ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 48 จะขยายตัว 4-5% ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 48 ว่า จะมีการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสูงถึงประมาณ 3.1 พัน ล.
ดอลลาร์ สรอ. หรือ 1.8% ของจีดีพี และจะมีการขาดดุลสูงขึ้นเฉลี่ยปีละ 6.7 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ในปี 49-
52 สำหรับการขยายตัวของเศรษฐกิจ คาดว่าปี 48 นี้ เศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 4-5% โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยราคา
น้ำมันเป็นหลัก สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะต่อไป เห็นว่าเศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ โดยการขาด
ดุลการค้าและการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่ค่อนข้างมาก ถือเป็นข้อจำกัดที่เกิดขึ้นใหม่ของเศรษฐกิจในระยะต่อไป ขณะ
เดียวกันราคาน้ำมันที่สูงขึ้นก็ยังส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อในประเทศที่สูงผลักดันให้ดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้นตาม (กรุงเทพ
ธุรกิจ)
2. คลังวางแผนออก พธบ.ช่วง 5 ปี เพื่อพัฒนาตลาดแรก ผอ.สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบ
น.) เปิดเผยว่า แนวทางในการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในส่วนของตลาดแรก จะต้องมีการออก พธบ.อย่างต่อเนื่อง
และมีปริมาณเพียงพอที่จะทำให้เกิดการซื้อขาย เพื่อให้สามารถใช้เป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (Bench Mark) ใน
ตลาดได้ ซึ่งจะทำให้รัฐบาลรู้ต้นทุนที่แท้จริงของ พธบ.ในตลาด และเอกชนสามารถใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงเป็น
มาตรฐานในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยของตนได้ ดังนั้น คณะกรรมการกำกับนโยบายการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ จึง
ได้หารือกันว่าจะออก พธบ.รุ่นอายุ 7 ปีและ 10 ปี อย่างต่อเนื่องในช่วงระยะเวลา 5 ปีนี้ ในวงเงินรุ่นละ
40,000 ล.บาท หรือรวม 80,000 ล.บาทต่อปี โดยจะเป็นการทยอยออกภายในระยะเวลาที่กำหนด เริ่มใช้ภาย
ในวันที่ 1 ม.ค.49 เป็นต้นไป ซึ่งจะมีการนำเสนอแนวคิดดังกล่าวให้ที่ประชุมคณะกรรมการฯ พิจารณาในวันที่ 11
ก.ค.48 นี้ (ผู้จัดการรายวัน)
3. การลงทุนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวจากปัญหาราคาน้ำมันแพง ธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) รายงานว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจจากปัญหาราคาน้ำมันแพงทำให้ผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริม
ทรัพย์บางส่วนชะลอการลงทุนในเดือน เม.ย. โดยจำนวนรายการซื้อขายที่ดินทั้งประเทศมีเพียง 68,835
รายการ จากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 86,959 รายการ มูลค่าการซื้อขายที่ดินทั้งประเทศชะลอลง 12.5% เหลือ
เพียง 41,608 ล.บาท จากเดือนหน้าที่ขยายตัว 4.1% หรือ 59,499 ล.บาท ที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จและจด
ทะเบียนขยายตัวจากระยะเดียวกันของปีก่อนเพียง 2.1% หรือ 3,881 หน่วย จากเดือนก่อนที่มีจำนวน 5,142
หน่วย (ไทยโพสต์)
4. กรมการค้าภายในจัดลำดับการติดตามดูแลราคาสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ราคา
ในตลาดโลก อธิบดีกรมการค้าภายใน ก.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เดือน ก.ค.นี้ กรมการค้าภายในได้จัดลำดับความ
สำคัญในการติดตามดูแลราคาสินค้าและบริการใหม่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ราคาในตลาดโลก ในส่วนของรายการ
