1. คำนำ
ปัจจุบันอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากจะผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศทดแทนการนำเข้าแล้ว
ยังผลิตเพื่อส่งออกปีละหลายแสนล้านบาท และเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน มีลักษณะรูปแบบการลงทุนมีทั้งเป็น
ของคนไทยล้วนมีการร่วมทุนกับต่างประเทศ และเป็นของต่างประเทศทั้งหมด สำหรับโรงงานที่เป็นของคนไทยส่วนใหญ่จะมี
ขนาดกลางและขนาดเล็ก ใช้เงินทุนไม่สูงผลิตสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าของตนเอง ส่วนโรงงานที่มีการร่วมทุนจาก
ต่างประเทศหรือเป็นของต่างประเทศทั้งหมดมีขนาดใหญ่และขนาดกลาง ใช้เงินลงทุนจำนวนมากผลิตสินค้าภายใต้
เครื่องหมายการค้าของบริษัทแม่ในต่างประเทศ เพื่อจำหน่ายตลาดภายในประเทศและส่งออก หรือผลิตเพื่อส่งออก
เพียงอย่างเดียว
2. การส่งออก
โครงสร้างตลาดส่งออกเปลี่ยนไปโดยตลาดอาเซียนได้กลายเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทย รองลงไปได้แก่
สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ส่วนสหภาพยุโรปนั้นมีบทบาทลดลง เนื่องจากมีการกีดกันทางการค้ากับประเทศนอกกลุ่ม
ปี 2539 ส่งออกได้มูลค่าทั้งสิ้น 460,853.7 ล้านบาท ปี 2540 ส่งออกได้เพิ่มขึ้นเป็น 600,163.50 ล้านบาท
หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.23 ปี 2541 ช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) ส่งออกได้ 338,148.2 ล้านบาท เทียบกับปี 2540
ระยะเดียวกันเพิ่มขึ้นร้อยละ 65.74 และ ตลอดปีคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
ในกรณีพิจารณามูลค่าส่งออกในรูปของเงินสกุลเหรียญสหรัฐฯ จะเป็นดังนี้ คือ ในปี 2539 ส่งออกได้มูลค่ารวมทั้งสิ้น
18,271 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปี 2540 ส่งออกเพิ่มสูงขึ้นเป็น 19,420.60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.29
ปี 2541 ช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) ส่งออกได้มูลค่า 7,689.30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับปี 2540 ระยะเดียวกัน
ลดลงร้อยละ 2.81 และตลอดปีคาดว่าจะส่งออกได้มูลค่า 20,024 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปี 2540 เล็กน้อยคือ
ร้อยละ 2.87
ข้อสังเกต มูลค่าส่งออกในปี 2541 ช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) เทียบกับปี 2540 ระยะเดียวกัน เมื่อพิจารณา
มูลค่าในรูปของเงินบาท ปรากฎว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 65.74 แต่ถ้าพิจารณาในรูปของเงินสกุลเหรียญสหรัฐฯ ปรากฏว่าลดลง
ร้อยละ 2.81
2.1 การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องอิเล็กทรอนิกส์แยกตามกลุ่มได้ ดังนี้
2.1.1 เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ส่งออกส่วนใหญ่เป็นเครื่องไฟฟ้าที่ใช้ภายในบ้าน ปี 2539 ประเทศไทยส่งออก
เครื่องใช้ไฟฟ้าได้มูลค่าทั้งสิ้น 149,438.4 ล้านบาท ปี 2540 ส่งออกได้มูลค่าทั้งสิ้นเพิ่มขึ้นเป็น 187,942 ล้านบาท
หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.8 ปี 2541 ช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) ส่งออกได้มูลค่า 103,432.8 ล้านบาท เทียบกับปี
2540 ระยะเดียวกัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 55.1
สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้ามีอัตราการส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นและลดลง 10 อันดับแรก ได้แก่
___________________________________________________________________
ปี 2540 ปี 2541
(ม.ค.-พ.ค.)
ร้อยละ ร้อยละ
___________________________________________________________________
(1) เครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์และส่วนประกอบ 25.9 79.1
(2) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ 13.9 32.9
(3) เครื่องวีดีโอ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 31.3 43.4
(4) เตาไมโครเวฟ และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน 8.1 61.4
(5) ตู้เย็นและชิ้นส่วน 15.2 44.2
(6) อุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับตัดต่อป้องกันวงจรไฟฟ้า 38.7 63.8
(7) เทปแม่เหล็ก และจานแม่เหล็ก 38.5 46.0
(8) เครื่องพักกระแสไฟฟ้า 24.5 45.6
(9) เครื่องหมุนแผ่นเสียง, เครื่องเล่นแผ่นเสียง 188.3 -12.9
(10) พัดลม -10.8 79.6
2.1.2 เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ปี 2539 ส่งออกได้มูลค่าทั้งสิ้น 311,415 ล้านบาท ปี 2540
เพิ่มขึ้นเป็น 412,221.1 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.4
สินค้าเครื่องอิเล็กทรอนิกส์มีอัตราการส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นและลดลง 10 รายการแรก
___________________________________________________________________
ปี 2540 ปี 2541
(ม.ค.-พ.ค.)
