เศรษฐกิจภาคใต้เดือนกรกฎาคม 2548 ส่งสัญญาณซบเซาต่อเนื่องจากเดือนที่ผ่านมาทางด้านอุปทาน ผลผลิตพืชผลหลักได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศแปรปรวนและภัยแล้ง การผลิตในภาคอุตสาหกรรมหดตัวตามวัตถุดิบ แม้ว่าอุปสงค์ในตลาดต่างประเทศยังมีต่อเนื่องก็ตาม ขณะเดียวกันการท่องเที่ยวลดลงจากเหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยทางฝั่งอันดามันและความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ส่วนทางด้านอุปสงค์ การบริโภคภาคเอกชนชะลอตัวตามรายได้ การจ้างงาน และ ความกังวลด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณผ่านการเพิ่มสูงขึ้นของดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปที่เพิ่มขึ้นมากในเดือนนี้ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวได้ส่งผลกระทบให้การลงทุนลดลง นอกจากนี้การส่งออกลดลงเช่นกัน
ภาคเกษตร
ในเดือนกรกฎาคมนี้ ราคาพืชผลหลักยังปรับตัวสูงขึ้นมาก โดยดัชนีราคาพืชผลหลักเพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 34.5 ตามราคายางพาราและปาล์มน้ำมัน โดยเฉพาะยางแผ่นดิบ ชั้น 3 เฉลี่ยกิโลกรัมละ 64.85 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.8 เนื่องจากผลผลิตมีน้อย ราคาน้ำมันสูงขึ้น ธุรกรรมในตลาดล่วงหน้าต่างประเทศคึกคักมาก และความต้องการใช้ยางยังอยู่ในระดับสูง
ทางด้านประมงทะเลหดตัว เนื่องจากต้นทุนการทำประมงทั้งในส่วนของน้ำมันและอุปกรณ์ประมงสูงขึ้น เรือประมงเข้าเทียบท่าน้อยลง ปริมาณและมูลค่าสัตว์น้ำนำขึ้นที่ท่าเทียบเรือของ องค์การสะพานปลาในภาคใต้เดือนนี้มีจำนวน 34,049.0 เมตริกตัน มูลค่า 1,049.6 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 21.4 และ 8.7 ตามลำดับ
สำหรับการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล ปริมาณกุ้งกุลาดำออกสู่ตลาดมากขึ้นในหลายพื้นที่แต่ปริมาณกุ้งขาวลดลง ส่วนราคาจำหน่ายยังคงลดลงต่อเนื่อง เนื่องจากปัญหาการส่งออกกุ้งไปยังสหรัฐอเมริกา การเลื่อนประกาศ GSP ของ EU และผู้ส่งออกยังมีสต็อกจำนวนมาก
ภาคอุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมโดยรวมของภาคใต้หดตัว แม้ว่าความต้องการของตลาดต่างประเทศยังมีต่อเนื่องก็ตาม เนื่องจากขาดแคลนวัตถุดิบ ผลกระทบจากสภาพอากาศ ต้นทุนวัตถุดิบจึงสูงขึ้น (ทั้งผลากปริมาณและการแข่งขันกันซื้อ) โดยเครื่องชี้ที่สำคัญ คือ ปริมาณสินค้าส่งออกลดลงเกือบทุกประเภทเว้นแต่ถุงมือยางเท่านั้นที่ขยายตัวเพิ่ม โดยยาง ไม้ยางพารา สัตว์น้ำแช่แข็ง อาหารกระป๋อง ปริมาณการส่งออกลดลงร้อยละ 4.1 3.2 10.7 และ 26.9 ตามลำดับ
ภาคบริการท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวของภาคใต้ ยังซบเซาต่อเนื่อง นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เดินทางผ่านสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีจำนวน 165,456 คน ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 26.3 ตามการลดลงของนักท่องเที่ยวทางฝั่งตะวันตก โดยจังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวลดลงถึงร้อยละ 53.9
ส่วนภาคใต้ตอนล่างลดลง จากการลดลงของนักท่องเที่ยวใน อ. สุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ซึ่งลดลงร้อยละ 24.5 อย่างไรก็ดีนักท่องเที่ยวในจังหวัดสงขลาและยะลา (อ.เบตง) เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 และ 5.9 แต่เป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อน สำหรับเกาะสมุยในปีนี้มีแนวโน้มดีกว่าแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ในภาคใต้
การอุปโภคบริโภค
การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนของภาคใต้ชะลอตัว แม้จะได้รับแรงหนุนจากปัจจัยด้านราคายางพาราที่สูงขึ้นมากในเดือนนี้ก็ตาม เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงทางด้านราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อ โดย เครื่องชี้ด้านยานพาหนะยังซบเซา แม้ว่าผู้ประกอบการยังคงรุกตลาดอย่างเต็มที่ก็ตาม โดยรถจักรยานยนต์ลดลงร้อยละ 23.9ส่วนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.8 ชะลอจากเดือนก่อน ทางด้านการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพียงร้อยละ 0.3 เท่านั้น
การลงทุนภาคเอกชน
