L/C Confirmation ไทย-อินเดีย
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้ดำเนินนโยบายเชิงรุกในด้านการค้าระหว่างประเทศเพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ จากความพยายามดังกล่าวของรัฐบาลมีผลให้การส่งออกในปีที่ผ่านมามีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นและก่อให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นตามลำดับ
เพื่อที่จะรักษาการขยายตัวของการส่งออกและสร้างงานการค้าระหว่างประเทศ พร้อมทั้งเพิ่มความสำคัญของสินค้าไทยในเวทีการค้าโลก รัฐบาลจึงให้ความสำคัญในเรื่องการขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและสร้างพันธมิตรทางการค้ากับประเทศต่างๆในรูปแบบของ Strategic Partnership
Free Trade Area(FTA) เป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศของไทยกับประเทศต่างๆในภูมิภาคได้เป็นอย่างดี ดังนั้น รัฐบาลไทยจึงได้จัดทำ FTA กับหลายประเทศในแถบภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หนึ่งในประเทศที่รัฐบาลไทยได้ทำ FTA ร่วมกัน คือ ประเทศอินเดีย ซึ่ง FTA ไทย-อินเดียได้ริเริ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ.2544 ส่งผลให้เกิดประโยชน์ทางการค้าร่วมกันทั้งสองฝ่าย ดังนี้
- ขยายความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศ ทำให้มูลค่าการค้าของทั้งสองประเทศมีปริมาณเพิ่มขึ้น สำหรับสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีประกอบด้วยสินค้าเกือบทุกกลุ่ม เช่น กลุ่มสินค้าเกษตร กลุ่มอาหารทะเลแปรรูป กลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับ กลุ่มพลาสติกและเคมีภัณฑ์ กลุ่มเหล็กและของทำด้วยเหล็ก กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า และกลุ่มเครื่องจักรกล ซึ่งในเบื้องต้นได้เริ่มลดภาษีสินค้านำเข้าระหว่างกันจำนวน 82 รายการ และมีผลบังคับใช้ไปแล้วเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2547 โดยมีความพยายามจะลดภาษีลงเหลือ 0% ภายใน 3 ปี
- นอกจากการลดภาษีแล้ว ยังได้ประโยชน์จากการผ่อนปรนมาตรการนำเข้าที่มิใช่ภาษี เช่น การตรวจสอบทางด้านสุขอนามัย ด้านคุณภาพมาตรฐานสินค้า เป็นต้น
- ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจในสาขาต่างๆ เช่น การเงินและการธนาคาร ท่องเที่ยว เป็นต้น
- สินค้าไทยมีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้นโดยสินค้าไทยที่มีศักยภาพในการส่งออกไปอินเดียภายใต้ข้อตกลง FTA ได้แก่ ผลไม้ (โดยเฉพาะ เงาะ มังคุด ทุเรียน) ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เม็ดพลาสติก เป็นต้น
เนื่องจาก ธสน.เป็นธนาคารของรัฐที่ส่งเสริมและสนับสนุนผู้ส่งออกของไทย จึงมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการค้าขายหรือการส่งออกของทั้งสองประเทศให้เพิ่มขึ้นโดยการสร้างความมั่นใจในด้านการชำระเงินค่าสินค้าให้กับผู้ส่งออกของทั้งสองประเทศในรูปแบบของ L/C Confirmation หรือการยืนยัน L/C ซึ่ง ธสน.ได้ร่วมมือกับ Export-Import Bank of India(IEXIM)เพื่อร่วมลงนามใน Bilateral L/C Confirmation Facility Agreement เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2546 เพื่อร่วมกันให้บริการยืนยัน L/C ที่เปิดโดยธนาคารที่เข้าร่วมโครงการของทั้งสองประเทศภายใต้วงเงิน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นระยะเวลา 3 ปี