ร้อยละ ร้อยละ
___________________________________________________________________
(1) เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ 31.4 86.1
(2) แผงวงจรไฟฟ้า 29.6 51.7
(3) วงจรพิมพ์ 70.7 137.1
(4) ไดโอด ทรานซิสเตอร์และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ 33.3 65.6
(5) หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ 45.3 43.9
(6) มอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟ 46.2 27.3
(7) เครื่องโทรพิมพ์และโทรสาร 7.0 32.5
(8) ตลับลูกปืน 10.7 -4.0
(9) ส่วนประกอบสำหรับโทรศัพท์และโทรเลข 25.2 52.7
(10) เครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์ -22.0 17.4
3. ตลาดส่งออก
ตลาดส่งออกสำคัญตามลำดับสัดส่วนการส่งออกในปี 2540 ได้แก่ อาเซียน ร้อยละ 28.66
สหรัฐอเมริกา ร้อยละ 22.72 สหภาพยุโรป ร้อยละ 16.19 ญี่ปุ่น ร้อยละ 14.09 เอเซียอื่น ๆ ร้อยละ 3.37
4. การส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เฉพาะรายการที่มีมูลค่าส่งออกมาก 5 อันดับแรก
4.1 การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าเฉพาะรายการที่มีมูลค่าส่งออกมาก 5 อันดับแรก
4.1.1 เครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์ และส่วนประกอบ
4.1.2 เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ
4.1.3 เครื่องวีดีโอ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
4.1.4 เตาอบไมโครเวฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน เตารีด หม้อหุงข้าว
เครื่องต้มกาแฟ เครื่องต้มน้ำร้อน ไดร์เป่าผม
4.1.5 ตู้เย็นและชิ้นส่วน
4.2 การส่งออกอิเล็กทรอนิกส์เฉพาะรายการที่มีมูลค่าการส่งออกมาก 5 อันดับแรก
4.2.1 เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ
4.2.2 แผงวงจรไฟฟ้า
4.2.3 วงจรพิมพ์
4.2.4 ไดโอดทรานซิสเตอร์และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ
4.2.5 หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ
5. การแข่งขัน
ประเทศคู่แข่งขัน สำคัญได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ เกาหลี-ใต้ และมาเลเซีย
ซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทยแต่ขณะเดียวกันก็เป็นคู่แข่งขันสำคัญที่มีความได้เปรียบกว่าไทยทางด้านการพัฒนา
เทคโนโลยีที่สูงกว่า และมีเงินลงทุนจำนวนมาก สามารถผลิตสินค้าได้คุณภาพสูง ส่วน เวียดนาม อินโดนีเซีย
และจีน ได้เปรียบไทยทางด้านค่าแรงงานถูกกว่า ทำให้นักลงทุนจากประเทศคู่แข่งขันดังกล่าวข้างต้นย้ายฐาน
การเข้าไปผลิตและส่งออกสินค้าดังกล่าวเป็นจำนวนมาก เพราะต้นทุนการผลิตต่ำ
6. ปัญหา
ปัญหาที่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตและส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญ สรุปได้ดังนี้
6.1 ต้นทุนการส่งออกสูง เสียเปรียบประเทศคู่แข่งขัน เนื่องจาก
- ค่าจ้างแรงงานสูงขึ้นและการเข้าออกแรงงานสูง
- วัตถุดิบ ชิ้นส่วน และอุปกรณ์ส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่าง-ประเทศ
- เทคโนโลยีต้องอาศัยจากการถ่ายทอดจากบริษัทต่างประเทศที่เข้ามารวมลงทุน
หรือลงทุนในประเทศไทย
- ภาษีนำเข้า วัตถุดิบสูง เช่น เหล็กและพลาสติก และกฏระเบียบ การทำงานของภาครัฐ
ไม่เอื้ออำนวยต่อการผลิตและส่งออก
6.2 การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ในประเทศไทยมีเพียงเล็กน้อย ทำให้ขาดแคลนผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ
ที่มีศักยภาพในการส่งออก
6.3 ขาดแคลนเงินทุนและบุคลากร ทั้งในด้านการจัดการและที่มีฝีมือโดยเฉพาะวิศวกรและช่างเทคนิค
6.4 ขาดการเชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ กับอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและอุตสาหกรรมสนับสนุน
6.5 บริษัทไทยส่งออกได้จำนวนน้อยและที่ได้ลิขสิทธิ์ในการผลิตและประกอบผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ
ขาดอิสระในการขายและดัดแปลงผลิตภัณฑ์เพราะข้อผูกมัดในสัญญาที่ไม่มีระยะเวลาสิ้นสุด
6.6 ขาดระบบข้อมูลทางด้านการตลาด และการหาตลาดส่งออกใหม่ ๆ
