1.อุตสาหกรรมอาหาร
“ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมอาหารส่งออกลดลงเล็กน้อยจากการแข็งค่าของเงินบาท แต่อุปสงค์ในประเทศขยายตัวเพิ่มขึ้น สำหรับแนวโน้มการส่งออกอาหารยังอาจได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ”
1. การผลิต
ภาวะการผลิตโดยรวมส่วนใหญ่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน
ร้อยละ 8.6 และเมื่อเทียบกับปีก่อนลดลงร้อยละ 2.9 โดยสินค้าอาหารที่ผลิตเพื่อส่งออกลดลง เช่น ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง ร้อยละ 28.7 สับปะรดกระป๋องร้อยละ 10.2 ผลิตภัณฑ์ มันสำปะหลัง ร้อยละ 3.6 ในขณะที่สินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล เช่น กุ้งแช่เย็นแช่แข็ง ร้อยละ 21.6 และปลาทูน่ากระป๋อง ร้อยละ 13.1 สำหรับสินค้าที่ผลิตเพื่อใช้ภายในประเทศ เช่น อาหารสัตว์ผลิตลดลงร้อยละ 3.2 แต่สินค้าน้ำมันพืชกลับขยายตัว ร้อยละ 30
2. การตลาด
1) ตลาดในประเทศ สินค้าอาหารและเกษตร มีการจำหน่ายเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 8.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลตามฤดูกาล จากเทศกาลปีใหม่ที่มีการบริโภคเพิ่มขึ้น
2) ตลาดต่างประเทศ
ภาวะการส่งออกโดยรวม มีมูลค่าลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 1.1 เป็นผลจากการแข็งค่าของเงินบาท สินค้าที่ส่งออกลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน คือ ปลาทูน่ากระป๋อง ร้อยละ 17.5 และกุ้งแช่เย็นแช่แข็ง ร้อยละ 14.5 ในขณะที่ข้าว เครื่องปรุงรสและสมุนไพร และสับปะรดกระป๋อง เพิ่มขึ้นทั้งด้านราคาและปริมาณในแต่ละตลาด เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลต่างๆ
3. แนวโน้ม
คาดว่าการผลิตและการส่งออกโดยรวมจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนเนื่องจากเป็นช่วงที่ต่างประเทศยังมีคำสั่งซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่องทั้งอาหารประเภทกระป๋อง แปรรูป และอาหารกึ่งสำเร็จรูป อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยลบจากค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ อาจส่งผลต่อการส่งออกต่อไปได้
2. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
“ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรม สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม การส่งออกขยายตัวตามฤดูกาล สำหรับแนวโน้มปี 2548 การส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มจะดีขึ้น จากการเปิดเสรีสิ่งทอ”
1. การผลิตและการจำหน่าย
การผลิตเส้นใยสิ่งทอฯ เดือนธันวาคม 2547 ลดลงร้อยละ 2.5 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ลดลงร้อยละ 4.3 เนื่องจากมีการผลิตสำรองไว้ตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมาขณะที่เสื้อผ้าสำเร็จรูปมีการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 เป็นการขยายตัวตามความต้องการของผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ปริมาณการจำหน่ายเส้นใยสิ่งทอฯ เดือนธันวาคม 2547 ลดลงร้อยละ 6.8 ขณะที่เสื้อผ้าสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ปริมาณการจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7
2. การส่งออกและตลาดส่งออก
มูลค่าการส่งออกสิ่งทอเดือน ธ.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.6 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.2 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกา(+24.4%) ญี่ปุ่น (+23.8%) สหภาพยุโรป (+16.1%) และอาเซียน (+18.0%)
มูลค่าการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูป เดือนธ.ค.47 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 22.1 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.5 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่งออกเพิ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกา (+18.9%) ญี่ปุ่น(+36.4%) สหราชอาณาจักร (+29.6%) ฝรั่งเศส (+49.5%) แต่ลดลงในตลาดเบลเยี่ยม (-29.4%) และอิตาลี(-15.9%)
3. การนำเข้า
