อัญมณีและเครื่องประดับเป็นสินค้าส่งออกสำคัญอันดับ 5 ของไทย โดยในปี 2539 มีสัดส่วนการส่งออกประมาณ
ร้อยละ 3.9 ของมูลค่าการส่งออกรวมของประเทศ หรือมูลค่า 54,272.9 ล้านบาท เทียบกับ 52,498.6 ล้านบาท ของ
ปี 2538 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 และปี 2540 ในช่วงไตรมาสแรกมีมูลค่าการส่งออก 11,983.4 ล้านบาทเทียบกับ 13,479.6
ล้านบาทของปี 2539 ลดลงร้อยละ 11.1
อัญมณีและเครื่องประดับส่งออกแบ่งออกได้เป็นสองหมวดคือ
1. อัญมณี
- เพชร มีมูลค่าการส่งออกขยายตัวอย่างต่อเนื่องคือจากมูลค่า 9,475.9 ล้าน บาท ในปี 2535 เพิ่มขึ้นเป็น
20,230.3 ล้านบาท ในปี 2539 หรือเพิ่มขึ้นถึง 2.1 เท่าในช่วง 5 ปี และในปี 2540 ในช่วงไตรมาสแรกมี มูลค่า
การส่งออก 4,290.9 ล้านบาท เทียบกับ 3,350.2 ล้านบาทของปี 2538 ในช่วงระยะเดียวกันลดลงร้อยละ 19.8
ตลาดส่งออกสำคัญคือ สหภาพยุโรปร้อยละ 29.0 อิสราเอลร้อยละ 15.0 ญี่ปุ่นร้อยละ 5.7 สิงคโปร์ร้อยละ 5.2
สหรัฐอเมริกา ร้อยละ 3.8 ส่วนที่เหลือเป็นการส่งออกไปประเทศอื่น ๆ
- พลอย มีมูลค่าส่งออกลดลงคือจากมูลค่า 11,077.3 ล้านบาท ในปี 2535 เป็น 10,393.0 ล้านบาท
ในปี 2539 หรือลดลงร้อยละ 6.1 ในช่วง 5 ปี และปี 2540 ในช่วงไตรมาสแรกมีมูลค่า 2,431.2 ล้านบาท เทียบ
2,903.4 ล้านบาทของปี 2539 ในช่วงระยะเดียวกันลดลงร้อยละ 16.2 การที่มูลค่าการส่งออกพลอยมีแนวโน้มลดลง
เนื่องจากมีการใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องประดับมากขึ้น ตลาดส่งออกสำคัญ คือ ญี่ปุ่นร้อยละ 31.3 สหรัฐอเมริกา
ร้อยละ 24.9 ฮ่องกง ร้อยละ 13.8 สหภาพยุโรปร้อยละ 12.4 สวิตเซอร์แลนด์ร้อยละ 8.0 ส่วนที่เหลือเป็นการ
ส่งออกไปประเทศอื่น ๆ
- อัญมณีสังเคราะห์ การส่งออกอัญมณีสังเคราะห์ในระยะที่ผ่านมามีแนวโน้มลดลงโดยในปี 2535 มีมูลค่า
664.7 ล้านบาท ลดลงเป็น 451.0 ล้านบาท ในปี 2539 หรือลดลงร้อยละ 32.1 ในช่วง 5 ปี และปี 2540 ในช่วง
ไตรมาสแรกมีมูลค่า 128.6 ล้านบาท เทียบกับ 113.2 ของปี 2539 ในช่วงระยะเดียวกันเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.6 ตลาด
ส่งออกที่สำคัญคือ สิงคโปร์ ร้อยละ 24.1 สหรัฐฯ ร้อยละ 20.1 มาเลเซีย ร้อยละ 6.4 ส่วนที่เหลือเป็นการส่งออกไป
ประเทศอื่น ๆ
2. เครื่องประดับ
- เครื่องประดับมีค่า มีมูลค่าการส่งออกขยายตัวต่อเนื่องคือจากมูลค่า 16,038.9 ล้านบาท ในปี 2535
เพิ่มขึ้นเป็น 21,277.5 ล้านบาท ในปี 2539 หรือเพิ่มขึ้น 1.3 เท่าในช่วง 5 ปี และปี 2540 ในช่วงไตรมาสแรกมี
มูลค่า 4,622.8 ล้านบาทเทียบกับ 4,545.5 ล้านบาท ของปี 2539 ในช่วงระยะเดียวกันเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 เครื่อง
ประดับที่ส่งออกของไทยยประกอบด้วยเครื่องประดับทองร้อยละ 75.0 เครื่องประดับเงินร้อยละ 19.0 เครื่องประดับ
แพลตินั่มร้อยละ 5.8 และเครื่องประดับโลหะชนิดอื่นๆ ร้อยละ 0.2 ตลาดส่งออกสำคัญคือ สหรัฐอเมริการ้อยละ 35.9
สหภาพยุโรปร้อยละ 26.8 ญี่ปุ่นร้อยละ 17.6 สวิตเซอร์แลนด์ร้อยละ 5.2 ฮ่องกงร้อยละ 3.0 ส่วนที่เหลือเป็นการส่ง
ออกไปประเทศอื่น ๆ
- เครื่องประดับแฟชั่น (เครื่องประดับเทียม) มีมูลค่าการส่งออกขยายตัวไม่สม่ำเสมอโดยในปี 2535 มีมูลค่า
1,678.7 ล้านบาทเพิ่มขึ้นเป็น 1,873.4 ล้านบาทในปี 2538 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.5 ในช่วง 4 ปี ต่อมา ปี 2539
มูลค่าการส่งออกลดลงเป็น 1,816.5 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 3.0 ส่วนปี 2540 ในช่วงไตรมาสแรกมีมูลค่าการ
ส่งออก 408.2 ล้านบาท เทียบกับ 431.0 ของปี 2539 ในช่วงระยะเดียวกันลดลง ร้อยละ 5.3 ตลาดส่งออกที่สำคัญคือ
สหรัฐฯ ร้อยละ 33.2 ฝรั่งเศส ร้อยละ 19.7 สหราชอาณาจักรร้อยละ 7.1 ส่วนที่เหลือเป็นการส่งออกไปประเทศอื่น ๆ
การแข่งขัน
การส่งออกสินค้าสำคัญอัญมณีและเครื่องประดับของไทยปัจจุบันประสบภาวะการแข่งขัน ค่อนข้างสูงในตลาดโลก
คู่แข่งขันในแต่ละประเภทของสินค้าจะแตกต่างกันไปดังนี้
- เพชร ประเทศไทยต้องแข่งขันในด้านฝีมือการเจียระไนกับประเทศผู้ผลิตส่งออกสำคัญในตลาดโลก เช่น
อิสราเอลและอินเดีย เป็นต้น
- พลอยชนิดต่าง ๆ แม้ประเทศไทยจะยังเป็นผู้ผลิตส่งออกสำคัญอันดับหนึ่งของโลก เนื่องจากมีความชำนาญสูง
ในการเจียระไน แต่ปัจจุบันประสบภาวะขาดแคลนวัตถุดิบเนื่องจากวัตถุดิบที่หาได้จากภายในประเทศมีปริมาณน้อยลงและ
พลอยอีกหลายชนิดไม่มีแหล่งผลิตในประเทศไทย จำเป็นต้องแสวงหาแหล่งผลิตและนำเข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมการเจียระไน
และการผลิตเครื่องประดับในอนาคตประเทศอื่นซึ่งอุดมไปด้วยวัตถุดิบ เช่น ศรีลังกา พม่า และเวียดนาม เป็นต้น อาจจะ
ก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งขันที่สำคัญของไทยก็เป็นได้เพราะปัจจุบันประเทศดังกล่าวกำลังเร่งพัฒนาอุตสาห-กรรมอัญมณีและเครื่อง
ประดับของตนเองตามลำดับ
- เครื่องประดับมีค่า (Precious Jewelry) ประเทศไทยต้องแข่งขันกับประเทศต่าง ๆ สองกลุ่มคือประเทศ
ซึ่งเป็นผู้นำทั้งในด้านแฟชั่น เทคโนโลยีการผลิตและการตลาด เช่น อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ ฮ่องกง สหราชอาณาจักรและ
ฝรั่งเศส เป็นต้น อีกกลุ่มคือประเทศผู้ผลิตซึ่งมีแหล่งวัตถุดิบอัญมณีภายในประเทศ เช่น อินเดียและศรีลังกา เป็นต้น
- เครื่องประดับแฟชั่น (Costume Jewelry) ไทยต้องแข่งขันทั้งกับประทศซึ่งเป็นผู้นำด้านแฟชั่น การตลาด
และประเทศซึ่งมีภาระต้นทุนการผลิตต่ำกว่า เช่น ฮ่องกง เกาหลีใต้และจีน เป็นต้น
แนวโน้มการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับปี 2540
การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับในปีนี้คาดว่าจะสามารถขยายตัวต่อเนื่องเพราะภาวะ เศรษฐกิจของประเทศ
