อยากกราบเรียนท่านประธานถึงท่านรัฐมนตรีด้วยว่า ภาพที่จะปรากฏต่อไปนี้ จะเกี่ยวข้องกับท่านรัฐมนตรี ถ้าท่านไม่นั่งอยู่ในที่ประชุมเวลาท่านตอบอาจจะไปคนละประเด็นกัน และอยู่ในกรอบที่เป็นญัตติ ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าเอกสารใดๆที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะอยู่ในกรอบที่ยื่นญัตติไว้ แล้วก็มีบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้นก็คือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ถูกกล่าวหา ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งหมดจะไม่มีการใช้เอกสารนอกเหนือจากเอกสารของทางราชการ
ก่อนหน้าที่จะถึงภาพนี้ ผมจะย้อนนิดเดียวว่า ก่อนหน้าที่จะเห็นภาพที่ท่านอยู่กับเครื่อง CTX มันเป็นสเปกหนึ่งของระบบที่อินวิชั่นสร้างขึ้น ตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค. 2546 และวันที่ 17 ม.ค. 2546 ท่านได้ให้นโยบายเรื่องการอยากจะใช้ระบบเครื่องดังกล่าวเป็นอินไลน์เข้ามาสู่การใช้ในงานที่จะสร้างที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังจากนั้นก็มีการผ่านขั้นตอนจนกระทั่งถึงวันที่ 27 ก็มีการกำหนดสเปกพร้อมทั้งเงินจำนวน 6,155 ล้านบาท ผมจะขอข้ามไปเพราะเพื่อนสมาชิกได้กล่าวเรื่องนี้ไว้เยอะแล้วก่อนหน้าที่ผมจะมาอภิปรายเพื่อให้เกิดความเข้าใจว่าทั้งหมดเกิดเรื่องมาอย่างไร
วันที่ 30 ต.ค. บทม. โดยรองผู้จัดการใหญ่นายบัญชาทำเรื่องถึงท่านปลัดกระทรวงคมนาคมขออนุมัติเรื่องที่จะขอวงเงิน 6,155 ล้านบาท เงินทั้งหมด 3หมวด หมวดที่ 1 คือเรื่องการปรับปรุงเรื่องการบิการเกี่ยวกับเรื่องโต๊ะ เก้าอี้ ในการที่จะบริการผู้โดยสาร 1,280 ล้าน หมวดที่ 2 เกี่ยวกับเรื่องการซื้อเครื่อง CTX และระบบด้วยกันทั้งหมด 4,500 ล้าน หมวดที่ 3 เกี่ยวกับเรื่องน้ำ ไฟฟ้า ประปา เรื่องทั้งหมดมีรายละเอียดเสนอเข้าไปสู่คณะกรรมการ กทภ. โดยผ่านกระทรวงคมนาคม และได้รับความเห็นชอบจาก รมต.คมนาคม แต่เอกสารดังกล่าวผมไม่ได้เอาชาร์ตขึ้นมาให้เห็น เพียงแต่เรียนท่านประธานให้ทราบว่าทั้งหมดนั้น ท่านรัฐมนตรีได้ทราบเรื่องแล้วตั้งแต่วันที่ 1
นี่คือเหตุการณ์วันที่ 9 ต.ค. 2546 ผมต้องขออนุญาตินะครับ เพราะว่าภาพนี้ด้วยความอุปถัมภ์หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจได้นำภาพ ซึ่งผมไม่สามารถจะนำภาพที่ดีกว่านี้และอธิบายได้ง่ายเท่านี้ ท่านได้ไปที่สนามบินดอนเมือง เพื่อสาธิตเรื่องเครื่อง CTX ให้กับสื่อมวลชนทราบ ในภพนี้เห็นชัดครับว่าท่าน รมต.ได้ยืนอยู่ที่หน้าเครื่อง CTX แต่เรียนท่าน รมต.เลยว่านี่ไม่ใช่เครื่อง CTX 9000 ที่ท่านจะซื้อ นี่คือรุ่น 5500 ใช้วิธีการตั้งโดยไม่มีสายพาน เครื่อง 9000 เดี๋ยวจะมีภาพให้ดูอีกว่าเป็นแบบไหน แต่ในภาพที่ปรากฎนี้ตัวละครที่จะเห็นชัดเจนที่พูดมาตั้งแต่เช้ามีใครบ้าง นี่คือคุณวรพจน์ หรือที่เรียกกันว่าคุณเช นี่คือท่านที่ปรึกษาท่าน รมต. ดร.ธีรวัฒน์ นี่ท่าน รมต. กำลังสาธิตเรื่องเครื่องนี้ทั้งหมดให้กับสื่อมวลชนทราบในวันที่ 9 ต.ค. 2546
นี่คือบรรยากาศ ณ วันที่วันนั้น ผมเรียนท่านว่านี่คือภาพที่จะเกี่ยวข้องกับท่าน รมต. อาจจะฟื้นความทรงจำท่านว่า ทำไมเครื่อง CTX จึงเข้ามาเกี่ยวข้องในช่วงหลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน ทั้งหมดที่ผมกราบเรียนนะครับว่านี่คือความยิ้มแย้มแจ่มใสที่ รมต.พาไปตรวจ นั่นคืองานของเอเปกที่เกิดขึ้น และท่านเอามาสาธิตให้ดู ที่กล่าวหากันว่ามีการใช้เงิน 23 ล้านโดยบริษัทที่ปรึกษา โดยบริษัทวิศวกรพิเศษที่จ้างมา หรือบริษัทผู้ขายเครื่อง เราหาภาพนี้กันนานพอสมควร เราได้ถามในที่ประชุมของคณะกรรมาธิการหลายคณะว่า ท่านทั้งหลายที่ไปที่ซานฟรานซิสโกมีใครบ้าง ไปสนามบินซานฟรานซิสโกทั้งหมดมีใครบ้าง และมีข่าวว่ามีการใช้เงินถึง 23 ล้านไปเลี้ยงกันทั้งหมดในนี้ จนกระทั่งได้ภาพนี้มาถึงทราบว่า ท่านเดินทางไปกันวันที่ 7 พ.ย. 2546 ก่อนเรื่องจะนำเข้าสู่ กทภ.และ ครม. และก่อนเซ็นสัญญาด้วย นี่เป็นเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดเหตุการณ์กล่าวหาจนกระทั่งมีเรื่องอยู่ที่ศาลแขวงแคลิฟอร์เนีย ทั้งหมดนี้คือภาพท่านพล.อ.สมชัย สมประสงค์ ท่านศรีสุข ท่านประธานและมีกรรมการอื่นๆที่เดินทางไปด้วย นั่นคือข้อเท็จจริงที่ผมกราบเรียนให้ทราบ
