ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาดร้อยละ 0.25 คณะกรรมการ ธ.กลาง สรอ. (เฟด)
ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีกร้อยละ 0.25 ทำให้อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่างธนาคารอยู่ที่ร้อยละ 2.50
ถือเป็นการปรับขึ้นติดต่อกันเป็นครั้งที่ 6 ในรอบปีเศษ พร้อมแสดงท่าทีว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต โดยเฟดระบุว่า
อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวถือว่าเป็นอัตราที่เอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในระดับปานกลาง ความเสี่ยงทั้งด้านบวก
และด้านลบพอ ๆ กัน และอาจมีการปรับเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่าเศรษฐกิจ สรอ. แข็งแกร่ง
เพียงพอจะรองรับผลจากการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยได้อีก (โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
2. ฟิทช์ปรับเพิ่มความน่าเชื่อถือ ธ.พาณิชย์ไทย 6 แห่ง ฟิทช์ เรตติ้งส์ บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อ
ถือได้ปรับอันดับความน่าเชื่อถือ ธ.พาณิชย์ไทย 6 แห่ง ได้แก่ ธ.กรุงเทพ ธ.กสิกรไทย ธ.ไทยพาณิชย์ ธ.กรุง
ศรีอยุธยา ธ.ทหารไทย และ ธ.เอเชีย เนื่องจากปี 47 ธ.พาณิชย์ไทยมีผลกำไรที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง สินเชื่อ
ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายปรับลดลง และการกันสำรองลดลงด้วยเช่นกัน โดย ธ.ไทยพาณิชย์
และ ธ.กสิกรไทยมีผลการดำเนินงานแข็งแกร่งที่สุด ทั้งในแง่ของรายได้ คุณภาพสินทรัพย์ และความสามารถในการ
ทำกำไร ส่วน ธ.กรุงเทพมีผลการดำเนินงานดีขึ้นต่อเนื่อง เช่นเดียวกับ ธ.ทหารไทย และ ธ.กรุงศรีอยุธยา รวม
ทั้ง ธ.กรุงไทยที่ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิและกำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ มองว่าแนวโน้มธุรกิจในภาค ธ.พาณิชย์ของ
ไทยยังคงเป็นบวกต่อไป อสังหาริมทรัพย์มีการพัฒนา ราคาสินทรัพย์และกิจกรรมด้านสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค รวมทั้งสิน
เชื่อลูกค้ารายใหญ่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยทำให้ฐานะการเงินของ ธ.พาณิชย์ไทยกลับมาแข็งแกร่งภายใน 2-3 ปีข้าง
หน้า อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอัตราการกันสำรองและเงินกองทุนของ ธ.พาณิชย์ไทยจะปรับเพิ่มขึ้นแล้ว แต่อัตราการ
ขยายตัวของทรัพย์สินในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าอาจจะทำให้ ธ.พาณิชย์ไทยบางแห่งต้องเพิ่มทุน หรือแรงกดดันที่จะ
ต้องเพิ่มทุนอาจจะลดลงได้ด้วยการใช้วิธีการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ (โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ)
3. ธ.พาณิชย์จะเป็นผู้พิจารณาการปรับโครงสร้างและพักชำระหนี้แก่ผู้ประสบภัยภาคใต้
นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า การปรับโครงสร้างหนี้และพัก
ชำระหนี้ที่ ธ.พาณิชย์แต่ละแห่งจะให้ระยะเวลากับผู้ประกอบการที่ประสบภัยคลื่นยักษ์สึนามิไม่เท่ากันนั้น เป็นเรื่องของ
ธ.พาณิชย์ที่จะพิจารณาจากฐานะของลูกหนี้ โดยพิจารณาถึงความเป็นไปได้และความเหมาะสมจากผลประกอบการของ
ธุรกิจแต่ละราย จึงทำให้ระยะเวลาของผู้กู้แต่ละแห่งไม่เท่ากัน ธปท. จะไม่เข้าไปบังคับหรือกำหนดให้ ธ.พาณิชย์
ดำเนินการใด ๆ โดยก่อนหน้านี้ ผู้ว่าการ ธปท. ได้กล่าวว่า ระยะเวลา 3 ปี สำหรับการให้ความช่วยเหลือสินเชื่อ
ดอกเบี้ยต่ำของ ธปท. มีความเหมาะสมแล้ว เนื่องจากสอดคล้องกับระยะเวลาในการปรับโครงสร้างหนี้ที่ ธ.พาณิชย์
ส่วนใหญ่เสนอต่อผู้กู้ที่ประสบภัย หาก ธ.พาณิชย์มีการยื่นเรื่องขอขยายเวลาเพิ่มเติมหรือมีข้อติดขัดใด ๆ ธปท. ก็พร้อม
ที่จะผ่อนผันกฎเกณฑ์ตามความเหมาะสม (ข่าวสด, บ้านเมือง)
4. คปน. เร่งปรับโครงสร้างหนี้ให้ลดลงเหลือร้อยละ 2 ภายในปี 49 นายทำนอง ดาศรี กก.