คู่ค้าสำคัญเช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและสหภาพยุโรปเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นและประกอบกับประเทศไทยได้เข้าเป็นสมาชิกตลาดกลาง
ค้าเพชรและอัญมณีระหว่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีส่วนช่วยให้การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับขยายตัวมากขึ้นในปี 2540
เป้าหมายการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ
กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในปี 2540 โดยรวมเป็นมูลค่า
63,650.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2539 ร้อยละ 17.6 มีเป้าหมายแต่ละรายการดังนี้
เป้าหมายการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับปี 2540
มูลค่า : ล้านบาท
___________________________________________________________________________________
สินค้าเป้าหมาย | 2538 | 2539 | 2540 | อัตราการขยายตัวร้อยละ
| | | |_______________________
| | | | 39 | 40
___________________________________________________________________________________
อัญมณีและเครื่องประดับ | 52,498.6 | 54,272.9 | 63,650.0 | 2.1 | 17.2
- เพชร | 18,888.5 | 20,230.3 | 27,000.0 | 7.1 | 33.4
- พลอยและไข่มุก | 10,692.7 | 10,497.6 | 10,250.0 | -1.8 | 16.6
- เครื่องประดับแท้ | 20,598.5 | 21,277.5 | 21,940.0 | 3.3 | 3.1
- เครื่องประดับอัญมณี | | | | |
เทียม | 1,873.4 | 1,816.5 | 2,000.0 | -3.0 | 10.1
- อัญมณีสังเคราะห์ | 445.4 | 451.0 | 460.0 | 1.3 | 1.9
___________________________________________________________________________________
ที่มา : กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์
์ปัญหาและอุปสรรค
แม้อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทย ได้มีการพัฒนาทั้งในด้านการผลิตและการตลาดสามารถขยายการส่งออก
ได้เป็นมูลค่าสูงในระยะที่ผ่านมาแต่ปัจจุบันอัตราการขยายตัวลดลงเพราะนอกจากจะมีคู่แข่งขันเพิ่มมากขึ้นและมีปัญหาอุปสรรคหลาย
ประการเช่น
1. ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นเนื่องจาก
- การที่รัฐบาลได้นำระบบการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มมาใช้และจะคืนให้ต่อเมื่อมีการส่งออกแล้วแต่การขอคืนจะได้รับ
ค่อนข้างช้ามีผลให้ผู้ประกอบการประสบภาวะการขาดแคลนเงินทุนหมุนเวียนในการพัฒนาอุตสาหกรรมของตนเอง
- อัตราค่าแรงงานมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกระดับ
- ขาดแคลนแรงงานฝีมือ โดยเฉพาะช่างเจียระไน ช่างฝีมือการประดิษฐ์เครื่องประดับ เป็นต้น
- ปริมาณวัตถุดิบจากแหล่งผลิตภายในประเทศมีแนวโน้มลดลง จำเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศและประเทศซึ่งเป็น
แหล่งผลิตอัญมณี โดยเฉพาะศรีลังกา ออสเตรเลีย พม่า เวียดนามและอื่น ๆ มีนโยบายสงวนวัตถุดิบของตนเองไว้เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม
อัญมณีและเครื่องประดับภายในประเทศของตนเองมากกว่าการส่งออก
2. ขาดแคลนการศึกษาวิจัยด้านในการพัฒนาไปสู่ระดับสูง ทั้งในด้านเทคโนโลยีการผลิตและ กลยุทธ์การเจาะขยายตลาด
การส่งออก
3. ขาดแคลนข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะความต้องการแนวโน้มและรูปแบบในตลาดนำเข้าสำคัญและตลาดที่มีลู่ทางเจาะขยาย
การส่งออก
แนวทางการแก้ไข
1. แก้ไขปรับปรุงวิธีการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้รวดเร็วยิ่งขึ้นเพื่อให้ผู้ประกอบการมีเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
สามารถลดต้นทุนค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะภาระดอกเบี้ยลง
2.เจรจากับประเทศซึ่งมีแหล่งผลิตวัตถุดิบเพื่อความสะดวกในการซื้อขาย
3.เร่งรัดสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรตั้งแต่ระดับช่างฝีมือ นักออกแบบไปจนถึงระดับการจัดการและนักการตลาดเพื่อพัฒนา
อุตสาหกรรมให้เจริญเติบโตยิ่งขึ้น
4.สนับสนุนให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตไปสู่ระดับสูงยิ่งขึ้น
5.รวบรวมศึกษาวิเคราะห์และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับอัญมณีและเครื่องประดับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และภาคเอกชนให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
บทบาทของภาครัฐบาลในการสนับสนุนส่งเสริมอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ออกประกาศให้การส่งเสริมการลงทุนแก่อุตสาหกรรม
อัญมณีและเครื่องประดับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2519 เป็นต้น มาโดยผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนได้รับสิทธิประโยชน์ตาม
ขอบเขตและเงื่อนไขที่กำหนดกระทรวงการคลัง
2.1 ออกประกาศยกเว้นภาษีนำเข้าและภาษีการค้าพลอยเพชรที่ยังมิได้เจียระไน เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเจียระไน เมื่อวันที่
2 กันยายน 2520
2.2 ออกประกาศยกเว้นภาษีนำเข้าและภาษีการค้าเพชรพลอยที่เจียระไนแล้ว เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องประดับ
สำเร็จรูป เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2523
2.3 ออกระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการซื้อทองคำจากคลังทองคำของทางราชการ เมื่อวันที่ 28 เมษายน
2531
2.4 กรมสรรพากรออกประกาศหลักเกณฑ์เงื่อนไขการยกเว้นภาษีการค้าสำหรับการนำเข้าทองคำและเก็บไว้ในคลังทองคำของ
ทางการเฉพาะที่ขายแก่ผู้ซื้อเพื่อการผลิตสินค้าส่งออกไปนอกราชอาณาจักร
2.5 อนุมัติให้ผู้ผลิตเพื่อการส่งออก จัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนประเภทโรงงานผลิตสินค้าตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469
