1. สถานการณ์การผลิต
ไฟไหม้ป่าในอินโดนีเซียส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงกุ้งของไทย
จากเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าในประเทศอินโดนีเซียที่เกิดขึ้นตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม 2540 และส่งผลให้หมอกควันครอบคลุมไปหลายประเทศในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงภาคใต้บางส่วนของประเทศไทยด้วย โดยหมอกควัน โดยหมอกควันได้แผ่กระจายเข้ามาถึงทางใต้ของไทยช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้ภาวะดังกล่าวอาจารย์ดีพร้อมไชยวงศ์เกียติแห่งภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับผบกระทบต่อการเลี้ยงกุ้งดังนี้
1. การเลี้ยงกุ้งตามปกติ เกษตรกรจะหยุดการให้อ๊อกซิเจนในตอนกลางวัน แต่จะได้อ๊อกซิเจนจากการสังเคราะห์แสงจากน้ำสีเขียวในบ่อผลิตอ๊อกซิเจนแทน แต่ช่วงที่หมอกควันหนาทึบ อ๊อกซิเจนจากน้ำสีเขียวและการสังเคราะห์แสงจะมีน้อยปริมาณอ๊อกซิเจนในบ่อจะลดลง
2. กุ้งจะกินอาหารน้อยลง ทำให้เหลือเศษอาหารมากขึ้น เป็นการเพิ่มการเน่าเสียของน้ำ
3. การย่อยสลายตัวของเสียในบ่อจะมีอัตราลดลง และยิ่งสะสมผลภาวะมากขึ้น และถ้าหากมีฝนตกขณะมีหมอกควันหนาทึบ จะเป็นฝนด่างจากขี้เถ้าละลายน้ำเป็นการเพิ่มความกระด้างของน้ำให้มากขึ้นจนเป็นอันตรายต่อกุ้งได้
แนวทางแก้ไข เกษตรกรควรเปิดเครื่องตีน้ำทั้งกลางวันกลางคืน และปิดชั่วคราวเฉพาะตอนให้อาหารกุ้งควรเพิ่มเครื่องตีน้ำให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มปริมาณอ๊อกซิเจนตรวจสอบอาหารที่เหลือใน "ยอ" ก่อนให้อาหารใหม่ทุกครั้ง วันที่อากาศมืดมัวมากควรลดปริมาณอาหารลงและเพิ่มวิตามินซี ในอาหาร เพื่อลดความเครียดของกุ้ง เติมแบดทีเรียและเพิ่มเครื่องเคล้าน้ำในบ่อให้หมุนเวียนเพื่อช่วยย่อยเศษอาหารในบ่อให้เร็วขึ้น นอกจากนี้ควรใส่ซีโอไลท์ลงในบ่อ เพื่อช่วยจับสารพิษเป็นระยะๆ ตามความจำเป็นสำหรับปูนขาวควรงดใช้ในระยะนี้ เพื่อไม่ให้มีการสะสมความกระด้างในบ่อ
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (18-25 กย.40) สัตว์น้ำทุกชนิดส่งเข้าประมูลจำหน่ายที่องค์การสะพานปลากรุงเทพฯ มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,432.67 ตัน แยกเป็นสัตว์น้ำเค็ม 766.08 ตัน สัตว์น้ำจืด 666.59 ตัน ประกอบด้วยสัตว์น้ำที่สำคัญ ได้แก่
1.1 ปลาดุก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 9.84 ตัน
1.2 ปลาช่อน ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 10.64 ตัน
1.3 กุ้งทะเล ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 71.17 ตัน
1.4 ปลาทู ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 163.59 ตัน
1.5 ปลาหมึก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 40.52 ตัน
2. สถานการณ์การตลาด
กุ้งกุลาดำราคาโน้มสูงขึ้น
เนื่องจากในช่วงนี้ราคากุ้งได้โน้มสูงขึ้นมากกล่าวคือ กุ้งขนาด 31-40 ตัว/กิโลกรัม ราคา กก.ละ 304.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 284.00 บาท ในสัปดาห์ก่อนกก.ละ 20.05 บาท เนื่องจากปีนี้ผลผลิตลดลงกว่าปีที่แล้ว ในขณะที่ความต้องการมีมาก โดยเฉพาะผู้ส่งออกหรือห้องเย็น ที่ต้องการสินค้าเพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าในต่างประเทศ จีงเกิดการแข่งกันซื้อสินค้า
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
1.1 ปลาดุกบิ๊กอุย ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 30.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท ลดลงจาก 34.10 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.10 บาท
2.2 ปลาช่อน ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 57.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 70.00 บาท สูงขึ้นจาก 70.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.83 บาท
2.3 กุ้งกุลาดำ กุ้งกุลาดำสดขนาดกลางราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 304.00 บาท สูงขึ้นจาก 284.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 20.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 251.67 บาท ลดลงจาก 258.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 6.33 บาท
2.4 ปลาทู ปลาทูสดขนาดกลางราคาที่ชาวประมงขายได้ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 17.94 บาทลดลงจาก 19.63 บาท ของสัปดาห์ก่อน 1.69 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 35 บาท สูงขึ้นจาก 32.60 บาท ของสัปดาห์ก่อน 2.40 บาท
2.5 ปลาหมึก ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 45.00 บาททรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 59.17 บาท ลดลงจาก 59.50 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.33 บาท
2.6 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.89 บาทสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 2.85 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.04 บาท
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีน 58-62.9% เฉลี่ยกิโลกรัมละ 19.90 บาท สูงขึ้นทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 40 ประจำวันที่ 29 ก.ย.- 5 ต.ค. 2540--
