วันนี้ (15 ส.ค.) เวลา 10.00 น. นายเจะอามิง โตะตาหยง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายกฯให้สัมภาษณ์ว่าไม่มีใครพูดถึงกรณีการฆ่ารายวัน ไม่มีใครให้ความสนใจเรื่องพระ ครู ถูกฆ่า ว่ากรณีนี้ตนได้พูดมาตลอดทั้งนอกสภาและในสภา หากนายกฯติดตามและให้ความสำคัญกับงานส่วนของสภาผู้แทนราษฎร จะทราบว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการติดตามสถานการณ์ และหารือถึงสถานการณ์มาโดยตลอด แต่รัฐบาลเองไม่ได้ใส่ใจ และไม่ให้ความสำคัญ เช่น ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายกฯไม่ให้ความสนใจที่จะรับฟังความคิดเห็นจากสภาเลย จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้นายกฯ ออกมากล่าวเช่นนั้น
นายเจะอามิง กล่าวต่อว่าต้องยอมรับว่า ในขณะนี้แม้นายกฯ จะลงพื้นที่เพื่อให้ความมั่นใจแก่ประชาชน แต่ในความรู้สึกของประชาชนยังมีความหวั่นวิตกเหมือนเดิม โดยเฉพาะที่นายกฯ บอกว่าในวันศุกร์จะให้เปิดตลาดนัด ประเด็นนี้ประชาชนในพื้นที่ยังไม่มีความมั่นใจว่าเมื่อนายกฯ กลับไปจากพื้นที่แล้ว จะมีความปลอดภัย ในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่หรือไม่
‘ประชาชนยังไม่มีความมั่นใจว่ารัฐจะให้ความคุ้มครอง ความปลอดภัยกับเขาได้ กรณีที่นายกฯจะให้มีการเปิดตลาดนัดในวันศุกร์ ชาวบ้านยังไม่แน่ใจว่าจะเปิดได้หรือไม่เพราะยังไม่มีใครที่จะมารับผิดชอบความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของพวกเขาได้’ นายเจะอามิง กล่าวและว่า ส่วนกรณีที่นายกฯบอกว่าให้เรียก ส.ส. ส.ว. ในพื้นที่ร่วมประชุมหารือหาแนวทางแก้ปัญหาตนเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะถือเป็นแนวทางที่ดีในการแก้ปัญหา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเมื่อรับฟังความคิดเห็นของ ส.ส. และ ส.ว. แล้ว นายกฯ จะนำเอาแนวทางดังกล่าวไปปฏิบัติหรือไม่
ถ้านายกฯให้ความสำคัญกับความคิดเห็นที่หลายฝ่ายเสนอไปตนคิดว่าจะสามารถแก้ปัญหาภาคใต้ในระดับหนึ่ง
ต้องยอมรับว่า ปัญหาที่รุกลามมาจนถึงวันนี้เป็นเพราะนายกฯ เพิกเฉย ไม่ใส่ใจในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
นายเจะอามิง กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ได้แสดงท่าทีมาตลอดว่าพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ ทั้งข้อมูลและแนวทางในการแก้ปัญหา แต่รัฐบาลมีอคติกับฝ่ายค้านมากเกินไป และแนวทางในการแก้ปัญหานายกฯ ก็ยึดแนวคิดนายกฯ เพียงคนเดียวเป็นหลัก สุดท้ายปัญหาก็ไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะทุกปัญหาต้องอาศัยการหารือและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน และที่สำคัญต้องตรงตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่ด้วย
‘หากวันไหนนายกฯรับฟังข้อคิดเห็นของทุกฝ่าย และยอมรับความจริง ผมเชื่อว่าปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะสงบลง แต่หากนายกฯยังยึดแนวคิดตัวเองเป็นใหญ่เหมือนทุกวันนี้ ปัญหาก็ไม่มีทางที่จะดีขึ้น ปัญหาภาคใต้ไม่ควรใช้ความรุนแรง ต้องใช้สติในการแก้ปัญหา’นายเจะอามิง กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 15 ส.ค. 2548--จบ--
นายเจะอามิง กล่าวต่อว่าต้องยอมรับว่า ในขณะนี้แม้นายกฯ จะลงพื้นที่เพื่อให้ความมั่นใจแก่ประชาชน แต่ในความรู้สึกของประชาชนยังมีความหวั่นวิตกเหมือนเดิม โดยเฉพาะที่นายกฯ บอกว่าในวันศุกร์จะให้เปิดตลาดนัด ประเด็นนี้ประชาชนในพื้นที่ยังไม่มีความมั่นใจว่าเมื่อนายกฯ กลับไปจากพื้นที่แล้ว จะมีความปลอดภัย ในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่หรือไม่
‘ประชาชนยังไม่มีความมั่นใจว่ารัฐจะให้ความคุ้มครอง ความปลอดภัยกับเขาได้ กรณีที่นายกฯจะให้มีการเปิดตลาดนัดในวันศุกร์ ชาวบ้านยังไม่แน่ใจว่าจะเปิดได้หรือไม่เพราะยังไม่มีใครที่จะมารับผิดชอบความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของพวกเขาได้’ นายเจะอามิง กล่าวและว่า ส่วนกรณีที่นายกฯบอกว่าให้เรียก ส.ส. ส.ว. ในพื้นที่ร่วมประชุมหารือหาแนวทางแก้ปัญหาตนเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะถือเป็นแนวทางที่ดีในการแก้ปัญหา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเมื่อรับฟังความคิดเห็นของ ส.ส. และ ส.ว. แล้ว นายกฯ จะนำเอาแนวทางดังกล่าวไปปฏิบัติหรือไม่
ถ้านายกฯให้ความสำคัญกับความคิดเห็นที่หลายฝ่ายเสนอไปตนคิดว่าจะสามารถแก้ปัญหาภาคใต้ในระดับหนึ่ง
ต้องยอมรับว่า ปัญหาที่รุกลามมาจนถึงวันนี้เป็นเพราะนายกฯ เพิกเฉย ไม่ใส่ใจในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
นายเจะอามิง กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ได้แสดงท่าทีมาตลอดว่าพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ ทั้งข้อมูลและแนวทางในการแก้ปัญหา แต่รัฐบาลมีอคติกับฝ่ายค้านมากเกินไป และแนวทางในการแก้ปัญหานายกฯ ก็ยึดแนวคิดนายกฯ เพียงคนเดียวเป็นหลัก สุดท้ายปัญหาก็ไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะทุกปัญหาต้องอาศัยการหารือและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน และที่สำคัญต้องตรงตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่ด้วย
‘หากวันไหนนายกฯรับฟังข้อคิดเห็นของทุกฝ่าย และยอมรับความจริง ผมเชื่อว่าปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะสงบลง แต่หากนายกฯยังยึดแนวคิดตัวเองเป็นใหญ่เหมือนทุกวันนี้ ปัญหาก็ไม่มีทางที่จะดีขึ้น ปัญหาภาคใต้ไม่ควรใช้ความรุนแรง ต้องใช้สติในการแก้ปัญหา’นายเจะอามิง กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 15 ส.ค. 2548--จบ--