*7. กลยุทธ์ในการปรับตัวของประเทศไทย
ตามแผนแม่บทการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อรองรับ
พันธกรณีสำคัญ 2 ข้อ คือ ข้อตกลงว่าด้วยเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ซึ่งจะลดภาษีนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
ระหว่างกันทุกรายการลงเหลือร้อยละ 0-5 ภายในปี 2546 กับข้อตกลงว่าด้วยการเปิดเสรีทางการค้า
เทคโนโลยีสารสนเทศ (ITA) ให้เหลือร้อยละ 0 ภายในปี 2543 แต่สามารถยืดหยุ่นบางรายการได้ถึงปี 2548
และสร้างวิสัยทัศน์ที่ดีให้แก่อุตสหากรรมดังกล่าว ได้ดังนี้
7.1 วิสัยทัศน์ของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ
7.1.1 มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น มีสัดส่วนในตลาดโลกเพิ่มขึ้น
7.1.2 เน้นการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง และการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศเพิ่มขึ้น
7.1.3 สร้างขีดความสามารถใหม่ในการแข่งขันด้วยการลงทุนในการพัฒนาอุตสาหกรรม
ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทักษะแรงงาน และเทคโนโลยี ทั้งในด้านเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีการผลิต
7.1.4 ผู้ประกอบการมีพัฒนาการทางด้านทัศนคติ ภูมิความรู้ความสามารถ ทักษะทางการผลิต
และการตลาดเทียบเท่าระดับสากล มีความพร้อมในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์การแข่งขันกับตลาดโลก
ทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ
7.1.5 มีการพัฒนาอุตสาหกรรมดังกล่าวแบบยั่งยืนโดยการสนับสนุนการผลิตสินค้า
Made in Thailand และ Thai Brand Name ที่มีศักยภาพให้เป็นที่ยอมรับ
7.2 กลยุทธ์ในการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ตามแผนแม่บท
การพัฒนาอุตสาหกรรมดังกล่าว ได้แก่
7.2.1 การสร้างระบบการซื้อขายแลกเปลี่ยนชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างกันโดยไม่มี
ภาระทางด้านภาษี, การปรับปรุงภาษีขาเข้าให้สอดคล้องกับการลดภาษีนำเข้าภายใต้พันธกรณีของข้อตกลง
AFTA-ITA, การยกระดับมาตรฐานและคุณภาพผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรฐาน
ISO-IEO-CE-TUV-UL และ VDE และการจัดตั้งสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
7.2.2 การเพิ่มมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตภายในประเทศ การสนับสนุนผู้ผลิตขนาดกลาง
และขนาดย่อมให้สามารถผลิตได้ครบวงจรและให้สิทธิประโยชน์ทางด้านการส่งเสริมการลงทุน การเพิ่มผลิตภัณฑ์
ของอุตสาหกรรมครบวงจร
7.2.3 การพัฒนาเทคโนโลยีการออกแบบและเทคโนโลยีเฉพาะผลิต-ภัณฑ์ จากการวิจัย
การซื้อสิทธิในการผลิต การจ้างผู้เชี่ยวชาญ การตั้งหน่วยวิจัยเฉพาะด้านเพื่อสนับสนุนการผลิต และการตั้งศูนย์
Technology Watch ขึ้นภายใต้สถาบันไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์, การผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมและซอฟแวร์
7.2.4 การสร้างชื่อเครื่องหมายการค้าเป็นของตนเอง (Thai Brand Name)
เพื่อสร้างฐานลูกค้าในระยะยาว หรือเป็นการผลิตแบบ Original Design Manufacturing (ODM)
ภายใต้ลิขสิทธิ์ของเราเอง, การตลาดเชิงรุกขยายตลาดไปสู่เป้าหมายใหม่ ๆ
7.2.5 การสร้างระบบการจัดการที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน ทั้งการยกระดับทักษะ
ในการจัดการ กับทักษะการพัฒนาแรงงานขึ้น*
8. การส่งเสริมการส่งออก
กรมส่งเสริมการส่งออกได้กำหนดให้สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป็น สินค้าเป้าหมาย
การส่งเสริมการส่งออกของกรมฯ อย่างต่อเนื่อง และได้กำหนดกลยุทธ์ส่งเสริมการส่งออกไว้ดังนี้
กลยุทธ์ส่งเสริมการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องอิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบ
ปี
2542-2546
สินค้าเป้าหมาย
1. Air Moving Product (A.M.) ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ พัดลม
2. Home appliance Product (H.A.) ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านขนาดเล็ก