ไฟไหม้ป่าในอินโดนีเซียส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงกุ้งของไทย
จากเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าในประเทศอินโดนีเซียที่เกิดขึ้นตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม 2540 และส่งผลให้หมอกควันครอบคลุมไปหลายประเทศในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงภาคใต้บางส่วนของประเทศไทยด้วย โดยหมอกควัน โดยหมอกควันได้แผ่กระจายเข้ามาถึงทางใต้ของไทยช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้ภาวะดังกล่าวอาจารย์ดีพร้อมไชยวงศ์เกียติแห่งภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับผบกระทบต่อการเลี้ยงกุ้งดังนี้
1. การเลี้ยงกุ้งตามปกติ เกษตรกรจะหยุดการให้อ๊อกซิเจนในตอนกลางวัน แต่จะได้อ๊อกซิเจนจากการสังเคราะห์แสงจากน้ำสีเขียวในบ่อผลิตอ๊อกซิเจนแทน แต่ช่วงที่หมอกควันหนาทึบ อ๊อกซิเจนจากน้ำสีเขียวและการสังเคราะห์แสงจะมีน้อยปริมาณอ๊อกซิเจนในบ่อจะลดลง
2. กุ้งจะกินอาหารน้อยลง ทำให้เหลือเศษอาหารมากขึ้น เป็นการเพิ่มการเน่าเสียของน้ำ
3. การย่อยสลายตัวของเสียในบ่อจะมีอัตราลดลง และยิ่งสะสมผลภาวะมากขึ้น และถ้าหากมีฝนตกขณะมีหมอกควันหนาทึบ จะเป็นฝนด่างจากขี้เถ้าละลายน้ำเป็นการเพิ่มความกระด้างของน้ำให้มากขึ้นจนเป็นอันตรายต่อกุ้งได้
แนวทางแก้ไข เกษตรกรควรเปิดเครื่องตีน้ำทั้งกลางวันกลางคืน และปิดชั่วคราวเฉพาะตอนให้อาหารกุ้งควรเพิ่มเครื่องตีน้ำให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มปริมาณอ๊อกซิเจนตรวจสอบอาหารที่เหลือใน "ยอ" ก่อนให้อาหารใหม่ทุกครั้ง วันที่อากาศมืดมัวมากควรลดปริมาณอาหารลงและเพิ่มวิตามินซี ในอาหาร เพื่อลดความเครียดของกุ้ง เติมแบดทีเรียและเพิ่มเครื่องเคล้าน้ำในบ่อให้หมุนเวียนเพื่อช่วยย่อยเศษอาหารในบ่อให้เร็วขึ้น นอกจากนี้ควรใส่ซีโอไลท์ลงในบ่อ เพื่อช่วยจับสารพิษเป็นระยะๆ ตามความจำเป็นสำหรับปูนขาวควรงดใช้ในระยะนี้ เพื่อไม่ให้มีการสะสมความกระด้างในบ่อ
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (18-25 กย.40) สัตว์น้ำทุกชนิดส่งเข้าประมูลจำหน่ายที่องค์การสะพานปลากรุงเทพฯ มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,432.67 ตัน แยกเป็นสัตว์น้ำเค็ม 766.08 ตัน สัตว์น้ำจืด 666.59 ตัน ประกอบด้วยสัตว์น้ำที่สำคัญ ได้แก่
1.1 ปลาดุก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 9.84 ตัน
1.2 ปลาช่อน ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 10.64 ตัน
1.3 กุ้งทะเล ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 71.17 ตัน
1.4 ปลาทู ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 163.59 ตัน
1.5 ปลาหมึก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 40.52 ตัน
2. สถานการณ์การตลาด
กุ้งกุลาดำราคาโน้มสูงขึ้น
เนื่องจากในช่วงนี้ราคากุ้งได้โน้มสูงขึ้นมากกล่าวคือ กุ้งขนาด 31-40 ตัว/กิโลกรัม ราคา กก.ละ 304.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 284.00 บาท ในสัปดาห์ก่อนกก.ละ 20.05 บาท เนื่องจากปีนี้ผลผลิตลดลงกว่าปีที่แล้ว ในขณะที่ความต้องการมีมาก โดยเฉพาะผู้ส่งออกหรือห้องเย็น ที่ต้องการสินค้าเพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าในต่างประเทศ จีงเกิดการแข่งกันซื้อสินค้า
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
1.1 ปลาดุกบิ๊กอุย ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 30.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท ลดลงจาก 34.10 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.10 บาท
2.2 ปลาช่อน ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 57.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 70.00 บาท สูงขึ้นจาก 70.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.83 บาท
2.3 กุ้งกุลาดำ กุ้งกุลาดำสดขนาดกลางราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 304.00 บาท สูงขึ้นจาก 284.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 20.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 251.67 บาท ลดลงจาก 258.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 6.33 บาท
2.4 ปลาทู ปลาทูสดขนาดกลางราคาที่ชาวประมงขายได้ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 17.94 บาทลดลงจาก 19.63 บาท ของสัปดาห์ก่อน 1.69 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 35 บาท สูงขึ้นจาก 32.60 บาท ของสัปดาห์ก่อน 2.40 บาท
2.5 ปลาหมึก ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 45.00 บาททรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 59.17 บาท ลดลงจาก 59.50 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.33 บาท
2.6 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.89 บาทสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 2.85 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.04 บาท
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีน 58-62.9% เฉลี่ยกิโลกรัมละ 19.90 บาท สูงขึ้นทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 40 ประจำวันที่ 29 ก.ย.- 5 ต.ค. 2540--