ให้สามารถนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศเข้ามาทำการผลิตหรือผสมประกอบเป็นสินค้าสำเร็จรูป ส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ
โดยงดเว้นอากรขาเข้าและอากรขาออกแก่สินค้าที่ไปจากคลังสินค้าฯ ตามเงื่อนไขที่กำหนด
2.6 เร่งรัดการคืนภาษีนำเข้าวัตถุดิบตามมาตรา 19 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากรให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
2.7 ออกประกาศอนุญาตให้นักทัศนาจร หรือผู้เดินทางผ่านสามารถซื้ออัญมณีและเครื่องประดับติดตัวออกไปโดยไม่จำกัดมูลค่า
เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2514
2.8 ออกประกาศให้ยกเลิกการเก็บภาษีการค้าและภาษีเทศบาล ร้อยละ 3.3 สำหรับสินค้าเครื่องประดับที่ส่งออกไปจำหน่าย
ต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศได้มีการช่วยเจรจากับศรีลังกาให้ยินยอมส่งออกพลอยกิวดาแก่ประเทศไทย เพื่อลดปัญหาการ
ขาดแคลนวัตถุดิบพลอยซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
กระทรวงอุตสาหกรรม
กรมทรัพยากรธรณีได้ดำเนินการสำรวจแหล่งรัตนชาติ ซึ่งเป็นวัตถุดิบในพื้นที่ ซึ่งมีศักย-ภาพและเป็นผู้พิจารณาออกใบ
อนุญาตในการขุดหาแร่รัตนชาติรายย่อยตามพระราชบัญญัติ พ.ศ. 2510
ธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกระเบียบว่าด้วยการรับช่วงซื้อลดตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกิดจากการประกอบกิจการอุตสาหกรรม
ขนาดย่อม พ.ศ. 2521 โดยการรับช่วงซื้อลดตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นการให้สินเชื่อระยะสั้นไม่เกิน 120 วัน ตามเงื่อนไขที่กำหนด
การให้สินเชื่อเป็นการให้ผ่านสถาบันการเงินโดยธนาคารแห่งประเทศไทยรับช่วงซื้อลดตั๋วสัญญาใช้เงินจากธนาคารพาณิชย์
และบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
กระทรวงพาณิชย์
กรมส่งเสริมการส่งออกมีบทบาทสำคัญในด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับการส่งเสริม เผยแพร่และเร่งรัดการส่งออกโดยจัดกิจกรรม
ส่งเสริมการส่งออกในรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งรวบรวมปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ เสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาการส่งออกเพื่อดำเนินการแก้ไข
กิจกรรมการส่งเสริมการส่งออก
อัญมณีและเครื่องประดับเป็นสินค้าที่ภาครัฐบาลกำหนดให้เป็นสินค้าเป้าหมายการส่งออกซึ่งกรมส่งเสริมการส่งออกได้ดำเนิน
กิจกรรมส่งเสริมการส่งออกในรูปแบบต่าง ๆ เช่น
1. จัดงานแสดงสินค้า Bangkok Gems Jewelry Watch & Clock Fair ที่กรุงเทพเป็นประจำทุกปี
2. เข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ เช่น Ja Int l Jewerly Show, Las Vegas
3. การส่งเสริมกิจกรรมการขายร่วมกับห้างสรรพสินค้าในต่างประเทศ
4. การจัดคณะผู้แทนการค้าไปเจรจาการค้าในตลาดต่างประเทศ
5. การเชิญคณะผู้แทนการค้ามาเยี่ยมชมงานแสดงสินค้า Bangkok Gems Jewelry, Watch & Clock Fair ที่
รุงเทพเพื่อเจรจาการค้า
6. การเผยแพร่ข้อมูลอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในรูปแบบต่าง ๆ ไปยังตลาดต่างประเทศให้กว้างขวาง
ยิ่งขึ้น เช่น
6.1 การให้ข้อมูลในงานแสดงสินค้าต่างประเทศ
6.2 การเชิญชวนนักเขียนหรือนักข่าวต่างประเทศเข้ามาเยี่ยมชมงานแสดงสินค้า Bangkok Gems Jewelry,
Watch & Clock Fair
6.3 การเผยแพร่ผ่านสื่อต่าง ๆ เช่น แผ่นพับ VDO และการลงโฆษณาในแมกาซีนหรือวารสารที่เกี่ยวกับ
อัญมณีและเครื่องประดับในต่างประเทศ เป็นต้น
7. สนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเผยแพร่ข้อมูลต่าง ๆ ด้านรูปแบบแนวโน้มแฟชั่นในตลาดโลกไปยังภาคเอกชน
8. นัดหมายในการเจรจาการค้าระหว่างผู้นำเข้าและผู้ผลิตส่งออกของไทย
9. รวบรวมปัญหาและเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาอุปสรรคการส่งออก
10. ศึกษาและเผยแพร่ข้อมูลการค้าอัญมณีและเครื่องประดับไปยังภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
บทบาทของภาคเอกชน
กลุ่มผู้ประกอบการชั้นนำในธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับได้ร่วมมือกันจัดตั้งบริษัท ไอ.จี.เอส. จำกัด(มหาชน) ด้วย
เงินทุนจดทะเบียนจำนวน 400 ล้านบาท เพื่อดำเนินการพัฒนาและบริหารโครงการอัญธานี (Gemopolis) ศูนย์อัญมณีและเครื่องประดับ
ครบวงจรแห่งแรกของไทย โดยได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมส่งเสริมการลงทุนให้เป็นเขตส่งเสริมการลงทุนในปี 2533
วัตถุประสงค์ในการดำเนินงานในโครงการอัญธานี
- สนองตอบเจตนารมย์ของภาครัฐบาลในการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางอัญมณีและเครื่องประดับที่สมบูรณ์แบบ
แห่งหนึ่งของโลก
- เป็นการส่งเสริมและยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยให้เป็นที่ยอมรับของนานาชาติทั่วโลก
- มุ่งขยายรากฐานและพัฒนาปัจจัยด้านต่างๆ ทั้งด้านการผลิต การตลาด การหาแหล่งวัตถุดิบ ด้านบุคลากร ด้านการจัดการ
ด้านการเงิน การพัฒนาเทคโนโลยี ข้อมูลสารสนเทศต่างๆ ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เข้ามาไว้ที่เดียวกัน อันจะก่อให้
เกิดความคล่องตัวในการแข่งขันของกลุ่มผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในตลาดโลก
- สร้างความร่วมมือทางธุรกิจและสร้างผลประโยชน์ระหว่างผู้ประกอบการอัญมณี อันจะเป็นแนวทางในการพัฒนาให้
ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับโลกในอนาคต
- เพื่อเป็นการส่งเสริมให้มีการลงทุนจากต่างประเทศและการสร้างงานในอุตสาหกรรมสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ
นโยบายการดำเนินงาน
