"เปิดร้านอาหารไทยในต่างประเทศไม่ใช่เรื่องยาก ถ้ามีคนรู้จักอยู่ที่โน่น" คุณดลชัย ชุ่มวิเชียร ผู้จัดการทั่วไปร้านอาหาร Ginger & Lime ในซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย กล่าวฟันธงถึงปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับผู้ที่กำลังคิดจะไปลงทุนเปิดร้านอาหารไทยโพ้นทะเล ซึ่งมีคลื่นลมและกระแสความนิยมอาหารแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น
คุณดลชัยกล่าวว่าความห่างไกลจะไม่เป็นอุปสรรคของความสำเร็จทางธุรกิจ หากผู้ลงทุนมีพันธมิตรในประเทศนั้นๆ ช่วยย่นระยะเวลาของการคลำทางหรือหาแนวทางดำเนินธุรกิจ รวมทั้งสืบค้นความต้องการของตลาดและทำเลที่ตั้งที่เหมาะสมซึ่งเป็นตัวกำหนดรูปแบบธุรกิจของร้านอาหาร ในกรณีของร้าน Ginger & Lime เริ่มจากเจ้าของร้าน คือ คุณวัฒนา อิสสระ ผู้อำนวยการบริษัท ฟิทช์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ดำเนินกิจการร้านอาหาร The Mezza โรงแรม Maxx ถนนพระราม9 และร้านอาหารเวียดนาม Dao Vien ในไทย สนใจซื้อกิจการร้านอาหารจีน-มาเลเซียในศูนย์การค้า Westfield Bondi Junction (WBJ) ของซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย จึงส่งทีมงานที่มีความพร้อมด้านประสบการณ์และสายป่านในต่างประเทศเข้าไปสำรวจฐานที่มั่นประมาณปลายปี 2547 และพบว่าทำเลที่ตั้งในสวนอาหารของศูนย์การค้า WBJ เป็นที่รวมของร้านค้าปลีกประมาณ 370 ร้านและห้างสรรสินค้าขนาดใหญ่จำนวน 6 แห่ง อาทิ Target, David Jones และ Woolworth จะต้องมีผู้มาเยือนแบบหัวบันไดเลื่อนไม่แห้งแน่ๆ
บริษัทจึงไม่รอช้าที่จะเช่าซื้อกิจการต่อเพื่อยกเครื่องครัวไทยไพร่พลนำโดยคุณดลชัยและระบบการบริหารแบบโรงแรมเข้าไปเปิดร้านอาหารไทยที่ปรุงรสกันอย่างถึงพริกถึงขิงให้รู้กันไปว่าขิงกับมะนาวไทยมันแซ่บอีหลีเช่นไร ต้มยำกุ้งชามแรกของร้าน Ginger & Lime ได้ฤกษ์เสิร์ฟเมื่อเดือนเมษายน 2548
ด้วยช่วงเวลาดำเนินธุรกิจที่จำกัดตามเวลาการเปิดปิดศูนย์การค้า พ่อครัวร้านนี้จึงต้องขยันปรุงโน่น ผัดนี่ ให้มีอาหารเสิร์ฟไม่หยุดหย่อน ลูกค้าร้องสั่งรายการใดไม่มีผิดหวัง สุดท้ายคุณดลชัย ชุ่มวิเชียร ผู้จัดการทั่วไปร้าน Ginger & Lime ฟันธงอีกครั้งหนึ่งว่าอาหารของร้านจะต้องประกอบด้วยเมนู 4 ชาติ คือ ไทย จีน เวียดนาม และมาเลเซีย เพื่อจัดให้มีทางเลือกที่หลากหลายสำหรับลูกค้าชาวออสเตรเลียซึ่งนิยมอาหารเอเชียหลากหลายรูปแบบ งานนี้รับรองด้วยเกียรติของพ่อครัวคนไทย 4 คนที่มีอยู่ในมือว่าอาหารที่ปรุงออกมาเสิร์ฟจะเป็นรสชาติที่แท้จริงของชาตินั้นๆ แบบไม่มีอะลุ้มอล่วย โดยมีอาหารไทยเป็นเมนูหลักขายดีติดอันดับ