สาระน่าสนใจของ L/C Confirmation ไทย-อินเดีย
เป็นโครงการร่วมมือที่ริเริ่มขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออกโดย ธสน. ได้เปิดบริการยืนยัน L/C มูลค่าตั้งแต่ US$10,000-US$5,000,000โดย ธนส. จะทำหน้าที่ Confirm L/C ที่เปิดโดยธนาคารพาณิชย์อินเดียที่เข้าร่วมโครงการ เช่นเดียวกับ IEXIM จะทำหน้าที่ Confirm L/C ที่เปิดโดยธนาคารพาณิชย์ไทยที่อยู่ในโครงการ(ขณะนี้ทุกธนาคารรวมธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ) เมื่อธนาคารตัวแทน (Advising bank) ที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการส่งเอกสารเพื่อเรียกเก็บเงินจากธนาคารที่เปิด L/C แล้ว หากไม่มีการชำระเงินตาม L/C ที่ได้ให้การยืนยันตามข้อตกลงดังกล่าวทางธนาคารตัวแทนของผู้ส่งออกสามารถ claim จาก ธสน. เพื่อชำระเงินให้แก่ผู้ส่งออก
การขอใช้บริการ
ผู้ส่งออกไทยที่สนในสามารถใช้บริการนี้ได้โดยเจรจาตกลงกับผู้ซื้อในอินเดียให้เปิด L/C จากธนาคารพาณิชย์อินเดียที่เข้าร่วมโครงการ(Indian Eligible Banks) มายังธนาคารพาณิชย์ไทยที่เข้าร่วมโครงการ(Thai Eligible Banks)สำหรับการใช้บริการแต่ละครั้งนั้น ผู้ส่งออก/ธนาคารของผู้ส่งออกต้องแจ้ง ธสน. เพื่อขอรับการ Confirm L/C ก่อนการส่งออกทุกครั้งโดยใน Confirmation instruction ควรระบุว่าให้เป็น L/C ที่สามารถรับ confirm ได้ รายชื่อธนาคารที่เข้าร่วมโครงการมีดังนี้
Thai Eligible Banks Indian Eligible Banks
1.Export-Import Bank of Thailand 1.Export-Import Bank of India
2.Bangkok Bank Pcl. 2.State Bank of India & Associates
3.Krung Thai Bank Pcl. 3.Canara Bank
4.Kasikornbank Pcl. 4.Bank of Maharashtra
5.Siam Commercial Bank Pcl. 5.UTI Bank Ltd.
6.Siam City Bank Pcl. 6.Corporation Bank
7.Bank of Ayudhya Pcl. 7.Allahabad Bank
8.Thai Millitary Bank Pcl. 8.Bank of India
9.Bank Thai Pcl. 9.Bank of Baroda
10.Bank of Asia Pcl. 10.HDFC Bank Ltd.
11.Thanachart Bank Pcl. 11.ICICI Banking Corporation Ltd.
12.Standard Chartered Nakornthon 12.Kotak Mahindra Bank Ltd.
Bank Pcl. 13.Andhra Bank
13.UOB Radanasin Bank Pcl. 14.Central Bank of India
14.Small and Medium Enterprise 15.Indian Overseas Bank
Development Bank of Thailand 16.Oriental Bank of Commerce
15.Islamic Bank of Thailand 17.Punjab National Bank
อัตราค่าใช้บริการ
ค่าธรรมเนียมที่ ธสน. เรียกเก็บคิดในอัตรา 0.3% ต่อปี(หรือ 0.025% ต่อเดือน) หรือไม่น้อยกว่า 25 ดอลลาร์สหรัฐ โดขคำนวณอัตรค่าบริการนับตั้งแต่วันที่ทำการ Confirm L/C ทั้งนี้ ระยะเวลาในการคำนวณค่าบริการต่ำสุดคือ 1 เดือน
ประโยชน์ที่ผู้ส่งออกจะได้รับ
บริการพิเศษ Confirm L/C นี้เหมาะสำหรับผู้ส่งออกใหม่ที่ยังไม่มีความมั่นใจในตลาดอินเดียหรือผู้ส่งออกที่ต้องการขยายตลาดไปยังประเทศอินเดีย เนื่องจาก ธสน. จะทำหน้าที่เสมือนผู้ค้ำประกันการชำระเงินให้แก่ผู้ส่งออกว่าจะได้รับชำระค่าสินค้าอย่างแน่นอนถ้าปฏิบัติตามเงื่อนไขใน L/C อย่างถูกต้อง บริการนี้จึงช่วยให้ผู้ส่งออกพร้อมที่จะขยายตลาดสินค้าไปยังอินเดียมากยิ่งขึ้น
ผู้ที่สนใจบริการ L/C Confirmation ระหว่างไทย-อินเดีย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ ธสน. โทร. 0 2271 0506
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย พฤษภาคม 2548--
