กรุงเทพ--8 เม.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
ตามที่ ฯพณฯ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางเยือนศรีลังกา ระหว่างวันที่ 4-8 เมษายน 2542 นั้น
เมื่อวันที่ 5 เมษายน ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ และคณะได้เยี่ยมคารวะ และหารือข้อราชการกับนาย Lakshman Kadirgamar รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศศรีลังกา โดยมีนาย T.H.W. Woutersz ปลัดกระทรวงการต่างประเทศศรีลังกา และนาย Chandrananda De Silva ปลัดกระทรวงกลาโหมศรีลังกาเข้าร่วมสนทนาด้วย สรุปประเด็นสำคัญของการสนทนาได้ดังนี้
1) ความสัมพันธ์ทวิภาคี
1.1 ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ กล่าวว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญต่อการเยือนศรีลังกาครั้งนี้เป็นอย่างมากตามนโยบาย “มองไปทางตะวันตก” (Look West) ของไทย ซึ่งในระหว่างการหารือ ทั้งสองฝ่ายได้ย้ำว่า ไทยและศรีลังกามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างกันมาเป็นเวลานาน โดยอยู่บนพื้นฐานของการมีพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ มีความเกี่ยวพันทางประวัติศาสตร์ และมีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน และในช่วงระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองได้รับการพัฒนาให้มีความใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็ว ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี
1.2 ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ได้แสดงความขอบคุณที่ฝ่ายศรีลังกาได้ทูลเกล้าฯ ถวายพระบรมสารีริกธาตุแด่สมเด็จพระสังฆราช เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ และในระหว่างการเยือนครั้งนี้ ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ได้มอบพระพุทธรุปปางอู่ทองให้แก่ฝ่ายศรีลังกาเพื่อเป็นของขวัญจากประชาชนชาวไทยในโอกาสฉลองเอกราชครบ 50 ปี ของศรีลังกา (พ.ศ. 2541)
1.3 ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ได้แจ้งแก่ฝ่ายศรีลังกาว่า ฝ่ายไทยให้ความสำคัญกับการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ (JETC) ระหว่างไทย-ศรีลังกา และกำหนดจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JETC ครั้งที่ 1 ในช่วงปลายปี 2542 โดย ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ จะเป็นประธานคณะกรรมธิการร่วมฯ ฝ่ายไทย ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ได้เน้นว่า เพื่อให้การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ ได้รับผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม จึงเห็นควรให้ทั้งสองฝ่ายมีการหารือในรายละเอียดในด้านการเตรียมการและระเบียบวาระการประชุมล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ ในอันที่จะนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในด้านการเพิ่มปริมาณการค้า การลงทุน และการกระชับความร่วมมือด้านวิชาการระหว่างกัน
1.4 ในด้านความร่วมมือด้านความมั่นคงและข่าวกรอง ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ได้ย้ำถึงนโยบายของรัฐบาลไทยที่จะปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งในด้านการปราบปรามยาเสพติด การค้าอาวุธสงคราม และการต่อต้านการก่อการร้าย โดยเห็นว่า น่าจะมีความร่วมมืออย่างเป็นทางการระหว่างไทย-อินเดีย-บังกลาเทศ-ศรีลังกา ซึ่งฝ่ายไทยได้เสนอเรื่องนี้แก่อินเดียและบังกลาเทศแล้ว สำหรับปัญหาเรื่องการปฏิบัติการของขบวนการพยัคฆ์ทมิฬอีแลม (LTTE) ในประเทศไทยนั้น หากฝ่ายศรีลังกามีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ขอให้แจ้งให้ฝ่ายไทยทราบด้วยเพื่อจะได้ดำเนินการป้องกันและปราบปรามอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
1.5 ฝ่ายไทยได้แสดงความประสงค์ที่จะขอรับความร่วมมือทางวิชาการด้านพุทธศาสนาจาก ศรีลังกาเพื่อสนับสนุนการก่อตั้งมหาวิทยาลัยพุทธศาสนาแห่งโลก (World Buddhist University) ในประเทศไทย
2. ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ
2.1 ทั้งสองฝ่ายเห็นว่า แม้ปริมาณการค้าระหว่างประเทศทั้งสองจะยังมีมูลค่าไม่มากนัก แต่ก็มีลู่ทางที่จะสามารถขยายตัวได้ในอนาคต โดย ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ได้ขอให้ฝ่ายศรีลังกาพิจารณาขจัดปัญหาที่เป็นอุปสรรคในการติดต่อค้าขายระหว่างกันโดยเฉพาะการพิจารณาผ่อนผันมาตรการในเรื่องการออกใบ รับรองมาตรฐานสินค้า และเห็นว่าทั้งสองฝ่ายควรเร่งรัดเรื่องการจัดทำความตกลงทางการค้าระหว่างกันโดยเร็ว