และเลขานุการคณะกรรมการเพื่อส่งเสริมการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ (คปน.) เปิดเผยถึงกลยุทธ์ในการส่งเสริม
การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ปี 48 ว่า คปน. จะเร่งดำเนินการกับลูกหนี้ที่ค้างมาจากปี 47 ให้แล้วเสร็จภายใน
เดือน ก.ย.48 รวมทั้งเร่งประเมินผลการแก้ไขเอ็นพีแอลของลูกหนี้กลุ่มที่ 1 หนี้ที่เจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้
สำเร็จและอยู่ระหว่างการผ่อนชำระหนี้ กลุ่มที่ 2 หนี้ที่อยู่ระหว่างเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่สถาบันการเงิน
เจ้าหนี้เจรจาโดยตรงกับลูกหนี้เอง กลุ่มที่ 3 หนี้ที่อยู่ระหว่างดำเนินคดี และกลุ่มที่ 4 หนี้ที่อยู่ระหว่างบังคับคดีที่
สถาบันการเงินเจ้าหนี้ทยอยแจ้งเข้าโครงการ คปน. เป็นรายเดือน รวมทั้งลูกหนี้ร้องเรียนผ่านหน่วยงานต่าง ๆ
ซึ่ง คปน. ยังใช้เป้าหมายเดิมที่จะลดเอ็นพีแอลให้เหลือร้อยละ 2 ในปี 49 สำหรับผลการดำเนินงานในรอบ 7 ปี
ตั้งแต่ปี 41-47 เจรจาสำเร็จ 1.5 ล้านล้านบาท ลูกหนี้เป้าหมาย 17,770 ราย มูลหนี้ 2,872,259 ล้าน
บาท (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ, มติชน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ไอเอ็มเอฟปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้าลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.1
รายงานจากลอนดอน เมื่อ 3 ก.พ.48 The Group of Seven (G7) เปิดเผยว่า กองทุนการเงินระหว่าง
ประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกในปี 48 และ 49 ลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.1
โดยคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวร้อยละ 4.2 ในปีนี้และปีถัดไป ลดลงจากที่ประมาณการไว้ในรายงานเมื่อ
เดือน ก.ย.47 ว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.3 และลดลงจากปี 47 ที่อัตราการเติบโตเศรษฐกิจโลกขยายตัวร้อยละ 5.0
แต่ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าอัตราเติบโตเฉลี่ยในรอบ 20 ปีที่ผ่านมาอยู่ร้อยละ 0.5 และยังเป็นอัตราที่ดีกว่าผล
สำรวจนักวิเคราะห์ของรอยเตอร์ที่ประมาณการไว้เมื่อเดือนก่อนว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.8 นอกจากนี้ ไอเอ็มเอ
ฟยังได้ปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศสมาชิก G7 ลงร้อยละ 0.2 และ 0.1 ในปี 48
และ 49 สำหรับกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปไอเอ็มเอฟประมาณการว่าจะลดลงร้อยละ 0.3 ในปีนี้ และลดลงร้อยละ 0.2
ในปีถัดไป อย่างไรก็ตาม การประมาณการเศรษฐกิจโลกของไอเอ็มเอฟในรายงานเมื่อเดือน ก.ย.47 ไม่ได้
แยกประมาณการเศรษฐกิจเฉพาะกลุ่ม G7 (สรอ. อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี แคนาดา และญี่ปุ่น) เท่านั้น
แต่เป็นการประมาณการเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจที่ก้าวหน้า คือ ทั้ง G7 และประเทศ
อุตสาหกรรมหลักทั่วโลกว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.9 และ 3.0 ในปีนี้และปีหน้า (รอยเตอร์)
2. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ 30 ปีของสรอ. ลดลงอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 1 เม.ย. 47