การลงทุน ภาคเอกชนซบเซา เนื่องจากยังไร้ปัจจัยกระตุ้นการลงทุน โครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนลดลงทั้งจำนวนราย เงินลงทุน และการจ้างงาน เช่นเดียวกับการจดทะเบียนธุรกิจนิติบุคคลใหม่ที่ส่วนใหญ่ยังคงเป็นการจดทะเบียนในจังหวัดภาคใต้ตอนบนขณะที่การก่อสร้างลดลงมากทั้งการก่อสร้างที่อยู่อาศัย การพาณิชย์ และการบริการ โดยพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างในเขตเทศบาลลดลงมากถึงร้อยละ 24.7
การจ้างงาน
การจ้างงานในภาคใต้ลดลง โดยตำแหน่งงานว่างที่ผู้ประกอบการแจ้งผ่านสำนักงานจัดหางานจังหวัดลดลงร้อยละ 55.1 ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดภาคใต้ตอนบน คิดเป็นร้อยละ 73.1 ของตำแหน่งงานว่างที่แจ้งผ่านทุกจังหวัดในภาคใต้ และการบรรจุงานลดลงร้อยละ 19.2 ขณะที่มีผู้สมัครงานเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัว ทำให้การบรรจุงานมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 12.4 ของผู้สมัครงานเท่านั้น
ระดับราคา
อัตราเงินเฟ้อของภาคใต้ที่วัดจากดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป เดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 5.4 สูงขึ้นจากอัตราร้อยละ 4.5 ในเดือนก่อน โดยสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9
เนื่องจากสินค้าในหมวดย่อย เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ และสัตว์น้ำ เพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 10.0 และหมวดย่อย ผักและผลไม้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.9 เป็นสำคัญ ส่วนหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 ได้รับอิทธิพลจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ซึ่งสินค้าในหมวดย่อย ยานพาหนะและน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นอย่างน่าสังเกต โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.2
การค้าต่างประเทศ
การค้าระหว่างประเทศมูลค่าลดลงทั้งการส่งออกและนำเข้า โดยเดือนนี้มีมูลค่าส่งออก 590.7 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.0 ตามมูลค่าส่งออกยางพารา อาหารกระป๋องและถุงมือยางเป็นสำคัญ ขณะเดียวกันมีมูลค่านำเข้า 208.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงร้อยละ 29.6 เป็นการลดลงของการนำเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์และสัตว์น้ำ ส่งผลให้เดือนนี้
ดุลการค้าเกินดุล 382.3 ล้านดอลลาร์สรอ. และหากพิจารณาเฉพาะการค้าผ่านด่านชายแดน ไทย-มาเลเซียเกินดุล 217.2 ล้านดอลลาร์สรอ.
การคลัง
เดือนกรกฎาคมนี้จัดเก็บภาษีได้ 1,648.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 5.5 เป็นภาษีสรรพากร 1,410.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 และภาษีสรรพสามิต 143.8 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.6 ขณะที่ภาษีศุลกากรจัดเก็บได้ 94.1 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 20.0 ส่วนการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการมีจำนวน 8,287.8 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10.6
ภาคการเงิน
คณะกรรมการนโยบายการเงิน มีมติในวันที่ 20 กรกฎาคม 2548 ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย ตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วัน จากร้อยละ 2.50 ต่อปี เป็นร้อยละ 2.75 ต่อปี และธนาคารพาณิชย์หลายแห่งเริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะตลาดตามสัญญาณที่ธนาคารแห่งประเทศไทยส่งผ่านอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2548 สาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคใต้ มีเงินฝากคงค้างประมาณ 325,000.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 7.2 และคาดว่าในเดือนหน้าเงินฝาก จะลดลงจากการที่ประชาชนถอนเงินฝากไปซื้อพันธบัตร ส่วนสินเชื่อคงค้างมีประมาณ 219,500.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 13.2
การใช้เช็คของภาคธุรกิจที่ผ่านสำนักหักบัญชีในภาคใต้ ในเดือนกรกฎาคมนี้มีปริมาณ 341,895 ฉบับ มูลค่า 45,534.6 ล้านบาท เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนปริมาณการใช้เช็คลดลงจากร้อยละ 7.9 แต่มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0 โดยมีสัดส่วนของมูลค่าเช็คคืนต่อเช็คเรียกเก็บร้อยละ 0.8 เท่ากับเดือนก่อน แต่ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 1.0
