ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนเดือน ธ.ค.47 ติดลบร้อยละ 7.3 นางสุชาดา กิระกุล ผอ.อาวุโส
ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธปท. เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจตลอดปี 47 ขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี โดยในครึ่งปีแรก
ขยายตัวได้ในอัตราที่สูง แต่เริ่มชะลอตัวลงในครึ่งปีหลัง ซึ่งมีปัจจัยสำคัญหลายประการ ทั้งจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น
ความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับลดลง เหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ และโรคไข้หวัดนก สำหรับดัชนีการอุปโภคบริโภค
ภาคเอกชนเดือน ธ.ค.47 ขยายตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบปีร้อยละ 1.2 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้
ทั้งปีขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ 5.4 ในปีก่อน ทั้งนี้ คาดว่าในไตรมาสแรกของปีนี้การ
บริโภคของภาคเอกชนจะยังชะลอตัวต่อเนื่อง ส่วนการลงทุนภาคเอกชนเดือน ธ.ค.47 ขยายตัวติดลบร้อยละ 7.3
เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ รวมทั้ง
ความไม่แน่นอนต่าง ๆ ที่ให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลง การนำเข้าสินค้าทุนลดลงร้อยละ 44.1 ซึ่งหากมองตัว
เลขทั้งปีดัชนีการลงทุนภาคเอกชนปี 47 ขยายตัวลดลงจากปีก่อนเล็กน้อยที่ระดับร้อยละ 12.9 เทียบกับร้อยละ
13.6 ในปีก่อนหน้า สำหรับแนวโน้มการลงทุนในปี 48 คาดว่าน่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยสังเกตได้จากอัตราการ
ใช้กำลังการผลิตทั้งปีที่สูงถึงร้อยละ 72.7 การลงทุนภาคการก่อสร้างที่ขยายตัวได้ดี กำไรของบริษัทเอกชนที่เพิ่มขึ้น
มาก รวมทั้งการขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่ยังเพิ่มขึ้น ซึ่งการชะลอตัวของเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมาน่าจะเป็นการ
เลื่อนการลงทุนเพื่อรอจังหวะที่เหมาะสมมากกว่า (ผู้จัดการรายวัน, โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ก.คลังหามาตรการดึงนักลงทุนต่างชาติลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ นายนริศ ชัยสูตร
ผอ.สนง.เศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค. กำลังศึกษาหาช่องทางให้นักลงทุนต่างประเทศนำเงิน
เข้ามาลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของไทยได้โดยตรง โดยจะต้องศึกษาทั้งการให้แรงจูงใจที่มากพอ รวมทั้งการ
ผ่อนเกณฑ์เงื่อนไขต่าง ๆ ในระดับที่ให้เกิดความสะดวกที่จะนำเงินเข้ามาลงทุนได้อย่างคล่องตัว ซึ่งการดึงเงินลง
ทุนจากต่างประเทศจะทำให้การก่อสร้างที่วางไว้เป็นไปด้วยความรวดเร็วมากขึ้น เพราะต้องยอมรับว่าแหล่งเงินทุน
ภายในประเทศมีข้อจำกัดและไม่เพียงพอ ทั้งนี้ อาจจัดตั้งเป็นองค์กรหรือบริษัทขึ้นมากเพื่อรองรับการลงทุนขนาดใหญ่
โดยเปิดให้มีการลงขันเงินลงทุน ซึ่งส่วนหนึ่งจะมาจากต่างชาติ โดยจะจำกัดสัดส่วนว่าลงทุนได้ในสัดส่วนเท่าไร
สำหรับการกู้ยืมเงินทั้งในและต่างประเทศไม่สามารถทำได้มาก เพราะเพดานการก่อหนี้สาธารณะต้องไม่เกินร้อยละ
50 ของจีดีพีในปี งปม. 48 และต้องให้อยู่ในระดับไม่เกินร้อยละ 35 ของจีดีพีในปี งปม. 51 (โพสต์ทูเดย์)
3. ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.25 ในเดือน ก.พ.นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
คาดการณ์ว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ ธ.กลาง สรอ. (เฟด) จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเฟดฟันด์