ผมเห็นภาพนี้ตั้งแต่ครั้งแรก ผมไม่แน่ใจว่าเป็นวันที่เท่าไหร่ ต้องใช้คอมพิวเตอร์ซูมถึงจะเห็นว่าตรงกัน วันที่ 7 ท่านพล.อ.สมชัย สมประสงค์ ขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่งเป็นรองประธาน บทม. และเป็นรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ 2 ตำแหน่งด้วย อันนี้คือหลักฐานชิ้นหนึ่งที่จะนำมากราบเรียนให้ท่านประธานได้รับทราบ คนนี้ครับที่เราพูดกันมานานเลย เจ้าของบริษัทที่ปรึกษาควอเตอร์เทค ที่ท่าน รมต.บอกว่าคนนี้เก่งมาก เผอิญความจริงถ้าท่านพูดหลังผมท่านจะเข้าใจเรื่องนี้ เขาบอกว่านายสก๊อตปูเล่ย์เก่งมากคนคนนี้มาตอบในที่ประชุมสภาแห่งนี้ในฐานะเป็นคนตรวจสอบเงิน 4,500 ล้านบาท เรื่องสเป็คของซีทีเอ็กซ์และระบบของอินรายที่เราต้องการจะใช้ผมถามเขาด้วยความสงสัยจากเอกสารที่ทางคณะกรรมาธิการได้ขอไป และทางบทม.ได้จัดส่งมาให้มันเป็นเอกสารซึ่งผมที่แรกเข้าใจว่ามีการใส่มาผิดหรือเปล่า มันมีสเปคของจีอีไอออนแทคเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ถามว่าสเปคจีอีไอออนแทคเนี่ยมาเกี่ยวข้องด้วยเหตุผลอะไรดูไปดูมาคือเรื่องของบริษัทแพทริออตเอามาขายก็ถามว่านายสก๊อตท่าทราบไหมสเปคอันนี้ของจีอีไอออนแทคเกี่ยวกับเรื่องเคลือบเคมีในการที่ต้องใช้คู่กันกับเรื่องเครื่องซีทีเอ็กซ์ เขาบอกเขาไม่เคยเห็นเอกสารนี้ ไม่เคยทราบเลย เอกสารส่วนนี้คือเอกสารที่ควบอยู่ในท้ายสัญญาเป็นองค์ประกอบของสัญญาในการซื้อขายเครื่องครั้งนี้ด้วย เราจ้างคนคนนี้ทั้งหมด ครั้งแรก 4 ล้าน 4 ล้านสีแสนกว่าเพื่อมาตรวจสอบเอกสาร และจ้างครั้งต่อไปอีก 40 กว่าล้าน ในการที่จะตรวจสอบเครื่องที่โรงงานและที่จะต้องมาติดตั้งที่สนามบินสุวรรณภูมิ เดี๋ยวจะมีส่วนเกี่ยวข้องที่จะเรียนให้ท่านทราบมีความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมดของบริษัทที่ปรึกษาตามที่ท่านเพื่อนสมาชิกได้กล่าวกราบเรียนท่านประธานไปตั้งแต่ช่วงเช้า หลังจากนั้นมาคณะกรรมการการท่าอากาศยานและบทม.ที่ทำเรื่องเสนอเขาเรียกว่าคณะกรรมการกทพ.ที่มีท่านนายกเป็นประธาน
ผมกราบเรียนว่าเมื่อเช้านี้ท่านผู้นำฝ่ายค้านท่านได้ชี้แจงไปครั้งหนึ่งแล้วว่าเมื่อวันที่ 15 ตุลา 2546 เวลา 15.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาลที่ชั้น 5 จะเห็นได้ว่าที่ผมกราบเรียนท่านประธานมาก่อนหน้านี้ ทั้งคณะกรรมการ ทั้งบริษัทที่ปรึกษา ซึ่งเป็นคนที่จะมาดูว่าใช้เครื่องสเป็คไหนดี ล้วนแล้วทั้งหมดนี้เป็นคนกำหนดสเปคให้ แต่ว่าไม่มีราคากลาง แต่ไปกำหนดเองตลอดเวลา จนกระทั่งนำมาเสนอสู่คณะกรรมการกทพ. คณะกรรมการกทพ.วันนั้นมีมติอย่างนี้ที่เมื่อกี้นี้ผมกราบเรียนท่านประธานในรูป ท่านปรานคือท่านนายกอนุญาตให้ท่านปลัดกระทรวงคมนาคมและนายธีระวัฒน์ ศรีสัตราภิมุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมชี้แจงรายละเอียดในโครงการต่าง ๆ ผมขออนุญาตท่านประธานผมจะพูดตรงนี้เสร็จเรียบร้อยผมจะขออนุญาตท่านประธานด้วยสื่อคอมพิวเตอร์ แต่ผมจะขออ่านข้อความตรงนี้ก่อนว่าหลังจากนั้นนายธีระวัฒน์ ศรีสัตราภิมุข ได้ฉายภาพแบบจำรองไม่ใช่ความบังเอินพยายามดิ้นรนหาจริง ๆ ศึกาจริง ๆ เรื่องนี้เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทางรัฐบาลรัฐมนตรีด้วย ให้ความจริงกระจ่างชัดแก่ประชาชนด้วยมันเกิดขึ้นได้อย่างไร และความเป็นมาอย่างไร คณะกรรมการกทพ.ในการประชุมวันนั้นมีการฉายภาพจำรองเครื่องซีทีเอ็กซ์ พอดีผมขออนุญาตตรงนี้ว่าถ้าพร้อมจะฉายผมขออนุญาตจะฉายตรงนี้วันนั้นนายธีระวัฒน์ได้อธิบายรายละเอียดงบประมาณทั้งหมด 6,155 ล้านบาท พร้อมทั้งรายละเอียดในการที่ต้องใช้ด้วย เพราะฉะนั้นถ้าท่านประธานเห็นเครื่องทางสื่อคอมพิวเตอร์จะเห็นว่าวันนั้นคือการใช้ระบบนี้มีทั้งภาษาไทยเปรียบเทียบเครื่องระหว่างดอนเมืองและเครื่องซีทีเอ็กซ์รุ่น 5500 และมีการจำลองแบบด้วยว่าถ้าจะซื้อเครื่องซีทีเอ็กซืต้องจำลองแบบอย่างไร รวมทั้งเครื่องซีทีเอ็กซ์รุ่น 9000 นี้มีสภาพอย่างไร และบอกบทว่าใช้ประโยชน์อย่างไรใครเป็นคนรับรอง เอฟเอเอนี่เป็นสถาบันสากลก็เป็นคนรับรองมีการบอกว่าสเปคนี้ใช้ตรวจสอบยาเสพติด กัญชา ยาบ้า เฮโรอีนได้อย่างไรสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เกิดขึ้น ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2546 ที่คณะกรรมการมีนั่งอยู่ในนั้นคือท่านประธานคือ ท่านนายกฯ ท่านรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมด้วย เพราะฉะนั้นผมกราบเรียนท่านประธานว่าทั้งหมดเรื่องทั้งหมดในการฉายแบบจำลองนั้นได้ปรากฏว่าที่เขาบอกว่าล็อคสเปคไม่ต้องล็อคหรอกครับอธิบายตรงกันท่านรัฐมนตรีเอารูปเมื่อกี้ชาร์ดมาฉายตรงกันกับนี้มีห้องทำลายระเบิด มีห้องเก็บขนย้ายระเบิด มีการอธิบายถึงเรื่องสเปคการใช้งานของเครื่องซีทีเอ็กซ์กับเครื่องเอ็กซเรย์ธรรมดา เพราะฉะนั้นทั้งหมดนี้ผมเรียนกราบเรียนท่านปรธานถึงรัฐมนตรีว่าท่านทราบ ท่านนายกท่าทราบ และท่านที่ปรึกษาท่านก็ทราบ ท่านที่ปรึกษาท่านทราบไปเกี่ยวพันที่หลักยุ่งวุ้นวายพอสมควรเหมือนกัน ต้องกราบเรียนว่าตรงนี้คือส่วนหนึ่ง จนกระทั่งไปเซนต์สัญญา ณ วันที่ 12 มีนาคม 2546 โดยพล.อ.สมชัย สมประสงค์ ขณะนั้นท่านรักษาการรองประธานและเป็นรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ 2 ตำแหน่ง