บริษัท ไอ.จี.เอส. จำกัด(มหาชน) ผู้บริหารโครงการ GEMOPOLIS ให้เป็นศูนย์อัญมณีและเครื่องประดับที่สมบูรณ์
แบบทัดเทียมกับศูนย์อัญมณีที่อื่นๆ ของโลก เช่น สหรัฐอเมริกา เบลเยี่ยม อิสราเอล ซึ่งได้รับการยอมรับเป็นศูนย์อัญมณีระดับโลก จึงได้
สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกและสาธารณูปโภคในการดำเนินธุรกิจไว้ที่เดียวกัน หรือในรูปแบบ “ONE - STOP - SERVICE ” ซึ่งแบ่ง
ออกเป็น 2 ส่วน คือ
1. โครงการที่ดำเนินการแล้ว
- นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (Gempolis Industrial Estate) ซึ่งเป็นศูนย์การผลิต ประกอบด้วย
โรงงานผลิตอัญมณีขนาดใหญ่ของชาวไทยและต่างชาติ 60 โรงงาน
- ศูนย์การค้าส่งอัญมณี มีพื้นที่ 50,000 ตารางเมตร
- คอนโดมิเนียมสำหรับช่างฝีมือ 1,000 ยูนิต
2. โครงการในอนาคต ประกอบด้วย
- คอนโดมิเนียมหรู สำหรับผู้บริหาร
- โรงแรมและศูนย์การค้า
- ศูนย์การค้าปลีก เพชร อัญมณีและเครื่องประดับ
- ศูนย์สันทนาการและการแพทย์
นอกจากนี้ภายในโครงการ GEMOPOLIS เพียบพร้อมด้วยระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกที่จะเอื้ออำนวย
แก่นักลงทุนและผู้ประกอบการซึ่งเปิดดำเนินการแล้ว ประกอบด้วย
1. ตลาดกลางค้าเพชรและอัญมณีระหว่างประเทศแห่งกรุงเทพมหานคร (Bangkok Diamonds & Precious
Stones หรือ BDPE) ตลาดกลางฯ คือ ศูนย์กลางการซื้อขายและแลกเปลี่ยนเพชร อัญมณีซึ่งมีกฎข้อบังคับ ระเบียบ กติกา ข้อตกลง
ในการซื้อขายที่มีมาตรฐานสากลทั่วโลก ประเทศไทยได้รับอนุมัติเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาพันธ์ตลาดกลางค้าเพชรแห่งโลก (World
Federation of Diamond Bourses หรือ WFDB)เมื่อเดือนมิถุนายน 2539 เป็นต้นมา
2. สำนักงานศุลกากร
3. ธนาคารและสถาบันการเงินชั้นนำ
4. เขตคลังสินค้าทัณฑ์บน
5. สำนักงานไปรษณีย์
6. ห้องนิรภัยรับฝากสินค้า
7. สถาบันอัญมณีศาสตร์
8. บริการขนส่งสินค้า
9. ระบบรักษาความปลอดภัยควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์
10. ระบบโทรคมนาคมที่ทันสมัย
11. บริการรับส่งด้วยเฮลิคอปเตอร์
12. ระบบป้องกันและตรวจสอบอัคคีภัย
ทำเลที่ตั้ง
โครงการ Gemopolis ตั้งอยู่บนถนนกิ่งแก้ว ซึ่งเชื่อมต่อกับถนนบางนา-ตราด กม.12 ซึ่งเป็นย่านที่มีบทบาทสำคัญต่อ
การขยายตัวของธุรกิจ เนื่องจากเป็นจุดศูนย์รวมความเจริญด้านธุรกิจการค้า การลงทุนทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยัง
รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย เช่น บริษัทชั้นนำ โรงแรม ศูนย์การค้า ธนาคาร สนามกอล์ฟ สถาบันการศึกษา
ฯลฯ
ระบบการคมนาคมขนส่งและระบบสาธารณูปโภคบริเวณรอบๆ โครงการ ได้รับการวางแผนเพื่อรองรับการขยายตัวทาง
ธุรกิจจากภาครัฐอย่างเป็นระบบ จึงทำให้การคมนาคมสะดวกและสามารถเชื่อมโยงกับเส้นทางได้หลายสาย ซึ่งประกอบด้วย
- ระบบทางด่วนขั้นที่ 1 เริ่มจากถนนบางนา-ตราด สามารถเดินทางเข้า
ใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็วและเชื่อมต่อกับระบบทางด่วนขั้นที่ 2 ได้
- ถนนวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก สามารถเชื่อมโยงภาคเหนือ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกโดยไม่ต้องผ่านใจกลางเมือง
- ถนนกรุงเทพ-ชลบุรีสายใหม่ (Motor Way) จะก่อสร้างเสร็จในปี 2541
เดินทางสู่ภาคตะวันออกได้อย่างรวดเร็ว
- ถนนกิ่งแก้ว มีแผนจะขยายเป็น 6 ช่องจราจร
- โครงการทางด่วนสายบางนา-บางพลี-บางปะกง
- ถนนศรีนครินทร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งของ
กรุงเทพมหานคร
- สนามบินหนองงูเห่า เป็นสนามบินนานาชาติแห่งที่ 2 ของกรุงเทพมหานคร
ซึ่งห่างจาก Gemopolis เพียง 4 กม. โดยคาดว่าจะสามารถเปิดบริการใน
ระยะแรกได้ในราวปี 2543 ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้แก่นักธุรกิจอัญมณี
ต่างประเทศที่เข้ามาซื้อขายอัญมณีใน Gemopolis เป็นอย่างมาก
ข้อคิดเห็น
จากข้อมูลข้างต้น พบว่าทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชนได้ตระหนักถึงความสำคัญในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
และพยายามผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก แต่ยังมีปัญหาอุปสรรคเกี่ยวกับ
ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งผู้ประกอบการได้ร้องเรียนถึงผลกระทบโดยตรงต่อผู้ส่งออกอย่างมาก เนื่องจากเป็นการเพิ่มภาระต้นทุนการ
ผลิตมากขึ้น มีผลให้เสียเปรียบคู่แข่งขันเพราะการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มไปก่อนในทุกขั้นตอนแล้วขอคืนภายหลังเมื่อมีการส่งออกแล้ว แต่
ระบบการคืนขาดความคล่องตัวได้รับคืนล่าช้า ทำให้ผู้ส่งออกขาดเงินทุนหมุนเวียนและมีภาระดอกเบี้ยเงินกู้มากขึ้น ดังนั้น จึงควรปรับปรุง
ระบบการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้รวดเร็วยิ่งขึ้นหรือยกเลิกภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับเพื่อการส่งออก ก็จะ
ช่วยให้การค้าอัญมณีและเเครื่องประดับของไทยเจริญเติบโตและเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของโลกในภูมิภาคเอเชียต่อไป
ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับที่มีศักยภาพสูงประเทศหนึ่ง ซึ่งสามารถสังเกตได้จากสถิติ
การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพราะได้รับความเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก
ทั้งด้านฝีมือการเจียระไนเพชรพลอยและการประดิษฐ์เครื่องประดับได้อย่างดีเลิศ จึงควรส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต
และการค้าอัญมณีและเครื่องประดับขนาดใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย--จบ
โดย : กรมส่งเสริมการส่งออก
กนกวรรณ นิลเพ็ชร์
มิถุนายน 2540
แหล่งข้อมูล:
แฟ้มข้อมูล กรมส่งเสริมการส่งออก