อีกร้อยละ0.25 มาอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.50 ในการประชุมวันที่ 1-2 ก.พ.นี้ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกของปี 48
และเชื่อว่าเฟดจะทยอยปรับอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงร้อยละ 3.75 — 4.0 ในปลายปีนี้ โดยมีปัจจัยที่สนับสนุนการคาด
การณ์ดังกล่าวได้แก่ เศรษฐกิจ สรอ. ที่น่าจะแข็งแกร่งมากพอที่จะรองรับการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็น
ค่อยไปในปีนี้ขณะเดียวกันการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยจะช่วยลดแรงกดดันด้านอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น รวม
ทั้งยังอาจทำให้ระดับการออมของภาคเอกชนใน สรอ. สูงขึ้นตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่คาดว่าจะทยอยปรับ
เพิ่มขึ้นไปด้วย ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูงของ สรอ. มากกว่าที่จะ
ปล่อยให้ค่าเงินดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงเพื่อแก้ปัญหาเพียงอย่างเดียว ในขณะที่ตลาดเงินตลาดทุนของ สรอ.ตอบ
สนองการคาดการณ์นี้ไปแล้ว และยังคาดการณ์ว่ามีความเป็นไปได้ถึงร้อยละ 80 ที่อัตราดอกเบี้ยเฟดฟันด์จะปรับเพิ่ม
ขึ้นเป็นร้อยละ 3.0 ก่อนครึ่งแรกของปีนี้ สำหรับผลกระทบต่อตลาดเงินและตลาดทุนของไทยนั้นจะมีผลค่อนข้าง
จำกัดต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นและอัตราผลตอบแทนในตลาดพันธบัตรไทย เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่คาด
การณ์ไว้แล้ว และให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวของตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศและทิศทางการดำเนินนโยบาย
อัตราดอกเบี้ยของ ธปท. มากกว่า ส่วนค่าเงินบาทจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก โดยส่วนใหญ่จะจับตาผลการประชุม
กลุ่ม G7 ในวันที่ 4-5 ก.พ.นี้ รวมทั้งท่าทีของจีนต่ออัตราแลกเปลี่ยน (โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ)
4. ยอดผู้มีงานทำเดือน ธ.ค.47 เพิ่มขึ้นกว่า 2 แสนคน รายงานข่าวจาก สนง.สถิติแห่งชาติ
เปิดเผยว่า จากการสำรวจภาวะการมีงานทำในเดือน ธ.ค.47 พบว่า จำนวนประชากรรวมทั่วประเทศ 65.24
ล้านคน เป็นผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงานประมาณ 36.60 ล้านคน ประกอบด้วยผู้มีงานทำ 36.02 ล้านคน สูงขึ้นจาก
35.81 ล้านคน ในเดือนพ.ย.47 หรือเพิ่มขึ้น 2.1 แสนคน โดยแยกเป็นผู้มีงานทำภาคเกษตร 15.3 ล้านคน
นอกภาคเกษตร 20.72 ล้านคน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พบว่าผู้มีงานทำเพิ่มขึ้นประมาณ 5.4 แสนคน
โดยนอกภาคเกษตรเพิ่มมากถึง 1.55 ล้านคน แต่ภาคเกษตรลดลงประมาณ 1.01 ล้านคน เนื่องจากมีปัญหาภัยแล้ง
และไข้หวัดนก ขณะที่เดือน ธ.ค.47 มีผู้ว่างงาน 5.3 แสนคน แบ่งเป็นชาย 2.9 แสนคน และหญิง 2.4 แสน
คน เมื่อเทียบกับเดือน พ.ย.47 ซึ่งจำนวนผู้ว่างงาน 5.4 แสนคน ลดลง 1 หมื่นคน และเมื่อเทียบกับเดือน
ม.ค.47 ที่มีจำนวนคนว่างงานถึง1.28 ล้านคน ลดลงถึง 7.5 แสนคน นอกจากนั้น ยังพบว่ามีผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำ
งานมาก่อน 1.8 แสนคน หรือคิดเป็นร้อยละ 34 ของผู้ว่างงานทั้งหมด ส่วนผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อนมี
ประมาณ 3.5 แสนคน หรือร้อยละ 66ซึ่งประกอบด้วยอุตสาหกรรมสาขาการผลิตมากที่สุดประมาณ 6 หมื่นคน รอง
ลงมาคือ สาขาการก่อสร้าง 5 หมื่นคน(โพสต์ทูเดย์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่า ธ.กลาง สรอ.จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมในวันที่ 1 — 2 ก.พ.48
นี้จากรายงานที่แสดงว่าเศรษฐกิจ สรอ.อยู่ในช่วงขาขึ้น รายงานจากชิคาโก เมื่อ 31 ม.ค.48 ดัชนีชี้วัด