สินค้าที่ติดตามดูแลจำนวน 120 รายการ อาทิเช่น น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล แก๊สหุงต้ม และปุ๋ย จากเดิมในเดือน
มิ.ย. ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มสินค้าที่ต้องติดตามภาวะและสถานการณ์อย่างใกล้ชิดสัปดาห์ละ 2 ครั้ง (Priority
Watch List : PWL) ขึ้นมาอยู่ในกลุ่มสินค้าที่มีความอ่อนไหวเป็นพิเศษ คือต้องติดตามราคาและภาวะเป็นประจำ
ทุกวัน (Sensitive List : SL) เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอยู่ในภาวะผันผวนและการที่
รัฐบาลจะประกาศลอยตัวก๊าซหุงต้มในเดือน ก.ค.นี้ เป็นต้น สำหรับสินค้าที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม SL มี 7 รายการ
คือ น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล แก๊สหุงต้ม ปุ๋ย ผงซักฟอก นมผง และนมสด (ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ผลสำรวจพบว่าธุรกิจการเงินของอังกฤษยังคงมองเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ในทางบวก
รายงานจากลอนดอน เมื่อ 4 ก.ค.48 ผลสำรวจความเห็นของธนาคารพาณิชย์ บริษัทประกันภัย และธุรกิจการเงิน
หลายแห่งโดยสภาอุตสาหกรรมของอังกฤษและบริษัทที่ปรึกษาไพรซ์วอเตอร์เฮ้าส์พบว่าโดยรวมแล้วธุรกิจการเงินของ
อังกฤษคาดว่าปริมาณธุรกิจและกำไรในไตรมาสที่ 2 ปีนี้จะเพิ่มขึ้น โดยมีจำนวนร้อยละของบริษัทที่คาดว่าปริมาณ
ธุรกิจและกำไรของตนในไตรมาสที่ 2 ปีนี้จะเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดว่าจะลดลงร้อยละ 8 ในขณะที่มีจำนวนร้อยละ
ของบริษัทที่คาดว่าจะจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดว่าจะลดจำนวนพนักงานร้อยละ 18 โดยมีความเห็นแตกต่าง
กันไปในแต่ละประเภทของธุรกิจการเงิน เช่น บริษัทประกันภัยคาดว่าปริมาณธุรกิจจะเพิ่มขึ้นจากความต้องการ
ผลิตภัณฑ์ด้านเงินออมที่มีความเสี่ยงต่ำที่ยังคงอยู่ในระดับสูง เช่นเดียวกับธุรกิจค้าหลักทรัพย์ที่ร้อยละ 40 ของบริษัทที่
ถูกสำรวจคาดว่ากำไรธุรกิจจะเพิ่มขึ้นจากการเปิดให้จองหุ้นตัวใหม่หลายตัวเมื่อเร็ว ๆ นี้ ในขณะที่ธนาคารพาณิชย์
และบริษัทจัดการกองทุนคาดว่าปริมาณธุรกิจจะลดลง นอกจากนี้ผลสำรวจยังคาดว่าปริมาณธุรกรรมการเงินที่ทำผ่าน
ทางอินเตอร์เน็ตจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 60 ในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ สูงสุดนับตั้งแต่สิ้นยุคธุรกิจอินเตอร์เน็ตบูมในปี 44
(รอยเตอร์)
2 รมว.คลังเกาหลีใต้คาดว่าจีดีพีครึ่งหลังปีนี้ขยายตัวร้อยละ 4-5 รายงานจากกรุงโซล ประเทศ
เกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 4 ก.ค.48 Han Duck-soo รมว.คลังของเกาหลีใต้ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของเกาหลีใต้
จะขยายตัวร้อยละ 4 — 5 ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเศรษฐกิจในปีนี้นับถึงช่วงไตรมาส 2
ขยายตัวประมาณร้อยละ 3 อย่างไรก็ตาม เป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ในปีนี้ที่ ก.คลังตั้งไว้ที่
ระดับร้อยละ 5 คงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้
เศรษฐกิจโลกชะลอตัวและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลักในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่าน
มา โดยการส่งออกประมาณ 2 ใน 5 ส่งออกไปยัง สรอ. และจีน รวมถึงผลกระทบจากความต้องการบริโภคภาย
ในประเทศที่ชะลอตัวลงมานานกว่า 2 ปีเช่นกัน (รอยเตอร์)
3. ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของเกาหลีใต้ในเดือน มิ.ย.48 ลดลงอยู่ที่ระดับ 204.99 พัน ล.
