ภาวะการค้าระหว่างไทย-เกาหลีใต้
1. ปริมาณมูลค่าการค้าและดุลการค้า
ภายหลังจากที่ภาวะเศรษฐกิจทั้งของไทยและเกาหลีใต้ เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวตั้งแต่ปลายปี 2541 ส่งผลให้ปริมาณการค้ารวมระหว่างไทย-เกาหลีใต้ในช่วง 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.) ของปี 2542 มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็น 1,712 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวสูงขึ้นถึงร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปี 2541 ในด้านความสัมพันธ์ทางการค้าไทยจัดเป็นคู่ค้าลำดับที่ 21 ของเกาหลีใต้ ในขณะที่เกาหลีใต้จัดเป็นคู่ค้าลำดับที่ 12 ของไทย
ไทยเป็นฝ่ายขาดดุลการค้าต่อเกาหลีใต้มาตลอดระยะเวลา 10 ปีผ่านมาและมีปริมาณการขาดดุลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2542 ไทยขาดดุลการค้าเกาหลีใต้ 584.9 ล้านเหรียญ สหรัฐฯ ลดลงจากระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 1.8 ทั้งนี้ มีสาเหตุ เนื่องมาจากไทยนำเข้าสินค้าประเภทอุตสาหกรรมและสินค้าทุนจากเกาหลีใต้เป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่สินค้าออกสำคัญของไทยเป็นสินค้าอุตสาหกรรมขั้นปฐม วัตถุดิบ และสินค้าเกษตรเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีปริมาณและราคาไม่แน่นอน อีกทั้งประสบกับมาตรฐานการกีดกันทางการค้าของเกาหลีใต้ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร แม้ว่าปัจจุบันจะเปิดตลาดสินค้าเกษตรภายใต้พันธกรณีที่ผูกพันไว้กับองค์การการค้าโลกแล้วก็ตาม แต่สินค้าเกษตรของไทยหลายรายการถูกกีดกันจากเกาหลีใต้ทั้งมาตรการด้านภาษีและมาตรการที่มิใช่ภาษีอีกด้วย
2. การส่งออก
ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2542 ไทยส่งสินค้าออกไปเกาหลีใต้มีมูลค่าถึง 563.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 33.3 สินค้าสำคัญที่ไทยส่งออกไปเกาหลีใต้ยังจำกัดอยู่เพียงไม่กี่รายการ และมีการขยายตัวไม่มากนักเมื่อเทียบกับขีดความสามารถทางการผลิตและการแข่งขันที่แท้จริงของไทย ได้แก้ น้ำตาลทราย ยางพารา กุ้งสดแช่เย็นแช่งแข็ง เป็นต้น นอกจากที่กล่าวมาแล้วยังมีสินค้าอุตสาหกรรมบางชนิดที่มีการส่งออกไปเกาหลีใต้ขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตราสูง ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ (141.4%) แผงวงจรไฟฟ้า (139.2%) ไดโอด (443.6%) ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้แผ่น (1,857.2%) เป็นต้น
3. การนำเข้า
ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2542 ไทยนำเข้าสินค้าจากเกาหลีใต้มูลค่า 1,148.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.8 สินค้าที่ไทยนำเข้าจากเกาหลีใต้ส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภทสินค้าอุตสาหกรรม (วัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป) และสินค้าทุน (เครื่องจักรใช้ในอุตสาหกรรมและเครื่องจักรประเภทอื่น ๆ คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 90 ของสินค้าทั้งหมดที่นำเข้าจากเกาหลีใต้
ประเด็นปัญหาทางการค้ากับสาธารณรัฐเกาหลีในปัจจุบัน
ในช่วงหลายปีนี้ผ่านมา ไทยประสบอุปสรรคในการส่งสินค้าไปเกาหลีใต้มาก เนื่องจากถูกกีดกันโดยมาตรการต่าง ๆ และหลังจากที่เกาหลีใต้เริ่มเปิดตลาดสินค้าเกษตรหลายชนิดตามพันธกรณีต่อ WTO และ OECD แต่เกาหลีใต้ยังคงใช้มาตรการทางการค้าหลายรูปแบบเป๊นผลให้สินค้าไทยประสบปัญหาอุปสรรค ดังนี้
1. มาตรการด้านภาษี (Tariff barriers)
1.1) อัตราภาษีนำเข้าสูง เกาหลีใต้กำหนดอัตราภาษีนำเข้าค่อนข้างสูง โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นสินค้าออกที่สำคัญของสาธารณรัฐเกาหลี เช่น ผักและผลไม้กระป๋อง มีอัตราภาษีนำเข้าตั้งแต่ร้อยละ 50-70 น้ำตาลทรายร้อยละ 70 ดอกกล้วยไม้ร้อยละ 25 กล้วยร้อยละ 25 ทุเรียนร้อยละ 50
1.2) สาธารณรัฐเกาหลี ยังมีมาตรการ Adjustment Tariff ที่ให้มีการจัดเก็บภาษีนำเข้าสูงกว่าภาษีปกติ เมื่อมีการนำเข้าสินค้าใดสินค้าหนึ่งมาก เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ โดยประกาศแต่ละครั้งมีอายุไม่เกิน 6 เดือน แต่ในความเป็นจริงมีการต่ออายุภาษีดังกล่าวเรื่อยมาเป็นเวลากว่า 4 ปี และในบางครั้งมีการประกาศขึ้นภาษีด้วย สินค้าไทยที่ประสบกับมาตรการดังกล่าว คือ
- กุ้งสดแช่เย็น แช่แข็ง เดิมภาษีปกติร้อยละ 20 เพิ่มเป็น Adjustment Tariff ร้อยละ 40
- Shrimps & prawns salted or in brine เดิมภาษีปกติร้อยละ 20 เพิ่มเป็น Adjustment Tariff ร้อยละ 70
- ปลาหมึกแช่แข็ง เดิมภาษีปกติร้อยละ 10 เพิ่มเป็น Adjustment Tariff ร้อยละ 50
- ข้าวปรุงสุก เดิมภาษีปกติร้อยละ 8 เพิ่มเป็น Adjustment Tariff ร้อยละ 50
1.3) ภาษีเสริม เกาหลีใต้มีการจัดเก็บภาษีเสริมอื่น ๆ นอกเหนือจากอัตราภาษีนำเข้าปกติ ทำให้ราคานำเข้าสินค้าสูงขึ้นมาก สินค้าไทยที่ประสบกับมาตรการดังกล่าว ได้แก่
อัญมนีและเครื่องประดับ ประกอบด้วย อัตราภาษีนำเข้าร้อยละ 8 ของราคานำเข้า ภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยร้อยละ 25 ภาษีการศึกษาร้อยละ 30 ภาษีการเกษตรร้อยละ 10 และภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 10 ภาษีซ้ำซ้อนหลายรูปแบบดังกล่าวทำให้สินค้าอัญมนีและเครื่องประดับมีราคาเพิ่มสูงขึ้นมา ซึ่งเป็นอุปสรรคในการขยายการตลาด
2. มาตรการที่มิใช่ภาษี (Non-tariff barriers)
2.1) โควตานำเข้า แม้เกาหลีใต้จะเปิดตลาดสินค้าเกษตรภายใต้ข้อตกลงที่ให้ไว้กับ WTO ยังมีสินค้าไทยที่มีศักยภาพในการส่งออกหลายรายการที่ประสบกับมาตรการการกำหนดโควตานำเข้าของเกาหลีใต้ ได้แก่