ภาวะธุรกิจในภาคตะวันตกตอนกลางของ สรอ.เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 62.4 ในเดือน ม.ค.48 จากระดับ 61.9
ในเดือน ธ.ค.47 สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 60 และอยู่ในระดับสูงกว่า 50 ซึ่งแสดงถึงการ
ขยายตัวเป็นเดือนที่ 21ติดต่อกัน เช่นเดียวกับภาวะธุรกิจในนิวยอร์คที่ดีขึ้นในเดือน ม.ค.48 เป็นเดือนที่ 17 ติดต่อ
กัน ในขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคใน สรอ.เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 ในเดือน ธ.ค.47 หลังจากที่ชาวอเมริกันหลาย
พันคนได้รับเงินปันผลจากการถือหุ้นของบริษัท Microsoft ซึ่งจ่ายเงินปันผลงวดพิเศษจำนวน 32 พันล้านดอลลาร์
สรอ. แต่ถึงแม้ไม่รวมเงินปันผลจาก Microsoft รายได้ของคนอเมริกันก็เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 ก.พาณิชย์ประมาณ
ว่าร้อยละ 75 ของเงินปันผลจาก Microsoft ถูกนับเป็นเงินได้ส่วนบุคคลและทำให้รายได้ประชาชาติเพิ่มขึ้น
24.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในขณะที่ในรายงานอีกฉบับแสดงยอดขายบ้านสร้างใหม่ในปี 47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.9
มีจำนวน 1.18 ล้านหน่วยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากรายงานหลายฉบับที่แสดงว่าเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้น ทำให้
คาดกันว่า ธ.กลาง สรอ.จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งเป็นครั้งที่ 6 ติดต่อกันนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 47 ใน
การประชุมในวันที่ 1-2 ก.พ. 48 นี้ (รอยเตอร์)
2. คาดว่าจีนจะยังไม่เร่งเปลี่ยนแปลงนโยบายผูกค่าเงินหยวนไว้กับเงินดอลลาร์ สรอ. รายงาน
จากลอนดอนเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 48 กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ G7 คาดว่าจีนจะยังไม่ประกาศนโยบายอัตรา
แลกเปลี่ยนค่าเงินหยวนในการประชุมกันที่ลอนดอนในปลายสัปดาห์นี้โดยจะไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบายอย่างทันทีทัน
ใดแต่คาดว่าคงจะมีการควบคุมดูแลและค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปในที่สุด ทั้งนี้การประชุมในวันศุกร์และวันเสาร์น่าจะเป็น
การทบทวนแนวทางที่กลุ่ม G7 ได้ให้ไว้เมื่อปีที่แล้วที่ฟลอริดา และคงเพิ่มเติมด้วยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเงินสกุล
สำคัญที่ยังไม่สอดคล้องกันแต่ก็ไม่ถือว่าวิกฤตนัก ทั้งนี้นาย Jin Renqing รมว.คลังของจีนจะเข้าเป็นผู้ร่วมการ
ประชุม G7 ที่ลอนดอนในครั้งนี้ ซึ่งคาดว่านโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนจะถูกอภิปรายในที่ประชุมนอกจากนี้ยังมี
ประเด็นการประเมินเพื่อหาแนวทางให้ประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจที่สำคัญต่อเศรษฐกิจโลกจัดการกับความไม่สมดุล
ของเศรษฐกิจโลกซึ่งกลุ่ม G7 กล่าวว่าพวกเขาต่างเห็นชอบร่วมกันว่ายุโรปต้องส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ขณะที่สรอ.จำเป็นต้องจัดการกับปัญหางบประมาณและการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด อย่างไรก็ตามผู้กำหนดนโยบายของ
สหภาพยุโรปและสรอ. ได้กระตุ้นให้กลุ่มประเทศอาเซียนโดยเฉพาะประเทศจีนให้ลอยตัวค่าเงินเพื่อแบ่งเบาภาระ
การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ สรอ. แต่ก็มิได้กดดันให้เป็นไปอย่างทันทีทันใด (รอยเตอร์)
3. รอยเตอร์คาดว่าการส่งออกของมาเลเซียในเดือน ธ.ค.47 จะขยายตัวต่ำสุดในรอบ 13 เดือนที่
ร้อยละ 11.0 รายงานจากกัวลาลัมเปอร์ เมื่อ 31 ม.ค.48 ผลสำรวจจากนักวิเคราะห์ 10 คนโดยรอยเตอร์ พบ