ประชาชาติธุรกิจประจำวันที่ 23-26 มกราคม 2540
ร้อยละ 3.9 ของมูลค่าการส่งออกรวมของประเทศ หรือมูลค่า 54,272.9 ล้านบาท เทียบกับ 52,498.6 ล้านบาท ของ
ปี 2538 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 และปี 2540 ในช่วงไตรมาสแรกมีมูลค่าการส่งออก 11,983.4 ล้านบาทเทียบกับ 13,479.6
ล้านบาทของปี 2539 ลดลงร้อยละ 11.1
อัญมณีและเครื่องประดับส่งออกแบ่งออกได้เป็นสองหมวดคือ
1. อัญมณี
- เพชร มีมูลค่าการส่งออกขยายตัวอย่างต่อเนื่องคือจากมูลค่า 9,475.9 ล้าน บาท ในปี 2535 เพิ่มขึ้นเป็น
20,230.3 ล้านบาท ในปี 2539 หรือเพิ่มขึ้นถึง 2.1 เท่าในช่วง 5 ปี และในปี 2540 ในช่วงไตรมาสแรกมี มูลค่า
การส่งออก 4,290.9 ล้านบาท เทียบกับ 3,350.2 ล้านบาทของปี 2538 ในช่วงระยะเดียวกันลดลงร้อยละ 19.8
ตลาดส่งออกสำคัญคือ สหภาพยุโรปร้อยละ 29.0 อิสราเอลร้อยละ 15.0 ญี่ปุ่นร้อยละ 5.7 สิงคโปร์ร้อยละ 5.2
สหรัฐอเมริกา ร้อยละ 3.8 ส่วนที่เหลือเป็นการส่งออกไปประเทศอื่น ๆ
- พลอย มีมูลค่าส่งออกลดลงคือจากมูลค่า 11,077.3 ล้านบาท ในปี 2535 เป็น 10,393.0 ล้านบาท
ในปี 2539 หรือลดลงร้อยละ 6.1 ในช่วง 5 ปี และปี 2540 ในช่วงไตรมาสแรกมีมูลค่า 2,431.2 ล้านบาท เทียบ
2,903.4 ล้านบาทของปี 2539 ในช่วงระยะเดียวกันลดลงร้อยละ 16.2 การที่มูลค่าการส่งออกพลอยมีแนวโน้มลดลง
เนื่องจากมีการใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องประดับมากขึ้น ตลาดส่งออกสำคัญ คือ ญี่ปุ่นร้อยละ 31.3 สหรัฐอเมริกา
ร้อยละ 24.9 ฮ่องกง ร้อยละ 13.8 สหภาพยุโรปร้อยละ 12.4 สวิตเซอร์แลนด์ร้อยละ 8.0 ส่วนที่เหลือเป็นการ
ส่งออกไปประเทศอื่น ๆ
- อัญมณีสังเคราะห์ การส่งออกอัญมณีสังเคราะห์ในระยะที่ผ่านมามีแนวโน้มลดลงโดยในปี 2535 มีมูลค่า
664.7 ล้านบาท ลดลงเป็น 451.0 ล้านบาท ในปี 2539 หรือลดลงร้อยละ 32.1 ในช่วง 5 ปี และปี 2540 ในช่วง
ไตรมาสแรกมีมูลค่า 128.6 ล้านบาท เทียบกับ 113.2 ของปี 2539 ในช่วงระยะเดียวกันเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.6 ตลาด
ส่งออกที่สำคัญคือ สิงคโปร์ ร้อยละ 24.1 สหรัฐฯ ร้อยละ 20.1 มาเลเซีย ร้อยละ 6.4 ส่วนที่เหลือเป็นการส่งออกไป
ประเทศอื่น ๆ
2. เครื่องประดับ
- เครื่องประดับมีค่า มีมูลค่าการส่งออกขยายตัวต่อเนื่องคือจากมูลค่า 16,038.9 ล้านบาท ในปี 2535
เพิ่มขึ้นเป็น 21,277.5 ล้านบาท ในปี 2539 หรือเพิ่มขึ้น 1.3 เท่าในช่วง 5 ปี และปี 2540 ในช่วงไตรมาสแรกมี
มูลค่า 4,622.8 ล้านบาทเทียบกับ 4,545.5 ล้านบาท ของปี 2539 ในช่วงระยะเดียวกันเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 เครื่อง
ประดับที่ส่งออกของไทยยประกอบด้วยเครื่องประดับทองร้อยละ 75.0 เครื่องประดับเงินร้อยละ 19.0 เครื่องประดับ
แพลตินั่มร้อยละ 5.8 และเครื่องประดับโลหะชนิดอื่นๆ ร้อยละ 0.2 ตลาดส่งออกสำคัญคือ สหรัฐอเมริการ้อยละ 35.9
สหภาพยุโรปร้อยละ 26.8 ญี่ปุ่นร้อยละ 17.6 สวิตเซอร์แลนด์ร้อยละ 5.2 ฮ่องกงร้อยละ 3.0 ส่วนที่เหลือเป็นการส่ง
ออกไปประเทศอื่น ๆ
- เครื่องประดับแฟชั่น (เครื่องประดับเทียม) มีมูลค่าการส่งออกขยายตัวไม่สม่ำเสมอโดยในปี 2535 มีมูลค่า
1,678.7 ล้านบาทเพิ่มขึ้นเป็น 1,873.4 ล้านบาทในปี 2538 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.5 ในช่วง 4 ปี ต่อมา ปี 2539
มูลค่าการส่งออกลดลงเป็น 1,816.5 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 3.0 ส่วนปี 2540 ในช่วงไตรมาสแรกมีมูลค่าการ
ส่งออก 408.2 ล้านบาท เทียบกับ 431.0 ของปี 2539 ในช่วงระยะเดียวกันลดลง ร้อยละ 5.3 ตลาดส่งออกที่สำคัญคือ
สหรัฐฯ ร้อยละ 33.2 ฝรั่งเศส ร้อยละ 19.7 สหราชอาณาจักรร้อยละ 7.1 ส่วนที่เหลือเป็นการส่งออกไปประเทศอื่น ๆ
การแข่งขัน
การส่งออกสินค้าสำคัญอัญมณีและเครื่องประดับของไทยปัจจุบันประสบภาวะการแข่งขัน ค่อนข้างสูงในตลาดโลก
คู่แข่งขันในแต่ละประเภทของสินค้าจะแตกต่างกันไปดังนี้
- เพชร ประเทศไทยต้องแข่งขันในด้านฝีมือการเจียระไนกับประเทศผู้ผลิตส่งออกสำคัญในตลาดโลก เช่น
อิสราเอลและอินเดีย เป็นต้น
- พลอยชนิดต่าง ๆ แม้ประเทศไทยจะยังเป็นผู้ผลิตส่งออกสำคัญอันดับหนึ่งของโลก เนื่องจากมีความชำนาญสูง
ในการเจียระไน แต่ปัจจุบันประสบภาวะขาดแคลนวัตถุดิบเนื่องจากวัตถุดิบที่หาได้จากภายในประเทศมีปริมาณน้อยลงและ
พลอยอีกหลายชนิดไม่มีแหล่งผลิตในประเทศไทย จำเป็นต้องแสวงหาแหล่งผลิตและนำเข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมการเจียระไน
และการผลิตเครื่องประดับในอนาคตประเทศอื่นซึ่งอุดมไปด้วยวัตถุดิบ เช่น ศรีลังกา พม่า และเวียดนาม เป็นต้น อาจจะ
ก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งขันที่สำคัญของไทยก็เป็นได้เพราะปัจจุบันประเทศดังกล่าวกำลังเร่งพัฒนาอุตสาห-กรรมอัญมณีและเครื่อง
ประดับของตนเองตามลำดับ
- เครื่องประดับมีค่า (Precious Jewelry) ประเทศไทยต้องแข่งขันกับประเทศต่าง ๆ สองกลุ่มคือประเทศ
ซึ่งเป็นผู้นำทั้งในด้านแฟชั่น เทคโนโลยีการผลิตและการตลาด เช่น อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ ฮ่องกง สหราชอาณาจักรและ
ฝรั่งเศส เป็นต้น อีกกลุ่มคือประเทศผู้ผลิตซึ่งมีแหล่งวัตถุดิบอัญมณีภายในประเทศ เช่น อินเดียและศรีลังกา เป็นต้น
- เครื่องประดับแฟชั่น (Costume Jewelry) ไทยต้องแข่งขันทั้งกับประทศซึ่งเป็นผู้นำด้านแฟชั่น การตลาด
และประเทศซึ่งมีภาระต้นทุนการผลิตต่ำกว่า เช่น ฮ่องกง เกาหลีใต้และจีน เป็นต้น
แนวโน้มการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับปี 2540
การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับในปีนี้คาดว่าจะสามารถขยายตัวต่อเนื่องเพราะภาวะ เศรษฐกิจของประเทศ