- ข้าว โควตาภาษี 102,614 ตัน ในปี 1999 อัตราภาษีในโควตาร้อยละ 5
- มันสำปะหลังเส้น โควตาภาษี 200,000 ตัน อัตราภาษีในโควตาร้อยละ 20 ภาษีนอกโควตาร้อยละ 986 และ มีข้อจำกัดให้นำเข้าเฉพาะเพื่อใช้ในการผลิต แอลกอฮอล์ทำสุราพื้นบ้าน
- มันสำปะหลังอัดเม็ด โควตาภาษี 1 ล้านตัน/ปี โดยโควตา 300,000 ตันแรก อัตราภาษีในโควตาร้อยละ 2 และ ร้อยละ 3 สำหรับโควตาที่เหลือไม่เกิน 1 ล้านตัน สำหรับอัตราภาษีนอกโควตาร้อยละ 986
- แป้งมันสำปะหลัง โควตาภาษี 2,400 ตัน ภาษีในโควตาร้อยละ 9 ภาษีนอกโควต้าร้อยละ 506 และมีข้อจำกัด ให้นำเข้าเฉพาะเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมกระดาษ สิ่งทอและกาว
- แป้งแปรรูป โควตาภาษี 36,000 ตัน ภาษีในโควตาร้อยละ 428.6
2.2) มาตรการด้านสุขอนามัย เกาหลีใต้เป็นประเทศหนึ่งที่มีการกำหนดมาตรฐานด้านสุขอนามัยไว้สูงและมีการปฏิบัติอย่างเข้มงวดมาก โดยเฉพาะสินค้าเกษตรซึ่งเป็นสินค้าออกที่ทำรายได้หลักให้แก่ประเทศไทย ประสบกับปัญหากีดกันการนำเข้าจากมาตรการด้านสุขอนามัย ดังนี้
- ผักและผลไม้ เกาหลีใต้ยอมให้นำเข้าผลไม้จากไทยได้เพียง 5 ชนิด คือ ทุเรียน กล้วยหอม มะพร้าว องุ่น และสับปะรด
- เนื้อสุกรแช่เย็น
และแช่แข็ง ไม่อนุญาตให้นำเข้าจากไทย โดยอ้างว่าอยู่ในเขตระบาดของโรคปากและเท้าเปื่อย
--วารสาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 21/15 พฤศจิกายน 2542--
1. ปริมาณมูลค่าการค้าและดุลการค้า
ภายหลังจากที่ภาวะเศรษฐกิจทั้งของไทยและเกาหลีใต้ เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวตั้งแต่ปลายปี 2541 ส่งผลให้ปริมาณการค้ารวมระหว่างไทย-เกาหลีใต้ในช่วง 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.) ของปี 2542 มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็น 1,712 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวสูงขึ้นถึงร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปี 2541 ในด้านความสัมพันธ์ทางการค้าไทยจัดเป็นคู่ค้าลำดับที่ 21 ของเกาหลีใต้ ในขณะที่เกาหลีใต้จัดเป็นคู่ค้าลำดับที่ 12 ของไทย
ไทยเป็นฝ่ายขาดดุลการค้าต่อเกาหลีใต้มาตลอดระยะเวลา 10 ปีผ่านมาและมีปริมาณการขาดดุลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2542 ไทยขาดดุลการค้าเกาหลีใต้ 584.9 ล้านเหรียญ สหรัฐฯ ลดลงจากระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 1.8 ทั้งนี้ มีสาเหตุ เนื่องมาจากไทยนำเข้าสินค้าประเภทอุตสาหกรรมและสินค้าทุนจากเกาหลีใต้เป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่สินค้าออกสำคัญของไทยเป็นสินค้าอุตสาหกรรมขั้นปฐม วัตถุดิบ และสินค้าเกษตรเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีปริมาณและราคาไม่แน่นอน อีกทั้งประสบกับมาตรฐานการกีดกันทางการค้าของเกาหลีใต้ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร แม้ว่าปัจจุบันจะเปิดตลาดสินค้าเกษตรภายใต้พันธกรณีที่ผูกพันไว้กับองค์การการค้าโลกแล้วก็ตาม แต่สินค้าเกษตรของไทยหลายรายการถูกกีดกันจากเกาหลีใต้ทั้งมาตรการด้านภาษีและมาตรการที่มิใช่ภาษีอีกด้วย