มูลค่าการนำเข้าเส้นใยฯ ปี 2547 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.9 เส้น ด้ายทอผ้าฯ นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.7 และผ้าผืน นำเข้าเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 10.1 ตลาดนำเข้าหลักคือจากไต้หวัน(+7.3%) สหรัฐอเมริกา(+8.1%) ญี่ปุ่น (+12.6%) ขณะที่มูลค่าการนำเข้าจากจีน ลดลง (-2.8%) สำหรับเสื้อผ้าสำเร็จรูปมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.1 ส่วนใหญ่นำเข้าจากจีนและฮ่องกง
4. แนวโน้ม
คาดว่าการผลิตและการจำหน่ายเส้นใยสิ่งทอฯ และ เสื้อผ้าสำเร็จรูปในเดือนมกราคม 2548 ยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการเปิดเสรีสิ่งทอโดยเฉพาะการส่งสิ่งทอเข้าสหรัฐฯที่จะเป็นระบบฟรีโควตาทั้งหมด และออสเตรเลียจะลดภาษีสิ่งทอลงครึ่งหนึ่งตามกรอบ FTA
3. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า
“ภาวะอุตสาหกรรมเหล็ก จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของเหล็กเส้นก่อสร้าง คาดการณ์ว่าจะไม่เกิดปัญหาการขาดแคลน เนื่องจากยังคงมีส่วนเกินของกำลังการผลิตอยู่”
1.การผลิต
ภาวะการผลิตเหล็กในช่วงเดือน ธ.ค. 47 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 1.73 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ดัชนีผลผลิตมีค่า 151.78 โดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน ร้อยละ 12.85 เนื่องจากผู้ผลิตรายหนึ่งหยุดการผลิตในช่วงปลายเดือน ธ.ค. เพื่อซ่อมบำรุงและติดตั้งเครื่องจักรใหม่ จึงได้เร่งทำการผลิตเพื่อเก็บเป็นสต๊อก รองลงมาคือ เหล็กโครงสร้างรูปพรรณชนิดรีดเย็น เพิ่มขึ้น ร้อยละ 10.37 ขณะเดียวกันเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ภาวะการผลิตขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย คือ ร้อยละ 2.43
2. การนำเข้า-ส่งออก
ปริมาณและมูลค่าการนำเข้าเหล็กที่สำคัญ มีค่าประมาณ 1,021,026 เมตริกตันและ 23,242 ล้านบาท ตามลำดับ โดยปริมาณและมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.65 และ 74.93 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่นำเข้ามาจากประเทศรัสเซีย ยูเครน
ปริมาณและมูลค่าการส่งออกเหล็กที่สำคัญ มีค่าประมาณ 163,138 เมตริกตันและ 4,632 ล้านบาท ตามลำดับ โดยปริมาณและมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น ร้อยละ 11.63 และ 48.88 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยตลาดส่งออกหลักคือประเทศสหรัฐอเมริกา มาเลเซีย
ราคาเหล็ก
สำหรับการเปลี่ยนแปลงของราคาเหล็ก (FOB) โดยเฉลี่ยที่สำคัญในตลาด CIS ในเดือน ม.ค. 2548 เทียบกับช่วงเดือนก่อน ผลิตภัณฑ์สำคัญที่มีราคาลดลง ได้แก่ เหล็กแท่งแบน เศษเหล็ก เนื่องจากปริมาณสินค้าคงคลังที่ยังคงมีอยู่และค่าขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้น สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีราคาเพิ่มขึ้น ได้แก่ เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นรีดร้อน และเหล็กแท่งเล็ก
3. แนวโน้ม
ภาวการณ์ผลิตในเดือน ม.ค. 2548 คาดว่าจะขยายตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยเฉพาะเหล็กทรงยาว ได้แก่ เหล็กเส้น ซึ่งมีความต้องการใช้ในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากการก่อสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ รวมถึงการฟื้นฟูพื้นที่ชายฝั่งทะเล 6 จังหวัดภาคใต้อันเนื่องจากเหตุภัยธรณีพิบัติ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น แต่ก็คาดว่าจะไม่เกิดปัญหาการขาดแคลนเหล็กเส้นก่อสร้าง ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันยังคงมีส่วนเกินของกำลังการผลิตเหล็กเส้นอยู่
4. อุตสาหกรรมยานยนต์
รถยนต์ (ม.ค. 48)
อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนมกราคม 2548 ชะลอตัวลงจากเดือนธันวาคมของปีที่ผ่านมา เนื่องจากในเดือนธันวาคมของทุกปี เป็นช่วงฤดูการจำหน่าย ผู้ผลิต รถยนต์แต่ละรายได้เร่งการจำหน่ายเพื่อปิดยอดขายของปี 2547 อย่างไรก็ตาม ในเดือนมกราคมนี้ รถยนต์รุ่นยอดนิยมก็ยังมีการทยอยการส่งมอบให้แก่ลูกค้าที่สั่งจองไว้อย่างต่อเนื่อง โดยประมาณการในเดือนมกราคม ดังนี้