ดอลลาร์ สรอ. รายงานจากโซล เมื่อ 4 ก.ค.48 ธ.กลางเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ
ของเกาหลีใต้ซึ่งมีจำนวนสูงสุดเป็นอันดับที่ 4 ของโลกในเดือน มิ.ย.48 ลดลงร้อยละ 0.5 อยู่ที่ระดับ 204.99
พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ลดลงจากระดับ 206.1 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ณ สิ้นเดือน พ.ค.48 เนื่องจากการอ่อนค่า
ของเงินตราต่างประเทศสกุลอื่น อาทิเช่น เงินยูโร เงินเยน เมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์ สรอ.โดยเงินวอนเมื่อ
เทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ.ในเดือน มิ.ย.48 ลดลงร้อยละ 1.7 ทั้งนี้ ทุนสำรองฯ ของเกาหลีใต้เคยเพิ่มขึ้นสูงสุด
ที่ระดับ 206.82 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. เมื่อกลางเดือน มี.ค.48 อย่างไรก็ตาม ผู้ค้าเงินต่างเห็นว่าปัจจุบันมีการ
แทรกแซงค่าเงินจาก ธ.กลางเพื่อสร้างทุนสำรองเงินตราต่างประเทศให้แข็งแกร่งขึ้น ขณะที่ ธ.กลางกล่าวว่า ธ.
กลางพยายามไม่ให้ค่าเงินวอนแข็งค่ามากขึ้นกว่าปัจจุบัน เพื่อที่จะสร้างภาวะการแข่งขันด้านการส่งออกของ
ประเทศ (รอยเตอร์)
4. นักเศรษฐศาสตร์ปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์ในปีนี้ รายงานจาก
สิงคโปร์เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 48 ผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 10 คนของรอยเตอร์คาดว่าเศรษฐกิจ
สิงคโปร์ในปีนี้จะขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 3.5 ลดลงจากร้อยละ 3.8 จากผลการสำรวจเมื่อวันที่ 18 พ.ค. ที่ผ่าน
มา โดยนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่กล่าวว่าได้ปรับลดประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจลงในการสำรวจครั้งนี้
เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาสแรกไม่เป็นไปตามคาด ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก CLSA ตลาดเอเซียแฟ
ซิฟิกมีความเห็นว่าเศรษฐกิจขยายตัวลดลง เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศอ่อนตัวลงขณะที่ตัวเลขการ
ส่งออกในเดือนพ.ค.ก็ลดลงอยู่ที่ร้อยละ 5.3 จากเดือนเม.ย. (ตัวเลขหลังการปรับฤดูกาล) โดยตัวเลขที่เปิดเผย
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาลดลงร้อยละ 4.8 เนื่องจากผลผลิตในภาคอิเล็กทรอนิกส์และเวชภัณฑ์ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม
นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวอีกครั้งในไตรมาสที่ 2 เนื่องจากการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งใน
ภาคบริการ โดยเจ้าหน้าที่จากธ.โตเกียวมิตซูบิชิ เห็นว่าภาคบริการทางการเงินจะปรับตัวดีขึ้นบ้างรวมทั้งในภาค
ธุรกิจบริการ ทั้งนี้นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าในไตรมาสที่ 2 เศรษฐกิจจะขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 3.0 จากช่วงเดียวกัน
ปีที่แล้ว(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 4 ก.ค. 48 23 มิ.ย .48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.29 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.1288/41.4091 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.57-2.59375 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 675.50/19.18 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,350/8,450 8,450/8,550 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 53.67 51.96 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 24.94*/20.99** 24.94*/20.99** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 30 มิ.ย. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 30 มิ.ย 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 48 จะขยายตัว 4-5% ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 48 ว่า จะมีการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสูงถึงประมาณ 3.1 พัน ล.