ว่าการส่งออกของมาเลเซียในปี 47 จนถึงเดือน ธ.ค.47 น่าจะเติบโตเพียงร้อยละ 11.0 ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดใน
รอบ 13 เดือน เทียบกับเดือน พ.ย.47 ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.9 จากที่เคยขยายตัวเพียงร้อยละ 7.3 ใน
เดือน พ.ย.46 ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญที่ส่งผลให้การส่งออกของมาเลเซียในเดือน ธ.ค.ชะลอตัวคือ ความต้องการ
สินค้าหมวดอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกลดลง นอกจากนี้ จากผลสำรวจยังพบว่า การนำเข้าในเดือน ธ.ค.47 น่าจะลดลง
อยู่ที่ร้อยละ 11.7 จากที่เคยอยู่ในระดับสูงถึงร้อยละ 23.5 ในเดือนก่อนหน้า หลังจากที่เคยนำเข้าต่ำสุดที่ร้อยละ
4.2 ในเดือน พ.ย.46 ตัวเลขการนำเข้าเป็นเครื่องชี้วัดที่สำคัญของภาวะการส่งออกในอนาคต เนื่องจาก 3 ใน
4 ส่วนของการนำเข้าของประเทศมาเลเซียถูกนำมาผลิตสินค้าเพื่อส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ ทั้งนี้ รัฐบาลจะ
ประกาศตัวเลขการค้าในวันพฤหัสบดีที่ 3 ก.พ.48 นอกจากนี้ รัฐบาลคาดการณ์ว่า การส่งออกในปี 48 จะชะลอตัว
ที่ร้อยละ 9.9 จากที่ประมาณการว่าจะขยายตัวถึงร้อยละ 17.3 ในปี 47 เนื่องจากความต้องการสินค้าหมวด
เทคโนโลยีและอิเล็กทรอนิกส์จาก สรอ. (ซึ่งเป็นประเทศที่นำเข้าสินค้าจากมาเลเซียถึง 1 ใน 5 ของสินค้าส่ง
ออกทั้งหมดของมาเลเซีย) ลดน้อยลง ทั้งนี้ สินค้าหมวดอิเล็กทรอนิกส์มีสัดส่วนถึงครึ่งหนึ่งของยอดการส่งออกโดย
รวม นอกจากนี้ จากผลสำรวจยังได้คาดการณ์ว่ามาเลเซียจะเกินดุลการค้าจำนวน 7.5 พัน ล.ริงกิต (2.0 พัน
ล.ดอลลาร์ สรอ.) ในเดือน ธ.ค.เทียบกับที่เกินดุลจำนวน 6.5 ในช่วงเดียวกันของปีก่อนและ 6.0 พัน ล.ริงกิต
ในเดือน ก่อนหน้า (รอยเตอร์)
4. ไตรมาสที่ 4 ปี 47 อัตราการว่างงานของสิงคโปร์เพิ่มขึ้นเล็กน้อย รายงานจากสิงคโปร์เมื่อ
31 ม.ค.48 ก.แรงงาน เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานของ สิงคโปร์ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 47 เพิ่มขึ้นเล็ก
น้อยที่ระดับร้อยละ 3.7 หลังจากที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีที่ร้อยละ 3.6 ในช่วงไตรมาสก่อนหน้า แต่สูง
กว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นที่ระดับร้อยละ 3.5 สาเหตุจากปัจจัยขับเคลื่อนภาวะ
เศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงครึ่งหลังของปี อย่างไรก็ตาม การจ้างงานของสิงคโปร์ในช่วงเวลาเดียวกันขยายตัวสูงสุด
ในรอบ 4 ปี โดยเพิ่มขึ้นจำนวน 27,500 อัตรา ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมบริการถึง 23,300 อัตรา
สำหรับการจ้างงานโดยรวมในปี 47 เพิ่มขึ้นจำนวน 66,200 อัตรา เทียบกับที่ลดลง 35,900 อัตราในช่วง 3 ปี
ก่อนหน้า สำหรับการจ้างงานในเดือน ธ.ค.47 เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นจำนวน 2,201,300 อัตรา (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 1 ก.พ. 48 31 ม.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.557 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.3598/38.6471 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.1875-2.2000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 701.91/15.60 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,750/7,850 7,750/7,850 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 39.65 38.15 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 19.69*/14.59 19.69*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 26 ม.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนเดือน ธ.ค.47 ติดลบร้อยละ 7.3 นางสุชาดา กิระกุล ผอ.อาวุโส
ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธปท. เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจตลอดปี 47 ขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี โดยในครึ่งปีแรก
ขยายตัวได้ในอัตราที่สูง แต่เริ่มชะลอตัวลงในครึ่งปีหลัง ซึ่งมีปัจจัยสำคัญหลายประการ ทั้งจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น
ความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับลดลง เหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ และโรคไข้หวัดนก สำหรับดัชนีการอุปโภคบริโภค
ภาคเอกชนเดือน ธ.ค.47 ขยายตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบปีร้อยละ 1.2 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้
ทั้งปีขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ 5.4 ในปีก่อน ทั้งนี้ คาดว่าในไตรมาสแรกของปีนี้การ
บริโภคของภาคเอกชนจะยังชะลอตัวต่อเนื่อง ส่วนการลงทุนภาคเอกชนเดือน ธ.ค.47 ขยายตัวติดลบร้อยละ 7.3
เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ รวมทั้ง
ความไม่แน่นอนต่าง ๆ ที่ให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลง การนำเข้าสินค้าทุนลดลงร้อยละ 44.1 ซึ่งหากมองตัว
เลขทั้งปีดัชนีการลงทุนภาคเอกชนปี 47 ขยายตัวลดลงจากปีก่อนเล็กน้อยที่ระดับร้อยละ 12.9 เทียบกับร้อยละ
13.6 ในปีก่อนหน้า สำหรับแนวโน้มการลงทุนในปี 48 คาดว่าน่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยสังเกตได้จากอัตราการ
ใช้กำลังการผลิตทั้งปีที่สูงถึงร้อยละ 72.7 การลงทุนภาคการก่อสร้างที่ขยายตัวได้ดี กำไรของบริษัทเอกชนที่เพิ่มขึ้น
มาก รวมทั้งการขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่ยังเพิ่มขึ้น ซึ่งการชะลอตัวของเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมาน่าจะเป็นการ
เลื่อนการลงทุนเพื่อรอจังหวะที่เหมาะสมมากกว่า (ผู้จัดการรายวัน, โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ก.คลังหามาตรการดึงนักลงทุนต่างชาติลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ นายนริศ ชัยสูตร
ผอ.สนง.เศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค. กำลังศึกษาหาช่องทางให้นักลงทุนต่างประเทศนำเงิน
เข้ามาลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของไทยได้โดยตรง โดยจะต้องศึกษาทั้งการให้แรงจูงใจที่มากพอ รวมทั้งการ
ผ่อนเกณฑ์เงื่อนไขต่าง ๆ ในระดับที่ให้เกิดความสะดวกที่จะนำเงินเข้ามาลงทุนได้อย่างคล่องตัว ซึ่งการดึงเงินลง
ทุนจากต่างประเทศจะทำให้การก่อสร้างที่วางไว้เป็นไปด้วยความรวดเร็วมากขึ้น เพราะต้องยอมรับว่าแหล่งเงินทุน
ภายในประเทศมีข้อจำกัดและไม่เพียงพอ ทั้งนี้ อาจจัดตั้งเป็นองค์กรหรือบริษัทขึ้นมากเพื่อรองรับการลงทุนขนาดใหญ่
โดยเปิดให้มีการลงขันเงินลงทุน ซึ่งส่วนหนึ่งจะมาจากต่างชาติ โดยจะจำกัดสัดส่วนว่าลงทุนได้ในสัดส่วนเท่าไร
สำหรับการกู้ยืมเงินทั้งในและต่างประเทศไม่สามารถทำได้มาก เพราะเพดานการก่อหนี้สาธารณะต้องไม่เกินร้อยละ
50 ของจีดีพีในปี งปม. 48 และต้องให้อยู่ในระดับไม่เกินร้อยละ 35 ของจีดีพีในปี งปม. 51 (โพสต์ทูเดย์)
3. ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.25 ในเดือน ก.พ.นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
คาดการณ์ว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ ธ.กลาง สรอ. (เฟด) จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเฟดฟันด์
อีกร้อยละ0.25 มาอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.50 ในการประชุมวันที่ 1-2 ก.พ.นี้ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกของปี 48