- การผลิตรถยนต์ จำนวน 78,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2547 ร้อยละ 21.67 แต่ลดลงจากเดือนธันวาคม 2547 ซึ่งมีการผลิต 87,504 คัน ร้อยละ 10.86
- การจำหน่ายรถยนต์ จำนวน 52,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2547 ร้อยละ 17.85 แต่ลดลงจากเดือนธันวาคม 2547 ซึ่งมีการจำหน่าย 73,251 คัน ร้อยละ 29.01
- การส่งออกรถยนต์ มีจำนวน 26,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2547 ร้อยละ 23.68 แต่ลดลงจากเดือนธันวาคม 2547 ซึ่งมีการส่งออก 34,383 คัน ร้อยละ 24.38
- แนวโน้มภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2548 จะขยายตัวเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2548 เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์บางรายมีแผนที่จะเพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดต่างประเทศ
รถจักรยานยนต์ (ม.ค. 48)
อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ขยายตัวเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ เนื่องจากมีการผลิตเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความต้องการรถจักรยานยนต์ที่จะมีมากขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน และเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในอาเซียนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากประเทศเวียดนาม ซึ่งในช่วงนี้ได้มีการวางตลาดรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ โดยประมาณการในเดือนมกราคม ดังนี้
- การผลิตรถจักรยานยนต์ จำนวน 282,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2547 ร้อยละ 29.86 และเพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2547 ซึ่งมีการผลิต 254,396 คัน ร้อยละ 10.85
- การจำหน่าย จำนวน 183,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2547 ร้อยละ 14.81 แต่ลดลงจากเดือนธันวาคม 2547 ซึ่งมีการจำหน่าย 188,496 คัน ร้อยละ 2.92
- การส่งออกรถจักรยานยนต์ มีจำนวน 99,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2547 ร้อยละ 76.66 และเพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2547 ซึ่งมีการส่งออก 67,682 คัน ร้อยละ 46.27
- แนวโน้มภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2548 จะขยายตัวเล็กน้อยจากเดือนมกราคม 2548 เนื่องจากความต้องการของตลาดในประเทศ และต่างประเทศ ยังคงมีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง
5. อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
1. การผลิตและการจำหน่ายในประเทศ
การผลิตปูนซีเมนต์ในเดือนธันวาคม 2547
เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.67 และ 5.22 ตามลำดับ เนื่องจากภาวะธุรกิจก่อสร้างและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักทั้งการขยายการลงทุนในภาค เอกชน และการลงทุนในโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของ ภาครัฐ ทำให้ปริมาณการผลิตและจำหน่ายปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
2. การส่งออก
มูลค่าการส่งออกปูนซีเมนต์ เดือนธันวาคม เมื่อเทียบกับเดือนก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.51 เนื่องจากความต้องการใช้ ปูนซีเมนต์ในประเทศคู่ค้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้าน แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนลดลงร้อยละ 8.24 เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการจึงหันมาเน้นการขยายตลาดในประเทศมาก ตลาดส่งออกปูนซีเมนต์ที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เวียดนาม กัมพูชา และบังคลาเทศ
3. แนวโน้ม
เดือนมกราคม และเดือนกุมภาพันธ์ คาดว่า
ปริมาณการผลิตและการจำหน่ายจะเพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาดที่จะเพิ่มสูงขึ้นตามการขยายตัวของธุรกิจการก่อสร้าง สำหรับแนวโน้มการส่งออกคาดว่าจะชะลอตัว เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศเพิ่มขึ้นผู้ประกอบการจึงหันมาเน้นการขยายตลาดในประเทศมากขึ้น
6. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