คู่ค้าสำคัญเช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและสหภาพยุโรปเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นและประกอบกับประเทศไทยได้เข้าเป็นสมาชิกตลาดกลาง
ค้าเพชรและอัญมณีระหว่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีส่วนช่วยให้การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับขยายตัวมากขึ้นในปี 2540
เป้าหมายการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ
กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในปี 2540 โดยรวมเป็นมูลค่า
63,650.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2539 ร้อยละ 17.6 มีเป้าหมายแต่ละรายการดังนี้
เป้าหมายการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับปี 2540
มูลค่า : ล้านบาท
___________________________________________________________________________________
สินค้าเป้าหมาย | 2538 | 2539 | 2540 | อัตราการขยายตัวร้อยละ
| | | |_______________________
| | | | 39 | 40
___________________________________________________________________________________
อัญมณีและเครื่องประดับ | 52,498.6 | 54,272.9 | 63,650.0 | 2.1 | 17.2
- เพชร | 18,888.5 | 20,230.3 | 27,000.0 | 7.1 | 33.4
- พลอยและไข่มุก | 10,692.7 | 10,497.6 | 10,250.0 | -1.8 | 16.6
- เครื่องประดับแท้ | 20,598.5 | 21,277.5 | 21,940.0 | 3.3 | 3.1
- เครื่องประดับอัญมณี | | | | |
เทียม | 1,873.4 | 1,816.5 | 2,000.0 | -3.0 | 10.1
- อัญมณีสังเคราะห์ | 445.4 | 451.0 | 460.0 | 1.3 | 1.9
___________________________________________________________________________________
ที่มา : กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์
์ปัญหาและอุปสรรค
แม้อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทย ได้มีการพัฒนาทั้งในด้านการผลิตและการตลาดสามารถขยายการส่งออก
ได้เป็นมูลค่าสูงในระยะที่ผ่านมาแต่ปัจจุบันอัตราการขยายตัวลดลงเพราะนอกจากจะมีคู่แข่งขันเพิ่มมากขึ้นและมีปัญหาอุปสรรคหลาย
ประการเช่น
1. ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นเนื่องจาก
- การที่รัฐบาลได้นำระบบการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มมาใช้และจะคืนให้ต่อเมื่อมีการส่งออกแล้วแต่การขอคืนจะได้รับ
ค่อนข้างช้ามีผลให้ผู้ประกอบการประสบภาวะการขาดแคลนเงินทุนหมุนเวียนในการพัฒนาอุตสาหกรรมของตนเอง
- อัตราค่าแรงงานมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกระดับ
- ขาดแคลนแรงงานฝีมือ โดยเฉพาะช่างเจียระไน ช่างฝีมือการประดิษฐ์เครื่องประดับ เป็นต้น
- ปริมาณวัตถุดิบจากแหล่งผลิตภายในประเทศมีแนวโน้มลดลง จำเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศและประเทศซึ่งเป็น
แหล่งผลิตอัญมณี โดยเฉพาะศรีลังกา ออสเตรเลีย พม่า เวียดนามและอื่น ๆ มีนโยบายสงวนวัตถุดิบของตนเองไว้เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม
อัญมณีและเครื่องประดับภายในประเทศของตนเองมากกว่าการส่งออก
2. ขาดแคลนการศึกษาวิจัยด้านในการพัฒนาไปสู่ระดับสูง ทั้งในด้านเทคโนโลยีการผลิตและ กลยุทธ์การเจาะขยายตลาด
การส่งออก
3. ขาดแคลนข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะความต้องการแนวโน้มและรูปแบบในตลาดนำเข้าสำคัญและตลาดที่มีลู่ทางเจาะขยาย
การส่งออก
แนวทางการแก้ไข
1. แก้ไขปรับปรุงวิธีการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้รวดเร็วยิ่งขึ้นเพื่อให้ผู้ประกอบการมีเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
สามารถลดต้นทุนค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะภาระดอกเบี้ยลง
2.เจรจากับประเทศซึ่งมีแหล่งผลิตวัตถุดิบเพื่อความสะดวกในการซื้อขาย
3.เร่งรัดสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรตั้งแต่ระดับช่างฝีมือ นักออกแบบไปจนถึงระดับการจัดการและนักการตลาดเพื่อพัฒนา
อุตสาหกรรมให้เจริญเติบโตยิ่งขึ้น
4.สนับสนุนให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตไปสู่ระดับสูงยิ่งขึ้น
5.รวบรวมศึกษาวิเคราะห์และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับอัญมณีและเครื่องประดับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และภาคเอกชนให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
บทบาทของภาครัฐบาลในการสนับสนุนส่งเสริมอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ออกประกาศให้การส่งเสริมการลงทุนแก่อุตสาหกรรม
อัญมณีและเครื่องประดับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2519 เป็นต้น มาโดยผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนได้รับสิทธิประโยชน์ตาม
ขอบเขตและเงื่อนไขที่กำหนดกระทรวงการคลัง
2.1 ออกประกาศยกเว้นภาษีนำเข้าและภาษีการค้าพลอยเพชรที่ยังมิได้เจียระไน เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเจียระไน เมื่อวันที่
2 กันยายน 2520
2.2 ออกประกาศยกเว้นภาษีนำเข้าและภาษีการค้าเพชรพลอยที่เจียระไนแล้ว เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องประดับ
สำเร็จรูป เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2523
2.3 ออกระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการซื้อทองคำจากคลังทองคำของทางราชการ เมื่อวันที่ 28 เมษายน
2531
2.4 กรมสรรพากรออกประกาศหลักเกณฑ์เงื่อนไขการยกเว้นภาษีการค้าสำหรับการนำเข้าทองคำและเก็บไว้ในคลังทองคำของ
ทางการเฉพาะที่ขายแก่ผู้ซื้อเพื่อการผลิตสินค้าส่งออกไปนอกราชอาณาจักร
2.5 อนุมัติให้ผู้ผลิตเพื่อการส่งออก จัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนประเภทโรงงานผลิตสินค้าตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469