-พห-
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้ดำเนินนโยบายเชิงรุกในด้านการค้าระหว่างประเทศเพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ จากความพยายามดังกล่าวของรัฐบาลมีผลให้การส่งออกในปีที่ผ่านมามีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นและก่อให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นตามลำดับ
เพื่อที่จะรักษาการขยายตัวของการส่งออกและสร้างงานการค้าระหว่างประเทศ พร้อมทั้งเพิ่มความสำคัญของสินค้าไทยในเวทีการค้าโลก รัฐบาลจึงให้ความสำคัญในเรื่องการขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและสร้างพันธมิตรทางการค้ากับประเทศต่างๆในรูปแบบของ Strategic Partnership
Free Trade Area(FTA) เป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศของไทยกับประเทศต่างๆในภูมิภาคได้เป็นอย่างดี ดังนั้น รัฐบาลไทยจึงได้จัดทำ FTA กับหลายประเทศในแถบภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หนึ่งในประเทศที่รัฐบาลไทยได้ทำ FTA ร่วมกัน คือ ประเทศอินเดีย ซึ่ง FTA ไทย-อินเดียได้ริเริ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ.2544 ส่งผลให้เกิดประโยชน์ทางการค้าร่วมกันทั้งสองฝ่าย ดังนี้
- ขยายความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศ ทำให้มูลค่าการค้าของทั้งสองประเทศมีปริมาณเพิ่มขึ้น สำหรับสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีประกอบด้วยสินค้าเกือบทุกกลุ่ม เช่น กลุ่มสินค้าเกษตร กลุ่มอาหารทะเลแปรรูป กลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับ กลุ่มพลาสติกและเคมีภัณฑ์ กลุ่มเหล็กและของทำด้วยเหล็ก กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า และกลุ่มเครื่องจักรกล ซึ่งในเบื้องต้นได้เริ่มลดภาษีสินค้านำเข้าระหว่างกันจำนวน 82 รายการ และมีผลบังคับใช้ไปแล้วเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2547 โดยมีความพยายามจะลดภาษีลงเหลือ 0% ภายใน 3 ปี
- นอกจากการลดภาษีแล้ว ยังได้ประโยชน์จากการผ่อนปรนมาตรการนำเข้าที่มิใช่ภาษี เช่น การตรวจสอบทางด้านสุขอนามัย ด้านคุณภาพมาตรฐานสินค้า เป็นต้น
- ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจในสาขาต่างๆ เช่น การเงินและการธนาคาร ท่องเที่ยว เป็นต้น
- สินค้าไทยมีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้นโดยสินค้าไทยที่มีศักยภาพในการส่งออกไปอินเดียภายใต้ข้อตกลง FTA ได้แก่ ผลไม้ (โดยเฉพาะ เงาะ มังคุด ทุเรียน) ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เม็ดพลาสติก เป็นต้น
เนื่องจาก ธสน.เป็นธนาคารของรัฐที่ส่งเสริมและสนับสนุนผู้ส่งออกของไทย จึงมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการค้าขายหรือการส่งออกของทั้งสองประเทศให้เพิ่มขึ้นโดยการสร้างความมั่นใจในด้านการชำระเงินค่าสินค้าให้กับผู้ส่งออกของทั้งสองประเทศในรูปแบบของ L/C Confirmation หรือการยืนยัน L/C ซึ่ง ธสน.ได้ร่วมมือกับ Export-Import Bank of India(IEXIM)เพื่อร่วมลงนามใน Bilateral L/C Confirmation Facility Agreement เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2546 เพื่อร่วมกันให้บริการยืนยัน L/C ที่เปิดโดยธนาคารที่เข้าร่วมโครงการของทั้งสองประเทศภายใต้วงเงิน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นระยะเวลา 3 ปี