และเชื่อว่าเฟดจะทยอยปรับอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงร้อยละ 3.75 — 4.0 ในปลายปีนี้ โดยมีปัจจัยที่สนับสนุนการคาด
การณ์ดังกล่าวได้แก่ เศรษฐกิจ สรอ. ที่น่าจะแข็งแกร่งมากพอที่จะรองรับการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็น
ค่อยไปในปีนี้ขณะเดียวกันการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยจะช่วยลดแรงกดดันด้านอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น รวม
ทั้งยังอาจทำให้ระดับการออมของภาคเอกชนใน สรอ. สูงขึ้นตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่คาดว่าจะทยอยปรับ
เพิ่มขึ้นไปด้วย ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูงของ สรอ. มากกว่าที่จะ
ปล่อยให้ค่าเงินดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงเพื่อแก้ปัญหาเพียงอย่างเดียว ในขณะที่ตลาดเงินตลาดทุนของ สรอ.ตอบ
สนองการคาดการณ์นี้ไปแล้ว และยังคาดการณ์ว่ามีความเป็นไปได้ถึงร้อยละ 80 ที่อัตราดอกเบี้ยเฟดฟันด์จะปรับเพิ่ม
ขึ้นเป็นร้อยละ 3.0 ก่อนครึ่งแรกของปีนี้ สำหรับผลกระทบต่อตลาดเงินและตลาดทุนของไทยนั้นจะมีผลค่อนข้าง
จำกัดต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นและอัตราผลตอบแทนในตลาดพันธบัตรไทย เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่คาด
การณ์ไว้แล้ว และให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวของตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศและทิศทางการดำเนินนโยบาย
อัตราดอกเบี้ยของ ธปท. มากกว่า ส่วนค่าเงินบาทจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก โดยส่วนใหญ่จะจับตาผลการประชุม
กลุ่ม G7 ในวันที่ 4-5 ก.พ.นี้ รวมทั้งท่าทีของจีนต่ออัตราแลกเปลี่ยน (โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ)
4. ยอดผู้มีงานทำเดือน ธ.ค.47 เพิ่มขึ้นกว่า 2 แสนคน รายงานข่าวจาก สนง.สถิติแห่งชาติ
เปิดเผยว่า จากการสำรวจภาวะการมีงานทำในเดือน ธ.ค.47 พบว่า จำนวนประชากรรวมทั่วประเทศ 65.24
ล้านคน เป็นผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงานประมาณ 36.60 ล้านคน ประกอบด้วยผู้มีงานทำ 36.02 ล้านคน สูงขึ้นจาก
35.81 ล้านคน ในเดือนพ.ย.47 หรือเพิ่มขึ้น 2.1 แสนคน โดยแยกเป็นผู้มีงานทำภาคเกษตร 15.3 ล้านคน
นอกภาคเกษตร 20.72 ล้านคน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พบว่าผู้มีงานทำเพิ่มขึ้นประมาณ 5.4 แสนคน
โดยนอกภาคเกษตรเพิ่มมากถึง 1.55 ล้านคน แต่ภาคเกษตรลดลงประมาณ 1.01 ล้านคน เนื่องจากมีปัญหาภัยแล้ง
และไข้หวัดนก ขณะที่เดือน ธ.ค.47 มีผู้ว่างงาน 5.3 แสนคน แบ่งเป็นชาย 2.9 แสนคน และหญิง 2.4 แสน
คน เมื่อเทียบกับเดือน พ.ย.47 ซึ่งจำนวนผู้ว่างงาน 5.4 แสนคน ลดลง 1 หมื่นคน และเมื่อเทียบกับเดือน
ม.ค.47 ที่มีจำนวนคนว่างงานถึง1.28 ล้านคน ลดลงถึง 7.5 แสนคน นอกจากนั้น ยังพบว่ามีผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำ
งานมาก่อน 1.8 แสนคน หรือคิดเป็นร้อยละ 34 ของผู้ว่างงานทั้งหมด ส่วนผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อนมี
ประมาณ 3.5 แสนคน หรือร้อยละ 66ซึ่งประกอบด้วยอุตสาหกรรมสาขาการผลิตมากที่สุดประมาณ 6 หมื่นคน รอง
ลงมาคือ สาขาการก่อสร้าง 5 หมื่นคน(โพสต์ทูเดย์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่า ธ.กลาง สรอ.จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมในวันที่ 1 — 2 ก.พ.48
นี้จากรายงานที่แสดงว่าเศรษฐกิจ สรอ.อยู่ในช่วงขาขึ้น รายงานจากชิคาโก เมื่อ 31 ม.ค.48 ดัชนีชี้วัด