“สถานการณ์ในปี 2548 โดยภาพรวมยังคงมีแนวโน้มทรงตัว โดยการผลิตในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า คาดว่าจะสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย สำหรับสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์คาดว่าจะยังคงทรงตัว”
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
1.การผลิต
การผลิต เมื่อเทียบกับเดือนก่อนมีการปรับตัวลดลงร้อยละ 6.87 เป็นการลดลงจากสินค้าทั้ง 2 กลุ่ม โดยสินค้าในกลุ่มไฟฟ้ามีการปรับตัวลดลงร้อยละ 12.03 และสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ร้อยละ 0.46 เนื่องจากในเดือนธันวาคมเป็นช่วง Low Season ในการผลิตเพราะผู้ผลิตได้เร่งการผลิตสินค้าเพื่อรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ไปล่วงหน้าแล้วและเป็นเดือนที่มีช่วงวันหยุดค่อนข้างหลายวัน
ดัชนีผลผลิตของสินค้าในกลุ่มไฟฟ้าที่มีการปรับตัวลดลงมากในเดือนนี้ ได้แก่ เครื่องรับโทรทัศน์สี ตู้ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการปรับตัวลดลงมากในเดือนนี้ได้แก่ Electronic tubes Cathode ,IC, Monolithic integrated
2. การส่งออก
ในเดือนธันวาคม 2547 มีการปรับตัวลดลงร้อยละ 9.4 จากเดือนก่อน เป็นการลดลงจากสินค้าทั้ง 2 กลุ่ม โดยสินค้าในกลุ่มไฟฟ้าปรับตัวลดลงร้อยละ 14.1 และลดลงจากสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ร้อยละ 6.3
สินค้าในกลุ่มไฟฟ้ามูลค่าสูงที่มีการส่งออกขยายตัวลดลงจากเดือนก่อน ได้แก่ เครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์และส่วนประกอบ เครื่องเล่นวีดีโอ อุปกรณ์เครื่องเสียง แผงสวิทช์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า สินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์มูลค่าสูงมีการปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน ได้แก่แผงวงจรไฟฟ้าอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอดวงจร
3. แนวโน้ม
การผลิตในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2548 นี้คาดว่าจะสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อยเนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงต้นของฤดูกาล สำหรับสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์คาดว่าจะยังคงทรงตัว
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนธันวาคม 2547 มีค่า 145.86 เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2547 (144.61) ร้อยละ 0.9 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (136.36) ร้อยละ 7.0
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2547 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตน้ำตาล อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ยาสูบ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์จากคอนกรีต อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ประเภทอบ เป็นต้น
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์โลหะประดิษฐ์อื่นๆ ซึ่งมิได้จัดไว้ในที่อื่น อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์คอนกรีต อุตสาหกรรมการผลิตสบู่และผงซักฟอก เคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการทำความสะอาด เป็นต้น
- อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนธันวาคม 2547 มีค่า 69.02 เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน2547 (66.78) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (64.65)
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2547 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตน้ำตาล อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ยาสูบอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ รวมทั้งน้ำดื่มบรรจุขวดอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์คอนกรีต อุตสาหกรรมการผลิตปูนซีเมนต์ เป็นต้น
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ยาสูบ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์จากคอนกรีต อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์รวมทั้งน้ำดื่มบรรจุขวด เป็นต้น
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-
“ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมอาหารส่งออกลดลงเล็กน้อยจากการแข็งค่าของเงินบาท แต่อุปสงค์ในประเทศขยายตัวเพิ่มขึ้น สำหรับแนวโน้มการส่งออกอาหารยังอาจได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ”
1. การผลิต
ภาวะการผลิตโดยรวมส่วนใหญ่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน
ร้อยละ 8.6 และเมื่อเทียบกับปีก่อนลดลงร้อยละ 2.9 โดยสินค้าอาหารที่ผลิตเพื่อส่งออกลดลง เช่น ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง ร้อยละ 28.7 สับปะรดกระป๋องร้อยละ 10.2 ผลิตภัณฑ์ มันสำปะหลัง ร้อยละ 3.6 ในขณะที่สินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล เช่น กุ้งแช่เย็นแช่แข็ง ร้อยละ 21.6 และปลาทูน่ากระป๋อง ร้อยละ 13.1 สำหรับสินค้าที่ผลิตเพื่อใช้ภายในประเทศ เช่น อาหารสัตว์ผลิตลดลงร้อยละ 3.2 แต่สินค้าน้ำมันพืชกลับขยายตัว ร้อยละ 30
2. การตลาด
1) ตลาดในประเทศ สินค้าอาหารและเกษตร มีการจำหน่ายเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 8.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลตามฤดูกาล จากเทศกาลปีใหม่ที่มีการบริโภคเพิ่มขึ้น
2) ตลาดต่างประเทศ
ภาวะการส่งออกโดยรวม มีมูลค่าลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 1.1 เป็นผลจากการแข็งค่าของเงินบาท สินค้าที่ส่งออกลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน คือ ปลาทูน่ากระป๋อง ร้อยละ 17.5 และกุ้งแช่เย็นแช่แข็ง ร้อยละ 14.5 ในขณะที่ข้าว เครื่องปรุงรสและสมุนไพร และสับปะรดกระป๋อง เพิ่มขึ้นทั้งด้านราคาและปริมาณในแต่ละตลาด เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลต่างๆ
3. แนวโน้ม
คาดว่าการผลิตและการส่งออกโดยรวมจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนเนื่องจากเป็นช่วงที่ต่างประเทศยังมีคำสั่งซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่องทั้งอาหารประเภทกระป๋อง แปรรูป และอาหารกึ่งสำเร็จรูป อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยลบจากค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ อาจส่งผลต่อการส่งออกต่อไปได้
2. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
“ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรม สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม การส่งออกขยายตัวตามฤดูกาล สำหรับแนวโน้มปี 2548 การส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มจะดีขึ้น จากการเปิดเสรีสิ่งทอ”
1. การผลิตและการจำหน่าย
การผลิตเส้นใยสิ่งทอฯ เดือนธันวาคม 2547 ลดลงร้อยละ 2.5 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ลดลงร้อยละ 4.3 เนื่องจากมีการผลิตสำรองไว้ตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมาขณะที่เสื้อผ้าสำเร็จรูปมีการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 เป็นการขยายตัวตามความต้องการของผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ปริมาณการจำหน่ายเส้นใยสิ่งทอฯ เดือนธันวาคม 2547 ลดลงร้อยละ 6.8 ขณะที่เสื้อผ้าสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ปริมาณการจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7
2. การส่งออกและตลาดส่งออก
มูลค่าการส่งออกสิ่งทอเดือน ธ.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.6 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.2 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกา(+24.4%) ญี่ปุ่น (+23.8%) สหภาพยุโรป (+16.1%) และอาเซียน (+18.0%)
มูลค่าการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูป เดือนธ.ค.47 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 22.1 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.5 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่งออกเพิ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกา (+18.9%) ญี่ปุ่น(+36.4%) สหราชอาณาจักร (+29.6%) ฝรั่งเศส (+49.5%) แต่ลดลงในตลาดเบลเยี่ยม (-29.4%) และอิตาลี(-15.9%)
3. การนำเข้า