ยกเว้นตู้เย็น เช่น เตาอบ ไดร์เป่าผม
3. Home Audio Product ได้แก่ เครื่องเสียง Home Theater
4. Home Electrical Product (H.E.) ได้แก่ โคมไฟ สวิสซ์ไฟ
5. Power Electrical Product (P.E.) ได้แก่ Transformer เครื่องปั่นไฟ
ตลาดเป้าหมาย
- อินโดจีน อินเดีย พม่า
วิสัยทัศน์
1. รักษาความเป็นรากฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าของเอเซีย
2. ให้มีการใช้ชิ้นส่วนในประเทศมากขึ้น (เครื่องใช้ไฟฟ้า 85% เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ 50%)
3. สามารถแข่งขันในด้านราคา
4. สินค้า Mede in Thailand ของไทยที่มีศักยภาพจะได้รับการพัฒนาจนเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก
5. ส่งเสริมชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บางชนิด ที่มี Thai Brand Name
ให้เป็นที่ยอมรับใน ตลาดโลก
กลยุทธ์ปี 2542
1. กำหนดผลิตภัณฑ์เป้าหมายที่ไทยมีความได้เปรียบในการแข่งขัน
2. เร่งสนับสนุนด้านการตลาดโดยเน้นข้อมูลด้านการตลาด
3. ส่งเสริมการค้าชายแดน
4. ส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนในประเทศมากขึ้น
5. ปรับปรุงกฎระเบียบให้เอื้ออำนวยต่อการซื้อขายชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศได้โดยตรง
6. สนับสนุนให้ผู้ผลิตได้รับมาตรฐาน ISO มากขึ้น
7. สนับสนุนและจูงใจให้ บริษัทข้ามชาติเข้ามาลงทุนโดยมีการเชื่อมโยง
โครงการผลิตและถ่ายทอดเทคโนโลยี
8. ส่งเสริมการพัฒนา บุคลากรทางด้านการตลาดต่างประเทศ
9. สนับสนุนการวิจัยและพัฒนา
10. เชื่อมโยงสถาบันที่สนับสนุนทางการเงิน
9. แนวโน้มการส่งออก
แนวโน้มการส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โดยรวมแล้วคาดว่า
จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่คาดว่าจะมีแนวโน้มการส่งออกขยายตัวได้ดี ได้แก่ เครื่องซักผ้า
พัดลม เครื่องปรับอากาศ เตาไมโครเวฟ และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน เครื่องรับวิทยุ
โทรทัศน์ และวีดีโอ
สินค้าเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ที่คาดว่าจะมีแนวโน้มการส่งออกขยายตัวได้ดี ได้แก่
เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องโทรศัพท์ เครื่องส่งวิทยุโทรเลข วงจรพิมพ์ ไดโอด ทรานซิสเตอร์
และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ
ตลาดส่งออกที่คาดว่าจะมีลู่ทางดี ได้แก่ ตลาดอินโดจีน ตะวันออกกลาง อัฟริกาใต้
และยุโรปตะวันออก
ในอนาคตหากอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ ได้มีการปรับเปลี่ยน
โครงสร้างปัญหาต่าง ๆ ให้คลี่คลายลงตามแผนแม่บทการพัฒนาอุตสาหกรรมสาขานี้แล้ว
คาดว่าศักยภาพการแข่งขันการส่งออก สินค้าดังกล่าวของประเทศไทยในตลาดโลก จะเพิ่มสูงขึ้น
เหนือกว่าประเทศคู่แข่งขันในระดับเดียวกัน ประกอบกับตลาดโลกจะมีการคิดค้นพัฒนาและ
นำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้กับชีวิตประจำวันมากขึ้น ความต้องการของตลาดโลกจึงขยายตัวเพิ่มขึ้น
และมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นจึงเป็นโอกาสของประเทศไทยที่จะสนองตอบและส่งออกสินค้าดังกล่าว
ได้มูลค่าเพิ่มสูงขึ้น
--กรมส่งเสริมการส่งออก กันยายน 2541--
ปัจจุบันอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากจะผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศทดแทนการนำเข้าแล้ว
ยังผลิตเพื่อส่งออกปีละหลายแสนล้านบาท และเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน มีลักษณะรูปแบบการลงทุนมีทั้งเป็น
ของคนไทยล้วนมีการร่วมทุนกับต่างประเทศ และเป็นของต่างประเทศทั้งหมด สำหรับโรงงานที่เป็นของคนไทยส่วนใหญ่จะมี
ขนาดกลางและขนาดเล็ก ใช้เงินทุนไม่สูงผลิตสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าของตนเอง ส่วนโรงงานที่มีการร่วมทุนจาก
ต่างประเทศหรือเป็นของต่างประเทศทั้งหมดมีขนาดใหญ่และขนาดกลาง ใช้เงินลงทุนจำนวนมากผลิตสินค้าภายใต้
เครื่องหมายการค้าของบริษัทแม่ในต่างประเทศ เพื่อจำหน่ายตลาดภายในประเทศและส่งออก หรือผลิตเพื่อส่งออก
