'หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์' ระบุ รบ. ควรตั้งหลักใหม่ โดยขอความจริงจาก ‘จีอี อินวิชั่น’ ว่าให้การกับสหรัฐฯอย่างไรและไม่เห็นด้วยที่ รบ. ขู่ว่าจะไม่ซื้อ เพราะเหมือนเป็นการตัดตอนให้เรื่องจบ
วันนี้ (4 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในรายการข่าวยามเช้า ทางคลื่นวิทยุ 101.0 เมกะเฮิร์ท ถึงกรณีสินบนซื้อเครื่องตรวจระเบิด สนามบินสุวรรณภูมิว่า สัปดาห์ที่ผ่านมามีความคืบหน้าค่อนข้างเยอะ และมีข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามาอีกพอสมควร เมื่อวาน(3 พ.ค.) ครม. ก็มีมติที่จะระงับหรือชะลอเรื่องการซื้อ เพื่อที่จะให้ทางบริษัทไปแก้ไขภาพลักษณ์ของประเทศ ซึ่งตนคิดว่าเป็นจุดสำคัญที่ต้องมาตั้งหลักทบทวนกัน แต่ก็ดีใจที่ตอนนี้รัฐบาลยอมรับว่าปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่ ที่จะต้องแก้ไขในเรื่องชื่อเสียงของประเทศ เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลมีท่าทีเหมือนกับไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
นายอภิสิทธ์กล่าวว่า การที่รัฐบาลพุ่งเป้ามาที่ตัวบริษัทที่ให้ข้อมูลน่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะเขาเป็นคนแจ้งข้อมูลกับทางสหรัฐฯ แต่ตนเห็นว่า ท่าทีที่เราจะพูดกับบริษัท คงไม่ใช่ไปบอกว่า เขาจะต้องไปแก้ไขภาพลักษณ์ของเรา เพราะถ้าเราสรุปอย่างนี้ ก็เหมือนเรายอมรับสมมุติฐานว่า เรื่องทั้งหมดไม่มีการทุจริต ถึงบอกให้เขาไปเคลียร์ชื่อเสียง ซึ่งเราคงยังสรุปอย่างนั้นไม่ได้ เพราะยังไม่มีการสอบสวนหาข้อเท็จจริงออกมาทั้งหมด ดังนั้นเราต้องให้เขาบอกความจริงว่าให้การกับสหรัฐฯว่าอย่างไร แล้วเปิดเผยข้อเท็จจริงนั้น เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ตรวจสอบและสอบสวนว่า มีมูลความจริงหรือเท็จ ถ้าไม่เป็นความจริง ถึงจะไปสู่ขั้นตอนที่บอกว่าบริษัท จีอี อินวิชั่น หรือสหรัฐฯ ต้องแก้ไขข้อเท็จจริง เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของประเทศที่ได้รับผลกระทบ แต่ถ้าตรวจสอบแล้วมีมูลความจริง การแก้ไขหรือการกอบกู้ชื่อเสียงก็ทำได้โดยการเอาคนผิดมาลงโทษ ซึ่งจะทำให้ทุกอย่างมีความโปร่งใส และยืนหยัดอย่างจริงจังว่า รัฐบาลไทย คนไทย และประเทศไทยรังเกียจการทุจริตคอร์รัปชั่น
‘ในกระบวนการยุติธรรมของสหรัฐฯ ช่วงที่บริษัทไปสารภาพเพื่อยอมเสียค่าปรับ มันจะมีข้อตกลงเป็นเอกสารที่เขาทำไว้ว่า เมื่อยอมสารภาพและเสียค่าปรับแล้ว บริษัทไม่อาจปฏิเสธข้อมูลที่ได้ให้การไว้ เพราะฉะนั้นถ้าเราพยายามไปกดดันให้เขาบอกกับทางสหรัฐฯว่า ไม่เป็นจริง ผมว่าเป็นเรื่องยาก เพราะว่านั่นคือสิ่งที่เขาให้การไว้แล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะกลายเป็นว่าเขาก็ทำให้ไม่ได้ หรือไม่ทำ และเราก็บอกเพียงว่า งั้นเราไม่ซื้อของ และก็บอกเรื่องจบ ถามว่าถ้าจบเช่นนี้ชื่อเสียงเราดีขึ้นหรือไม่ ผมไม่แน่ใจ เพราะทางบริษัทเขาก็ต้องยืนยันสิ่งที่ให้การไว้ ส่วนทางนี้ก็มาบีบบังคับและไม่ซื้อของเขา มันไม่ได้แก้ข้อกล่าวหาเลย ว่า คนไทย เจ้าหน้าที่ หรือนักการเมืองไทย ไปเรียกสินบนหรือไม่ ตรงนี้จะเป็นปัญหา เหมือนเป็นการตัดตอนให้เรื่องจบ เพราะฉะนั้นต้องตั้งหลักให้ดีว่า ที่จะไปพูดกับบริษัทไม่ใช่บอกให้เขาไปเคลียร์ แต่ต้องเอาข้อมูลที่เขาให้กับสหรัฐมา เพื่อจะดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อ เพื่อทำให้เกิดความโปร่งใส’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 4 พ.ค. 2548--จบ--