ท่านประธานครับ ผมจะพูดในตอนนี้เพื่อกระชับและไม่ไปซ้ำกับคนใดคนหนึ่งนี่คือเอกสารที่ไอทีโอได้แจ้งกลับไปที่แพทริออตแจ้งกลับไปแพทริออตบิวซิเนทเพื่อแจ้งกลับไปที่อินวิชั่น เนื่องจากว่าอินวิชั่นได้มีหนังสือเชิญบทม.และคณะกรรมการตรวจการจ้าง ตรวจเครื่องไปที่ประเทศอเมริกา ทางนี้ก็แจ้งไปว่ามีใครบ้างในนี้มีชื่อพล.อ.สมชัย สมประสงค์ แต่ท่านไม่ได้เป็นกรรมการ แต่ท่านก็ยังไปก็ต้องชมท่านว่าท่านขยันไปท่านไม่ได้ผิดที่ท่านไป ผมไม่แน่ใจก่อนหน้าที่คณะกรรมการที่จะเอาเรื่องออกมาแถลง ผมไม่แน่ใจว่าท่านไปจริงหรือเปล่า ผมขออนุญาตท่านประธานนี่คือไปตรวจคนเข้าเมือง ผมไปเช็คว่าท่านเดินทางจริงไหมท่านเดินทางไปถึงอเมริกาวันที่ 16 และออกจากประเทศอเมริกาวันที่ 22 แสดงว่าจริง นี่คือหลักฐานเพื่อจะเกิดความมั่นใจว่าไม่ได้กล่าวหาเสีย ๆ หาย ๆ ไม่ถูกต้องกับข้อเท็จจริง วันที่ท่านเดินทางไปถึงนี่คือภาพอุปกรณ์บางส่วนของเครื่องซีทีเอ็กซ์ที่โรงงานที่อยู่ที่ประเทศอเมริกา วันนั้นท่านเดินทางวันที่ 16 ไปตรวจงานกันวันที่ 17 พฤศจิกา 2546 และมีภาพผมเข้าใจอย่างนี้ครับท่านประธานครับในรายงานของคระกรรมการที่รัฐบาลตั้งขึ้นมามีอยู่เครื่องหนึ่งรายงบานว่าเครื่องจี478 มีการเซนต์ตรวจรับงานจริงครับ ท่านก็มีภาพนี้เป็นสีขาวดำอยู่ในเอกสารถ้าใครไปขอดูที่ทำเนียบก็จะเป็นอย่างนั้น และมีรายงานว่ามีการตรวจเฉพาะเครื่องนี้ ที่ผมพูดเฉพาะเครื่องนี้คือนี่คือ 1 ใน 26 เครื่องอะไรจะเกิดขึ้นตรงนั้นอีกที นี่เป็นการยืนยันว่าท่านพล.อ.สมชัย สมประสงค์รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ท่านเดินทางไปตรวจจริง ท่านอยู่ในโรงงานของอินวิชั่นในการผลิต แลนี่คือภาพนี้ตัดออกไปหน่อยหนึ่งความจริงมีภาพที่ชัดมีคุณวรพจน์อยู่ด้วยเพราะไปดูงานด้วยกันเป็นคนพาไปตรวจงาน ทั้งหมดนี้ผมเรียท่านอย่างนี้ครับอะไรเกิดขึ้นก็ไปที่นั่น เมื่อเช้าท่านผู้นำฝ่ายค้านท่านหัวหน้าพรรคอภิสิทธิ์ท่านได้พูดไปแล้ว ท่านไปถึงที่นั่นซีอีโอของบริษัทอินวิชั่นกับเป็นอันดับผู้จัดการโรงงานได้เชิญท่านพล.อ.สมชัย สมประสงค์กับผู้บริหารของโครงการท่าอากาศยานดอนเมืองไปนั่งคุยเป็นการส่วนตัวท่านบอกไว้อย่างนี้ว่าผมไม่อ่านทั้งหมด ท่านบอกว่าขณะนี้เกิดปัญหาจีอีเข้ามาเทคโอเวอร์อินวิชั่นและจีอีได้ตรวจสอบระบบบัญชีและการเงินและได้พบว่ามีปัญหาเกิดขึ้น และบอกต่อไปว่าไม่สามารถส่งเครื่องทั้ง 26 เครื่องนี้ให้ได้ และยังบอกต่ออีกว่าได้แจ้งกับสถานฑูตอเมริกาที่ประเทศไทยแก้ปัญหาด้วยระหว่างนั้น และยังบอกต่อไปอีกว่าได้แจ้งรัฐบาลไทยแล้วให้สถานฑูตเป็นคนดำเนินการขณะนี้ยังแก้ปัญหาอยู่ในเดือนนั้นคือเดือน พฤศจิกายน 2546 ถ้าผมเป็นพล.อ.สมชัย สมประสงค์ ผมต้องเอะใจแล้วผมต้องโทรศัพท์กลับมาแล้ว ในรายงานนั้นยังบอกว่าท่านกลับมาและรายงานผู้บังคับบัญชาชั้นสูง ชั้นสูงวันนี้ได้ฟังจากท่านรัฐมนตรีเมื่อเช้าว่าท่านทราบไหมท่านทราบ ทราบเพราะว่าท่านผู้นำฝ่ายค้านถามว่าท่านทราบไหมว่าเครื่องนี้ส่งไม่ได้ท่านพยักหน้าว่าทราบ ถามว่าถ้าท่านนายกทราบไหมเดี๋ยวผมจะแสดงชาร์ดให้เห็นว่าทั้งหมดทราบ ผมเรียนกลับไปนิดว่านี่คือเครื่องที่วันนั้นท่านไปเซนต์กันไว้ตรวจอยู่ 1 เครื่องวันที่ 17 เดือน 11 04 และนี่คือสเปคตารางว่าเครื่องนี้เบอร์อะไรจี478 เป็นเอกสารฉบับเดียวทำเนียบออกมาเหมือนกัน หลังจากนั้นมาท่านประธานครับ ผมไปหาดูข้อมูลว่าแล้วท่านจ่ายเงินกันอย่างไร มันมีเรื่องแปลกครับท่านประธานท่านเดินทางไปวันที่ 16 ท่านไปอเมริกาวันที่ 17 ตรวจงาน แต่นี่คือหลักฐานการจ่ายเงิน ขออนุมัติค่าจ้างปรับเปลี่ยนออกแบบและติดตั้งระบบสายพานลำเรียงกระเป๋าและสัมภาระผู้โดยสารงวดที่ 13 วงเงินในการจ่ายทั้งหมดเป็นเงินบาท 80 ล้านบาท เงินเยน 1547 ล้านเยน รวมเป็นเงินบาทแล้วประมาณ 571 ล้านบาท อนุมัติดดยพล.อ.สมชัย สมประสงค์ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2547 วันที่ท่านเดินทางไปที่อเมริกาวันนั้น เดินทางไปก่อนหน้า เดินทางไปตรวจการวันที่ 17 พ.ย. 2547 ท่านเซ็นอนุมัติก่อนไปตรวจงาน ท่านจ่ายเงินก่อนไปตรวจงาน ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมาก ผมกราบเรียนว่าท่านกลับมา แล้วท่านก็ลาออก เพราะว่ามีการรวมบริษัท บทม.กับท่าอากาศยานเป็นบริษัทเดียวกัน ในวันที่ 6 ธันวาคม มีประกาศจากกระทรวงยุติธรรมว่าอินวิชั่นยอมตกลง ยอมความกับรัฐบาลสหรัฐฯตามเรื่องที่เกิดขึ้น รวมทั้งนายกฯได้มอบหมายให้ท่านพันธ์ศักดิ์ให้ไปตรวจสอบ ท่านได้ไปตรวจสอบ และท่านบอกว่าท่านรู้เรื่องตั้งแต่นายกฯมอบหมายเมื่อเดือน พ.ย.และได้มีการพบว่าสหรัฐอเมริกาได้ออกเอ็กสปอตไรเซน ออกภายหลังการสืบสวนของกระทรวงยุตธิรรมจึงแสดงการสงสัยว่าจะมีการติดสินบนเจ้าหน้าที่ของไทยหรือนักการเมืองนั้นไม่เพียงพอ มิเช่นนั้นสหรัฐฯคงไม่ออกใบอนุญาตนี้ให้
ท่านกล่าวเช่นนี้ต่อสื่อมวลชน คนหลงเข้าใจผิดหมดเลย ว่าท่านไปตรวจสอบ และออกไลเซนให้ แต่ไลเซนใบนี้นะครับ มีความหมายมากเลย มีคนกล่าวหสว่าต้องขายตรงเพราะเหตุอุปกรณ์ของความมั่นคงไม่ใช่ เรื่องนี้ดร.พันศักดิ์ ที่ปรึกษานายกฯ ก็พูดไม่ตรง เพราะออกไลเซน เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2547 เขาออกให้ใครครับ อินวิชั่น ให้แพทธิออทเป็นคนขน ขนมาที่ไหนครับ ขนมาที่บทม. เขาระบุไว้เสร็จเรียบร้อยหมดเลย เพราะฉะนั้นไม่ใช่อุปกรณ์ต้องห้ามที่ต้องขออนุญาตเพื่อความมั่นคง และต้องขายตรง เพราะฉะนั้นขายผ่านายหน้าก็ได้ทั้งสิ้น