ดอลลาร์ สรอ. หรือ 1.8% ของจีดีพี และจะมีการขาดดุลสูงขึ้นเฉลี่ยปีละ 6.7 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ในปี 49-
52 สำหรับการขยายตัวของเศรษฐกิจ คาดว่าปี 48 นี้ เศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 4-5% โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยราคา
น้ำมันเป็นหลัก สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะต่อไป เห็นว่าเศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ โดยการขาด
ดุลการค้าและการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่ค่อนข้างมาก ถือเป็นข้อจำกัดที่เกิดขึ้นใหม่ของเศรษฐกิจในระยะต่อไป ขณะ
เดียวกันราคาน้ำมันที่สูงขึ้นก็ยังส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อในประเทศที่สูงผลักดันให้ดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้นตาม (กรุงเทพ
ธุรกิจ)
2. คลังวางแผนออก พธบ.ช่วง 5 ปี เพื่อพัฒนาตลาดแรก ผอ.สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบ
น.) เปิดเผยว่า แนวทางในการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในส่วนของตลาดแรก จะต้องมีการออก พธบ.อย่างต่อเนื่อง
และมีปริมาณเพียงพอที่จะทำให้เกิดการซื้อขาย เพื่อให้สามารถใช้เป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (Bench Mark) ใน
ตลาดได้ ซึ่งจะทำให้รัฐบาลรู้ต้นทุนที่แท้จริงของ พธบ.ในตลาด และเอกชนสามารถใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงเป็น
มาตรฐานในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยของตนได้ ดังนั้น คณะกรรมการกำกับนโยบายการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ จึง
ได้หารือกันว่าจะออก พธบ.รุ่นอายุ 7 ปีและ 10 ปี อย่างต่อเนื่องในช่วงระยะเวลา 5 ปีนี้ ในวงเงินรุ่นละ
40,000 ล.บาท หรือรวม 80,000 ล.บาทต่อปี โดยจะเป็นการทยอยออกภายในระยะเวลาที่กำหนด เริ่มใช้ภาย
ในวันที่ 1 ม.ค.49 เป็นต้นไป ซึ่งจะมีการนำเสนอแนวคิดดังกล่าวให้ที่ประชุมคณะกรรมการฯ พิจารณาในวันที่ 11
ก.ค.48 นี้ (ผู้จัดการรายวัน)
3. การลงทุนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวจากปัญหาราคาน้ำมันแพง ธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) รายงานว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจจากปัญหาราคาน้ำมันแพงทำให้ผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริม
ทรัพย์บางส่วนชะลอการลงทุนในเดือน เม.ย. โดยจำนวนรายการซื้อขายที่ดินทั้งประเทศมีเพียง 68,835
รายการ จากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 86,959 รายการ มูลค่าการซื้อขายที่ดินทั้งประเทศชะลอลง 12.5% เหลือ
เพียง 41,608 ล.บาท จากเดือนหน้าที่ขยายตัว 4.1% หรือ 59,499 ล.บาท ที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จและจด
ทะเบียนขยายตัวจากระยะเดียวกันของปีก่อนเพียง 2.1% หรือ 3,881 หน่วย จากเดือนก่อนที่มีจำนวน 5,142
หน่วย (ไทยโพสต์)
4. กรมการค้าภายในจัดลำดับการติดตามดูแลราคาสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ราคา
ในตลาดโลก อธิบดีกรมการค้าภายใน ก.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เดือน ก.ค.นี้ กรมการค้าภายในได้จัดลำดับความ
สำคัญในการติดตามดูแลราคาสินค้าและบริการใหม่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ราคาในตลาดโลก ในส่วนของรายการ