2. การส่งออก
ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2542 ไทยส่งสินค้าออกไปเกาหลีใต้มีมูลค่าถึง 563.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 33.3 สินค้าสำคัญที่ไทยส่งออกไปเกาหลีใต้ยังจำกัดอยู่เพียงไม่กี่รายการ และมีการขยายตัวไม่มากนักเมื่อเทียบกับขีดความสามารถทางการผลิตและการแข่งขันที่แท้จริงของไทย ได้แก้ น้ำตาลทราย ยางพารา กุ้งสดแช่เย็นแช่งแข็ง เป็นต้น นอกจากที่กล่าวมาแล้วยังมีสินค้าอุตสาหกรรมบางชนิดที่มีการส่งออกไปเกาหลีใต้ขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตราสูง ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ (141.4%) แผงวงจรไฟฟ้า (139.2%) ไดโอด (443.6%) ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้แผ่น (1,857.2%) เป็นต้น
3. การนำเข้า
ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2542 ไทยนำเข้าสินค้าจากเกาหลีใต้มูลค่า 1,148.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.8 สินค้าที่ไทยนำเข้าจากเกาหลีใต้ส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภทสินค้าอุตสาหกรรม (วัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป) และสินค้าทุน (เครื่องจักรใช้ในอุตสาหกรรมและเครื่องจักรประเภทอื่น ๆ คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 90 ของสินค้าทั้งหมดที่นำเข้าจากเกาหลีใต้
ประเด็นปัญหาทางการค้ากับสาธารณรัฐเกาหลีในปัจจุบัน
ในช่วงหลายปีนี้ผ่านมา ไทยประสบอุปสรรคในการส่งสินค้าไปเกาหลีใต้มาก เนื่องจากถูกกีดกันโดยมาตรการต่าง ๆ และหลังจากที่เกาหลีใต้เริ่มเปิดตลาดสินค้าเกษตรหลายชนิดตามพันธกรณีต่อ WTO และ OECD แต่เกาหลีใต้ยังคงใช้มาตรการทางการค้าหลายรูปแบบเป๊นผลให้สินค้าไทยประสบปัญหาอุปสรรค ดังนี้
1. มาตรการด้านภาษี (Tariff barriers)
1.1) อัตราภาษีนำเข้าสูง เกาหลีใต้กำหนดอัตราภาษีนำเข้าค่อนข้างสูง โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นสินค้าออกที่สำคัญของสาธารณรัฐเกาหลี เช่น ผักและผลไม้กระป๋อง มีอัตราภาษีนำเข้าตั้งแต่ร้อยละ 50-70 น้ำตาลทรายร้อยละ 70 ดอกกล้วยไม้ร้อยละ 25 กล้วยร้อยละ 25 ทุเรียนร้อยละ 50
1.2) สาธารณรัฐเกาหลี ยังมีมาตรการ Adjustment Tariff ที่ให้มีการจัดเก็บภาษีนำเข้าสูงกว่าภาษีปกติ เมื่อมีการนำเข้าสินค้าใดสินค้าหนึ่งมาก เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ โดยประกาศแต่ละครั้งมีอายุไม่เกิน 6 เดือน แต่ในความเป็นจริงมีการต่ออายุภาษีดังกล่าวเรื่อยมาเป็นเวลากว่า 4 ปี และในบางครั้งมีการประกาศขึ้นภาษีด้วย สินค้าไทยที่ประสบกับมาตรการดังกล่าว คือ