-ดท-
วันนี้ (4 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในรายการข่าวยามเช้า ทางคลื่นวิทยุ 101.0 เมกะเฮิร์ท ถึงกรณีสินบนซื้อเครื่องตรวจระเบิด สนามบินสุวรรณภูมิว่า สัปดาห์ที่ผ่านมามีความคืบหน้าค่อนข้างเยอะ และมีข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามาอีกพอสมควร เมื่อวาน(3 พ.ค.) ครม. ก็มีมติที่จะระงับหรือชะลอเรื่องการซื้อ เพื่อที่จะให้ทางบริษัทไปแก้ไขภาพลักษณ์ของประเทศ ซึ่งตนคิดว่าเป็นจุดสำคัญที่ต้องมาตั้งหลักทบทวนกัน แต่ก็ดีใจที่ตอนนี้รัฐบาลยอมรับว่าปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่ ที่จะต้องแก้ไขในเรื่องชื่อเสียงของประเทศ เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลมีท่าทีเหมือนกับไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
นายอภิสิทธ์กล่าวว่า การที่รัฐบาลพุ่งเป้ามาที่ตัวบริษัทที่ให้ข้อมูลน่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะเขาเป็นคนแจ้งข้อมูลกับทางสหรัฐฯ แต่ตนเห็นว่า ท่าทีที่เราจะพูดกับบริษัท คงไม่ใช่ไปบอกว่า เขาจะต้องไปแก้ไขภาพลักษณ์ของเรา เพราะถ้าเราสรุปอย่างนี้ ก็เหมือนเรายอมรับสมมุติฐานว่า เรื่องทั้งหมดไม่มีการทุจริต ถึงบอกให้เขาไปเคลียร์ชื่อเสียง ซึ่งเราคงยังสรุปอย่างนั้นไม่ได้ เพราะยังไม่มีการสอบสวนหาข้อเท็จจริงออกมาทั้งหมด ดังนั้นเราต้องให้เขาบอกความจริงว่าให้การกับสหรัฐฯว่าอย่างไร แล้วเปิดเผยข้อเท็จจริงนั้น เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ตรวจสอบและสอบสวนว่า มีมูลความจริงหรือเท็จ ถ้าไม่เป็นความจริง ถึงจะไปสู่ขั้นตอนที่บอกว่าบริษัท จีอี อินวิชั่น หรือสหรัฐฯ ต้องแก้ไขข้อเท็จจริง เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของประเทศที่ได้รับผลกระทบ แต่ถ้าตรวจสอบแล้วมีมูลความจริง การแก้ไขหรือการกอบกู้ชื่อเสียงก็ทำได้โดยการเอาคนผิดมาลงโทษ ซึ่งจะทำให้ทุกอย่างมีความโปร่งใส และยืนหยัดอย่างจริงจังว่า รัฐบาลไทย คนไทย และประเทศไทยรังเกียจการทุจริตคอร์รัปชั่น
‘ในกระบวนการยุติธรรมของสหรัฐฯ ช่วงที่บริษัทไปสารภาพเพื่อยอมเสียค่าปรับ มันจะมีข้อตกลงเป็นเอกสารที่เขาทำไว้ว่า เมื่อยอมสารภาพและเสียค่าปรับแล้ว บริษัทไม่อาจปฏิเสธข้อมูลที่ได้ให้การไว้ เพราะฉะนั้นถ้าเราพยายามไปกดดันให้เขาบอกกับทางสหรัฐฯว่า ไม่เป็นจริง ผมว่าเป็นเรื่องยาก เพราะว่านั่นคือสิ่งที่เขาให้การไว้แล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะกลายเป็นว่าเขาก็ทำให้ไม่ได้ หรือไม่ทำ และเราก็บอกเพียงว่า งั้นเราไม่ซื้อของ และก็บอกเรื่องจบ ถามว่าถ้าจบเช่นนี้ชื่อเสียงเราดีขึ้นหรือไม่ ผมไม่แน่ใจ เพราะทางบริษัทเขาก็ต้องยืนยันสิ่งที่ให้การไว้ ส่วนทางนี้ก็มาบีบบังคับและไม่ซื้อของเขา มันไม่ได้แก้ข้อกล่าวหาเลย ว่า คนไทย เจ้าหน้าที่ หรือนักการเมืองไทย ไปเรียกสินบนหรือไม่ ตรงนี้จะเป็นปัญหา เหมือนเป็นการตัดตอนให้เรื่องจบ เพราะฉะนั้นต้องตั้งหลักให้ดีว่า ที่จะไปพูดกับบริษัทไม่ใช่บอกให้เขาไปเคลียร์ แต่ต้องเอาข้อมูลที่เขาให้กับสหรัฐมา เพื่อจะดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อ เพื่อทำให้เกิดความโปร่งใส’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 4 พ.ค. 2548--จบ--
-ดท-