รายงานจากวอชิงตันเมื่อวันที่ 3 ก.พ. 48 บริษัทสินเชื่อจำนอง Freddic Mac เปิดเผยว่า อัตราดอกเบี้ย
เงินกู้จำนองระยะ 30 ปีของสรอ. ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 ก.พ. ลดลงอยู่ที่ระดับร้อยละ 5.63 จากร้อยละ 5.66
เมื่อสัปดาห์ก่อน ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ปีก่อนที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะยาว 30 ปีเคยอยู่ที่ร้อยละ 5.52
จูงใจให้ผู้บริโภคจำนวนมากซื้อบ้านของตนเอง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ 15 ปี ณ เวลาเดียว
กันคงอยู่ที่ระดับร้อยละ 5.14 ไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อน สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะเวลา 1 ปีที่
ปรับได้ (Adjustable Rate Mortgages — ARM) กลับเพิ่มขึ้นที่ระดับร้อยละ 4.23 จากร้อยละ 4.18 ใน
สัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ 30 ปี 15 ปี และ
ARM อยู่ที่ระดับร้อยละ 5.72 5.03 และร้อยละ 3.61 ตามลำดับ ทั้งนี้นาย Frank Nothaft หัวหน้าเศรษฐกร
จาก Freddic Mac เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์เช่นนี้จะช่วยให้
อุตสาหกรรมบ้านขยายตัวอย่างแข็งแกร่งต่อไป ส่วนแนวโน้มในอนาคตคาดว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองดังกล่าวจะ
ยังคงไม่ปรับสูงขึ้นมากนักในปีนี้ และเศรษฐกิจจะยังคงขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพซึ่งส่งผลดีต่อบรรยากาศในการลง
ทุนสำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ อนึ่งอัตราค่าธรรมเนียมที่ Freddic Mac จัดเก็บสำหรับการจำนองดังกล่าวอยู่ที่
ร้อยละ 0.7 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.6 เมื่อสัปดาห์ก่อน (รอยเตอร์)
3. การขยายตัวของ PMI ในภาคบริการโลกแสดงสัญญาณการชะลอตัวในเดือน ม.ค.48 รายงาน
จากลอนดอนเมื่อ 3 ก.พ.48 รอยเตอร์เปิดเผยดัชนีชี้วัดการขยายตัวของภาคบริการโลก ซึ่งจัดทำโดย เจพีมอร์แกน
ร่วมกับองค์กรวิจัยที่เกี่ยวข้อง รวบรวมข้อมูลจากประเทศต่างๆ ซึ่งรวมถึง สรอ. เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ
อิตาลี และไอร์แลนด์ พบว่า ในเดือน ม.ค.48 ดัชนีลดลงที่ระดับ 59.1 จากระดับ 59.6 ในเดือนก่อน แต่ยังคง
อยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคบริการของโลกยังคงขยายตัวได้ โดยมีสาเหตุหลักจากการที่ดัชนีที่เป็นส่วนประกอบ
ได้แก่ The new business index ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 59.3 จากระดับ 58.4 ในเดือนก่อน ขณะที่
The employment index ซึ่งชี้วัดการขยายตัวของการจ้างงานลดลงที่ระดับ 50.8 จากระดับ 53.9 ในเดือน
ก่อน ทั้งนี้ แม้ว่าการขยายตัวของภาคบริการโลกจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปเนื่องจากภาคการผลิตปรับตัวดี
ขึ้น แต่สถานการณ์โดยรวมก็ยังคงชะลอตัวอยู่ โดย All-industry index ซึ่งรวมข้อมูลจากภาคบริการและภาค
การผลิต ลดลงเล็กน้อยที่ระดับ 57.1 จากระดับ 57.2 ในเดือนก่อน (รอยเตอร์)
4. ภาคบริการในเขตเศรษฐกิจยุโรปขยายตัวในอัตราสูงสุดในรอบ 3 เดือนในเดือน ม.ค.48
รายงานจากลอนดอน เมื่อ 3 ก.พ.48 ดัชนีชี้วัดภาวะธุรกิจในเขตเศรษฐกิจยุโรปซึ่งสำรวจโดย the NTC