- กุ้งสดแช่เย็น แช่แข็ง เดิมภาษีปกติร้อยละ 20 เพิ่มเป็น Adjustment Tariff ร้อยละ 40
- Shrimps & prawns salted or in brine เดิมภาษีปกติร้อยละ 20 เพิ่มเป็น Adjustment Tariff ร้อยละ 70
- ปลาหมึกแช่แข็ง เดิมภาษีปกติร้อยละ 10 เพิ่มเป็น Adjustment Tariff ร้อยละ 50
- ข้าวปรุงสุก เดิมภาษีปกติร้อยละ 8 เพิ่มเป็น Adjustment Tariff ร้อยละ 50
1.3) ภาษีเสริม เกาหลีใต้มีการจัดเก็บภาษีเสริมอื่น ๆ นอกเหนือจากอัตราภาษีนำเข้าปกติ ทำให้ราคานำเข้าสินค้าสูงขึ้นมาก สินค้าไทยที่ประสบกับมาตรการดังกล่าว ได้แก่
อัญมนีและเครื่องประดับ ประกอบด้วย อัตราภาษีนำเข้าร้อยละ 8 ของราคานำเข้า ภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยร้อยละ 25 ภาษีการศึกษาร้อยละ 30 ภาษีการเกษตรร้อยละ 10 และภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 10 ภาษีซ้ำซ้อนหลายรูปแบบดังกล่าวทำให้สินค้าอัญมนีและเครื่องประดับมีราคาเพิ่มสูงขึ้นมา ซึ่งเป็นอุปสรรคในการขยายการตลาด
2. มาตรการที่มิใช่ภาษี (Non-tariff barriers)
2.1) โควตานำเข้า แม้เกาหลีใต้จะเปิดตลาดสินค้าเกษตรภายใต้ข้อตกลงที่ให้ไว้กับ WTO ยังมีสินค้าไทยที่มีศักยภาพในการส่งออกหลายรายการที่ประสบกับมาตรการการกำหนดโควตานำเข้าของเกาหลีใต้ ได้แก่
- ข้าว โควตาภาษี 102,614 ตัน ในปี 1999 อัตราภาษีในโควตาร้อยละ 5
- มันสำปะหลังเส้น โควตาภาษี 200,000 ตัน อัตราภาษีในโควตาร้อยละ 20 ภาษีนอกโควตาร้อยละ 986 และ มีข้อจำกัดให้นำเข้าเฉพาะเพื่อใช้ในการผลิต แอลกอฮอล์ทำสุราพื้นบ้าน
- มันสำปะหลังอัดเม็ด โควตาภาษี 1 ล้านตัน/ปี โดยโควตา 300,000 ตันแรก อัตราภาษีในโควตาร้อยละ 2 และ ร้อยละ 3 สำหรับโควตาที่เหลือไม่เกิน 1 ล้านตัน สำหรับอัตราภาษีนอกโควตาร้อยละ 986
- แป้งมันสำปะหลัง โควตาภาษี 2,400 ตัน ภาษีในโควตาร้อยละ 9 ภาษีนอกโควต้าร้อยละ 506 และมีข้อจำกัด ให้นำเข้าเฉพาะเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมกระดาษ สิ่งทอและกาว
- แป้งแปรรูป โควตาภาษี 36,000 ตัน ภาษีในโควตาร้อยละ 428.6
2.2) มาตรการด้านสุขอนามัย เกาหลีใต้เป็นประเทศหนึ่งที่มีการกำหนดมาตรฐานด้านสุขอนามัยไว้สูงและมีการปฏิบัติอย่างเข้มงวดมาก โดยเฉพาะสินค้าเกษตรซึ่งเป็นสินค้าออกที่ทำรายได้หลักให้แก่ประเทศไทย ประสบกับปัญหากีดกันการนำเข้าจากมาตรการด้านสุขอนามัย ดังนี้
- ผักและผลไม้ เกาหลีใต้ยอมให้นำเข้าผลไม้จากไทยได้เพียง 5 ชนิด คือ ทุเรียน กล้วยหอม มะพร้าว องุ่น และสับปะรด
- เนื้อสุกรแช่เย็น
และแช่แข็ง ไม่อนุญาตให้นำเข้าจากไทย โดยอ้างว่าอยู่ในเขตระบาดของโรคปากและเท้าเปื่อย
--วารสาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 21/15 พฤศจิกายน 2542--