สินค้าที่ติดตามดูแลจำนวน 120 รายการ อาทิเช่น น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล แก๊สหุงต้ม และปุ๋ย จากเดิมในเดือน
มิ.ย. ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มสินค้าที่ต้องติดตามภาวะและสถานการณ์อย่างใกล้ชิดสัปดาห์ละ 2 ครั้ง (Priority
Watch List : PWL) ขึ้นมาอยู่ในกลุ่มสินค้าที่มีความอ่อนไหวเป็นพิเศษ คือต้องติดตามราคาและภาวะเป็นประจำ
ทุกวัน (Sensitive List : SL) เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอยู่ในภาวะผันผวนและการที่
รัฐบาลจะประกาศลอยตัวก๊าซหุงต้มในเดือน ก.ค.นี้ เป็นต้น สำหรับสินค้าที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม SL มี 7 รายการ
คือ น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล แก๊สหุงต้ม ปุ๋ย ผงซักฟอก นมผง และนมสด (ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ผลสำรวจพบว่าธุรกิจการเงินของอังกฤษยังคงมองเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ในทางบวก
รายงานจากลอนดอน เมื่อ 4 ก.ค.48 ผลสำรวจความเห็นของธนาคารพาณิชย์ บริษัทประกันภัย และธุรกิจการเงิน
หลายแห่งโดยสภาอุตสาหกรรมของอังกฤษและบริษัทที่ปรึกษาไพรซ์วอเตอร์เฮ้าส์พบว่าโดยรวมแล้วธุรกิจการเงินของ
อังกฤษคาดว่าปริมาณธุรกิจและกำไรในไตรมาสที่ 2 ปีนี้จะเพิ่มขึ้น โดยมีจำนวนร้อยละของบริษัทที่คาดว่าปริมาณ
ธุรกิจและกำไรของตนในไตรมาสที่ 2 ปีนี้จะเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดว่าจะลดลงร้อยละ 8 ในขณะที่มีจำนวนร้อยละ
ของบริษัทที่คาดว่าจะจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดว่าจะลดจำนวนพนักงานร้อยละ 18 โดยมีความเห็นแตกต่าง
กันไปในแต่ละประเภทของธุรกิจการเงิน เช่น บริษัทประกันภัยคาดว่าปริมาณธุรกิจจะเพิ่มขึ้นจากความต้องการ
ผลิตภัณฑ์ด้านเงินออมที่มีความเสี่ยงต่ำที่ยังคงอยู่ในระดับสูง เช่นเดียวกับธุรกิจค้าหลักทรัพย์ที่ร้อยละ 40 ของบริษัทที่
ถูกสำรวจคาดว่ากำไรธุรกิจจะเพิ่มขึ้นจากการเปิดให้จองหุ้นตัวใหม่หลายตัวเมื่อเร็ว ๆ นี้ ในขณะที่ธนาคารพาณิชย์
และบริษัทจัดการกองทุนคาดว่าปริมาณธุรกิจจะลดลง นอกจากนี้ผลสำรวจยังคาดว่าปริมาณธุรกรรมการเงินที่ทำผ่าน
ทางอินเตอร์เน็ตจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 60 ในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ สูงสุดนับตั้งแต่สิ้นยุคธุรกิจอินเตอร์เน็ตบูมในปี 44
(รอยเตอร์)
2 รมว.คลังเกาหลีใต้คาดว่าจีดีพีครึ่งหลังปีนี้ขยายตัวร้อยละ 4-5 รายงานจากกรุงโซล ประเทศ
เกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 4 ก.ค.48 Han Duck-soo รมว.คลังของเกาหลีใต้ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของเกาหลีใต้
จะขยายตัวร้อยละ 4 — 5 ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเศรษฐกิจในปีนี้นับถึงช่วงไตรมาส 2
ขยายตัวประมาณร้อยละ 3 อย่างไรก็ตาม เป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ในปีนี้ที่ ก.คลังตั้งไว้ที่
ระดับร้อยละ 5 คงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้
เศรษฐกิจโลกชะลอตัวและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลักในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่าน
มา โดยการส่งออกประมาณ 2 ใน 5 ส่งออกไปยัง สรอ. และจีน รวมถึงผลกระทบจากความต้องการบริโภคภาย
ในประเทศที่ชะลอตัวลงมานานกว่า 2 ปีเช่นกัน (รอยเตอร์)
3. ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของเกาหลีใต้ในเดือน มิ.ย.48 ลดลงอยู่ที่ระดับ 204.99 พัน ล.