มูลค่าการนำเข้าเส้นใยฯ ปี 2547 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.9 เส้น ด้ายทอผ้าฯ นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.7 และผ้าผืน นำเข้าเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 10.1 ตลาดนำเข้าหลักคือจากไต้หวัน(+7.3%) สหรัฐอเมริกา(+8.1%) ญี่ปุ่น (+12.6%) ขณะที่มูลค่าการนำเข้าจากจีน ลดลง (-2.8%) สำหรับเสื้อผ้าสำเร็จรูปมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.1 ส่วนใหญ่นำเข้าจากจีนและฮ่องกง
4. แนวโน้ม
คาดว่าการผลิตและการจำหน่ายเส้นใยสิ่งทอฯ และ เสื้อผ้าสำเร็จรูปในเดือนมกราคม 2548 ยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการเปิดเสรีสิ่งทอโดยเฉพาะการส่งสิ่งทอเข้าสหรัฐฯที่จะเป็นระบบฟรีโควตาทั้งหมด และออสเตรเลียจะลดภาษีสิ่งทอลงครึ่งหนึ่งตามกรอบ FTA
3. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า
“ภาวะอุตสาหกรรมเหล็ก จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของเหล็กเส้นก่อสร้าง คาดการณ์ว่าจะไม่เกิดปัญหาการขาดแคลน เนื่องจากยังคงมีส่วนเกินของกำลังการผลิตอยู่”
1.การผลิต
ภาวะการผลิตเหล็กในช่วงเดือน ธ.ค. 47 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 1.73 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ดัชนีผลผลิตมีค่า 151.78 โดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน ร้อยละ 12.85 เนื่องจากผู้ผลิตรายหนึ่งหยุดการผลิตในช่วงปลายเดือน ธ.ค. เพื่อซ่อมบำรุงและติดตั้งเครื่องจักรใหม่ จึงได้เร่งทำการผลิตเพื่อเก็บเป็นสต๊อก รองลงมาคือ เหล็กโครงสร้างรูปพรรณชนิดรีดเย็น เพิ่มขึ้น ร้อยละ 10.37 ขณะเดียวกันเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ภาวะการผลิตขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย คือ ร้อยละ 2.43
2. การนำเข้า-ส่งออก
ปริมาณและมูลค่าการนำเข้าเหล็กที่สำคัญ มีค่าประมาณ 1,021,026 เมตริกตันและ 23,242 ล้านบาท ตามลำดับ โดยปริมาณและมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.65 และ 74.93 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่นำเข้ามาจากประเทศรัสเซีย ยูเครน
ปริมาณและมูลค่าการส่งออกเหล็กที่สำคัญ มีค่าประมาณ 163,138 เมตริกตันและ 4,632 ล้านบาท ตามลำดับ โดยปริมาณและมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น ร้อยละ 11.63 และ 48.88 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยตลาดส่งออกหลักคือประเทศสหรัฐอเมริกา มาเลเซีย
ราคาเหล็ก
สำหรับการเปลี่ยนแปลงของราคาเหล็ก (FOB) โดยเฉลี่ยที่สำคัญในตลาด CIS ในเดือน ม.ค. 2548 เทียบกับช่วงเดือนก่อน ผลิตภัณฑ์สำคัญที่มีราคาลดลง ได้แก่ เหล็กแท่งแบน เศษเหล็ก เนื่องจากปริมาณสินค้าคงคลังที่ยังคงมีอยู่และค่าขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้น สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีราคาเพิ่มขึ้น ได้แก่ เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นรีดร้อน และเหล็กแท่งเล็ก
3. แนวโน้ม
ภาวการณ์ผลิตในเดือน ม.ค. 2548 คาดว่าจะขยายตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยเฉพาะเหล็กทรงยาว ได้แก่ เหล็กเส้น ซึ่งมีความต้องการใช้ในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากการก่อสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ รวมถึงการฟื้นฟูพื้นที่ชายฝั่งทะเล 6 จังหวัดภาคใต้อันเนื่องจากเหตุภัยธรณีพิบัติ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น แต่ก็คาดว่าจะไม่เกิดปัญหาการขาดแคลนเหล็กเส้นก่อสร้าง ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันยังคงมีส่วนเกินของกำลังการผลิตเหล็กเส้นอยู่
4. อุตสาหกรรมยานยนต์
รถยนต์ (ม.ค. 48)
อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนมกราคม 2548 ชะลอตัวลงจากเดือนธันวาคมของปีที่ผ่านมา เนื่องจากในเดือนธันวาคมของทุกปี เป็นช่วงฤดูการจำหน่าย ผู้ผลิต รถยนต์แต่ละรายได้เร่งการจำหน่ายเพื่อปิดยอดขายของปี 2547 อย่างไรก็ตาม ในเดือนมกราคมนี้ รถยนต์รุ่นยอดนิยมก็ยังมีการทยอยการส่งมอบให้แก่ลูกค้าที่สั่งจองไว้อย่างต่อเนื่อง โดยประมาณการในเดือนมกราคม ดังนี้