--ส่วนวิชาการ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้--
ส่วนทางด้านอุปสงค์ การบริโภคภาคเอกชนชะลอตัวตามรายได้ การจ้างงาน และ ความกังวลด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณผ่านการเพิ่มสูงขึ้นของดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปที่เพิ่มขึ้นมากในเดือนนี้ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวได้ส่งผลกระทบให้การลงทุนลดลง นอกจากนี้การส่งออกลดลงเช่นกัน
ภาคเกษตร
ในเดือนกรกฎาคมนี้ ราคาพืชผลหลักยังปรับตัวสูงขึ้นมาก โดยดัชนีราคาพืชผลหลักเพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 34.5 ตามราคายางพาราและปาล์มน้ำมัน โดยเฉพาะยางแผ่นดิบ ชั้น 3 เฉลี่ยกิโลกรัมละ 64.85 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.8 เนื่องจากผลผลิตมีน้อย ราคาน้ำมันสูงขึ้น ธุรกรรมในตลาดล่วงหน้าต่างประเทศคึกคักมาก และความต้องการใช้ยางยังอยู่ในระดับสูง
ทางด้านประมงทะเลหดตัว เนื่องจากต้นทุนการทำประมงทั้งในส่วนของน้ำมันและอุปกรณ์ประมงสูงขึ้น เรือประมงเข้าเทียบท่าน้อยลง ปริมาณและมูลค่าสัตว์น้ำนำขึ้นที่ท่าเทียบเรือของ องค์การสะพานปลาในภาคใต้เดือนนี้มีจำนวน 34,049.0 เมตริกตัน มูลค่า 1,049.6 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 21.4 และ 8.7 ตามลำดับ
สำหรับการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล ปริมาณกุ้งกุลาดำออกสู่ตลาดมากขึ้นในหลายพื้นที่แต่ปริมาณกุ้งขาวลดลง ส่วนราคาจำหน่ายยังคงลดลงต่อเนื่อง เนื่องจากปัญหาการส่งออกกุ้งไปยังสหรัฐอเมริกา การเลื่อนประกาศ GSP ของ EU และผู้ส่งออกยังมีสต็อกจำนวนมาก
ภาคอุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมโดยรวมของภาคใต้หดตัว แม้ว่าความต้องการของตลาดต่างประเทศยังมีต่อเนื่องก็ตาม เนื่องจากขาดแคลนวัตถุดิบ ผลกระทบจากสภาพอากาศ ต้นทุนวัตถุดิบจึงสูงขึ้น (ทั้งผลากปริมาณและการแข่งขันกันซื้อ) โดยเครื่องชี้ที่สำคัญ คือ ปริมาณสินค้าส่งออกลดลงเกือบทุกประเภทเว้นแต่ถุงมือยางเท่านั้นที่ขยายตัวเพิ่ม โดยยาง ไม้ยางพารา สัตว์น้ำแช่แข็ง อาหารกระป๋อง ปริมาณการส่งออกลดลงร้อยละ 4.1 3.2 10.7 และ 26.9 ตามลำดับ
ภาคบริการท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวของภาคใต้ ยังซบเซาต่อเนื่อง นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เดินทางผ่านสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีจำนวน 165,456 คน ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 26.3 ตามการลดลงของนักท่องเที่ยวทางฝั่งตะวันตก โดยจังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวลดลงถึงร้อยละ 53.9
ส่วนภาคใต้ตอนล่างลดลง จากการลดลงของนักท่องเที่ยวใน อ. สุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ซึ่งลดลงร้อยละ 24.5 อย่างไรก็ดีนักท่องเที่ยวในจังหวัดสงขลาและยะลา (อ.เบตง) เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 และ 5.9 แต่เป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อน สำหรับเกาะสมุยในปีนี้มีแนวโน้มดีกว่าแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ในภาคใต้
การอุปโภคบริโภค
การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนของภาคใต้ชะลอตัว แม้จะได้รับแรงหนุนจากปัจจัยด้านราคายางพาราที่สูงขึ้นมากในเดือนนี้ก็ตาม เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงทางด้านราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อ โดย เครื่องชี้ด้านยานพาหนะยังซบเซา แม้ว่าผู้ประกอบการยังคงรุกตลาดอย่างเต็มที่ก็ตาม โดยรถจักรยานยนต์ลดลงร้อยละ 23.9ส่วนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.8 ชะลอจากเดือนก่อน ทางด้านการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพียงร้อยละ 0.3 เท่านั้น
การลงทุนภาคเอกชน
การลงทุน ภาคเอกชนซบเซา เนื่องจากยังไร้ปัจจัยกระตุ้นการลงทุน โครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนลดลงทั้งจำนวนราย เงินลงทุน และการจ้างงาน เช่นเดียวกับการจดทะเบียนธุรกิจนิติบุคคลใหม่ที่ส่วนใหญ่ยังคงเป็นการจดทะเบียนในจังหวัดภาคใต้ตอนบนขณะที่การก่อสร้างลดลงมากทั้งการก่อสร้างที่อยู่อาศัย การพาณิชย์ และการบริการ โดยพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างในเขตเทศบาลลดลงมากถึงร้อยละ 24.7