เพียงอย่างเดียว
2. การส่งออก
โครงสร้างตลาดส่งออกเปลี่ยนไปโดยตลาดอาเซียนได้กลายเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทย รองลงไปได้แก่
สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ส่วนสหภาพยุโรปนั้นมีบทบาทลดลง เนื่องจากมีการกีดกันทางการค้ากับประเทศนอกกลุ่ม
ปี 2539 ส่งออกได้มูลค่าทั้งสิ้น 460,853.7 ล้านบาท ปี 2540 ส่งออกได้เพิ่มขึ้นเป็น 600,163.50 ล้านบาท
หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.23 ปี 2541 ช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) ส่งออกได้ 338,148.2 ล้านบาท เทียบกับปี 2540
ระยะเดียวกันเพิ่มขึ้นร้อยละ 65.74 และ ตลอดปีคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
ในกรณีพิจารณามูลค่าส่งออกในรูปของเงินสกุลเหรียญสหรัฐฯ จะเป็นดังนี้ คือ ในปี 2539 ส่งออกได้มูลค่ารวมทั้งสิ้น
18,271 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปี 2540 ส่งออกเพิ่มสูงขึ้นเป็น 19,420.60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.29
ปี 2541 ช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) ส่งออกได้มูลค่า 7,689.30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับปี 2540 ระยะเดียวกัน
ลดลงร้อยละ 2.81 และตลอดปีคาดว่าจะส่งออกได้มูลค่า 20,024 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปี 2540 เล็กน้อยคือ
ร้อยละ 2.87
ข้อสังเกต มูลค่าส่งออกในปี 2541 ช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) เทียบกับปี 2540 ระยะเดียวกัน เมื่อพิจารณา
มูลค่าในรูปของเงินบาท ปรากฎว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 65.74 แต่ถ้าพิจารณาในรูปของเงินสกุลเหรียญสหรัฐฯ ปรากฏว่าลดลง
ร้อยละ 2.81
2.1 การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องอิเล็กทรอนิกส์แยกตามกลุ่มได้ ดังนี้
2.1.1 เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ส่งออกส่วนใหญ่เป็นเครื่องไฟฟ้าที่ใช้ภายในบ้าน ปี 2539 ประเทศไทยส่งออก
เครื่องใช้ไฟฟ้าได้มูลค่าทั้งสิ้น 149,438.4 ล้านบาท ปี 2540 ส่งออกได้มูลค่าทั้งสิ้นเพิ่มขึ้นเป็น 187,942 ล้านบาท
หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.8 ปี 2541 ช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) ส่งออกได้มูลค่า 103,432.8 ล้านบาท เทียบกับปี
2540 ระยะเดียวกัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 55.1
สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้ามีอัตราการส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นและลดลง 10 อันดับแรก ได้แก่
___________________________________________________________________
ปี 2540 ปี 2541
(ม.ค.-พ.ค.)
ร้อยละ ร้อยละ
___________________________________________________________________
(1) เครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์และส่วนประกอบ 25.9 79.1
(2) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ 13.9 32.9
(3) เครื่องวีดีโอ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 31.3 43.4
(4) เตาไมโครเวฟ และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน 8.1 61.4
(5) ตู้เย็นและชิ้นส่วน 15.2 44.2
(6) อุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับตัดต่อป้องกันวงจรไฟฟ้า 38.7 63.8
(7) เทปแม่เหล็ก และจานแม่เหล็ก 38.5 46.0
(8) เครื่องพักกระแสไฟฟ้า 24.5 45.6
(9) เครื่องหมุนแผ่นเสียง, เครื่องเล่นแผ่นเสียง 188.3 -12.9
(10) พัดลม -10.8 79.6
2.1.2 เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ปี 2539 ส่งออกได้มูลค่าทั้งสิ้น 311,415 ล้านบาท ปี 2540
เพิ่มขึ้นเป็น 412,221.1 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.4
สินค้าเครื่องอิเล็กทรอนิกส์มีอัตราการส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นและลดลง 10 รายการแรก
___________________________________________________________________
ปี 2540 ปี 2541
(ม.ค.-พ.ค.)