- การผลิตรถยนต์ จำนวน 78,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2547 ร้อยละ 21.67 แต่ลดลงจากเดือนธันวาคม 2547 ซึ่งมีการผลิต 87,504 คัน ร้อยละ 10.86
- การจำหน่ายรถยนต์ จำนวน 52,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2547 ร้อยละ 17.85 แต่ลดลงจากเดือนธันวาคม 2547 ซึ่งมีการจำหน่าย 73,251 คัน ร้อยละ 29.01
- การส่งออกรถยนต์ มีจำนวน 26,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2547 ร้อยละ 23.68 แต่ลดลงจากเดือนธันวาคม 2547 ซึ่งมีการส่งออก 34,383 คัน ร้อยละ 24.38
- แนวโน้มภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2548 จะขยายตัวเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2548 เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์บางรายมีแผนที่จะเพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดต่างประเทศ
รถจักรยานยนต์ (ม.ค. 48)
อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ขยายตัวเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ เนื่องจากมีการผลิตเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความต้องการรถจักรยานยนต์ที่จะมีมากขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน และเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในอาเซียนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากประเทศเวียดนาม ซึ่งในช่วงนี้ได้มีการวางตลาดรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ โดยประมาณการในเดือนมกราคม ดังนี้
- การผลิตรถจักรยานยนต์ จำนวน 282,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2547 ร้อยละ 29.86 และเพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2547 ซึ่งมีการผลิต 254,396 คัน ร้อยละ 10.85
- การจำหน่าย จำนวน 183,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2547 ร้อยละ 14.81 แต่ลดลงจากเดือนธันวาคม 2547 ซึ่งมีการจำหน่าย 188,496 คัน ร้อยละ 2.92
- การส่งออกรถจักรยานยนต์ มีจำนวน 99,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2547 ร้อยละ 76.66 และเพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2547 ซึ่งมีการส่งออก 67,682 คัน ร้อยละ 46.27
- แนวโน้มภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2548 จะขยายตัวเล็กน้อยจากเดือนมกราคม 2548 เนื่องจากความต้องการของตลาดในประเทศ และต่างประเทศ ยังคงมีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง
5. อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
1. การผลิตและการจำหน่ายในประเทศ
การผลิตปูนซีเมนต์ในเดือนธันวาคม 2547
เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.67 และ 5.22 ตามลำดับ เนื่องจากภาวะธุรกิจก่อสร้างและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักทั้งการขยายการลงทุนในภาค เอกชน และการลงทุนในโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของ ภาครัฐ ทำให้ปริมาณการผลิตและจำหน่ายปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
2. การส่งออก
มูลค่าการส่งออกปูนซีเมนต์ เดือนธันวาคม เมื่อเทียบกับเดือนก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.51 เนื่องจากความต้องการใช้ ปูนซีเมนต์ในประเทศคู่ค้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้าน แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนลดลงร้อยละ 8.24 เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการจึงหันมาเน้นการขยายตลาดในประเทศมาก ตลาดส่งออกปูนซีเมนต์ที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เวียดนาม กัมพูชา และบังคลาเทศ
3. แนวโน้ม
เดือนมกราคม และเดือนกุมภาพันธ์ คาดว่า
ปริมาณการผลิตและการจำหน่ายจะเพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาดที่จะเพิ่มสูงขึ้นตามการขยายตัวของธุรกิจการก่อสร้าง สำหรับแนวโน้มการส่งออกคาดว่าจะชะลอตัว เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศเพิ่มขึ้นผู้ประกอบการจึงหันมาเน้นการขยายตลาดในประเทศมากขึ้น
6. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
