กรุงเทพ--29 ส.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2548 ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนทางการที่เรือนรับรองเตี้ยวหยูไถ สาธารณรัฐประชาชนจีน ภายหลังเข้าเยี่ยมคารวะนายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีนในโอกาสเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 25-27 สิงหาคม 2548 สาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
1. ทั้งสองฝ่ายได้ย้ำถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดเป็นพิเศษระหว่างไทยและจีน โดยเฉพาะการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวถึงแผนปฎิบัติการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทย - จีนในสาขาต่างๆ ซึ่งแผนปฏิบัติการดังกล่าว พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้เสนอไว้ เมื่อครั้งเดินทางเยือนจีนเพื่อฉลองครบรอบ 30 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศทั้งสอง และหวังว่าแผนปฏิบัติการฯ จะได้รับการรับรองโดยเร็วที่สุด
2. นายเวิน เจียเป่า ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดที่มีกับนายกรัฐมนตรีไทย โดยระบุว่านับตั้งแต่ตนเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้มีโอกาสพบกับนายกรัฐมนตรีไทยมากกว่าผู้นำชาติอื่นๆ โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ย้ำคำเชิญของนายกรัฐมนตรีที่เคยกล่าวกับนายเวิน เจียเป่า ให้เดินทางมาเยือนไทยในเดือนธันวาคม ซึ่งอาจเป็นภายหลังการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออก (EAS) ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์
3. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวถึงความชื่นชมที่ไทยมีต่อบทบาทสำคัญของจีนในการช่วยเหลือประเทศในภูมิภาคที่ประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540
4. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า นอกจากความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลกลางของทั้งสองประเทศแล้ว ไทยเห็นความสำคัญของการส่งเสริมความสัมพันธ์กับมณฑลต่างๆ ของจีน โดยไทยมีแผนที่จะเปิดสถานกงสุลใหญ่ในจีนเพิ่มขึ้นอีก 5 แห่งประกอบด้วย ซีอาน หนานหนิง ต้าเหลียน ชิงเต่า และไหโข่ว
5. ทั้งสองฝ่ายแสดงความพอใจต่อความคืบหน้าด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับจีน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามูลค่าการค้าสองฝ่ายเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก อันเป็นผลมาจากการที่ทั้งสองประเทศได้ลงนามความตกลงเร่งรัดลดภาษีการค้าสินค้าประเภทผักผลไม้ระหว่างกันเหลือร้อยละ 0 (อยู่ภายใต้กรอบการจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน) ซึ่งความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างไทยและจีนดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอาเซียนและจีน โดยอาเซียนมีบทบาทเป็นผู้ขับเคลื่อนหลักและจีนเป็นผู้สนับสนุน อาทิ กรอบความร่วมมืออาเซียน+1 อาเซียน+3 และการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออก
6. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวชื่นชมบทบาทที่สร้างสรรค์ของจีนในภูมิภาค โดยเฉพาะกรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD) และการประชุม 6 ฝ่ายเพื่อแก้ไขปัญหานิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งไทยยินดีและพร้อมที่จะมีบทบาทเสริมอย่างสร้างสรรค์และเหมาะสม เพื่อช่วยส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพบนคาบสมุทรเกาหลี เนื่องจากไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาดังกล่าวทั้งหมดกล่าวคือ เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ สหรัฐ จีน ญี่ปุ่น และรัสเซีย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2548 ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนทางการที่เรือนรับรองเตี้ยวหยูไถ สาธารณรัฐประชาชนจีน ภายหลังเข้าเยี่ยมคารวะนายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีนในโอกาสเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 25-27 สิงหาคม 2548 สาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
1. ทั้งสองฝ่ายได้ย้ำถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดเป็นพิเศษระหว่างไทยและจีน โดยเฉพาะการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวถึงแผนปฎิบัติการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทย - จีนในสาขาต่างๆ ซึ่งแผนปฏิบัติการดังกล่าว พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้เสนอไว้ เมื่อครั้งเดินทางเยือนจีนเพื่อฉลองครบรอบ 30 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศทั้งสอง และหวังว่าแผนปฏิบัติการฯ จะได้รับการรับรองโดยเร็วที่สุด
2. นายเวิน เจียเป่า ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดที่มีกับนายกรัฐมนตรีไทย โดยระบุว่านับตั้งแต่ตนเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้มีโอกาสพบกับนายกรัฐมนตรีไทยมากกว่าผู้นำชาติอื่นๆ โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ย้ำคำเชิญของนายกรัฐมนตรีที่เคยกล่าวกับนายเวิน เจียเป่า ให้เดินทางมาเยือนไทยในเดือนธันวาคม ซึ่งอาจเป็นภายหลังการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออก (EAS) ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์
3. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวถึงความชื่นชมที่ไทยมีต่อบทบาทสำคัญของจีนในการช่วยเหลือประเทศในภูมิภาคที่ประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540
4. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า นอกจากความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลกลางของทั้งสองประเทศแล้ว ไทยเห็นความสำคัญของการส่งเสริมความสัมพันธ์กับมณฑลต่างๆ ของจีน โดยไทยมีแผนที่จะเปิดสถานกงสุลใหญ่ในจีนเพิ่มขึ้นอีก 5 แห่งประกอบด้วย ซีอาน หนานหนิง ต้าเหลียน ชิงเต่า และไหโข่ว
5. ทั้งสองฝ่ายแสดงความพอใจต่อความคืบหน้าด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับจีน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามูลค่าการค้าสองฝ่ายเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก อันเป็นผลมาจากการที่ทั้งสองประเทศได้ลงนามความตกลงเร่งรัดลดภาษีการค้าสินค้าประเภทผักผลไม้ระหว่างกันเหลือร้อยละ 0 (อยู่ภายใต้กรอบการจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน) ซึ่งความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างไทยและจีนดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอาเซียนและจีน โดยอาเซียนมีบทบาทเป็นผู้ขับเคลื่อนหลักและจีนเป็นผู้สนับสนุน อาทิ กรอบความร่วมมืออาเซียน+1 อาเซียน+3 และการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออก
6. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวชื่นชมบทบาทที่สร้างสรรค์ของจีนในภูมิภาค โดยเฉพาะกรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD) และการประชุม 6 ฝ่ายเพื่อแก้ไขปัญหานิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งไทยยินดีและพร้อมที่จะมีบทบาทเสริมอย่างสร้างสรรค์และเหมาะสม เพื่อช่วยส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพบนคาบสมุทรเกาหลี เนื่องจากไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาดังกล่าวทั้งหมดกล่าวคือ เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ สหรัฐ จีน ญี่ปุ่น และรัสเซีย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-