Ginger & Lime จึงมีบาร์คู่ มิใช่สำหรับแข่งยิมนาสติกและสำหรับยืดหนังท้องด้วย Hot Bar หรือมุมอาหารจานร้อน อาทิ ผัดหมี่ฮกเกี้ยน ข้าวผัด แกงมัสมั่น เป็นต้น และ Cold Bar ซึ่งเป็นมุมอาหารอร่อยแบบสบายๆ ไม่มีไอร้อน อาทิ ลาบ ยำเนื้อ และอีกสารพัดยำ หากยังไม่ถูกใจมีตัวช่วยเป็นเมนูอาหารตามสั่งปรุงโดยพ่อครัวหัวอ่อน เอ๊ย หัวป่า ผู้คนจึงติดใจไม่เว้นแต่ผู้ถือศีลกินเจ รักสุขภาพ ปฏิเสธเนื้อสัตว์ เรียกได้ว่าอิ่มใจ อิ่มกาย อิ่มบุญ
ร้านนี้มีผู้มาเยือนมากหน้าหลายตา เลือกหามุมนั่งสบายๆ และสั่งรายการอาหารหลากหลายตามชอบ แต่ในความหลากหลายที่แตกต่างกลับมีสิ่งหนื่งเหมือนกันคือรอยยิ้มด้วยความประทับใจในคุณภาพและบริการของ Ginger & Lime และการต้อนรับของพนักงานในร้านที่ได้รับากรอบรมมาอย่างดี เพียงเดินผ่านยังดูแล้วสบายตาเพราะพนักงานทุกคนมาด้วยชุดสีเขียวเปลือกมะนาว ตั้งแต่หน้าร้านถึงก้นครัว
คุณดลชัยบอกว่าเพื่อไม่ให้เหมือนร้านอาหารหลายแห่งที่ถึงกำเนิดขึ้นแล้วล้มไม่เป็นท่าเพราะทำงานไม่เป็นระบบ จึงมีการคุมเข้มตั้งแต่การสั่งซื้อและจัดเก็บวัตถุดิบเพื่อควบคุมต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ และเนื่องจากเป็นครัวเปิดจึงต้องเน้นความโปร่งใสและสะอาด นอกจากนี้ ทางร้านยังมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อดึงดูดและสร้างฐานลูกค้าประจำ
นับเป็นความเหนื่อยที่คุ้มค่าของฟิทช์ อินเตอร์เนชั่นแนล ที่หอบทั้งคน ระบบ และชุดครัวข้ามทวัปมาปรุงอาหารไทยต้นตำรับและอาหารรอบบ้าน ทั้งจีน เวียดนาม และมาเลเซีย ได้อร่อยครบเครื่องแบบรสชาติไม่ตกหายออกทะเล ครัวไทยไกลบ้านแต่รสชาติต้นตำรับพร้อมเมนูรวมมิตรเอเชียจึงเป็นที่โจษจันทั่วห้างหรูในซิดนีย์ จนโฮโซไฮซ้อในต่างแดนร้อง "อี๊ดๆ" ถามหา "ไทยฟู้ด" กันถ้วนหน้า
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย พฤศจิกายน 2548--
-พห-
คุณดลชัยกล่าวว่าความห่างไกลจะไม่เป็นอุปสรรคของความสำเร็จทางธุรกิจ หากผู้ลงทุนมีพันธมิตรในประเทศนั้นๆ ช่วยย่นระยะเวลาของการคลำทางหรือหาแนวทางดำเนินธุรกิจ รวมทั้งสืบค้นความต้องการของตลาดและทำเลที่ตั้งที่เหมาะสมซึ่งเป็นตัวกำหนดรูปแบบธุรกิจของร้านอาหาร ในกรณีของร้าน Ginger & Lime เริ่มจากเจ้าของร้าน คือ คุณวัฒนา อิสสระ ผู้อำนวยการบริษัท ฟิทช์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ดำเนินกิจการร้านอาหาร The Mezza โรงแรม Maxx ถนนพระราม9 และร้านอาหารเวียดนาม Dao Vien ในไทย สนใจซื้อกิจการร้านอาหารจีน-มาเลเซียในศูนย์การค้า Westfield Bondi Junction (WBJ) ของซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย จึงส่งทีมงานที่มีความพร้อมด้านประสบการณ์และสายป่านในต่างประเทศเข้าไปสำรวจฐานที่มั่นประมาณปลายปี 2547 และพบว่าทำเลที่ตั้งในสวนอาหารของศูนย์การค้า WBJ เป็นที่รวมของร้านค้าปลีกประมาณ 370 ร้านและห้างสรรสินค้าขนาดใหญ่จำนวน 6 แห่ง อาทิ Target, David Jones และ Woolworth จะต้องมีผู้มาเยือนแบบหัวบันไดเลื่อนไม่แห้งแน่ๆ