ภาวะธุรกิจในภาคตะวันตกตอนกลางของ สรอ.เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 62.4 ในเดือน ม.ค.48 จากระดับ 61.9
ในเดือน ธ.ค.47 สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 60 และอยู่ในระดับสูงกว่า 50 ซึ่งแสดงถึงการ
ขยายตัวเป็นเดือนที่ 21ติดต่อกัน เช่นเดียวกับภาวะธุรกิจในนิวยอร์คที่ดีขึ้นในเดือน ม.ค.48 เป็นเดือนที่ 17 ติดต่อ
กัน ในขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคใน สรอ.เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 ในเดือน ธ.ค.47 หลังจากที่ชาวอเมริกันหลาย
พันคนได้รับเงินปันผลจากการถือหุ้นของบริษัท Microsoft ซึ่งจ่ายเงินปันผลงวดพิเศษจำนวน 32 พันล้านดอลลาร์
สรอ. แต่ถึงแม้ไม่รวมเงินปันผลจาก Microsoft รายได้ของคนอเมริกันก็เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 ก.พาณิชย์ประมาณ
ว่าร้อยละ 75 ของเงินปันผลจาก Microsoft ถูกนับเป็นเงินได้ส่วนบุคคลและทำให้รายได้ประชาชาติเพิ่มขึ้น
24.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในขณะที่ในรายงานอีกฉบับแสดงยอดขายบ้านสร้างใหม่ในปี 47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.9
มีจำนวน 1.18 ล้านหน่วยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากรายงานหลายฉบับที่แสดงว่าเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้น ทำให้
คาดกันว่า ธ.กลาง สรอ.จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งเป็นครั้งที่ 6 ติดต่อกันนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 47 ใน
การประชุมในวันที่ 1-2 ก.พ. 48 นี้ (รอยเตอร์)
2. คาดว่าจีนจะยังไม่เร่งเปลี่ยนแปลงนโยบายผูกค่าเงินหยวนไว้กับเงินดอลลาร์ สรอ. รายงาน
จากลอนดอนเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 48 กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ G7 คาดว่าจีนจะยังไม่ประกาศนโยบายอัตรา
แลกเปลี่ยนค่าเงินหยวนในการประชุมกันที่ลอนดอนในปลายสัปดาห์นี้โดยจะไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบายอย่างทันทีทัน
ใดแต่คาดว่าคงจะมีการควบคุมดูแลและค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปในที่สุด ทั้งนี้การประชุมในวันศุกร์และวันเสาร์น่าจะเป็น
การทบทวนแนวทางที่กลุ่ม G7 ได้ให้ไว้เมื่อปีที่แล้วที่ฟลอริดา และคงเพิ่มเติมด้วยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเงินสกุล
สำคัญที่ยังไม่สอดคล้องกันแต่ก็ไม่ถือว่าวิกฤตนัก ทั้งนี้นาย Jin Renqing รมว.คลังของจีนจะเข้าเป็นผู้ร่วมการ
ประชุม G7 ที่ลอนดอนในครั้งนี้ ซึ่งคาดว่านโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนจะถูกอภิปรายในที่ประชุมนอกจากนี้ยังมี
ประเด็นการประเมินเพื่อหาแนวทางให้ประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจที่สำคัญต่อเศรษฐกิจโลกจัดการกับความไม่สมดุล
ของเศรษฐกิจโลกซึ่งกลุ่ม G7 กล่าวว่าพวกเขาต่างเห็นชอบร่วมกันว่ายุโรปต้องส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ขณะที่สรอ.จำเป็นต้องจัดการกับปัญหางบประมาณและการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด อย่างไรก็ตามผู้กำหนดนโยบายของ
สหภาพยุโรปและสรอ. ได้กระตุ้นให้กลุ่มประเทศอาเซียนโดยเฉพาะประเทศจีนให้ลอยตัวค่าเงินเพื่อแบ่งเบาภาระ
การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ สรอ. แต่ก็มิได้กดดันให้เป็นไปอย่างทันทีทันใด (รอยเตอร์)
3. รอยเตอร์คาดว่าการส่งออกของมาเลเซียในเดือน ธ.ค.47 จะขยายตัวต่ำสุดในรอบ 13 เดือนที่
ร้อยละ 11.0 รายงานจากกัวลาลัมเปอร์ เมื่อ 31 ม.ค.48 ผลสำรวจจากนักวิเคราะห์ 10 คนโดยรอยเตอร์ พบ