2.2 ฝ่ายไทยได้เสนอให้ศรีลังกาพิจารณาจัดตั้งหอการค้าศรีลังกา — ไทย เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนของประเทศทั้งสอง โดยหากเป็นไปได้อาจพิจารณาจัดตั้งในระหว่างการประชุม JETC ครั้งที่ 1
2.3 ฝ่ายไทยได้ย้ำถึงความสำคัญของการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินระหว่างไทย — ศรีลังกา เพื่อเพิ่มการติดต่อระหว่างประชาชน - ประชาชนของประเทศทั้งสอง
3. ความสัมพันธ์ในกรอบพหุภาคี
3.1 ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ได้แสดงความขอบคุณที่รัฐบาลศรีลังกาได้ให้การสนับสนุนแก่ ดร. ศุภชัย พานิชภักดิ์ ในการสมัครเข้าดำรงตำแหน่ง ผอ. WTO รวมทั้งการที่รัฐบาลศรีลังกาได้สนับสนุนให้ไทยเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมความร่วมมือแห่งภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย (India Ocean Rim- Association for Regional Cooperation: IOR-ARC )
3.2 ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจ BIMST-EC จะเป็นกลไกสำคัญอันหนึ่งที่จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ศรีลังกา รวมทั้งจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง ASEAN-SAARC ทั้งนี้ ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ได้แสดงความยินดีที่ศรีลังกาได้รับแต่งตั้งให้เป็น lead country ของ BIMST-EC ในสาขาการท่องเที่ยว พร้อมกล่าวว่าพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับศรีลังกาในการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศสมาชิก โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนา
3.3 ฝ่ายไทยได้ขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลศรีลังกาในการที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการ ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา ครั้งที่ 10 ที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 12-19 กุมภาพันธ์ 2543 --จบ--
ตามที่ ฯพณฯ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางเยือนศรีลังกา ระหว่างวันที่ 4-8 เมษายน 2542 นั้น
เมื่อวันที่ 5 เมษายน ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ และคณะได้เยี่ยมคารวะ และหารือข้อราชการกับนาย Lakshman Kadirgamar รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศศรีลังกา โดยมีนาย T.H.W. Woutersz ปลัดกระทรวงการต่างประเทศศรีลังกา และนาย Chandrananda De Silva ปลัดกระทรวงกลาโหมศรีลังกาเข้าร่วมสนทนาด้วย สรุปประเด็นสำคัญของการสนทนาได้ดังนี้
1) ความสัมพันธ์ทวิภาคี
1.1 ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ กล่าวว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญต่อการเยือนศรีลังกาครั้งนี้เป็นอย่างมากตามนโยบาย “มองไปทางตะวันตก” (Look West) ของไทย ซึ่งในระหว่างการหารือ ทั้งสองฝ่ายได้ย้ำว่า ไทยและศรีลังกามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างกันมาเป็นเวลานาน โดยอยู่บนพื้นฐานของการมีพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ มีความเกี่ยวพันทางประวัติศาสตร์ และมีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน และในช่วงระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองได้รับการพัฒนาให้มีความใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็ว ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี
1.2 ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ได้แสดงความขอบคุณที่ฝ่ายศรีลังกาได้ทูลเกล้าฯ ถวายพระบรมสารีริกธาตุแด่สมเด็จพระสังฆราช เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ และในระหว่างการเยือนครั้งนี้ ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ได้มอบพระพุทธรุปปางอู่ทองให้แก่ฝ่ายศรีลังกาเพื่อเป็นของขวัญจากประชาชนชาวไทยในโอกาสฉลองเอกราชครบ 50 ปี ของศรีลังกา (พ.ศ. 2541)