Research ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยชั้นนำจากธุรกิจจำนวน 2,000 แห่งเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 53.4 ในเดือน ม.ค.48
จากระดับ 52.6 ในสองเดือนก่อน และสูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 52.9 ในขณะที่ดัชนีชี้วัดความคาดหวังของ
ธุรกิจในเขตเศรษฐกิจยุโรปเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 66.3 จากระดับ 63.2 ในเดือนก่อนแสดงให้เห็นว่าธุรกิจบริการ
ส่วนใหญ่ในเขตนี้มองแนวโน้มธุรกิจในอนาคตในทางที่ดีขึ้นจากปัจจัยราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงจากระดับราคาสูงสุดใน
ช่วงปลายปีก่อนและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่มีสัญญาณดีขึ้นโดยเฉพาะในประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุด 2
ประเทศในเขตนี้ คือ เยอรมนีและฝรั่งเศส โดยเฉพาะในฝรั่งเศสที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคขยายตัวต่อเนื่องมาเป็น
เวลานาน ทำให้ธุรกิจบริการที่ฝรั่งเศสสามารถเพิ่มราคาให้สูงขึ้นในอัตราสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี โดยดัชนีชี้วัด
ราคาที่ผู้บริโภคต้องชำระเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 51.1 สูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย.45 และจากการที่ผู้บริโภคใน
ฝรั่งเศสใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ทำให้ธุรกิจในฝรั่งเศสสามารถจ้างพนักงานเพิ่มซึ่งส่งผลให้ดัชนีชี้วัดการจ้างงานของฝรั่งเศส
อยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค.45 ในขณะที่ภาพการจ้างงานโดยรวมของเขตเศรษฐกิจยุโรปดีขึ้นเพียงเล็ก
น้อยโดยดัชนีชี้วัดการจ้างงานอยู่ที่ระดับ 50.7 เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันแต่อยู่ในระดับสูงกว่า 50 ซึ่งแสดงถึง
การขยายตัวเพียงเล็กน้อย โดยมีอัตราการขยายตัวของการจ้างงานเพิ่มขึ้นในฝรั่งเศส, อิตาลีและสเปน ในขณะที่
ในเยอรมนีกลับมีอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 4 ก.พ. 48 3 ก.พ. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.536 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.3390/38.6330 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.1875-2.2000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 716.92/21.79 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,650/7,750 7,750/7,850 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 37.56 37.28 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 19.69*/14.59 19.69*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 26 ม.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาดร้อยละ 0.25 คณะกรรมการ ธ.กลาง สรอ. (เฟด)
ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีกร้อยละ 0.25 ทำให้อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่างธนาคารอยู่ที่ร้อยละ 2.50
ถือเป็นการปรับขึ้นติดต่อกันเป็นครั้งที่ 6 ในรอบปีเศษ พร้อมแสดงท่าทีว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต โดยเฟดระบุว่า
อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวถือว่าเป็นอัตราที่เอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในระดับปานกลาง ความเสี่ยงทั้งด้านบวก