ว่าการส่งออกของมาเลเซียในปี 47 จนถึงเดือน ธ.ค.47 น่าจะเติบโตเพียงร้อยละ 11.0 ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดใน
รอบ 13 เดือน เทียบกับเดือน พ.ย.47 ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.9 จากที่เคยขยายตัวเพียงร้อยละ 7.3 ใน
เดือน พ.ย.46 ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญที่ส่งผลให้การส่งออกของมาเลเซียในเดือน ธ.ค.ชะลอตัวคือ ความต้องการ
สินค้าหมวดอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกลดลง นอกจากนี้ จากผลสำรวจยังพบว่า การนำเข้าในเดือน ธ.ค.47 น่าจะลดลง
อยู่ที่ร้อยละ 11.7 จากที่เคยอยู่ในระดับสูงถึงร้อยละ 23.5 ในเดือนก่อนหน้า หลังจากที่เคยนำเข้าต่ำสุดที่ร้อยละ
4.2 ในเดือน พ.ย.46 ตัวเลขการนำเข้าเป็นเครื่องชี้วัดที่สำคัญของภาวะการส่งออกในอนาคต เนื่องจาก 3 ใน
4 ส่วนของการนำเข้าของประเทศมาเลเซียถูกนำมาผลิตสินค้าเพื่อส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ ทั้งนี้ รัฐบาลจะ
ประกาศตัวเลขการค้าในวันพฤหัสบดีที่ 3 ก.พ.48 นอกจากนี้ รัฐบาลคาดการณ์ว่า การส่งออกในปี 48 จะชะลอตัว
ที่ร้อยละ 9.9 จากที่ประมาณการว่าจะขยายตัวถึงร้อยละ 17.3 ในปี 47 เนื่องจากความต้องการสินค้าหมวด
เทคโนโลยีและอิเล็กทรอนิกส์จาก สรอ. (ซึ่งเป็นประเทศที่นำเข้าสินค้าจากมาเลเซียถึง 1 ใน 5 ของสินค้าส่ง
ออกทั้งหมดของมาเลเซีย) ลดน้อยลง ทั้งนี้ สินค้าหมวดอิเล็กทรอนิกส์มีสัดส่วนถึงครึ่งหนึ่งของยอดการส่งออกโดย
รวม นอกจากนี้ จากผลสำรวจยังได้คาดการณ์ว่ามาเลเซียจะเกินดุลการค้าจำนวน 7.5 พัน ล.ริงกิต (2.0 พัน
ล.ดอลลาร์ สรอ.) ในเดือน ธ.ค.เทียบกับที่เกินดุลจำนวน 6.5 ในช่วงเดียวกันของปีก่อนและ 6.0 พัน ล.ริงกิต
ในเดือน ก่อนหน้า (รอยเตอร์)
4. ไตรมาสที่ 4 ปี 47 อัตราการว่างงานของสิงคโปร์เพิ่มขึ้นเล็กน้อย รายงานจากสิงคโปร์เมื่อ
31 ม.ค.48 ก.แรงงาน เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานของ สิงคโปร์ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 47 เพิ่มขึ้นเล็ก
น้อยที่ระดับร้อยละ 3.7 หลังจากที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีที่ร้อยละ 3.6 ในช่วงไตรมาสก่อนหน้า แต่สูง
กว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นที่ระดับร้อยละ 3.5 สาเหตุจากปัจจัยขับเคลื่อนภาวะ
เศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงครึ่งหลังของปี อย่างไรก็ตาม การจ้างงานของสิงคโปร์ในช่วงเวลาเดียวกันขยายตัวสูงสุด
ในรอบ 4 ปี โดยเพิ่มขึ้นจำนวน 27,500 อัตรา ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมบริการถึง 23,300 อัตรา
สำหรับการจ้างงานโดยรวมในปี 47 เพิ่มขึ้นจำนวน 66,200 อัตรา เทียบกับที่ลดลง 35,900 อัตราในช่วง 3 ปี
ก่อนหน้า สำหรับการจ้างงานในเดือน ธ.ค.47 เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นจำนวน 2,201,300 อัตรา (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 1 ก.พ. 48 31 ม.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.557 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.3598/38.6471 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.1875-2.2000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 701.91/15.60 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,750/7,850 7,750/7,850 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 39.65 38.15 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 19.69*/14.59 19.69*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 26 ม.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--