นายโฮมี คาราส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลกประจำเอเซียตะวันออกและแปซิฟิก ได้แถลงข่าวการติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2548 ว่าธนาคารโลกได้ให้ความสำคัญและสนใจติดตามการระบาดของโรคไข้หวัดนกและการประชุมเจรจาการค้าโลกที่ฮ่องกง โดยขณะนี้ได้มีผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกแล้ว 121 รายและเสียชีวิตแล้ว 62 รายในเอเซีย และได้ระบาดไปถึงยุโรปแล้ว และหากไวรัสหวัดนกได้กลายพันธ์ไปสู่รูปแบบที่แพร่กระจายได้ง่ายในกลุ่มมนุษย์จะส่งผลกระทบคล้ายคลึงกับการแพร่ระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงหรือซาร์สที่เกิดขึ้นในปี 2546 ทั้งนี้ ธนาคารโลกได้ระบุว่าจีดีพีโลกจะลดลงประมาณ 2% ในช่วงเวลาที่โรคไข้หวัดนกระบาด
ด้านนายมิลาน บราห์มบัทท์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์และผู้เรียบเรียงรายงานธนาคารโลกว่า การระบาดของโรคไข้หวัดนกเป็นเรื่องที่น่าวิตกเป็นอย่างยิ่ง โดยที่รัฐบาลของชาติเอเซียตะวันออกน่าจะบรรจุปัญหานี้เป็นวาระแห่งชาติ ควรจะมีการบันทึกข้อมูลที่ดี การเปิดเผยข้อมูลอย่างเหมาะสม และควรร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดจากภาคเกษตร สัตวศาสตร์ สาธารณสุขและการเงิน โดยจะต้องมีการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องมีวิธีที่ดีและแน่นอนทางวิชาการในการติดตามพัฒนาการของโรคนี้ มีการพัฒนาตัวยาและวัคซีน ด้วย ขณะที่ ดร.กิริฎา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลกประจำประเทศไทย ได้ให้ความเห็นว่าไทยจะได้รับผลกระทบจากไข้หวัดนกในรอบนี้ไม่มากนัก
ทั้งนี้ ธนาคารโลกได้ระบุว่าการขยายตัวของจีดีพีในแถบเอเซียตะวันออกจะชะลอตัวลงสู่ระดับ 6.2% ในปี 2548 จากระดับ 7.2% ในปี 2547 และในปี 2549 คาดว่าจะอยู่ที่ 6.2% พร้อมทั้งได้เตือนว่าหากเกิดการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงจะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ
ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ได้กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจของไทยว่าจากการติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเซียตะวันออก ไทยจะได้รับผลกระทบจากหลายด้านทั้งภายในและภายนอก ทำให้เศรษฐกิจปีนี้น่าจะเติบโตได้ 4.2% ลดลงจากการคาดการณ์ที่ 5.2% เมื่อต้นปี สาเหตุมาจากภัยสึนามิ ภัยแล้ง และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น สำหรับการคาดการณ์จีดีพีของไทยปี 2548 ที่ 4.2% เป็นการพิจารณาจากครึ่งปีแรกโดยที่การบริโภคกับการลงทุนและอุปสงค์ในประเทศได้เติบโตได้ดี การส่งออกได้มากขึ้นในขณะที่นำเข้าน้อยลง การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศยังเพิ่มอย่างต่อเนื่อง สำหรับปี 2549 ธนาคารโลกได้คาดว่าจีดีพีของไทยจะอยู่ที่ 5% เป็นผลจากอุปสงค์ในประเทศเพิ่มขึ้น และตัวเลขการลงทุนของเอกชนมีแนวโน้มที่สูงขึ้นช่องว่างการนำเข้าและส่งออกจะแคบลง น่าจะทำให้จีดีพีปี 2549 ของไทยขยายตัวได้ดีขึ้น
ประเด็นวิเคราะห์
ปัจจัยที่เป็นสาเหตุให้แนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเซียตะวัน ออกลดลงมาจากการระบาดของโรคไข้หวัดนก โดยธนาคารโลกขอให้ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ต้องเห็นถึงความสำคัญและบรรจุปัญหานี้เป็นวาระแห่งชาติและควรแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยจะต้องมีการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีความแน่นอนทางวิชาการในการติดตามพัฒนาการของโรคนี้เพื่อไม่ให้ระบาดในวงกว้าง
ที่มา: http://www.depthai.go.th