ทั้งหมดทั้งปวงรู้อยู่ เมื่อเช้า ท่านรัฐมนตรีก็บอกว่ารู้ ท่านายกฯ ก็บอกว่ารู้แล้ว ผมได้สอบสวนแล้ว หน่วยงานก็รู้ อะไรเกิดขึ้นครับ 5 ม.ค. 2548 ยังจ่ายเงินที่ 241 ล้าน นี่คือการทำงานที่รัฐมนตรีเข้าไปตรวจงานทุกเสาร์อาทิตย์ ท่านขยันนะช่วงเลือกตั้ง ท่านเข้าไปที่นั้นประมาณอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ไปเร่งงานให้ออกงวดงานถึงเมื่อไหร่ งวดเงินก็ออกเมื่อนั้นทั้งๆที่รู้ว่า 26 เครื่องยังไม่ได้ ยังมีการจ่ายเงินกันอีก เป็นความบกพร่องและต้องดูว่าอะไร ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ยังนี้ขึ้นได้
เลือกตั้งวันที่ 6 ก.พ.48 งวดนี้ตามจริงไม่ต้องจ่ายเงิน แต่มีการจ่าย อีก235 ล้าน พอจ่ายเรียบร้อย และได้รับคำตอบว่าเครื่องยังส่งมอบไม่ได้ เขาบอกว่า 10 เครื่องแรกใน 26 เครื่องเขาพร้อมเสร็จแล้วให้ไปตรวจคือเดือนกันยายน ผมนั้งอ่านหนังสือเพื่ออยากรู้ข้อเท็จจริง ทราบว่าในชุดเดือนนี้บริษัท ทีซีเอส ซึ่งคือบริษัทที่ปรึกษา ที่ผมซึ่งทราบจากท่านรัฐมนตรี ว่ามีการจ้าง 137 ล้านแต่สัญญาในมือผม จ้างพียง 127 ล้าน เพิ่มขึ้นมา 10 ล้ายอย่างไรผมไม่ทราบ
แต่บริษัททีซีเอส มีหน้าที่ 127 ล้านในการตรวจสอบ งวดแรกคืองวดนี้ครับผมสนใจว่าเขาจ่ายเงินกันงวดนี้ บริษัทที่ปรึกษาทำหน้าที่กันอย่างไร ในฐานะเป็นตัวแทนของบทม. เขาแทงหนังสือแจ้งกับบทม.อย่างนี้ครับ ว่าเขาอ้างเหตุว่าในงวดนี้ ลงท้ายไม่ได้เขียนว่าต้องมีใบรับรอง หรือไปเซ็นตรวจรับงาน แต่เนื่องด้วยจากกว่านี้เป็นเรื่องสำคัญ และเป็นภาระกิจที่โทลทอลเทท ซึ่งอยู่ใกล้กับโรงงานที่ผลิตบริษัทที่จดอยู่ที่ต่างประเทศอยู่ใกล้กับโรงงานที่ผลิต ที่บริษัทอินวิชั้นตั้งโรงงานอยู่ตรงนั้น เขาทำเรื่องกันไว้อย่างนี้ครับ เขาบอกว่าเมื่อพิจารณาของความสำคัญ และคุรค่าของอุปกรณ์เครื่องมือเราแนะนำให้มีการตรวจสอบทางกายภาพของเรื่อง ดดยบริษัทพอลโทลเทท ซึ่งมีสถานที่ใกล้เคียงกับโรงงาน เขายืนยันว่าต้องตรวจก่อนแล้วบริษัทพอลโทลเทท
600 ล้านกว่าบาท จ้างเขามาเป็นตัวแทนที่จะตรวจสอบเครื่อง แต่จริงแล้วไปอยู่วันดียวคือวันที่ 17 พ.ย.2547 ที่เหลือ25 เครื่องท่านตรวจสอบไหม และถ้าไม่ตรวจสอบการเซ็นเครื่องนั้นเครื่องเดียว ถือว่าเป็นความบกพร่องอย่างมหาศาล สิ่งที่มันไม่ควรจะเกิดขึ้น แต่กลับเกิดขึ้นแล้วกับประเทศไทย พฤติกรรมเหล่านี้เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าจะอ้างด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ทำกันขนาดนี้ และที่ไปเกี่ยวข้องตรงนี้ คือบอกว่าตรวจสอบแล้วจะจ่ายงวดที่ 14 ชิบเม้นแรกพร้อมจะเดินทาง คือเตรียมส่งขึ้นเรือ ลงเรือและก็มีใบกำกับ ต้องเอาเครื่องมา ที่ต้องนำมาประกอบ เขาตีความว่าชิบเม้น คือการเตรียมพร้อมนำมาเป็นกองๆ ที่โรงงาน
ชิบเม้นที่ 2 เครื่องที่ 11-20 พร้อมที่จะส่ง ก็จ่ายเงินไปทั้งจ่ายเงินไป 3 ครั้งที่จ่ายเงินทั้งหมดเรียบร้อย 1099ล้านบาท เฉพาะเครื่องซีทีเอ็ก ทั้งๆที่รู้แต่ไม่มีการสั้งระงับ ทั้งนายกฯ ทั้งรัฐมนตรีสุริยะ กลับเอาเงินภาษีประชาชนไปใช้อย่างนี้ ท่านบอกว่าไม่เป็นไรมธนาคารการันตี 1500 กว่าล้านเศษ จ่ายให้แพทธิออท 643 ล้านทั้ง2 รายรับเงินจากบทม.รับไปแล้วกั๊กไว้เลย และที่เสียใจคือเครื่องยังไม่มาแต่มีการจ่ายเงินออกไป
ความเสียหาย ความบกพร่องเกิดขึ้นขนาดนี้ ผมไม่ทราบว่าท่านรัฐมนตรีคมนาคมที่ดูแลทั้งหมด ท่านอ้างจีอี ผมก็มีเอกสารระว่าวันที่ 28 เดือนธันวาคม 2547 ทำหนังสือมาต่อว่านายวรพจน์ ว่าตาม 7-8ให้มาคุยไม่มาคุย ทำความเสียหายก็มาก จะเอาไปสอบสวนก็ไม่ได้ และจะยกเลิกการเป็นตัวแทนด้วยเลย ที่รัฐมนตรีบอกว่าได้ไปเจรจากับสถานฑูตก่อนหน้าที่หนังสือไม่จริง จดหมายท่านลงวันที่ 31 มีนาคม 2548 ไปเจราจาหลังจากที่มีเรื่องอื้อฉาวเป็นเดือนจนกระทั้งยับยั้งไม่อยู่ ไปดึงสถานฑูตออกมาช่วยหน่อย มาการันตรี สถานฑูตเลยเปอะไปเลยตอนนี้ไม่มีใครเชื่อเลย นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น
มีการตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในวันนั้นท่านพล.อ.สมชัย สมประสงค์ ท่านมีเรื่องถูกกล่าวหาว่าทุจริตในบทม. ได้รับการเสนอชื่อจากนายกฯให้มาเป็นกรรกมารผู้ทรงคุณวุฒิปปง. จนกระทั้งมีการประชุมลับ และมีการแต่งตั้งท่าน ณ วันนี้ท่านยังเป็นคณะกรรมการปปง.เป็นตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.2547 ลงนามโดยพ.ต.ทงทักษิณ ชินวัตร นายกฯ ถามท่านนี้ทั้งแต่เซ็นสัญญา ตั้งแต่ไปตรวจงาน ท่านนี้มีหน้าที่ที่ต้องไปเซ็นเช็คอนุมัติจ่ายเงิน และวันนี้ท่านประธานครับพึ่งจดทะเบียนกันมาเมื่อ 2 วันนี้เอง จดทะเบียนบริษัทบทม.เปลี่ยนแปลงบริคนสนธิ และอำนาจผู้จัดการ พล.อ.สมชัย สมประสงค์ กลับมาอีก กลับมาเที่ยวนี้ไม่ธรรมดานะครับ เป็นกรรมการผู้ที่อำนาจในการลงนาม ระหว่างนายศรีสุข จันทรางศุ และพล.อ.สมชัย สมประสงค์ คนใดคนหนึ่งลงนามกับกรรมการจดทะเบียนเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.48 ทั้งหลายทั้งปวงทำไมท่านมาบทบาทมากขนาดนี้ครับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความเสียหายอย่างร้ายแรง ทั้งหมดทั้งปวงคือความจริง กระผมไว้วางใจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมไม่ได้ ขอบคุณครับ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 มิ.ย. 2548--จบ--