บริษัทจึงไม่รอช้าที่จะเช่าซื้อกิจการต่อเพื่อยกเครื่องครัวไทยไพร่พลนำโดยคุณดลชัยและระบบการบริหารแบบโรงแรมเข้าไปเปิดร้านอาหารไทยที่ปรุงรสกันอย่างถึงพริกถึงขิงให้รู้กันไปว่าขิงกับมะนาวไทยมันแซ่บอีหลีเช่นไร ต้มยำกุ้งชามแรกของร้าน Ginger & Lime ได้ฤกษ์เสิร์ฟเมื่อเดือนเมษายน 2548
ด้วยช่วงเวลาดำเนินธุรกิจที่จำกัดตามเวลาการเปิดปิดศูนย์การค้า พ่อครัวร้านนี้จึงต้องขยันปรุงโน่น ผัดนี่ ให้มีอาหารเสิร์ฟไม่หยุดหย่อน ลูกค้าร้องสั่งรายการใดไม่มีผิดหวัง สุดท้ายคุณดลชัย ชุ่มวิเชียร ผู้จัดการทั่วไปร้าน Ginger & Lime ฟันธงอีกครั้งหนึ่งว่าอาหารของร้านจะต้องประกอบด้วยเมนู 4 ชาติ คือ ไทย จีน เวียดนาม และมาเลเซีย เพื่อจัดให้มีทางเลือกที่หลากหลายสำหรับลูกค้าชาวออสเตรเลียซึ่งนิยมอาหารเอเชียหลากหลายรูปแบบ งานนี้รับรองด้วยเกียรติของพ่อครัวคนไทย 4 คนที่มีอยู่ในมือว่าอาหารที่ปรุงออกมาเสิร์ฟจะเป็นรสชาติที่แท้จริงของชาตินั้นๆ แบบไม่มีอะลุ้มอล่วย โดยมีอาหารไทยเป็นเมนูหลักขายดีติดอันดับ
Ginger & Lime จึงมีบาร์คู่ มิใช่สำหรับแข่งยิมนาสติกและสำหรับยืดหนังท้องด้วย Hot Bar หรือมุมอาหารจานร้อน อาทิ ผัดหมี่ฮกเกี้ยน ข้าวผัด แกงมัสมั่น เป็นต้น และ Cold Bar ซึ่งเป็นมุมอาหารอร่อยแบบสบายๆ ไม่มีไอร้อน อาทิ ลาบ ยำเนื้อ และอีกสารพัดยำ หากยังไม่ถูกใจมีตัวช่วยเป็นเมนูอาหารตามสั่งปรุงโดยพ่อครัวหัวอ่อน เอ๊ย หัวป่า ผู้คนจึงติดใจไม่เว้นแต่ผู้ถือศีลกินเจ รักสุขภาพ ปฏิเสธเนื้อสัตว์ เรียกได้ว่าอิ่มใจ อิ่มกาย อิ่มบุญ
ร้านนี้มีผู้มาเยือนมากหน้าหลายตา เลือกหามุมนั่งสบายๆ และสั่งรายการอาหารหลากหลายตามชอบ แต่ในความหลากหลายที่แตกต่างกลับมีสิ่งหนื่งเหมือนกันคือรอยยิ้มด้วยความประทับใจในคุณภาพและบริการของ Ginger & Lime และการต้อนรับของพนักงานในร้านที่ได้รับากรอบรมมาอย่างดี เพียงเดินผ่านยังดูแล้วสบายตาเพราะพนักงานทุกคนมาด้วยชุดสีเขียวเปลือกมะนาว ตั้งแต่หน้าร้านถึงก้นครัว
คุณดลชัยบอกว่าเพื่อไม่ให้เหมือนร้านอาหารหลายแห่งที่ถึงกำเนิดขึ้นแล้วล้มไม่เป็นท่าเพราะทำงานไม่เป็นระบบ จึงมีการคุมเข้มตั้งแต่การสั่งซื้อและจัดเก็บวัตถุดิบเพื่อควบคุมต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ และเนื่องจากเป็นครัวเปิดจึงต้องเน้นความโปร่งใสและสะอาด นอกจากนี้ ทางร้านยังมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อดึงดูดและสร้างฐานลูกค้าประจำ
นับเป็นความเหนื่อยที่คุ้มค่าของฟิทช์ อินเตอร์เนชั่นแนล ที่หอบทั้งคน ระบบ และชุดครัวข้ามทวัปมาปรุงอาหารไทยต้นตำรับและอาหารรอบบ้าน ทั้งจีน เวียดนาม และมาเลเซีย ได้อร่อยครบเครื่องแบบรสชาติไม่ตกหายออกทะเล ครัวไทยไกลบ้านแต่รสชาติต้นตำรับพร้อมเมนูรวมมิตรเอเชียจึงเป็นที่โจษจันทั่วห้างหรูในซิดนีย์ จนโฮโซไฮซ้อในต่างแดนร้อง "อี๊ดๆ" ถามหา "ไทยฟู้ด" กันถ้วนหน้า
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย พฤศจิกายน 2548--
-พห-