รัฐบาลสหพันธรัฐรัสเซีย ได้ออกกฤษฎีกาในการปรับปรุงพิกัดอัตราภาษีศุลการกรขาเข้า
โดยให้มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2541 ซึ่งในการปรับปรุงพิกัดอัตราศุลกากรการนำเข้า
สินค้าจำนวน 29 รายการ รวม 46 พิกัด โดยสินค้าทั้งหมดเป็นสินค้าในหมวดเครื่องอุปโภคบริโภค
การปรับลดภาษีศุลกากรครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อลดการนำเข้าสินค้าเครื่องใช้อุปโภคบริโภคราคาถูก
จากต่างประเทศ เป็นการจัดเก็บภาษีรายได้สำหรับแก้ไขปัญหางบประมาณขาดดุล และเพื่อป้องกัน
การทุจริตในการสำแดงราคาสินค้านำเข้าที่ต่ำกว่าความเป็นจริง โดยกฤษฎีกาฉบับนี้มีการประกาศใช้
อัตราอากรขั้นต่ำเพิ่มเติมจากอัตราอากร "ตามราคา" (ad Valorem rate) หรือ อัตรา "ตามสภาพ"
(Specific rate) ดังนั้นแม้จะมีการสำแดงราคาต่ำก็จะต้องชำระค่าภาษีอากรไม่ต่ำกว่าอัตราที่กฎหมาย
กำหนดไว้ ซึ่งจากการปรับปรุงอัตราภาษีศุลกากรนำเข้าสินค้าดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบต่อสินค้าของไทย
เนื่องจากรัสเซียเป็นตลาดสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคที่สำคัญของไทยในภูมิภาคยุโรปตะวันออก ตลาด
โดยทั่วไปส่วนใหญ่ยังคงให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านราคา กล่าวคือ นำเข้าสินค้าจากแหล่งสินค้าราคาถูก
และเสียภาษีนำเข้าให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งแหล่งนำเข้าสินค้าราคาถูกที่สำคัญของรัสเซีย ได้แก่
เอเซีย และตะวันออกลาง
จากอัตราภาษีนำเข้าดังกล่าว ผู้นำเข้าบางส่วนจะหันไปนำเข้าสินค้าคุณภาพสูงขึ้นจาก
แหล่งส่งออกอื่นแทนการนำเข้าสินค้าราคาถูกจากเอเซีย เนื่องจากไม่อาจใช้ประโยชน์จากอัตราภาษีต่ำ
(เพื่อสนองตลาดผู้บริโภคที่มีรายได้ดีบางส่วน) ทำให้สินค้าไทยเสียโอกาส
มาตรการภาษีดังกล่าว จะมีผลกระทบสินค้าไทย 3 กลุ่ม คือ
- ผลิตภัณฑ์อาหาร : ผัก, ผลไม้กระป๋อง, ผักผลไม้แปรรูป, กาแฟ, เส้นหมี่, ก๋วยเตี๋ยว
และบะหมี่สำเร็จรูป
- สินค้าเครื่องใช้ในครัวเรือน, เครื่องใช้พลาสติก, เครื่องครัวสแตนแลส, เครื่องใช้
สำหรับเดินทาง และดอกไม้ประดิษฐ์
- ผลิตภัณฑ์สิ่งทอ : เสื้อผ้าสำเร็จรูป, ถุงน่อง, ถุงเท้า, ผ้าใช้กับเตียง, เคหะสิ่งทอ
และผลิตภัณฑ์สิ่งทออื่น ๆ
สินค้าหลายรายการตามกฤษฎีกา ที่ออกประกาศใหม่นี้นับเป็นปัจจัยในทางลบต่อสินค้าส่งออก
สำคัญของไทย ประกอบกับในปีที่ผ่านมา สินค้าที่ส่งออกของไทยไปรัสเซียที่มีแนวโน้มลดลง อาทิ เสื้อผ้า
สำเร็จรูป, เครื่องใช้สำหรับเดินทาง, ผลิตภัณฑ์พลาสติก, ชุดชั้นในสตรี, ถุงน่อง, ถุงเท้า และผลิตภัณฑ์
สิ่งทอ เป็นต้น ดังนั้นในปี 2541 สินค้าส่งออกของไทยดังกล่าวจะได้รับผลกระทบจากนโยบายด้านภาษี
ศุลกากรของรัสเซียซ้ำเติมอีก
--ข่าวเศรษฐกิจ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 8/31 พฤษภาคม 2541--