ก่อนหน้าที่จะถึงภาพนี้ ผมจะย้อนนิดเดียวว่า ก่อนหน้าที่จะเห็นภาพที่ท่านอยู่กับเครื่อง CTX มันเป็นสเปกหนึ่งของระบบที่อินวิชั่นสร้างขึ้น ตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค. 2546 และวันที่ 17 ม.ค. 2546 ท่านได้ให้นโยบายเรื่องการอยากจะใช้ระบบเครื่องดังกล่าวเป็นอินไลน์เข้ามาสู่การใช้ในงานที่จะสร้างที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังจากนั้นก็มีการผ่านขั้นตอนจนกระทั่งถึงวันที่ 27 ก็มีการกำหนดสเปกพร้อมทั้งเงินจำนวน 6,155 ล้านบาท ผมจะขอข้ามไปเพราะเพื่อนสมาชิกได้กล่าวเรื่องนี้ไว้เยอะแล้วก่อนหน้าที่ผมจะมาอภิปรายเพื่อให้เกิดความเข้าใจว่าทั้งหมดเกิดเรื่องมาอย่างไร
วันที่ 30 ต.ค. บทม. โดยรองผู้จัดการใหญ่นายบัญชาทำเรื่องถึงท่านปลัดกระทรวงคมนาคมขออนุมัติเรื่องที่จะขอวงเงิน 6,155 ล้านบาท เงินทั้งหมด 3หมวด หมวดที่ 1 คือเรื่องการปรับปรุงเรื่องการบิการเกี่ยวกับเรื่องโต๊ะ เก้าอี้ ในการที่จะบริการผู้โดยสาร 1,280 ล้าน หมวดที่ 2 เกี่ยวกับเรื่องการซื้อเครื่อง CTX และระบบด้วยกันทั้งหมด 4,500 ล้าน หมวดที่ 3 เกี่ยวกับเรื่องน้ำ ไฟฟ้า ประปา เรื่องทั้งหมดมีรายละเอียดเสนอเข้าไปสู่คณะกรรมการ กทภ. โดยผ่านกระทรวงคมนาคม และได้รับความเห็นชอบจาก รมต.คมนาคม แต่เอกสารดังกล่าวผมไม่ได้เอาชาร์ตขึ้นมาให้เห็น เพียงแต่เรียนท่านประธานให้ทราบว่าทั้งหมดนั้น ท่านรัฐมนตรีได้ทราบเรื่องแล้วตั้งแต่วันที่ 1
นี่คือเหตุการณ์วันที่ 9 ต.ค. 2546 ผมต้องขออนุญาตินะครับ เพราะว่าภาพนี้ด้วยความอุปถัมภ์หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจได้นำภาพ ซึ่งผมไม่สามารถจะนำภาพที่ดีกว่านี้และอธิบายได้ง่ายเท่านี้ ท่านได้ไปที่สนามบินดอนเมือง เพื่อสาธิตเรื่องเครื่อง CTX ให้กับสื่อมวลชนทราบ ในภพนี้เห็นชัดครับว่าท่าน รมต.ได้ยืนอยู่ที่หน้าเครื่อง CTX แต่เรียนท่าน รมต.เลยว่านี่ไม่ใช่เครื่อง CTX 9000 ที่ท่านจะซื้อ นี่คือรุ่น 5500 ใช้วิธีการตั้งโดยไม่มีสายพาน เครื่อง 9000 เดี๋ยวจะมีภาพให้ดูอีกว่าเป็นแบบไหน แต่ในภาพที่ปรากฎนี้ตัวละครที่จะเห็นชัดเจนที่พูดมาตั้งแต่เช้ามีใครบ้าง นี่คือคุณวรพจน์ หรือที่เรียกกันว่าคุณเช นี่คือท่านที่ปรึกษาท่าน รมต. ดร.ธีรวัฒน์ นี่ท่าน รมต. กำลังสาธิตเรื่องเครื่องนี้ทั้งหมดให้กับสื่อมวลชนทราบในวันที่ 9 ต.ค. 2546
นี่คือบรรยากาศ ณ วันที่วันนั้น ผมเรียนท่านว่านี่คือภาพที่จะเกี่ยวข้องกับท่าน รมต. อาจจะฟื้นความทรงจำท่านว่า ทำไมเครื่อง CTX จึงเข้ามาเกี่ยวข้องในช่วงหลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน ทั้งหมดที่ผมกราบเรียนนะครับว่านี่คือความยิ้มแย้มแจ่มใสที่ รมต.พาไปตรวจ นั่นคืองานของเอเปกที่เกิดขึ้น และท่านเอามาสาธิตให้ดู ที่กล่าวหากันว่ามีการใช้เงิน 23 ล้านโดยบริษัทที่ปรึกษา โดยบริษัทวิศวกรพิเศษที่จ้างมา หรือบริษัทผู้ขายเครื่อง เราหาภาพนี้กันนานพอสมควร เราได้ถามในที่ประชุมของคณะกรรมาธิการหลายคณะว่า ท่านทั้งหลายที่ไปที่ซานฟรานซิสโกมีใครบ้าง ไปสนามบินซานฟรานซิสโกทั้งหมดมีใครบ้าง และมีข่าวว่ามีการใช้เงินถึง 23 ล้านไปเลี้ยงกันทั้งหมดในนี้ จนกระทั่งได้ภาพนี้มาถึงทราบว่า ท่านเดินทางไปกันวันที่ 7 พ.ย. 2546 ก่อนเรื่องจะนำเข้าสู่ กทภ.และ ครม. และก่อนเซ็นสัญญาด้วย นี่เป็นเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดเหตุการณ์กล่าวหาจนกระทั่งมีเรื่องอยู่ที่ศาลแขวงแคลิฟอร์เนีย ทั้งหมดนี้คือภาพท่านพล.อ.สมชัย สมประสงค์ ท่านศรีสุข ท่านประธานและมีกรรมการอื่นๆที่เดินทางไปด้วย นั่นคือข้อเท็จจริงที่ผมกราบเรียนให้ทราบ
ผมเห็นภาพนี้ตั้งแต่ครั้งแรก ผมไม่แน่ใจว่าเป็นวันที่เท่าไหร่ ต้องใช้คอมพิวเตอร์ซูมถึงจะเห็นว่าตรงกัน วันที่ 7 ท่านพล.อ.สมชัย สมประสงค์ ขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่งเป็นรองประธาน บทม. และเป็นรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ 2 ตำแหน่งด้วย อันนี้คือหลักฐานชิ้นหนึ่งที่จะนำมากราบเรียนให้ท่านประธานได้รับทราบ คนนี้ครับที่เราพูดกันมานานเลย เจ้าของบริษัทที่ปรึกษาควอเตอร์เทค ที่ท่าน รมต.บอกว่าคนนี้เก่งมาก เผอิญความจริงถ้าท่านพูดหลังผมท่านจะเข้าใจเรื่องนี้ เขาบอกว่านายสก๊อตปูเล่ย์เก่งมากคนคนนี้มาตอบในที่ประชุมสภาแห่งนี้ในฐานะเป็นคนตรวจสอบเงิน 4,500 ล้านบาท เรื่องสเป็คของซีทีเอ็กซ์และระบบของอินรายที่เราต้องการจะใช้ผมถามเขาด้วยความสงสัยจากเอกสารที่ทางคณะกรรมาธิการได้ขอไป และทางบทม.