และด้านลบพอ ๆ กัน และอาจมีการปรับเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่าเศรษฐกิจ สรอ. แข็งแกร่ง
เพียงพอจะรองรับผลจากการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยได้อีก (โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
2. ฟิทช์ปรับเพิ่มความน่าเชื่อถือ ธ.พาณิชย์ไทย 6 แห่ง ฟิทช์ เรตติ้งส์ บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อ
ถือได้ปรับอันดับความน่าเชื่อถือ ธ.พาณิชย์ไทย 6 แห่ง ได้แก่ ธ.กรุงเทพ ธ.กสิกรไทย ธ.ไทยพาณิชย์ ธ.กรุง
ศรีอยุธยา ธ.ทหารไทย และ ธ.เอเชีย เนื่องจากปี 47 ธ.พาณิชย์ไทยมีผลกำไรที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง สินเชื่อ
ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายปรับลดลง และการกันสำรองลดลงด้วยเช่นกัน โดย ธ.ไทยพาณิชย์
และ ธ.กสิกรไทยมีผลการดำเนินงานแข็งแกร่งที่สุด ทั้งในแง่ของรายได้ คุณภาพสินทรัพย์ และความสามารถในการ
ทำกำไร ส่วน ธ.กรุงเทพมีผลการดำเนินงานดีขึ้นต่อเนื่อง เช่นเดียวกับ ธ.ทหารไทย และ ธ.กรุงศรีอยุธยา รวม
ทั้ง ธ.กรุงไทยที่ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิและกำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ มองว่าแนวโน้มธุรกิจในภาค ธ.พาณิชย์ของ
ไทยยังคงเป็นบวกต่อไป อสังหาริมทรัพย์มีการพัฒนา ราคาสินทรัพย์และกิจกรรมด้านสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค รวมทั้งสิน
เชื่อลูกค้ารายใหญ่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยทำให้ฐานะการเงินของ ธ.พาณิชย์ไทยกลับมาแข็งแกร่งภายใน 2-3 ปีข้าง
หน้า อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอัตราการกันสำรองและเงินกองทุนของ ธ.พาณิชย์ไทยจะปรับเพิ่มขึ้นแล้ว แต่อัตราการ
ขยายตัวของทรัพย์สินในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าอาจจะทำให้ ธ.พาณิชย์ไทยบางแห่งต้องเพิ่มทุน หรือแรงกดดันที่จะ
ต้องเพิ่มทุนอาจจะลดลงได้ด้วยการใช้วิธีการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ (โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ)
3. ธ.พาณิชย์จะเป็นผู้พิจารณาการปรับโครงสร้างและพักชำระหนี้แก่ผู้ประสบภัยภาคใต้
นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า การปรับโครงสร้างหนี้และพัก
ชำระหนี้ที่ ธ.พาณิชย์แต่ละแห่งจะให้ระยะเวลากับผู้ประกอบการที่ประสบภัยคลื่นยักษ์สึนามิไม่เท่ากันนั้น เป็นเรื่องของ
ธ.พาณิชย์ที่จะพิจารณาจากฐานะของลูกหนี้ โดยพิจารณาถึงความเป็นไปได้และความเหมาะสมจากผลประกอบการของ
ธุรกิจแต่ละราย จึงทำให้ระยะเวลาของผู้กู้แต่ละแห่งไม่เท่ากัน ธปท. จะไม่เข้าไปบังคับหรือกำหนดให้ ธ.พาณิชย์
ดำเนินการใด ๆ โดยก่อนหน้านี้ ผู้ว่าการ ธปท. ได้กล่าวว่า ระยะเวลา 3 ปี สำหรับการให้ความช่วยเหลือสินเชื่อ
ดอกเบี้ยต่ำของ ธปท. มีความเหมาะสมแล้ว เนื่องจากสอดคล้องกับระยะเวลาในการปรับโครงสร้างหนี้ที่ ธ.พาณิชย์
ส่วนใหญ่เสนอต่อผู้กู้ที่ประสบภัย หาก ธ.พาณิชย์มีการยื่นเรื่องขอขยายเวลาเพิ่มเติมหรือมีข้อติดขัดใด ๆ ธปท. ก็พร้อม
ที่จะผ่อนผันกฎเกณฑ์ตามความเหมาะสม (ข่าวสด, บ้านเมือง)
4. คปน. เร่งปรับโครงสร้างหนี้ให้ลดลงเหลือร้อยละ 2 ภายในปี 49 นายทำนอง ดาศรี กก.