การจ้างงาน
การจ้างงานในภาคใต้ลดลง โดยตำแหน่งงานว่างที่ผู้ประกอบการแจ้งผ่านสำนักงานจัดหางานจังหวัดลดลงร้อยละ 55.1 ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดภาคใต้ตอนบน คิดเป็นร้อยละ 73.1 ของตำแหน่งงานว่างที่แจ้งผ่านทุกจังหวัดในภาคใต้ และการบรรจุงานลดลงร้อยละ 19.2 ขณะที่มีผู้สมัครงานเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัว ทำให้การบรรจุงานมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 12.4 ของผู้สมัครงานเท่านั้น
ระดับราคา
อัตราเงินเฟ้อของภาคใต้ที่วัดจากดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป เดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 5.4 สูงขึ้นจากอัตราร้อยละ 4.5 ในเดือนก่อน โดยสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9
เนื่องจากสินค้าในหมวดย่อย เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ และสัตว์น้ำ เพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 10.0 และหมวดย่อย ผักและผลไม้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.9 เป็นสำคัญ ส่วนหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 ได้รับอิทธิพลจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ซึ่งสินค้าในหมวดย่อย ยานพาหนะและน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นอย่างน่าสังเกต โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.2
การค้าต่างประเทศ
การค้าระหว่างประเทศมูลค่าลดลงทั้งการส่งออกและนำเข้า โดยเดือนนี้มีมูลค่าส่งออก 590.7 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.0 ตามมูลค่าส่งออกยางพารา อาหารกระป๋องและถุงมือยางเป็นสำคัญ ขณะเดียวกันมีมูลค่านำเข้า 208.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงร้อยละ 29.6 เป็นการลดลงของการนำเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์และสัตว์น้ำ ส่งผลให้เดือนนี้
ดุลการค้าเกินดุล 382.3 ล้านดอลลาร์สรอ. และหากพิจารณาเฉพาะการค้าผ่านด่านชายแดน ไทย-มาเลเซียเกินดุล 217.2 ล้านดอลลาร์สรอ.
การคลัง
เดือนกรกฎาคมนี้จัดเก็บภาษีได้ 1,648.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 5.5 เป็นภาษีสรรพากร 1,410.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 และภาษีสรรพสามิต 143.8 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.6 ขณะที่ภาษีศุลกากรจัดเก็บได้ 94.1 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 20.0 ส่วนการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการมีจำนวน 8,287.8 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10.6
ภาคการเงิน
คณะกรรมการนโยบายการเงิน มีมติในวันที่ 20 กรกฎาคม 2548 ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย ตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วัน จากร้อยละ 2.50 ต่อปี เป็นร้อยละ 2.75 ต่อปี และธนาคารพาณิชย์หลายแห่งเริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะตลาดตามสัญญาณที่ธนาคารแห่งประเทศไทยส่งผ่านอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2548 สาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคใต้ มีเงินฝากคงค้างประมาณ 325,000.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 7.2 และคาดว่าในเดือนหน้าเงินฝาก จะลดลงจากการที่ประชาชนถอนเงินฝากไปซื้อพันธบัตร ส่วนสินเชื่อคงค้างมีประมาณ 219,500.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 13.2
การใช้เช็คของภาคธุรกิจที่ผ่านสำนักหักบัญชีในภาคใต้ ในเดือนกรกฎาคมนี้มีปริมาณ 341,895 ฉบับ มูลค่า 45,534.6 ล้านบาท เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนปริมาณการใช้เช็คลดลงจากร้อยละ 7.9 แต่มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0 โดยมีสัดส่วนของมูลค่าเช็คคืนต่อเช็คเรียกเก็บร้อยละ 0.8 เท่ากับเดือนก่อน แต่ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 1.0
--ส่วนวิชาการ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้--