ได้จัดส่งมาให้มันเป็นเอกสารซึ่งผมที่แรกเข้าใจว่ามีการใส่มาผิดหรือเปล่า มันมีสเปคของจีอีไอออนแทคเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ถามว่าสเปคจีอีไอออนแทคเนี่ยมาเกี่ยวข้องด้วยเหตุผลอะไรดูไปดูมาคือเรื่องของบริษัทแพทริออตเอามาขายก็ถามว่านายสก๊อตท่าทราบไหมสเปคอันนี้ของจีอีไอออนแทคเกี่ยวกับเรื่องเคลือบเคมีในการที่ต้องใช้คู่กันกับเรื่องเครื่องซีทีเอ็กซ์ เขาบอกเขาไม่เคยเห็นเอกสารนี้ ไม่เคยทราบเลย เอกสารส่วนนี้คือเอกสารที่ควบอยู่ในท้ายสัญญาเป็นองค์ประกอบของสัญญาในการซื้อขายเครื่องครั้งนี้ด้วย เราจ้างคนคนนี้ทั้งหมด ครั้งแรก 4 ล้าน 4 ล้านสีแสนกว่าเพื่อมาตรวจสอบเอกสาร และจ้างครั้งต่อไปอีก 40 กว่าล้าน ในการที่จะตรวจสอบเครื่องที่โรงงานและที่จะต้องมาติดตั้งที่สนามบินสุวรรณภูมิ เดี๋ยวจะมีส่วนเกี่ยวข้องที่จะเรียนให้ท่านทราบมีความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมดของบริษัทที่ปรึกษาตามที่ท่านเพื่อนสมาชิกได้กล่าวกราบเรียนท่านประธานไปตั้งแต่ช่วงเช้า หลังจากนั้นมาคณะกรรมการการท่าอากาศยานและบทม.ที่ทำเรื่องเสนอเขาเรียกว่าคณะกรรมการกทพ.ที่มีท่านนายกเป็นประธาน
ผมกราบเรียนว่าเมื่อเช้านี้ท่านผู้นำฝ่ายค้านท่านได้ชี้แจงไปครั้งหนึ่งแล้วว่าเมื่อวันที่ 15 ตุลา 2546 เวลา 15.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาลที่ชั้น 5 จะเห็นได้ว่าที่ผมกราบเรียนท่านประธานมาก่อนหน้านี้ ทั้งคณะกรรมการ ทั้งบริษัทที่ปรึกษา ซึ่งเป็นคนที่จะมาดูว่าใช้เครื่องสเป็คไหนดี ล้วนแล้วทั้งหมดนี้เป็นคนกำหนดสเปคให้ แต่ว่าไม่มีราคากลาง แต่ไปกำหนดเองตลอดเวลา จนกระทั่งนำมาเสนอสู่คณะกรรมการกทพ. คณะกรรมการกทพ.วันนั้นมีมติอย่างนี้ที่เมื่อกี้นี้ผมกราบเรียนท่านประธานในรูป ท่านปรานคือท่านนายกอนุญาตให้ท่านปลัดกระทรวงคมนาคมและนายธีระวัฒน์ ศรีสัตราภิมุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมชี้แจงรายละเอียดในโครงการต่าง ๆ ผมขออนุญาตท่านประธานผมจะพูดตรงนี้เสร็จเรียบร้อยผมจะขออนุญาตท่านประธานด้วยสื่อคอมพิวเตอร์ แต่ผมจะขออ่านข้อความตรงนี้ก่อนว่าหลังจากนั้นนายธีระวัฒน์ ศรีสัตราภิมุข ได้ฉายภาพแบบจำรองไม่ใช่ความบังเอินพยายามดิ้นรนหาจริง ๆ ศึกาจริง ๆ เรื่องนี้เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทางรัฐบาลรัฐมนตรีด้วย ให้ความจริงกระจ่างชัดแก่ประชาชนด้วยมันเกิดขึ้นได้อย่างไร และความเป็นมาอย่างไร คณะกรรมการกทพ.ในการประชุมวันนั้นมีการฉายภาพจำรองเครื่องซีทีเอ็กซ์ พอดีผมขออนุญาตตรงนี้ว่าถ้าพร้อมจะฉายผมขออนุญาตจะฉายตรงนี้วันนั้นนายธีระวัฒน์ได้อธิบายรายละเอียดงบประมาณทั้งหมด 6,155 ล้านบาท พร้อมทั้งรายละเอียดในการที่ต้องใช้ด้วย เพราะฉะนั้นถ้าท่านประธานเห็นเครื่องทางสื่อคอมพิวเตอร์จะเห็นว่าวันนั้นคือการใช้ระบบนี้มีทั้งภาษาไทยเปรียบเทียบเครื่องระหว่างดอนเมืองและเครื่องซีทีเอ็กซ์รุ่น 5500 และมีการจำลองแบบด้วยว่าถ้าจะซื้อเครื่องซีทีเอ็กซืต้องจำลองแบบอย่างไร รวมทั้งเครื่องซีทีเอ็กซ์รุ่น 9000 นี้มีสภาพอย่างไร และบอกบทว่าใช้ประโยชน์อย่างไรใครเป็นคนรับรอง เอฟเอเอนี่เป็นสถาบันสากลก็เป็นคนรับรองมีการบอกว่าสเปคนี้ใช้ตรวจสอบยาเสพติด กัญชา ยาบ้า เฮโรอีนได้อย่างไรสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เกิดขึ้น ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2546 ที่คณะกรรมการมีนั่งอยู่ในนั้นคือท่านประธานคือ ท่านนายกฯ ท่านรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมด้วย เพราะฉะนั้นผมกราบเรียนท่านประธานว่าทั้งหมดเรื่องทั้งหมดในการฉายแบบจำลองนั้นได้ปรากฏว่าที่เขาบอกว่าล็อคสเปคไม่ต้องล็อคหรอกครับอธิบายตรงกันท่านรัฐมนตรีเอารูปเมื่อกี้ชาร์ดมาฉายตรงกันกับนี้มีห้องทำลายระเบิด มีห้องเก็บขนย้ายระเบิด มีการอธิบายถึงเรื่องสเปคการใช้งานของเครื่องซีทีเอ็กซ์กับเครื่องเอ็กซเรย์ธรรมดา เพราะฉะนั้นทั้งหมดนี้ผมเรียนกราบเรียนท่านปรธานถึงรัฐมนตรีว่าท่านทราบ ท่านนายกท่าทราบ และท่านที่ปรึกษาท่านก็ทราบ ท่านที่ปรึกษาท่านทราบไปเกี่ยวพันที่หลักยุ่งวุ้นวายพอสมควรเหมือนกัน ต้องกราบเรียนว่าตรงนี้คือส่วนหนึ่ง จนกระทั่งไปเซนต์สัญญา ณ วันที่ 12 มีนาคม 2546 โดยพล.อ.สมชัย สมประสงค์ ขณะนั้นท่านรักษาการรองประธานและเป็นรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ 2 ตำแหน่ง
ท่านประธานครับ ผมจะพูดในตอนนี้เพื่อกระชับและไม่ไปซ้ำกับคนใดคนหนึ่งนี่คือเอกสารที่ไอทีโอได้แจ้งกลับไปที่แพทริออตแจ้งกลับไปแพทริออตบิวซิเนทเพื่อแจ้งกลับไปที่อินวิชั่น เนื่องจากว่าอินวิชั่นได้มีหนังสือเชิญบทม.และคณะกรรมการตรวจการจ้าง ตรวจเครื่องไปที่ประเทศอเมริกา ทางนี้ก็แจ้งไปว่ามีใครบ้างในนี้มีชื่อพล.อ.