และเลขานุการคณะกรรมการเพื่อส่งเสริมการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ (คปน.) เปิดเผยถึงกลยุทธ์ในการส่งเสริม
การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ปี 48 ว่า คปน. จะเร่งดำเนินการกับลูกหนี้ที่ค้างมาจากปี 47 ให้แล้วเสร็จภายใน
เดือน ก.ย.48 รวมทั้งเร่งประเมินผลการแก้ไขเอ็นพีแอลของลูกหนี้กลุ่มที่ 1 หนี้ที่เจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้
สำเร็จและอยู่ระหว่างการผ่อนชำระหนี้ กลุ่มที่ 2 หนี้ที่อยู่ระหว่างเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่สถาบันการเงิน
เจ้าหนี้เจรจาโดยตรงกับลูกหนี้เอง กลุ่มที่ 3 หนี้ที่อยู่ระหว่างดำเนินคดี และกลุ่มที่ 4 หนี้ที่อยู่ระหว่างบังคับคดีที่
สถาบันการเงินเจ้าหนี้ทยอยแจ้งเข้าโครงการ คปน. เป็นรายเดือน รวมทั้งลูกหนี้ร้องเรียนผ่านหน่วยงานต่าง ๆ
ซึ่ง คปน. ยังใช้เป้าหมายเดิมที่จะลดเอ็นพีแอลให้เหลือร้อยละ 2 ในปี 49 สำหรับผลการดำเนินงานในรอบ 7 ปี
ตั้งแต่ปี 41-47 เจรจาสำเร็จ 1.5 ล้านล้านบาท ลูกหนี้เป้าหมาย 17,770 ราย มูลหนี้ 2,872,259 ล้าน
บาท (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ, มติชน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ไอเอ็มเอฟปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้าลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.1
รายงานจากลอนดอน เมื่อ 3 ก.พ.48 The Group of Seven (G7) เปิดเผยว่า กองทุนการเงินระหว่าง
ประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกในปี 48 และ 49 ลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.1
โดยคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวร้อยละ 4.2 ในปีนี้และปีถัดไป ลดลงจากที่ประมาณการไว้ในรายงานเมื่อ
เดือน ก.ย.47 ว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.3 และลดลงจากปี 47 ที่อัตราการเติบโตเศรษฐกิจโลกขยายตัวร้อยละ 5.0
แต่ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าอัตราเติบโตเฉลี่ยในรอบ 20 ปีที่ผ่านมาอยู่ร้อยละ 0.5 และยังเป็นอัตราที่ดีกว่าผล
สำรวจนักวิเคราะห์ของรอยเตอร์ที่ประมาณการไว้เมื่อเดือนก่อนว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.8 นอกจากนี้ ไอเอ็มเอ
ฟยังได้ปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศสมาชิก G7 ลงร้อยละ 0.2 และ 0.1 ในปี 48
และ 49 สำหรับกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปไอเอ็มเอฟประมาณการว่าจะลดลงร้อยละ 0.3 ในปีนี้ และลดลงร้อยละ 0.2
ในปีถัดไป อย่างไรก็ตาม การประมาณการเศรษฐกิจโลกของไอเอ็มเอฟในรายงานเมื่อเดือน ก.ย.47 ไม่ได้
แยกประมาณการเศรษฐกิจเฉพาะกลุ่ม G7 (สรอ. อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี แคนาดา และญี่ปุ่น) เท่านั้น
แต่เป็นการประมาณการเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจที่ก้าวหน้า คือ ทั้ง G7 และประเทศ
อุตสาหกรรมหลักทั่วโลกว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.9 และ 3.0 ในปีนี้และปีหน้า (รอยเตอร์)
2. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ 30 ปีของสรอ. ลดลงอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 1 เม.ย. 47
รายงานจากวอชิงตันเมื่อวันที่ 3 ก.พ. 48 บริษัทสินเชื่อจำนอง Freddic Mac เปิดเผยว่า อัตราดอกเบี้ย
เงินกู้จำนองระยะ 30 ปีของสรอ. ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 ก.พ. ลดลงอยู่ที่ระดับร้อยละ 5.63 จากร้อยละ 5.66
เมื่อสัปดาห์ก่อน ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ปีก่อนที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะยาว 30 ปีเคยอยู่ที่ร้อยละ 5.52
