สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน(เอ็นบีเอส) ได้เตรียมประกาศผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจแห่งชาติในวันที่ 20 ธันวาคม 2548 ซึ่งบรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างมั่นใจว่าทางการจีนจะมีการปรับเพิ่มตัวเลขสถิติในด้านบริการซึ่งจะมีผลต่อจีดีพีภายในประเทศ สำนักข่าวที่ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ รายงานว่ามีนักวิเคราะห์รายหนึ่งให้ความเห็นว่าสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนอาจจะปรับเพิ่มมูลค่าจีดีพีเป็น 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 20% ของจีดีพีปี 2004 ซึ่งจะทำให้จีนขยับฐานะจากประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 7 เป็นอันดับ 4 ของโลกแซงหน้าประเทศฝรั่งเศส อิตาลี และอังกฤษ
จิม โอ เนลล์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์โลกของโกลด์แมน แซคส์ ประจำกรุงลอนดอน ได้กล่าวว่าแม้จีนจะไม่ปรับตัวเลขขึ้นแต่จากการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปีนี้บวกกับการปฎิรูประบบอัตราแลกเปลี่ยนเมื่อกลางปีที่ผ่านมาก็จะเป็นการดันให้เศรษฐกิจของจีนก้าวขึ้นเป็นอันดับที่ 4 ของโลกได้อยู่แล้ว
ด้านเฉินซิงตงหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนแห่งบี เอ็น พี พาริบาส์ ในปักกิ่ง ได้กล่าวว่า การที่สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนจะปรับตัวเลขจีดีพีปี 2004 ใหม่เป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจเนื่องจากเอ็น บี เอส เคยระบุให้ปรับเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 15-20%
เถาตง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ แห่งเครดิตสวิส เฟิร์สต์ บอสตัน (ฮ่องกง) ได้ให้ความเห็นที่สอดคล้องกันว่าจีดีพีของจีนยังต่ำกว่าความเป็นจริง เนื่องจากยังมีตัวเลขในภาคธุรกิจบริการจำนวนมากที่ยังไม่ได้รายงาน ทั้งนี้เป็นเพราะการเก็บรวบรวมข้อมูลที่มีมาตรฐานต่ำของจีนเป็นเหตุทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจที่ได้ต่ำกว่าความเป็นจริง ในขณะที่วิสาหกิจในภาคธุรกิจบริการไม่ได้รายงานผลประกอบการที่แท้จริงเพราะต้องการเลี่ยงภาษีรายได้ ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง
นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดหวังว่ารัฐบาลจีนจะรายงานตัวเลขในภาคบริการที่ครอบคลุมทุกส่วนธุรกิจซึ่งมีสัดส่วนมากในเศรษฐกิจของจีน นอกจากนี้ภาคธุรกิจบริการที่มีขนาดใหญ่ที่หลายฝ่ายเคยรู้มาก่อนหน้านั้นยังสะท้อนให้เห็นถึงเศรษฐกิจของจีนมีขนาดใหญ่ แข็งแรงกว่า และผู้คนร่ำรวยกว่า
ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกาครองแชมป์จีดีพีสูงสุดในโลกด้วยมูลค้า 12.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ตามด้วยญี่ปุ่น และเยอรมนี เป็นอันดับที่ 2 และ 3 ขณะที่ฝรั่งเศสอยู่ในอันดับที่ 5
ประเด็นวิเคราะห์
นักวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์ได้มองว่าตัวเลขจีดีพีที่ได้มีการประกาศไปก่อนหน้านี้เป็นตัวเลขที่ไม่ถูกต้องเนื่องจากเป็นตัวเลขที่ยังไม่ได้รวมจากภาคธุรกิจบริการซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งการเก็บข้อมูลที่มีมาตรฐานต่ำของทางการจีนเป็นสาเหตุทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่ได้ต่ำกว่าความเป็นจริง อีกสาเหตุหนึ่งมาจากวิสาหกิจในภาคธุรกิจบริการไม่ได้รายงานผลประกอบการที่แท้จริงเพราะต้องการเลี่ยงการเสียภาษีรายได้
ที่มา: http://www.depthai.go.th