สมชัย สมประสงค์ แต่ท่านไม่ได้เป็นกรรมการ แต่ท่านก็ยังไปก็ต้องชมท่านว่าท่านขยันไปท่านไม่ได้ผิดที่ท่านไป ผมไม่แน่ใจก่อนหน้าที่คณะกรรมการที่จะเอาเรื่องออกมาแถลง ผมไม่แน่ใจว่าท่านไปจริงหรือเปล่า ผมขออนุญาตท่านประธานนี่คือไปตรวจคนเข้าเมือง ผมไปเช็คว่าท่านเดินทางจริงไหมท่านเดินทางไปถึงอเมริกาวันที่ 16 และออกจากประเทศอเมริกาวันที่ 22 แสดงว่าจริง นี่คือหลักฐานเพื่อจะเกิดความมั่นใจว่าไม่ได้กล่าวหาเสีย ๆ หาย ๆ ไม่ถูกต้องกับข้อเท็จจริง วันที่ท่านเดินทางไปถึงนี่คือภาพอุปกรณ์บางส่วนของเครื่องซีทีเอ็กซ์ที่โรงงานที่อยู่ที่ประเทศอเมริกา วันนั้นท่านเดินทางวันที่ 16 ไปตรวจงานกันวันที่ 17 พฤศจิกา 2546 และมีภาพผมเข้าใจอย่างนี้ครับท่านประธานครับในรายงานของคระกรรมการที่รัฐบาลตั้งขึ้นมามีอยู่เครื่องหนึ่งรายงบานว่าเครื่องจี478 มีการเซนต์ตรวจรับงานจริงครับ ท่านก็มีภาพนี้เป็นสีขาวดำอยู่ในเอกสารถ้าใครไปขอดูที่ทำเนียบก็จะเป็นอย่างนั้น และมีรายงานว่ามีการตรวจเฉพาะเครื่องนี้ ที่ผมพูดเฉพาะเครื่องนี้คือนี่คือ 1 ใน 26 เครื่องอะไรจะเกิดขึ้นตรงนั้นอีกที นี่เป็นการยืนยันว่าท่านพล.อ.สมชัย สมประสงค์รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ท่านเดินทางไปตรวจจริง ท่านอยู่ในโรงงานของอินวิชั่นในการผลิต แลนี่คือภาพนี้ตัดออกไปหน่อยหนึ่งความจริงมีภาพที่ชัดมีคุณวรพจน์อยู่ด้วยเพราะไปดูงานด้วยกันเป็นคนพาไปตรวจงาน ทั้งหมดนี้ผมเรียท่านอย่างนี้ครับอะไรเกิดขึ้นก็ไปที่นั่น เมื่อเช้าท่านผู้นำฝ่ายค้านท่านหัวหน้าพรรคอภิสิทธิ์ท่านได้พูดไปแล้ว ท่านไปถึงที่นั่นซีอีโอของบริษัทอินวิชั่นกับเป็นอันดับผู้จัดการโรงงานได้เชิญท่านพล.อ.สมชัย สมประสงค์กับผู้บริหารของโครงการท่าอากาศยานดอนเมืองไปนั่งคุยเป็นการส่วนตัวท่านบอกไว้อย่างนี้ว่าผมไม่อ่านทั้งหมด ท่านบอกว่าขณะนี้เกิดปัญหาจีอีเข้ามาเทคโอเวอร์อินวิชั่นและจีอีได้ตรวจสอบระบบบัญชีและการเงินและได้พบว่ามีปัญหาเกิดขึ้น และบอกต่อไปว่าไม่สามารถส่งเครื่องทั้ง 26 เครื่องนี้ให้ได้ และยังบอกต่ออีกว่าได้แจ้งกับสถานฑูตอเมริกาที่ประเทศไทยแก้ปัญหาด้วยระหว่างนั้น และยังบอกต่อไปอีกว่าได้แจ้งรัฐบาลไทยแล้วให้สถานฑูตเป็นคนดำเนินการขณะนี้ยังแก้ปัญหาอยู่ในเดือนนั้นคือเดือน พฤศจิกายน 2546 ถ้าผมเป็นพล.อ.สมชัย สมประสงค์ ผมต้องเอะใจแล้วผมต้องโทรศัพท์กลับมาแล้ว ในรายงานนั้นยังบอกว่าท่านกลับมาและรายงานผู้บังคับบัญชาชั้นสูง ชั้นสูงวันนี้ได้ฟังจากท่านรัฐมนตรีเมื่อเช้าว่าท่านทราบไหมท่านทราบ ทราบเพราะว่าท่านผู้นำฝ่ายค้านถามว่าท่านทราบไหมว่าเครื่องนี้ส่งไม่ได้ท่านพยักหน้าว่าทราบ ถามว่าถ้าท่านนายกทราบไหมเดี๋ยวผมจะแสดงชาร์ดให้เห็นว่าทั้งหมดทราบ ผมเรียนกลับไปนิดว่านี่คือเครื่องที่วันนั้นท่านไปเซนต์กันไว้ตรวจอยู่ 1 เครื่องวันที่ 17 เดือน 11 04 และนี่คือสเปคตารางว่าเครื่องนี้เบอร์อะไรจี478 เป็นเอกสารฉบับเดียวทำเนียบออกมาเหมือนกัน หลังจากนั้นมาท่านประธานครับ ผมไปหาดูข้อมูลว่าแล้วท่านจ่ายเงินกันอย่างไร มันมีเรื่องแปลกครับท่านประธานท่านเดินทางไปวันที่ 16 ท่านไปอเมริกาวันที่ 17 ตรวจงาน แต่นี่คือหลักฐานการจ่ายเงิน ขออนุมัติค่าจ้างปรับเปลี่ยนออกแบบและติดตั้งระบบสายพานลำเรียงกระเป๋าและสัมภาระผู้โดยสารงวดที่ 13 วงเงินในการจ่ายทั้งหมดเป็นเงินบาท 80 ล้านบาท เงินเยน 1547 ล้านเยน รวมเป็นเงินบาทแล้วประมาณ 571 ล้านบาท อนุมัติดดยพล.อ.สมชัย สมประสงค์ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2547 วันที่ท่านเดินทางไปที่อเมริกาวันนั้น เดินทางไปก่อนหน้า เดินทางไปตรวจการวันที่ 17 พ.ย. 2547 ท่านเซ็นอนุมัติก่อนไปตรวจงาน ท่านจ่ายเงินก่อนไปตรวจงาน ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมาก ผมกราบเรียนว่าท่านกลับมา แล้วท่านก็ลาออก เพราะว่ามีการรวมบริษัท บทม.กับท่าอากาศยานเป็นบริษัทเดียวกัน ในวันที่ 6 ธันวาคม มีประกาศจากกระทรวงยุติธรรมว่าอินวิชั่นยอมตกลง ยอมความกับรัฐบาลสหรัฐฯตามเรื่องที่เกิดขึ้น รวมทั้งนายกฯได้มอบหมายให้ท่านพันธ์ศักดิ์ให้ไปตรวจสอบ ท่านได้ไปตรวจสอบ และท่านบอกว่าท่านรู้เรื่องตั้งแต่นายกฯมอบหมายเมื่อเดือน พ.ย.และได้มีการพบว่าสหรัฐอเมริกาได้ออกเอ็กสปอตไรเซน ออกภายหลังการสืบสวนของกระทรวงยุตธิรรมจึงแสดงการสงสัยว่าจะมีการติดสินบนเจ้าหน้าที่ของไทยหรือนักการเมืองนั้นไม่เพียงพอ มิเช่นนั้นสหรัฐฯคงไม่ออกใบอนุญาตนี้ให้
ท่านกล่าวเช่นนี้ต่อสื่อมวลชน คนหลงเข้าใจผิดหมดเลย ว่าท่านไปตรวจสอบ และออกไลเซนให้ แต่ไลเซนใบนี้นะครับ มีความหมายมากเลย มีคนกล่าวหสว่าต้องขายตรงเพราะเหตุอุปกรณ์ของความมั่นคงไม่ใช่ เรื่องนี้ดร.พันศักดิ์ ที่ปรึกษานายกฯ ก็พูดไม่ตรง เพราะออกไลเซน เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2547 เขาออกให้ใครครับ อินวิชั่น ให้แพทธิออทเป็นคนขน ขนมาที่ไหนครับ ขนมาที่บทม. เขาระบุไว้เสร็จเรียบร้อยหมดเลย เพราะฉะนั้นไม่ใช่อุปกรณ์ต้องห้ามที่ต้องขออนุญาตเพื่อความมั่นคง และต้องขายตรง เพราะฉะนั้นขายผ่านายหน้าก็ได้ทั้งสิ้น
ทั้งหมดทั้งปวงรู้อยู่ เมื่อเช้า ท่านรัฐมนตรีก็บอกว่ารู้ ท่านายกฯ ก็บอกว่ารู้แล้ว ผมได้สอบสวนแล้ว หน่วยงานก็รู้ อะไรเกิดขึ้นครับ 5 ม.ค. 2548 ยังจ่ายเงินที่ 241 ล้าน นี่คือการทำงานที่รัฐมนตรีเข้าไปตรวจงานทุกเสาร์อาทิตย์ ท่านขยันนะช่วงเลือกตั้ง ท่านเข้าไปที่นั้นประมาณอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ไปเร่งงานให้ออกงวดงานถึงเมื่อไหร่ งวดเงินก็ออกเมื่อนั้นทั้งๆที่รู้ว่า 26 เครื่องยังไม่ได้ ยังมีการจ่ายเงินกันอีก เป็นความบกพร่องและต้องดูว่าอะไร ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ยังนี้ขึ้นได้
