เขตอุตสาหกรรม Batam (The Industrial Area of Batam) ตั้งอยู่บนเกาะ Batam ของอินโดนีเซียเริ่มแรกเขตอุตสาหกรรม Batam ประกอบด้วยเกาะเพียงเกาะเดียว คือ เกาะ Batam ซึ่งมีพื้นที่ราว 415 ตารางกิโลเมตรในปี 2535 การลงทุนในเขตอุตสาหกรรรม Batam ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้พื้นที่บนเกาะ Batam ไม่เพียงพอรัฐบาลอินโดนีเซียจึงต้องขยายพื้นที่ในเขตอุตสาหกรรม Batam ให้ครอบคลุมไปถึงเกาะ Rempang และเกาะ Galangโดยมีพื้นที่เพิ่มเป็น 715 ตารางกิโลเมตร หลังจากนั้นได้มีการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "เขตอุตสาหกรรม Barelang" หรือ"เขตอุตสาหกรรม Batam-Rempang-Galang" แต่นักลงทุนโดยทั่วไปก็ยังนิยมเรียกชื่อเดิม คือ "เขตอุตสาหกรรม Batam" ปัจจัยที่เอื้อต่อการลงทุนในเขตอุตสาหกรรม Batam ได้แก่
1. ทำเลที่ตั้งเหมาะสม เขตอุตสาหกรรม Batam ตั้งอยู่ในเส้นทางเดินเรือระหว่างประเทศที่เชื่อม ระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรอินเดีย และยังตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสิงคโปร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าที่สำคัญของเอเชีย (มีปริมาณขนถ่ายสินค้าสูงเป็นอันดับ 2 รองจากท่าเรือฮ่องกง) โดยห่างจากสิงคโปร์เพียง 20 กิโลเมตร ส่งผลให้เขตอุตสาหกรรม Batam มีศักยภาพโดดเด่นในการเป็นฐานการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อส่งออก (อาทิ อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ และยานยนต์ ฯลฯ) นอกจากนี้ เขตอุตสาหกรรมBatam ยังมีทิวทัศน์ที่สวยงามหลายแห่งเหมาะต่อการท่องเที่ยว ส่งผลให้นักลงทุนสนใจเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในเขตอุตสาหกรรมนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย
2. ระบบสาธารณูปโภคครบครัน ภายในเขตอุตสาหกรรม Batam มีระบบสาธารณูโภคพื้นฐานที่ทันสมัยเพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างครบครัน อาทิ มีถนนเป็นระยะทางยาวกว่า 1,154 กิโลเมตรรวมทั้งมีทางด่วน เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางการขนส่งหลักภายในเขตอุตสาหกรรมฯ นอกจากนี้ ยังมีท่าเรือเดินทะเลถึง 3 แห่งโดยมีท่าเรือเดินทะเลที่เมือง Kabil เป็นท่าเรือเดินทะเลที่ใหญ่ที่สุดในเขตอุตสาหกรรมฯ แห่งนี้ ซึ่งสามารถรองรับสินค้าได้สูงกว่า 35,000 เดดเวทตัน (Dead Weight Ton : DWT) ในปัจจุบัน และคาดว่าในอนาคตจะรองรับสินค้าได้สูงถึง150,000 เดดเวทตัน นอกจากนี้ ยังมีท่าเทียบเรือโดยสารอีก 6 แห่ง รวมทั้งยังมีการให้บริการเดินเรือระหว่างสิงคโปร์และมาเลเชียกว่า 130 เที่ยว/วัน อีกทั้งยังมีบริการอู่ต่อเรือและซ่อมแซมเรืออีกด้วย
3. สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน รัฐบาลอินโดนีเซียเร่งส่งเสริมให้นักลงทุนเข้าไปลงทุนในเขตอุตสาหกรรมฯ นี้ อย่างต่อเนื่อง ด้วยการยกเว้นภาษีหลายประเภทให้แก่นักลงทุน ได้แก่
* ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax : VAT) สำหรับอุตสาหกรรมที่เน้นการผลิตเพื่อการส่งออก จะได้รับการยกเว้น VAT ในอัตรา 10% และ/หรือภาษีการขาย (Sales Tax) ในอัตรา 10%-30% จากสินค้าฟุ่มเฟือยบางประเภทอาทิ รถยนต์ เครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ บุหรี่และผลิตภัณฑ์จากใบยาสูบ (นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2547เป็นต้นไป) รวมถึงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางประเภทที่ใช้ร่วมกับแบตเตอรีหรือไฟฟ้า (นับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2547 เป็นต้นไป) อย่างไรก็ตาม สำหรับสินค้าที่ผลิตในเขตอุตสาหกรรม Batam ซึ่งไม่ได้ส่งออกแต่นำไปขายนอกเขตอุตสาหกรรมBatam จะต้องเสียภาษี VAT ในอัตรา 10% ตามปกติ
* ยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าที่เรียกเก็บจากเครื่องจักร ชิ้นส่วน และปัจจัยการผลิตต่าง ๆ ที่ใช้ในอุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินการในเขตอุตสาหกรรม Batam
ทั้งนี้ นักลงทุนที่เข้าไปลงทุนผลิตสินค้าในเขตอุตสาหกรรม Batam เพื่อส่งออก ยังจะได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (Generalized System of Preferences : GSP) จากประเทศพัฒนาแล้วรวม 33 ประเทศตลอดจนได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียนจากประเทศสมาชิกในกลุ่มอาเซียนอีกด้วยนอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติที่เข้าไปลงทุนในเขตนี้ยังสามารถเป็นเจ้าของกิจการได้ 100% ตลอดจนเช่าที่ดินได้นานถึง 80 ปี (อาจขยายเวลาเพิ่มได้) โดยรัฐบาลกำหนดให้ใช้เวลาในการอนุมัติโครงการลงทุนต่าง ๆ ในเขตนี้ ภายในเวลาไม่เกิน 20 วันการลงทุนในเขตอุตสาหกรรม Batam
ในปี 2547 การลงทุนสะสมในเขตอุตสาหกรรม Batam มีมูลค่าราว 11.53 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น12% จากปีก่อน แบ่งเป็น การลงทุนจากภาครัฐบาล 2.28 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนที่เหลืออีก 9.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มาจากการลงทุนภาคเอกชน ทั้งนี้ การลงทุนจากต่างประเทศมีสัดส่วนราว 40% ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมดของภาคเอกชน โดยในปี 2547 มีบริษัทต่างชาติเข้าไปลงทุนรวม 766 โครงการ เทียบกับ 688 โครงการ ในปี 2546 ส่วนใหญ่มาจากประเทศสิงคโปร์ ไต้หวัน มาเลเซีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น สำหรับประเภทอุตสาหกรรมที่นักลงทุนต่างชาตินิยมเข้าไปลงทุน ได้แก่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ ชิ้นส่วน และอุปกรณ์ รองลงมา คือ การผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ การผลิตเครื่องหนัง และอุตสาหกรรมสิ่งทอ เป็นต้น
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สิงหาคม 2548--
-พห-
1. ทำเลที่ตั้งเหมาะสม เขตอุตสาหกรรม Batam ตั้งอยู่ในเส้นทางเดินเรือระหว่างประเทศที่เชื่อม ระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรอินเดีย และยังตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสิงคโปร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าที่สำคัญของเอเชีย (มีปริมาณขนถ่ายสินค้าสูงเป็นอันดับ 2 รองจากท่าเรือฮ่องกง) โดยห่างจากสิงคโปร์เพียง 20 กิโลเมตร ส่งผลให้เขตอุตสาหกรรม Batam มีศักยภาพโดดเด่นในการเป็นฐานการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อส่งออก (อาทิ อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ และยานยนต์ ฯลฯ) นอกจากนี้ เขตอุตสาหกรรมBatam ยังมีทิวทัศน์ที่สวยงามหลายแห่งเหมาะต่อการท่องเที่ยว ส่งผลให้นักลงทุนสนใจเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในเขตอุตสาหกรรมนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย
2. ระบบสาธารณูปโภคครบครัน ภายในเขตอุตสาหกรรม Batam มีระบบสาธารณูโภคพื้นฐานที่ทันสมัยเพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างครบครัน อาทิ มีถนนเป็นระยะทางยาวกว่า 1,154 กิโลเมตรรวมทั้งมีทางด่วน เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางการขนส่งหลักภายในเขตอุตสาหกรรมฯ นอกจากนี้ ยังมีท่าเรือเดินทะเลถึง 3 แห่งโดยมีท่าเรือเดินทะเลที่เมือง Kabil เป็นท่าเรือเดินทะเลที่ใหญ่ที่สุดในเขตอุตสาหกรรมฯ แห่งนี้ ซึ่งสามารถรองรับสินค้าได้สูงกว่า 35,000 เดดเวทตัน (Dead Weight Ton : DWT) ในปัจจุบัน และคาดว่าในอนาคตจะรองรับสินค้าได้สูงถึง150,000 เดดเวทตัน นอกจากนี้ ยังมีท่าเทียบเรือโดยสารอีก 6 แห่ง รวมทั้งยังมีการให้บริการเดินเรือระหว่างสิงคโปร์และมาเลเชียกว่า 130 เที่ยว/วัน อีกทั้งยังมีบริการอู่ต่อเรือและซ่อมแซมเรืออีกด้วย
3. สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน รัฐบาลอินโดนีเซียเร่งส่งเสริมให้นักลงทุนเข้าไปลงทุนในเขตอุตสาหกรรมฯ นี้ อย่างต่อเนื่อง ด้วยการยกเว้นภาษีหลายประเภทให้แก่นักลงทุน ได้แก่
* ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax : VAT) สำหรับอุตสาหกรรมที่เน้นการผลิตเพื่อการส่งออก จะได้รับการยกเว้น VAT ในอัตรา 10% และ/หรือภาษีการขาย (Sales Tax) ในอัตรา 10%-30% จากสินค้าฟุ่มเฟือยบางประเภทอาทิ รถยนต์ เครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ บุหรี่และผลิตภัณฑ์จากใบยาสูบ (นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2547เป็นต้นไป) รวมถึงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางประเภทที่ใช้ร่วมกับแบตเตอรีหรือไฟฟ้า (นับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2547 เป็นต้นไป) อย่างไรก็ตาม สำหรับสินค้าที่ผลิตในเขตอุตสาหกรรม Batam ซึ่งไม่ได้ส่งออกแต่นำไปขายนอกเขตอุตสาหกรรมBatam จะต้องเสียภาษี VAT ในอัตรา 10% ตามปกติ
* ยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าที่เรียกเก็บจากเครื่องจักร ชิ้นส่วน และปัจจัยการผลิตต่าง ๆ ที่ใช้ในอุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินการในเขตอุตสาหกรรม Batam
ทั้งนี้ นักลงทุนที่เข้าไปลงทุนผลิตสินค้าในเขตอุตสาหกรรม Batam เพื่อส่งออก ยังจะได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (Generalized System of Preferences : GSP) จากประเทศพัฒนาแล้วรวม 33 ประเทศตลอดจนได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียนจากประเทศสมาชิกในกลุ่มอาเซียนอีกด้วยนอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติที่เข้าไปลงทุนในเขตนี้ยังสามารถเป็นเจ้าของกิจการได้ 100% ตลอดจนเช่าที่ดินได้นานถึง 80 ปี (อาจขยายเวลาเพิ่มได้) โดยรัฐบาลกำหนดให้ใช้เวลาในการอนุมัติโครงการลงทุนต่าง ๆ ในเขตนี้ ภายในเวลาไม่เกิน 20 วันการลงทุนในเขตอุตสาหกรรม Batam
ในปี 2547 การลงทุนสะสมในเขตอุตสาหกรรม Batam มีมูลค่าราว 11.53 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น12% จากปีก่อน แบ่งเป็น การลงทุนจากภาครัฐบาล 2.28 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนที่เหลืออีก 9.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มาจากการลงทุนภาคเอกชน ทั้งนี้ การลงทุนจากต่างประเทศมีสัดส่วนราว 40% ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมดของภาคเอกชน โดยในปี 2547 มีบริษัทต่างชาติเข้าไปลงทุนรวม 766 โครงการ เทียบกับ 688 โครงการ ในปี 2546 ส่วนใหญ่มาจากประเทศสิงคโปร์ ไต้หวัน มาเลเซีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น สำหรับประเภทอุตสาหกรรมที่นักลงทุนต่างชาตินิยมเข้าไปลงทุน ได้แก่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ ชิ้นส่วน และอุปกรณ์ รองลงมา คือ การผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ การผลิตเครื่องหนัง และอุตสาหกรรมสิ่งทอ เป็นต้น
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สิงหาคม 2548--
-พห-