ดอลลาร์ สรอ. รายงานจากโซล เมื่อ 4 ก.ค.48 ธ.กลางเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ
ของเกาหลีใต้ซึ่งมีจำนวนสูงสุดเป็นอันดับที่ 4 ของโลกในเดือน มิ.ย.48 ลดลงร้อยละ 0.5 อยู่ที่ระดับ 204.99
พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ลดลงจากระดับ 206.1 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ณ สิ้นเดือน พ.ค.48 เนื่องจากการอ่อนค่า
ของเงินตราต่างประเทศสกุลอื่น อาทิเช่น เงินยูโร เงินเยน เมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์ สรอ.โดยเงินวอนเมื่อ
เทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ.ในเดือน มิ.ย.48 ลดลงร้อยละ 1.7 ทั้งนี้ ทุนสำรองฯ ของเกาหลีใต้เคยเพิ่มขึ้นสูงสุด
ที่ระดับ 206.82 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. เมื่อกลางเดือน มี.ค.48 อย่างไรก็ตาม ผู้ค้าเงินต่างเห็นว่าปัจจุบันมีการ
แทรกแซงค่าเงินจาก ธ.กลางเพื่อสร้างทุนสำรองเงินตราต่างประเทศให้แข็งแกร่งขึ้น ขณะที่ ธ.กลางกล่าวว่า ธ.
กลางพยายามไม่ให้ค่าเงินวอนแข็งค่ามากขึ้นกว่าปัจจุบัน เพื่อที่จะสร้างภาวะการแข่งขันด้านการส่งออกของ
ประเทศ (รอยเตอร์)
4. นักเศรษฐศาสตร์ปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์ในปีนี้ รายงานจาก
สิงคโปร์เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 48 ผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 10 คนของรอยเตอร์คาดว่าเศรษฐกิจ
สิงคโปร์ในปีนี้จะขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 3.5 ลดลงจากร้อยละ 3.8 จากผลการสำรวจเมื่อวันที่ 18 พ.ค. ที่ผ่าน
มา โดยนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่กล่าวว่าได้ปรับลดประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจลงในการสำรวจครั้งนี้
เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาสแรกไม่เป็นไปตามคาด ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก CLSA ตลาดเอเซียแฟ
ซิฟิกมีความเห็นว่าเศรษฐกิจขยายตัวลดลง เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศอ่อนตัวลงขณะที่ตัวเลขการ
ส่งออกในเดือนพ.ค.ก็ลดลงอยู่ที่ร้อยละ 5.3 จากเดือนเม.ย. (ตัวเลขหลังการปรับฤดูกาล) โดยตัวเลขที่เปิดเผย
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาลดลงร้อยละ 4.8 เนื่องจากผลผลิตในภาคอิเล็กทรอนิกส์และเวชภัณฑ์ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม
นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวอีกครั้งในไตรมาสที่ 2 เนื่องจากการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งใน
ภาคบริการ โดยเจ้าหน้าที่จากธ.โตเกียวมิตซูบิชิ เห็นว่าภาคบริการทางการเงินจะปรับตัวดีขึ้นบ้างรวมทั้งในภาค
ธุรกิจบริการ ทั้งนี้นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าในไตรมาสที่ 2 เศรษฐกิจจะขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 3.0 จากช่วงเดียวกัน
ปีที่แล้ว(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 4 ก.ค. 48 23 มิ.ย .48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.29 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.1288/41.4091 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.57-2.59375 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 675.50/19.18 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,350/8,450 8,450/8,550 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 53.67 51.96 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 24.94*/20.99** 24.94*/20.99** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 30 มิ.ย. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 30 มิ.ย 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--