ให้สามารถนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศเข้ามาทำการผลิตหรือผสมประกอบเป็นสินค้าสำเร็จรูป ส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ
โดยงดเว้นอากรขาเข้าและอากรขาออกแก่สินค้าที่ไปจากคลังสินค้าฯ ตามเงื่อนไขที่กำหนด
2.6 เร่งรัดการคืนภาษีนำเข้าวัตถุดิบตามมาตรา 19 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากรให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
2.7 ออกประกาศอนุญาตให้นักทัศนาจร หรือผู้เดินทางผ่านสามารถซื้ออัญมณีและเครื่องประดับติดตัวออกไปโดยไม่จำกัดมูลค่า
เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2514
2.8 ออกประกาศให้ยกเลิกการเก็บภาษีการค้าและภาษีเทศบาล ร้อยละ 3.3 สำหรับสินค้าเครื่องประดับที่ส่งออกไปจำหน่าย
ต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศได้มีการช่วยเจรจากับศรีลังกาให้ยินยอมส่งออกพลอยกิวดาแก่ประเทศไทย เพื่อลดปัญหาการ
ขาดแคลนวัตถุดิบพลอยซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
กระทรวงอุตสาหกรรม
กรมทรัพยากรธรณีได้ดำเนินการสำรวจแหล่งรัตนชาติ ซึ่งเป็นวัตถุดิบในพื้นที่ ซึ่งมีศักย-ภาพและเป็นผู้พิจารณาออกใบ
อนุญาตในการขุดหาแร่รัตนชาติรายย่อยตามพระราชบัญญัติ พ.ศ. 2510
ธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกระเบียบว่าด้วยการรับช่วงซื้อลดตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกิดจากการประกอบกิจการอุตสาหกรรม
ขนาดย่อม พ.ศ. 2521 โดยการรับช่วงซื้อลดตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นการให้สินเชื่อระยะสั้นไม่เกิน 120 วัน ตามเงื่อนไขที่กำหนด
การให้สินเชื่อเป็นการให้ผ่านสถาบันการเงินโดยธนาคารแห่งประเทศไทยรับช่วงซื้อลดตั๋วสัญญาใช้เงินจากธนาคารพาณิชย์
และบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
กระทรวงพาณิชย์
กรมส่งเสริมการส่งออกมีบทบาทสำคัญในด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับการส่งเสริม เผยแพร่และเร่งรัดการส่งออกโดยจัดกิจกรรม
ส่งเสริมการส่งออกในรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งรวบรวมปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ เสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาการส่งออกเพื่อดำเนินการแก้ไข
กิจกรรมการส่งเสริมการส่งออก
อัญมณีและเครื่องประดับเป็นสินค้าที่ภาครัฐบาลกำหนดให้เป็นสินค้าเป้าหมายการส่งออกซึ่งกรมส่งเสริมการส่งออกได้ดำเนิน
กิจกรรมส่งเสริมการส่งออกในรูปแบบต่าง ๆ เช่น
1. จัดงานแสดงสินค้า Bangkok Gems Jewelry Watch & Clock Fair ที่กรุงเทพเป็นประจำทุกปี
2. เข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ เช่น Ja Int l Jewerly Show, Las Vegas
3. การส่งเสริมกิจกรรมการขายร่วมกับห้างสรรพสินค้าในต่างประเทศ
4. การจัดคณะผู้แทนการค้าไปเจรจาการค้าในตลาดต่างประเทศ
5. การเชิญคณะผู้แทนการค้ามาเยี่ยมชมงานแสดงสินค้า Bangkok Gems Jewelry, Watch & Clock Fair ที่
รุงเทพเพื่อเจรจาการค้า
6. การเผยแพร่ข้อมูลอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในรูปแบบต่าง ๆ ไปยังตลาดต่างประเทศให้กว้างขวาง
ยิ่งขึ้น เช่น
6.1 การให้ข้อมูลในงานแสดงสินค้าต่างประเทศ
6.2 การเชิญชวนนักเขียนหรือนักข่าวต่างประเทศเข้ามาเยี่ยมชมงานแสดงสินค้า Bangkok Gems Jewelry,
Watch & Clock Fair
6.3 การเผยแพร่ผ่านสื่อต่าง ๆ เช่น แผ่นพับ VDO และการลงโฆษณาในแมกาซีนหรือวารสารที่เกี่ยวกับ
อัญมณีและเครื่องประดับในต่างประเทศ เป็นต้น
7. สนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเผยแพร่ข้อมูลต่าง ๆ ด้านรูปแบบแนวโน้มแฟชั่นในตลาดโลกไปยังภาคเอกชน
8. นัดหมายในการเจรจาการค้าระหว่างผู้นำเข้าและผู้ผลิตส่งออกของไทย
9. รวบรวมปัญหาและเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาอุปสรรคการส่งออก
10. ศึกษาและเผยแพร่ข้อมูลการค้าอัญมณีและเครื่องประดับไปยังภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
บทบาทของภาคเอกชน
กลุ่มผู้ประกอบการชั้นนำในธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับได้ร่วมมือกันจัดตั้งบริษัท ไอ.จี.เอส. จำกัด(มหาชน) ด้วย
เงินทุนจดทะเบียนจำนวน 400 ล้านบาท เพื่อดำเนินการพัฒนาและบริหารโครงการอัญธานี (Gemopolis) ศูนย์อัญมณีและเครื่องประดับ
ครบวงจรแห่งแรกของไทย โดยได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมส่งเสริมการลงทุนให้เป็นเขตส่งเสริมการลงทุนในปี 2533
วัตถุประสงค์ในการดำเนินงานในโครงการอัญธานี
- สนองตอบเจตนารมย์ของภาครัฐบาลในการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางอัญมณีและเครื่องประดับที่สมบูรณ์แบบ
แห่งหนึ่งของโลก
- เป็นการส่งเสริมและยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยให้เป็นที่ยอมรับของนานาชาติทั่วโลก
- มุ่งขยายรากฐานและพัฒนาปัจจัยด้านต่างๆ ทั้งด้านการผลิต การตลาด การหาแหล่งวัตถุดิบ ด้านบุคลากร ด้านการจัดการ
ด้านการเงิน การพัฒนาเทคโนโลยี ข้อมูลสารสนเทศต่างๆ ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เข้ามาไว้ที่เดียวกัน อันจะก่อให้
เกิดความคล่องตัวในการแข่งขันของกลุ่มผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในตลาดโลก
- สร้างความร่วมมือทางธุรกิจและสร้างผลประโยชน์ระหว่างผู้ประกอบการอัญมณี อันจะเป็นแนวทางในการพัฒนาให้
ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับโลกในอนาคต
- เพื่อเป็นการส่งเสริมให้มีการลงทุนจากต่างประเทศและการสร้างงานในอุตสาหกรรมสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ
นโยบายการดำเนินงาน
บริษัท ไอ.จี.เอส. จำกัด(มหาชน) ผู้บริหารโครงการ GEMOPOLIS ให้เป็นศูนย์อัญมณีและเครื่องประดับที่สมบูรณ์
