดีย
วในประเทศไทยที่ไม่หลุดเป็น เจ้าของของบุคคล คนใด
จะเป็นพรรคการเมืองซึ่งใกล้ความเป็นพรรคการเมืองในอุดมคติ
เพราะตามกฎหมายรัฐธรรม นูญกฎหมายนักการเมืองอย่างแท้จริง
ใกล้เคียงที่สุด
และก็เป็นรากแก้วที่จะพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศไทยได้ ต่อไป
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น
ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าพี่น้องประชาชนมีความรู้สึกว่าเป็นเจ้าของประเทศ
ไทยหรือไม่ การแสดง
ตนเป็นเจ้าของประเทศไทยไม่ใช่การลงไปเลือกตั้งอย่างเดียว
แต่ว่าต้องแสดงสิทธิและเสียงของตัวเอง และควบคุม
การทำงานของพรรคการเมืองและ
ผู้สมัครที่เป็นตัวแทนทั้งหลายผ่านกลไกของพรรคการเมืองตลอดเวลา
ดังนั้นอยาก
จะเห็นประชาชนเข้ามามีบทบาทสำคัญเป็นกรรมการสาขาพรรคกัน ไม่ใช่ปล่อยใ
ห้คนเพียงกลุ่มน้อยทำกันไปเพียง กลุ่มเดียว
สิ่งที่จะทำให้ประเทศเราใกล้เคียงกับประเทศที่เจริญทางประชาธิไตยได้
ก็ด้วยตัวของทุกคนที่เป็นเจ้าของ ประเทศ
มามีบทบาทสำคัญผ่านสาขาพรรคคุมพรรคและก็มีบทบาทมาก ๆ
ในการให้กับพรรค.--จบ--