โดยให้มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2541 ซึ่งในการปรับปรุงพิกัดอัตราศุลกากรการนำเข้า
สินค้าจำนวน 29 รายการ รวม 46 พิกัด โดยสินค้าทั้งหมดเป็นสินค้าในหมวดเครื่องอุปโภคบริโภค
การปรับลดภาษีศุลกากรครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อลดการนำเข้าสินค้าเครื่องใช้อุปโภคบริโภคราคาถูก
จากต่างประเทศ เป็นการจัดเก็บภาษีรายได้สำหรับแก้ไขปัญหางบประมาณขาดดุล และเพื่อป้องกัน
การทุจริตในการสำแดงราคาสินค้านำเข้าที่ต่ำกว่าความเป็นจริง โดยกฤษฎีกาฉบับนี้มีการประกาศใช้
อัตราอากรขั้นต่ำเพิ่มเติมจากอัตราอากร "ตามราคา" (ad Valorem rate) หรือ อัตรา "ตามสภาพ"
(Specific rate) ดังนั้นแม้จะมีการสำแดงราคาต่ำก็จะต้องชำระค่าภาษีอากรไม่ต่ำกว่าอัตราที่กฎหมาย
กำหนดไว้ ซึ่งจากการปรับปรุงอัตราภาษีศุลกากรนำเข้าสินค้าดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบต่อสินค้าของไทย
เนื่องจากรัสเซียเป็นตลาดสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคที่สำคัญของไทยในภูมิภาคยุโรปตะวันออก ตลาด
โดยทั่วไปส่วนใหญ่ยังคงให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านราคา กล่าวคือ นำเข้าสินค้าจากแหล่งสินค้าราคาถูก
และเสียภาษีนำเข้าให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งแหล่งนำเข้าสินค้าราคาถูกที่สำคัญของรัสเซีย ได้แก่
เอเซีย และตะวันออกลาง
จากอัตราภาษีนำเข้าดังกล่าว ผู้นำเข้าบางส่วนจะหันไปนำเข้าสินค้าคุณภาพสูงขึ้นจาก
แหล่งส่งออกอื่นแทนการนำเข้าสินค้าราคาถูกจากเอเซีย เนื่องจากไม่อาจใช้ประโยชน์จากอัตราภาษีต่ำ
(เพื่อสนองตลาดผู้บริโภคที่มีรายได้ดีบางส่วน) ทำให้สินค้าไทยเสียโอกาส
มาตรการภาษีดังกล่าว จะมีผลกระทบสินค้าไทย 3 กลุ่ม คือ
- ผลิตภัณฑ์อาหาร : ผัก, ผลไม้กระป๋อง, ผักผลไม้แปรรูป, กาแฟ, เส้นหมี่, ก๋วยเตี๋ยว
และบะหมี่สำเร็จรูป
- สินค้าเครื่องใช้ในครัวเรือน, เครื่องใช้พลาสติก, เครื่องครัวสแตนแลส, เครื่องใช้
สำหรับเดินทาง และดอกไม้ประดิษฐ์
- ผลิตภัณฑ์สิ่งทอ : เสื้อผ้าสำเร็จรูป, ถุงน่อง, ถุงเท้า, ผ้าใช้กับเตียง, เคหะสิ่งทอ
และผลิตภัณฑ์สิ่งทออื่น ๆ
สินค้าหลายรายการตามกฤษฎีกา ที่ออกประกาศใหม่นี้นับเป็นปัจจัยในทางลบต่อสินค้าส่งออก
สำคัญของไทย ประกอบกับในปีที่ผ่านมา สินค้าที่ส่งออกของไทยไปรัสเซียที่มีแนวโน้มลดลง อาทิ เสื้อผ้า
สำเร็จรูป, เครื่องใช้สำหรับเดินทาง, ผลิตภัณฑ์พลาสติก, ชุดชั้นในสตรี, ถุงน่อง, ถุงเท้า และผลิตภัณฑ์
สิ่งทอ เป็นต้น ดังนั้นในปี 2541 สินค้าส่งออกของไทยดังกล่าวจะได้รับผลกระทบจากนโยบายด้านภาษี
ศุลกากรของรัสเซียซ้ำเติมอีก
--ข่าวเศรษฐกิจ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 8/31 พฤษภาคม 2541--