1.3 ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ได้แจ้งแก่ฝ่ายศรีลังกาว่า ฝ่ายไทยให้ความสำคัญกับการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ (JETC) ระหว่างไทย-ศรีลังกา และกำหนดจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JETC ครั้งที่ 1 ในช่วงปลายปี 2542 โดย ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ จะเป็นประธานคณะกรรมธิการร่วมฯ ฝ่ายไทย ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ได้เน้นว่า เพื่อให้การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ ได้รับผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม จึงเห็นควรให้ทั้งสองฝ่ายมีการหารือในรายละเอียดในด้านการเตรียมการและระเบียบวาระการประชุมล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ ในอันที่จะนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในด้านการเพิ่มปริมาณการค้า การลงทุน และการกระชับความร่วมมือด้านวิชาการระหว่างกัน
1.4 ในด้านความร่วมมือด้านความมั่นคงและข่าวกรอง ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ได้ย้ำถึงนโยบายของรัฐบาลไทยที่จะปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งในด้านการปราบปรามยาเสพติด การค้าอาวุธสงคราม และการต่อต้านการก่อการร้าย โดยเห็นว่า น่าจะมีความร่วมมืออย่างเป็นทางการระหว่างไทย-อินเดีย-บังกลาเทศ-ศรีลังกา ซึ่งฝ่ายไทยได้เสนอเรื่องนี้แก่อินเดียและบังกลาเทศแล้ว สำหรับปัญหาเรื่องการปฏิบัติการของขบวนการพยัคฆ์ทมิฬอีแลม (LTTE) ในประเทศไทยนั้น หากฝ่ายศรีลังกามีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ขอให้แจ้งให้ฝ่ายไทยทราบด้วยเพื่อจะได้ดำเนินการป้องกันและปราบปรามอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
1.5 ฝ่ายไทยได้แสดงความประสงค์ที่จะขอรับความร่วมมือทางวิชาการด้านพุทธศาสนาจาก ศรีลังกาเพื่อสนับสนุนการก่อตั้งมหาวิทยาลัยพุทธศาสนาแห่งโลก (World Buddhist University) ในประเทศไทย
2. ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ
2.1 ทั้งสองฝ่ายเห็นว่า แม้ปริมาณการค้าระหว่างประเทศทั้งสองจะยังมีมูลค่าไม่มากนัก แต่ก็มีลู่ทางที่จะสามารถขยายตัวได้ในอนาคต โดย ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ได้ขอให้ฝ่ายศรีลังกาพิจารณาขจัดปัญหาที่เป็นอุปสรรคในการติดต่อค้าขายระหว่างกันโดยเฉพาะการพิจารณาผ่อนผันมาตรการในเรื่องการออกใบ รับรองมาตรฐานสินค้า และเห็นว่าทั้งสองฝ่ายควรเร่งรัดเรื่องการจัดทำความตกลงทางการค้าระหว่างกันโดยเร็ว
2.2 ฝ่ายไทยได้เสนอให้ศรีลังกาพิจารณาจัดตั้งหอการค้าศรีลังกา — ไทย เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนของประเทศทั้งสอง โดยหากเป็นไปได้อาจพิจารณาจัดตั้งในระหว่างการประชุม JETC ครั้งที่ 1
2.3 ฝ่ายไทยได้ย้ำถึงความสำคัญของการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินระหว่างไทย — ศรีลังกา เพื่อเพิ่มการติดต่อระหว่างประชาชน - ประชาชนของประเทศทั้งสอง
3. ความสัมพันธ์ในกรอบพหุภาคี
3.1 ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ได้แสดงความขอบคุณที่รัฐบาลศรีลังกาได้ให้การสนับสนุนแก่ ดร. ศุภชัย พานิชภักดิ์ ในการสมัครเข้าดำรงตำแหน่ง ผอ. WTO รวมทั้งการที่รัฐบาลศรีลังกาได้สนับสนุนให้ไทยเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมความร่วมมือแห่งภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย (India Ocean Rim- Association for Regional Cooperation: IOR-ARC )
3.2 ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจ BIMST-EC จะเป็นกลไกสำคัญอันหนึ่งที่จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ศรีลังกา รวมทั้งจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง ASEAN-SAARC ทั้งนี้ ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ได้แสดงความยินดีที่ศรีลังกาได้รับแต่งตั้งให้เป็น lead country ของ BIMST-EC ในสาขาการท่องเที่ยว พร้อมกล่าวว่าพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับศรีลังกาในการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศสมาชิก โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนา
3.3 ฝ่ายไทยได้ขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลศรีลังกาในการที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการ ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา ครั้งที่ 10 ที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 12-19 กุมภาพันธ์ 2543 --จบ--