ออร์เดอร์กุ้งไทยในตลาดสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้น

          ภายหลังจากที่สหรัฐฯ ประสบภัยพายุเฮอร์ริเคนแคทริน่าและริต้า พัดถล่มมลรัฐทางภาคใต้ ได้แก่ หลุยเซียนา มิสซิสซิปปี้ เท็กซัส ฟลอริดา ซึ่งล้วนเป็นรัฐที่ประกอบอุตสาหกรรมประมง และเป็นแหล่งผลิตกุ้งที่สำคัญ ส่งผลให้สหรัฐฯ ต้องนำเข้ากุ้งจากต่างประเทศซึ่งรวมถึงไทยมากขึ้น ซึ่งปกติในช่วงปลายปีสหรัฐฯ มีการนำเข้ากุ้งจากต่างประเทศในสัดส่วนกว่า 90% ของความต้องการบริโภค (ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่)
          เลขาธิการสมาคมอาหารแช่เยือกแข็ง นางอำไพ หาญไกรวิไลย์ ให้ความเห็นว่า แม้เหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้ไทยสามารถส่งออกกุ้งไปสหรัฐฯ ในปริมาณที่เพิ่มขึ้น ทว่าสิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือผลผลิตกุ้งไทยในปีนี้มีออกมาไม่มาก เนื่องจากผู้ส่งออกลดปริมาณการผลิตเนื่องจากสหรัฐฯ กดดันในเรื่องการวางเงินค้ำประกันการส่งออกกุ้ง (C - Bond) ในช่วงกลางปี ประกอบกับในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาไทยมีปัญหาโรคกุ้งทำให้การเลี้ยงไม่ค่อยได้ผล นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการเลี้ยงกุ้งทางใต้ของสหรัฐฯ ต่อต้านอย่างหนักกรณีที่สหรัฐฯ กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาทบทวนการยกเลิกเอดีให้แก่ประเทศไทยและอินเดีย
จากผลกระทบคลื่นสึนามิ 
ประเด็นวิเคราะห์
          แม้คำสั่งซื้อกุ้งจากไทยไปสหรัฐฯ ในช่วงปลายปีนี้มีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม  ผู้ส่งออกกุ้งไทยก็ยังคงประสบปัญหาถูกเรียกเก็บภาษีเอดีในอัตรา 5.9% พร้อมกับต้องวางเงินค้ำประกัน การส่งออกกุ้ง (C - Bond) ส่งผลการส่งออกไม่ราบรื่นเท่าที่ควร นอกจากนี้หากสหรัฐฯ พิจารณไม่ยกเลิกมาตรการเอดีให้กับประเทศไทยตามความต้องการของผู้ประกอบการเลี้ยงกุ้งในสหรัฐฯ นั้น คาดว่าไทยจะต้องประสบปัญหาการส่งออกกุ้งไปสหรัฐฯ ในระยะยาว ดังนั้นภาครัฐบาลและเอกชนจะต้องร่วมมือกัน ในการมองหาตลาดอื่นๆ เพื่อมารองรับ ในขณะเดียวกันก็จะต้องวางกลยุทธ์ในการประชาสัมพันธ์สินค้ากุ้งไทยสู่ตลาดโลกเพิ่มมากขึ้น
          ที่มา: http://www.depthai.go.th