เลือกตั้งวันที่ 6 ก.พ.48 งวดนี้ตามจริงไม่ต้องจ่ายเงิน แต่มีการจ่าย อีก235 ล้าน พอจ่ายเรียบร้อย และได้รับคำตอบว่าเครื่องยังส่งมอบไม่ได้ เขาบอกว่า 10 เครื่องแรกใน 26 เครื่องเขาพร้อมเสร็จแล้วให้ไปตรวจคือเดือนกันยายน ผมนั้งอ่านหนังสือเพื่ออยากรู้ข้อเท็จจริง ทราบว่าในชุดเดือนนี้บริษัท ทีซีเอส ซึ่งคือบริษัทที่ปรึกษา ที่ผมซึ่งทราบจากท่านรัฐมนตรี ว่ามีการจ้าง 137 ล้านแต่สัญญาในมือผม จ้างพียง 127 ล้าน เพิ่มขึ้นมา 10 ล้ายอย่างไรผมไม่ทราบ
แต่บริษัททีซีเอส มีหน้าที่ 127 ล้านในการตรวจสอบ งวดแรกคืองวดนี้ครับผมสนใจว่าเขาจ่ายเงินกันงวดนี้ บริษัทที่ปรึกษาทำหน้าที่กันอย่างไร ในฐานะเป็นตัวแทนของบทม. เขาแทงหนังสือแจ้งกับบทม.อย่างนี้ครับ ว่าเขาอ้างเหตุว่าในงวดนี้ ลงท้ายไม่ได้เขียนว่าต้องมีใบรับรอง หรือไปเซ็นตรวจรับงาน แต่เนื่องด้วยจากกว่านี้เป็นเรื่องสำคัญ และเป็นภาระกิจที่โทลทอลเทท ซึ่งอยู่ใกล้กับโรงงานที่ผลิตบริษัทที่จดอยู่ที่ต่างประเทศอยู่ใกล้กับโรงงานที่ผลิต ที่บริษัทอินวิชั้นตั้งโรงงานอยู่ตรงนั้น เขาทำเรื่องกันไว้อย่างนี้ครับ เขาบอกว่าเมื่อพิจารณาของความสำคัญ และคุรค่าของอุปกรณ์เครื่องมือเราแนะนำให้มีการตรวจสอบทางกายภาพของเรื่อง ดดยบริษัทพอลโทลเทท ซึ่งมีสถานที่ใกล้เคียงกับโรงงาน เขายืนยันว่าต้องตรวจก่อนแล้วบริษัทพอลโทลเทท
600 ล้านกว่าบาท จ้างเขามาเป็นตัวแทนที่จะตรวจสอบเครื่อง แต่จริงแล้วไปอยู่วันดียวคือวันที่ 17 พ.ย.2547 ที่เหลือ25 เครื่องท่านตรวจสอบไหม และถ้าไม่ตรวจสอบการเซ็นเครื่องนั้นเครื่องเดียว ถือว่าเป็นความบกพร่องอย่างมหาศาล สิ่งที่มันไม่ควรจะเกิดขึ้น แต่กลับเกิดขึ้นแล้วกับประเทศไทย พฤติกรรมเหล่านี้เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าจะอ้างด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ทำกันขนาดนี้ และที่ไปเกี่ยวข้องตรงนี้ คือบอกว่าตรวจสอบแล้วจะจ่ายงวดที่ 14 ชิบเม้นแรกพร้อมจะเดินทาง คือเตรียมส่งขึ้นเรือ ลงเรือและก็มีใบกำกับ ต้องเอาเครื่องมา ที่ต้องนำมาประกอบ เขาตีความว่าชิบเม้น คือการเตรียมพร้อมนำมาเป็นกองๆ ที่โรงงาน
ชิบเม้นที่ 2 เครื่องที่ 11-20 พร้อมที่จะส่ง ก็จ่ายเงินไปทั้งจ่ายเงินไป 3 ครั้งที่จ่ายเงินทั้งหมดเรียบร้อย 1099ล้านบาท เฉพาะเครื่องซีทีเอ็ก ทั้งๆที่รู้แต่ไม่มีการสั้งระงับ ทั้งนายกฯ ทั้งรัฐมนตรีสุริยะ กลับเอาเงินภาษีประชาชนไปใช้อย่างนี้ ท่านบอกว่าไม่เป็นไรมธนาคารการันตี 1500 กว่าล้านเศษ จ่ายให้แพทธิออท 643 ล้านทั้ง2 รายรับเงินจากบทม.รับไปแล้วกั๊กไว้เลย และที่เสียใจคือเครื่องยังไม่มาแต่มีการจ่ายเงินออกไป
ความเสียหาย ความบกพร่องเกิดขึ้นขนาดนี้ ผมไม่ทราบว่าท่านรัฐมนตรีคมนาคมที่ดูแลทั้งหมด ท่านอ้างจีอี ผมก็มีเอกสารระว่าวันที่ 28 เดือนธันวาคม 2547 ทำหนังสือมาต่อว่านายวรพจน์ ว่าตาม 7-8ให้มาคุยไม่มาคุย ทำความเสียหายก็มาก จะเอาไปสอบสวนก็ไม่ได้ และจะยกเลิกการเป็นตัวแทนด้วยเลย ที่รัฐมนตรีบอกว่าได้ไปเจรจากับสถานฑูตก่อนหน้าที่หนังสือไม่จริง จดหมายท่านลงวันที่ 31 มีนาคม 2548 ไปเจราจาหลังจากที่มีเรื่องอื้อฉาวเป็นเดือนจนกระทั้งยับยั้งไม่อยู่ ไปดึงสถานฑูตออกมาช่วยหน่อย มาการันตรี สถานฑูตเลยเปอะไปเลยตอนนี้ไม่มีใครเชื่อเลย นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น
มีการตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในวันนั้นท่านพล.อ.สมชัย สมประสงค์ ท่านมีเรื่องถูกกล่าวหาว่าทุจริตในบทม. ได้รับการเสนอชื่อจากนายกฯให้มาเป็นกรรกมารผู้ทรงคุณวุฒิปปง. จนกระทั้งมีการประชุมลับ และมีการแต่งตั้งท่าน ณ วันนี้ท่านยังเป็นคณะกรรมการปปง.เป็นตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.2547 ลงนามโดยพ.ต.ทงทักษิณ ชินวัตร นายกฯ ถามท่านนี้ทั้งแต่เซ็นสัญญา ตั้งแต่ไปตรวจงาน ท่านนี้มีหน้าที่ที่ต้องไปเซ็นเช็คอนุมัติจ่ายเงิน และวันนี้ท่านประธานครับพึ่งจดทะเบียนกันมาเมื่อ 2 วันนี้เอง จดทะเบียนบริษัทบทม.เปลี่ยนแปลงบริคนสนธิ และอำนาจผู้จัดการ พล.อ.สมชัย สมประสงค์ กลับมาอีก กลับมาเที่ยวนี้ไม่ธรรมดานะครับ เป็นกรรมการผู้ที่อำนาจในการลงนาม ระหว่างนายศรีสุข จันทรางศุ และพล.อ.สมชัย สมประสงค์ คนใดคนหนึ่งลงนามกับกรรมการจดทะเบียนเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.48 ทั้งหลายทั้งปวงทำไมท่านมาบทบาทมากขนาดนี้ครับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความเสียหายอย่างร้ายแรง ทั้งหมดทั้งปวงคือความจริง กระผมไว้วางใจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมไม่ได้ ขอบคุณครับ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 มิ.ย. 2548--จบ--