แบบทัดเทียมกับศูนย์อัญมณีที่อื่นๆ ของโลก เช่น สหรัฐอเมริกา เบลเยี่ยม อิสราเอล ซึ่งได้รับการยอมรับเป็นศูนย์อัญมณีระดับโลก จึงได้
สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกและสาธารณูปโภคในการดำเนินธุรกิจไว้ที่เดียวกัน หรือในรูปแบบ “ONE - STOP - SERVICE ” ซึ่งแบ่ง
ออกเป็น 2 ส่วน คือ
1. โครงการที่ดำเนินการแล้ว
- นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (Gempolis Industrial Estate) ซึ่งเป็นศูนย์การผลิต ประกอบด้วย
โรงงานผลิตอัญมณีขนาดใหญ่ของชาวไทยและต่างชาติ 60 โรงงาน
- ศูนย์การค้าส่งอัญมณี มีพื้นที่ 50,000 ตารางเมตร
- คอนโดมิเนียมสำหรับช่างฝีมือ 1,000 ยูนิต
2. โครงการในอนาคต ประกอบด้วย
- คอนโดมิเนียมหรู สำหรับผู้บริหาร
- โรงแรมและศูนย์การค้า
- ศูนย์การค้าปลีก เพชร อัญมณีและเครื่องประดับ
- ศูนย์สันทนาการและการแพทย์
นอกจากนี้ภายในโครงการ GEMOPOLIS เพียบพร้อมด้วยระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกที่จะเอื้ออำนวย
แก่นักลงทุนและผู้ประกอบการซึ่งเปิดดำเนินการแล้ว ประกอบด้วย
1. ตลาดกลางค้าเพชรและอัญมณีระหว่างประเทศแห่งกรุงเทพมหานคร (Bangkok Diamonds & Precious
Stones หรือ BDPE) ตลาดกลางฯ คือ ศูนย์กลางการซื้อขายและแลกเปลี่ยนเพชร อัญมณีซึ่งมีกฎข้อบังคับ ระเบียบ กติกา ข้อตกลง
ในการซื้อขายที่มีมาตรฐานสากลทั่วโลก ประเทศไทยได้รับอนุมัติเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาพันธ์ตลาดกลางค้าเพชรแห่งโลก (World
Federation of Diamond Bourses หรือ WFDB)เมื่อเดือนมิถุนายน 2539 เป็นต้นมา
2. สำนักงานศุลกากร
3. ธนาคารและสถาบันการเงินชั้นนำ
4. เขตคลังสินค้าทัณฑ์บน
5. สำนักงานไปรษณีย์
6. ห้องนิรภัยรับฝากสินค้า
7. สถาบันอัญมณีศาสตร์
8. บริการขนส่งสินค้า
9. ระบบรักษาความปลอดภัยควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์
10. ระบบโทรคมนาคมที่ทันสมัย
11. บริการรับส่งด้วยเฮลิคอปเตอร์
12. ระบบป้องกันและตรวจสอบอัคคีภัย
ทำเลที่ตั้ง
โครงการ Gemopolis ตั้งอยู่บนถนนกิ่งแก้ว ซึ่งเชื่อมต่อกับถนนบางนา-ตราด กม.12 ซึ่งเป็นย่านที่มีบทบาทสำคัญต่อ
การขยายตัวของธุรกิจ เนื่องจากเป็นจุดศูนย์รวมความเจริญด้านธุรกิจการค้า การลงทุนทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยัง
รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย เช่น บริษัทชั้นนำ โรงแรม ศูนย์การค้า ธนาคาร สนามกอล์ฟ สถาบันการศึกษา
ฯลฯ
ระบบการคมนาคมขนส่งและระบบสาธารณูปโภคบริเวณรอบๆ โครงการ ได้รับการวางแผนเพื่อรองรับการขยายตัวทาง
ธุรกิจจากภาครัฐอย่างเป็นระบบ จึงทำให้การคมนาคมสะดวกและสามารถเชื่อมโยงกับเส้นทางได้หลายสาย ซึ่งประกอบด้วย
- ระบบทางด่วนขั้นที่ 1 เริ่มจากถนนบางนา-ตราด สามารถเดินทางเข้า
ใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็วและเชื่อมต่อกับระบบทางด่วนขั้นที่ 2 ได้
- ถนนวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก สามารถเชื่อมโยงภาคเหนือ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกโดยไม่ต้องผ่านใจกลางเมือง
- ถนนกรุงเทพ-ชลบุรีสายใหม่ (Motor Way) จะก่อสร้างเสร็จในปี 2541
เดินทางสู่ภาคตะวันออกได้อย่างรวดเร็ว
- ถนนกิ่งแก้ว มีแผนจะขยายเป็น 6 ช่องจราจร
- โครงการทางด่วนสายบางนา-บางพลี-บางปะกง
- ถนนศรีนครินทร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งของ
กรุงเทพมหานคร
- สนามบินหนองงูเห่า เป็นสนามบินนานาชาติแห่งที่ 2 ของกรุงเทพมหานคร
ซึ่งห่างจาก Gemopolis เพียง 4 กม. โดยคาดว่าจะสามารถเปิดบริการใน
ระยะแรกได้ในราวปี 2543 ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้แก่นักธุรกิจอัญมณี
ต่างประเทศที่เข้ามาซื้อขายอัญมณีใน Gemopolis เป็นอย่างมาก
ข้อคิดเห็น
จากข้อมูลข้างต้น พบว่าทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชนได้ตระหนักถึงความสำคัญในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
และพยายามผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก แต่ยังมีปัญหาอุปสรรคเกี่ยวกับ
ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งผู้ประกอบการได้ร้องเรียนถึงผลกระทบโดยตรงต่อผู้ส่งออกอย่างมาก เนื่องจากเป็นการเพิ่มภาระต้นทุนการ
ผลิตมากขึ้น มีผลให้เสียเปรียบคู่แข่งขันเพราะการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มไปก่อนในทุกขั้นตอนแล้วขอคืนภายหลังเมื่อมีการส่งออกแล้ว แต่
ระบบการคืนขาดความคล่องตัวได้รับคืนล่าช้า ทำให้ผู้ส่งออกขาดเงินทุนหมุนเวียนและมีภาระดอกเบี้ยเงินกู้มากขึ้น ดังนั้น จึงควรปรับปรุง
ระบบการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้รวดเร็วยิ่งขึ้นหรือยกเลิกภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับเพื่อการส่งออก ก็จะ
ช่วยให้การค้าอัญมณีและเเครื่องประดับของไทยเจริญเติบโตและเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของโลกในภูมิภาคเอเชียต่อไป
ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับที่มีศักยภาพสูงประเทศหนึ่ง ซึ่งสามารถสังเกตได้จากสถิติ
การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพราะได้รับความเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก
ทั้งด้านฝีมือการเจียระไนเพชรพลอยและการประดิษฐ์เครื่องประดับได้อย่างดีเลิศ จึงควรส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต
และการค้าอัญมณีและเครื่องประดับขนาดใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย--จบ
โดย : กรมส่งเสริมการส่งออก
กนกวรรณ นิลเพ็ชร์
มิถุนายน 2540
แหล่งข้อมูล:
แฟ้มข้อมูล กรมส่งเสริมการส่งออก
ประชาชาติธุรกิจประจำวันที่ 23-26 มกราคม 2540