สาระน่าสนใจของ L/C Confirmation ไทย-อินเดีย
เป็นโครงการร่วมมือที่ริเริ่มขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออกโดย ธสน. ได้เปิดบริการยืนยัน L/C มูลค่าตั้งแต่ US$10,000-US$5,000,000โดย ธนส. จะทำหน้าที่ Confirm L/C ที่เปิดโดยธนาคารพาณิชย์อินเดียที่เข้าร่วมโครงการ เช่นเดียวกับ IEXIM จะทำหน้าที่ Confirm L/C ที่เปิดโดยธนาคารพาณิชย์ไทยที่อยู่ในโครงการ(ขณะนี้ทุกธนาคารรวมธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ) เมื่อธนาคารตัวแทน (Advising bank) ที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการส่งเอกสารเพื่อเรียกเก็บเงินจากธนาคารที่เปิด L/C แล้ว หากไม่มีการชำระเงินตาม L/C ที่ได้ให้การยืนยันตามข้อตกลงดังกล่าวทางธนาคารตัวแทนของผู้ส่งออกสามารถ claim จาก ธสน. เพื่อชำระเงินให้แก่ผู้ส่งออก
การขอใช้บริการ
ผู้ส่งออกไทยที่สนในสามารถใช้บริการนี้ได้โดยเจรจาตกลงกับผู้ซื้อในอินเดียให้เปิด L/C จากธนาคารพาณิชย์อินเดียที่เข้าร่วมโครงการ(Indian Eligible Banks) มายังธนาคารพาณิชย์ไทยที่เข้าร่วมโครงการ(Thai Eligible Banks)สำหรับการใช้บริการแต่ละครั้งนั้น ผู้ส่งออก/ธนาคารของผู้ส่งออกต้องแจ้ง ธสน. เพื่อขอรับการ Confirm L/C ก่อนการส่งออกทุกครั้งโดยใน Confirmation instruction ควรระบุว่าให้เป็น L/C ที่สามารถรับ confirm ได้ รายชื่อธนาคารที่เข้าร่วมโครงการมีดังนี้
Thai Eligible Banks Indian Eligible Banks
1.Export-Import Bank of Thailand 1.Export-Import Bank of India
2.Bangkok Bank Pcl. 2.State Bank of India & Associates
3.Krung Thai Bank Pcl. 3.Canara Bank
4.Kasikornbank Pcl. 4.Bank of Maharashtra
5.Siam Commercial Bank Pcl. 5.UTI Bank Ltd.
6.Siam City Bank Pcl. 6.Corporation Bank
7.Bank of Ayudhya Pcl. 7.Allahabad Bank
8.Thai Millitary Bank Pcl. 8.Bank of India
9.Bank Thai Pcl. 9.Bank of Baroda
10.Bank of Asia Pcl. 10.HDFC Bank Ltd.
11.Thanachart Bank Pcl. 11.ICICI Banking Corporation Ltd.
12.Standard Chartered Nakornthon 12.Kotak Mahindra Bank Ltd.
Bank Pcl. 13.Andhra Bank
13.UOB Radanasin Bank Pcl. 14.Central Bank of India
14.Small and Medium Enterprise 15.Indian Overseas Bank
Development Bank of Thailand 16.Oriental Bank of Commerce
15.Islamic Bank of Thailand 17.Punjab National Bank
อัตราค่าใช้บริการ
ค่าธรรมเนียมที่ ธสน. เรียกเก็บคิดในอัตรา 0.3% ต่อปี(หรือ 0.025% ต่อเดือน) หรือไม่น้อยกว่า 25 ดอลลาร์สหรัฐ โดขคำนวณอัตรค่าบริการนับตั้งแต่วันที่ทำการ Confirm L/C ทั้งนี้ ระยะเวลาในการคำนวณค่าบริการต่ำสุดคือ 1 เดือน
ประโยชน์ที่ผู้ส่งออกจะได้รับ
บริการพิเศษ Confirm L/C นี้เหมาะสำหรับผู้ส่งออกใหม่ที่ยังไม่มีความมั่นใจในตลาดอินเดียหรือผู้ส่งออกที่ต้องการขยายตลาดไปยังประเทศอินเดีย เนื่องจาก ธสน. จะทำหน้าที่เสมือนผู้ค้ำประกันการชำระเงินให้แก่ผู้ส่งออกว่าจะได้รับชำระค่าสินค้าอย่างแน่นอนถ้าปฏิบัติตามเงื่อนไขใน L/C อย่างถูกต้อง บริการนี้จึงช่วยให้ผู้ส่งออกพร้อมที่จะขยายตลาดสินค้าไปยังอินเดียมากยิ่งขึ้น
ผู้ที่สนใจบริการ L/C Confirmation ระหว่างไทย-อินเดีย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ ธสน. โทร. 0 2271 0506
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย พฤษภาคม 2548--
-พห-