ร้อยละ ร้อยละ
___________________________________________________________________
(1) เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ 31.4 86.1
(2) แผงวงจรไฟฟ้า 29.6 51.7
(3) วงจรพิมพ์ 70.7 137.1
(4) ไดโอด ทรานซิสเตอร์และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ 33.3 65.6
(5) หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ 45.3 43.9
(6) มอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟ 46.2 27.3
(7) เครื่องโทรพิมพ์และโทรสาร 7.0 32.5
(8) ตลับลูกปืน 10.7 -4.0
(9) ส่วนประกอบสำหรับโทรศัพท์และโทรเลข 25.2 52.7
(10) เครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์ -22.0 17.4
3. ตลาดส่งออก
ตลาดส่งออกสำคัญตามลำดับสัดส่วนการส่งออกในปี 2540 ได้แก่ อาเซียน ร้อยละ 28.66
สหรัฐอเมริกา ร้อยละ 22.72 สหภาพยุโรป ร้อยละ 16.19 ญี่ปุ่น ร้อยละ 14.09 เอเซียอื่น ๆ ร้อยละ 3.37
4. การส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เฉพาะรายการที่มีมูลค่าส่งออกมาก 5 อันดับแรก
4.1 การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าเฉพาะรายการที่มีมูลค่าส่งออกมาก 5 อันดับแรก
4.1.1 เครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์ และส่วนประกอบ
4.1.2 เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ
4.1.3 เครื่องวีดีโอ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
4.1.4 เตาอบไมโครเวฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน เตารีด หม้อหุงข้าว
เครื่องต้มกาแฟ เครื่องต้มน้ำร้อน ไดร์เป่าผม
4.1.5 ตู้เย็นและชิ้นส่วน
4.2 การส่งออกอิเล็กทรอนิกส์เฉพาะรายการที่มีมูลค่าการส่งออกมาก 5 อันดับแรก
4.2.1 เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ
4.2.2 แผงวงจรไฟฟ้า
4.2.3 วงจรพิมพ์
4.2.4 ไดโอดทรานซิสเตอร์และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ
4.2.5 หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ
5. การแข่งขัน
ประเทศคู่แข่งขัน สำคัญได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ เกาหลี-ใต้ และมาเลเซีย
ซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทยแต่ขณะเดียวกันก็เป็นคู่แข่งขันสำคัญที่มีความได้เปรียบกว่าไทยทางด้านการพัฒนา
เทคโนโลยีที่สูงกว่า และมีเงินลงทุนจำนวนมาก สามารถผลิตสินค้าได้คุณภาพสูง ส่วน เวียดนาม อินโดนีเซีย
และจีน ได้เปรียบไทยทางด้านค่าแรงงานถูกกว่า ทำให้นักลงทุนจากประเทศคู่แข่งขันดังกล่าวข้างต้นย้ายฐาน
การเข้าไปผลิตและส่งออกสินค้าดังกล่าวเป็นจำนวนมาก เพราะต้นทุนการผลิตต่ำ
6. ปัญหา
ปัญหาที่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตและส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญ สรุปได้ดังนี้
6.1 ต้นทุนการส่งออกสูง เสียเปรียบประเทศคู่แข่งขัน เนื่องจาก
- ค่าจ้างแรงงานสูงขึ้นและการเข้าออกแรงงานสูง
- วัตถุดิบ ชิ้นส่วน และอุปกรณ์ส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่าง-ประเทศ
- เทคโนโลยีต้องอาศัยจากการถ่ายทอดจากบริษัทต่างประเทศที่เข้ามารวมลงทุน
หรือลงทุนในประเทศไทย
- ภาษีนำเข้า วัตถุดิบสูง เช่น เหล็กและพลาสติก และกฏระเบียบ การทำงานของภาครัฐ
ไม่เอื้ออำนวยต่อการผลิตและส่งออก
6.2 การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ในประเทศไทยมีเพียงเล็กน้อย ทำให้ขาดแคลนผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ
ที่มีศักยภาพในการส่งออก
6.3 ขาดแคลนเงินทุนและบุคลากร ทั้งในด้านการจัดการและที่มีฝีมือโดยเฉพาะวิศวกรและช่างเทคนิค
6.4 ขาดการเชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ กับอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและอุตสาหกรรมสนับสนุน
6.5 บริษัทไทยส่งออกได้จำนวนน้อยและที่ได้ลิขสิทธิ์ในการผลิตและประกอบผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ
ขาดอิสระในการขายและดัดแปลงผลิตภัณฑ์เพราะข้อผูกมัดในสัญญาที่ไม่มีระยะเวลาสิ้นสุด
6.6 ขาดระบบข้อมูลทางด้านการตลาด และการหาตลาดส่งออกใหม่ ๆ
*7. กลยุทธ์ในการปรับตัวของประเทศไทย
ตามแผนแม่บทการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อรองรับ
พันธกรณีสำคัญ 2 ข้อ คือ ข้อตกลงว่าด้วยเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ซึ่งจะลดภาษีนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
ระหว่างกันทุกรายการลงเหลือร้อยละ 0-5 ภายในปี 2546 กับข้อตกลงว่าด้วยการเปิดเสรีทางการค้า
เทคโนโลยีสารสนเทศ (ITA) ให้เหลือร้อยละ 0 ภายในปี 2543 แต่สามารถยืดหยุ่นบางรายการได้ถึงปี 2548
และสร้างวิสัยทัศน์ที่ดีให้แก่อุตสหากรรมดังกล่าว ได้ดังนี้
7.1 วิสัยทัศน์ของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ
7.1.1 มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น มีสัดส่วนในตลาดโลกเพิ่มขึ้น
7.1.2 เน้นการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง และการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศเพิ่มขึ้น
7.1.3 สร้างขีดความสามารถใหม่ในการแข่งขันด้วยการลงทุนในการพัฒนาอุตสาหกรรม
ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทักษะแรงงาน และเทคโนโลยี ทั้งในด้านเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีการผลิต
7.1.4 ผู้ประกอบการมีพัฒนาการทางด้านทัศนคติ ภูมิความรู้ความสามารถ ทักษะทางการผลิต
และการตลาดเทียบเท่าระดับสากล มีความพร้อมในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์การแข่งขันกับตลาดโลก
ทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ
7.1.5 มีการพัฒนาอุตสาหกรรมดังกล่าวแบบยั่งยืนโดยการสนับสนุนการผลิตสินค้า
Made in Thailand และ Thai Brand Name ที่มีศักยภาพให้เป็นที่ยอมรับ
7.2 กลยุทธ์ในการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ตามแผนแม่บท
การพัฒนาอุตสาหกรรมดังกล่าว ได้แก่
7.2.1 การสร้างระบบการซื้อขายแลกเปลี่ยนชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างกันโดยไม่มี
ภาระทางด้านภาษี, การปรับปรุงภาษีขาเข้าให้สอดคล้องกับการลดภาษีนำเข้าภายใต้พันธกรณีของข้อตกลง
AFTA-ITA, การยกระดับมาตรฐานและคุณภาพผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรฐาน
ISO-IEO-CE-TUV-UL และ VDE และการจัดตั้งสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
7.2.2 การเพิ่มมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตภายในประเทศ การสนับสนุนผู้ผลิตขนาดกลาง
และขนาดย่อมให้สามารถผลิตได้ครบวงจรและให้สิทธิประโยชน์ทางด้านการส่งเสริมการลงทุน การเพิ่มผลิตภัณฑ์
ของอุตสาหกรรมครบวงจร
7.2.3 การพัฒนาเทคโนโลยีการออกแบบและเทคโนโลยีเฉพาะผลิต-ภัณฑ์ จากการวิจัย
การซื้อสิทธิในการผลิต การจ้างผู้เชี่ยวชาญ การตั้งหน่วยวิจัยเฉพาะด้านเพื่อสนับสนุนการผลิต และการตั้งศูนย์
Technology Watch ขึ้นภายใต้สถาบันไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์, การผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมและซอฟแวร์
7.2.4 การสร้างชื่อเครื่องหมายการค้าเป็นของตนเอง (Thai Brand Name)
เพื่อสร้างฐานลูกค้าในระยะยาว หรือเป็นการผลิตแบบ Original Design Manufacturing (ODM)
ภายใต้ลิขสิทธิ์ของเราเอง, การตลาดเชิงรุกขยายตลาดไปสู่เป้าหมายใหม่ ๆ
7.2.5 การสร้างระบบการจัดการที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน ทั้งการยกระดับทักษะ
ในการจัดการ กับทักษะการพัฒนาแรงงานขึ้น*
8. การส่งเสริมการส่งออก