“สถานการณ์ในปี 2548 โดยภาพรวมยังคงมีแนวโน้มทรงตัว โดยการผลิตในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า คาดว่าจะสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย สำหรับสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์คาดว่าจะยังคงทรงตัว”
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
1.การผลิต
การผลิต เมื่อเทียบกับเดือนก่อนมีการปรับตัวลดลงร้อยละ 6.87 เป็นการลดลงจากสินค้าทั้ง 2 กลุ่ม โดยสินค้าในกลุ่มไฟฟ้ามีการปรับตัวลดลงร้อยละ 12.03 และสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ร้อยละ 0.46 เนื่องจากในเดือนธันวาคมเป็นช่วง Low Season ในการผลิตเพราะผู้ผลิตได้เร่งการผลิตสินค้าเพื่อรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ไปล่วงหน้าแล้วและเป็นเดือนที่มีช่วงวันหยุดค่อนข้างหลายวัน
ดัชนีผลผลิตของสินค้าในกลุ่มไฟฟ้าที่มีการปรับตัวลดลงมากในเดือนนี้ ได้แก่ เครื่องรับโทรทัศน์สี ตู้ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการปรับตัวลดลงมากในเดือนนี้ได้แก่ Electronic tubes Cathode ,IC, Monolithic integrated
2. การส่งออก
ในเดือนธันวาคม 2547 มีการปรับตัวลดลงร้อยละ 9.4 จากเดือนก่อน เป็นการลดลงจากสินค้าทั้ง 2 กลุ่ม โดยสินค้าในกลุ่มไฟฟ้าปรับตัวลดลงร้อยละ 14.1 และลดลงจากสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ร้อยละ 6.3
สินค้าในกลุ่มไฟฟ้ามูลค่าสูงที่มีการส่งออกขยายตัวลดลงจากเดือนก่อน ได้แก่ เครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์และส่วนประกอบ เครื่องเล่นวีดีโอ อุปกรณ์เครื่องเสียง แผงสวิทช์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า สินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์มูลค่าสูงมีการปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน ได้แก่แผงวงจรไฟฟ้าอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอดวงจร
3. แนวโน้ม
การผลิตในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2548 นี้คาดว่าจะสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อยเนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงต้นของฤดูกาล สำหรับสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์คาดว่าจะยังคงทรงตัว
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนธันวาคม 2547 มีค่า 145.86 เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2547 (144.61) ร้อยละ 0.9 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (136.36) ร้อยละ 7.0
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2547 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตน้ำตาล อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ยาสูบ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์จากคอนกรีต อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ประเภทอบ เป็นต้น
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์โลหะประดิษฐ์อื่นๆ ซึ่งมิได้จัดไว้ในที่อื่น อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์คอนกรีต อุตสาหกรรมการผลิตสบู่และผงซักฟอก เคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการทำความสะอาด เป็นต้น
- อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนธันวาคม 2547 มีค่า 69.02 เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน2547 (66.78) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (64.65)
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2547 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตน้ำตาล อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ยาสูบอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ รวมทั้งน้ำดื่มบรรจุขวดอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์คอนกรีต อุตสาหกรรมการผลิตปูนซีเมนต์ เป็นต้น
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ยาสูบ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์จากคอนกรีต อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์รวมทั้งน้ำดื่มบรรจุขวด เป็นต้น
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-