กรมส่งเสริมการส่งออกได้กำหนดให้สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป็น สินค้าเป้าหมาย
การส่งเสริมการส่งออกของกรมฯ อย่างต่อเนื่อง และได้กำหนดกลยุทธ์ส่งเสริมการส่งออกไว้ดังนี้
กลยุทธ์ส่งเสริมการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องอิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบ
ปี
2542-2546
สินค้าเป้าหมาย
1. Air Moving Product (A.M.) ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ พัดลม
2. Home appliance Product (H.A.) ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านขนาดเล็ก
ยกเว้นตู้เย็น เช่น เตาอบ ไดร์เป่าผม
3. Home Audio Product ได้แก่ เครื่องเสียง Home Theater
4. Home Electrical Product (H.E.) ได้แก่ โคมไฟ สวิสซ์ไฟ
5. Power Electrical Product (P.E.) ได้แก่ Transformer เครื่องปั่นไฟ
ตลาดเป้าหมาย
- อินโดจีน อินเดีย พม่า
วิสัยทัศน์
1. รักษาความเป็นรากฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าของเอเซีย
2. ให้มีการใช้ชิ้นส่วนในประเทศมากขึ้น (เครื่องใช้ไฟฟ้า 85% เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ 50%)
3. สามารถแข่งขันในด้านราคา
4. สินค้า Mede in Thailand ของไทยที่มีศักยภาพจะได้รับการพัฒนาจนเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก
5. ส่งเสริมชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บางชนิด ที่มี Thai Brand Name
ให้เป็นที่ยอมรับใน ตลาดโลก
กลยุทธ์ปี 2542
1. กำหนดผลิตภัณฑ์เป้าหมายที่ไทยมีความได้เปรียบในการแข่งขัน
2. เร่งสนับสนุนด้านการตลาดโดยเน้นข้อมูลด้านการตลาด
3. ส่งเสริมการค้าชายแดน
4. ส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนในประเทศมากขึ้น
5. ปรับปรุงกฎระเบียบให้เอื้ออำนวยต่อการซื้อขายชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศได้โดยตรง
6. สนับสนุนให้ผู้ผลิตได้รับมาตรฐาน ISO มากขึ้น
7. สนับสนุนและจูงใจให้ บริษัทข้ามชาติเข้ามาลงทุนโดยมีการเชื่อมโยง
โครงการผลิตและถ่ายทอดเทคโนโลยี
8. ส่งเสริมการพัฒนา บุคลากรทางด้านการตลาดต่างประเทศ
9. สนับสนุนการวิจัยและพัฒนา
10. เชื่อมโยงสถาบันที่สนับสนุนทางการเงิน
9. แนวโน้มการส่งออก
แนวโน้มการส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โดยรวมแล้วคาดว่า
จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่คาดว่าจะมีแนวโน้มการส่งออกขยายตัวได้ดี ได้แก่ เครื่องซักผ้า
พัดลม เครื่องปรับอากาศ เตาไมโครเวฟ และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน เครื่องรับวิทยุ
โทรทัศน์ และวีดีโอ
สินค้าเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ที่คาดว่าจะมีแนวโน้มการส่งออกขยายตัวได้ดี ได้แก่
เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องโทรศัพท์ เครื่องส่งวิทยุโทรเลข วงจรพิมพ์ ไดโอด ทรานซิสเตอร์
และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ
ตลาดส่งออกที่คาดว่าจะมีลู่ทางดี ได้แก่ ตลาดอินโดจีน ตะวันออกกลาง อัฟริกาใต้
และยุโรปตะวันออก
ในอนาคตหากอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ ได้มีการปรับเปลี่ยน
โครงสร้างปัญหาต่าง ๆ ให้คลี่คลายลงตามแผนแม่บทการพัฒนาอุตสาหกรรมสาขานี้แล้ว
คาดว่าศักยภาพการแข่งขันการส่งออก สินค้าดังกล่าวของประเทศไทยในตลาดโลก จะเพิ่มสูงขึ้น
เหนือกว่าประเทศคู่แข่งขันในระดับเดียวกัน ประกอบกับตลาดโลกจะมีการคิดค้นพัฒนาและ
นำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้กับชีวิตประจำวันมากขึ้น ความต้องการของตลาดโลกจึงขยายตัวเพิ่มขึ้น
และมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นจึงเป็นโอกาสของประเทศไทยที่จะสนองตอบและส่งออกสินค้าดังกล่าว
ได้มูลค่าเพิ่มสูงขึ้น
--กรมส่งเสริมการส่งออก กันยายน 2541--