จูงใจให้ผู้บริโภคจำนวนมากซื้อบ้านของตนเอง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ 15 ปี ณ เวลาเดียว
กันคงอยู่ที่ระดับร้อยละ 5.14 ไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อน สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะเวลา 1 ปีที่
ปรับได้ (Adjustable Rate Mortgages — ARM) กลับเพิ่มขึ้นที่ระดับร้อยละ 4.23 จากร้อยละ 4.18 ใน
สัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ 30 ปี 15 ปี และ
ARM อยู่ที่ระดับร้อยละ 5.72 5.03 และร้อยละ 3.61 ตามลำดับ ทั้งนี้นาย Frank Nothaft หัวหน้าเศรษฐกร
จาก Freddic Mac เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์เช่นนี้จะช่วยให้
อุตสาหกรรมบ้านขยายตัวอย่างแข็งแกร่งต่อไป ส่วนแนวโน้มในอนาคตคาดว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองดังกล่าวจะ
ยังคงไม่ปรับสูงขึ้นมากนักในปีนี้ และเศรษฐกิจจะยังคงขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพซึ่งส่งผลดีต่อบรรยากาศในการลง
ทุนสำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ อนึ่งอัตราค่าธรรมเนียมที่ Freddic Mac จัดเก็บสำหรับการจำนองดังกล่าวอยู่ที่
ร้อยละ 0.7 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.6 เมื่อสัปดาห์ก่อน (รอยเตอร์)
3. การขยายตัวของ PMI ในภาคบริการโลกแสดงสัญญาณการชะลอตัวในเดือน ม.ค.48 รายงาน
จากลอนดอนเมื่อ 3 ก.พ.48 รอยเตอร์เปิดเผยดัชนีชี้วัดการขยายตัวของภาคบริการโลก ซึ่งจัดทำโดย เจพีมอร์แกน
ร่วมกับองค์กรวิจัยที่เกี่ยวข้อง รวบรวมข้อมูลจากประเทศต่างๆ ซึ่งรวมถึง สรอ. เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ
อิตาลี และไอร์แลนด์ พบว่า ในเดือน ม.ค.48 ดัชนีลดลงที่ระดับ 59.1 จากระดับ 59.6 ในเดือนก่อน แต่ยังคง
อยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคบริการของโลกยังคงขยายตัวได้ โดยมีสาเหตุหลักจากการที่ดัชนีที่เป็นส่วนประกอบ
ได้แก่ The new business index ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 59.3 จากระดับ 58.4 ในเดือนก่อน ขณะที่
The employment index ซึ่งชี้วัดการขยายตัวของการจ้างงานลดลงที่ระดับ 50.8 จากระดับ 53.9 ในเดือน
ก่อน ทั้งนี้ แม้ว่าการขยายตัวของภาคบริการโลกจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปเนื่องจากภาคการผลิตปรับตัวดี
ขึ้น แต่สถานการณ์โดยรวมก็ยังคงชะลอตัวอยู่ โดย All-industry index ซึ่งรวมข้อมูลจากภาคบริการและภาค
การผลิต ลดลงเล็กน้อยที่ระดับ 57.1 จากระดับ 57.2 ในเดือนก่อน (รอยเตอร์)
4. ภาคบริการในเขตเศรษฐกิจยุโรปขยายตัวในอัตราสูงสุดในรอบ 3 เดือนในเดือน ม.ค.48
รายงานจากลอนดอน เมื่อ 3 ก.พ.48 ดัชนีชี้วัดภาวะธุรกิจในเขตเศรษฐกิจยุโรปซึ่งสำรวจโดย the NTC
Research ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยชั้นนำจากธุรกิจจำนวน 2,000 แห่งเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 53.4 ในเดือน ม.ค.48
จากระดับ 52.6 ในสองเดือนก่อน และสูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 52.9 ในขณะที่ดัชนีชี้วัดความคาดหวังของ
ธุรกิจในเขตเศรษฐกิจยุโรปเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 66.3 จากระดับ 63.2 ในเดือนก่อนแสดงให้เห็นว่าธุรกิจบริการ
ส่วนใหญ่ในเขตนี้มองแนวโน้มธุรกิจในอนาคตในทางที่ดีขึ้นจากปัจจัยราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงจากระดับราคาสูงสุดใน
ช่วงปลายปีก่อนและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่มีสัญญาณดีขึ้นโดยเฉพาะในประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุด 2
ประเทศในเขตนี้ คือ เยอรมนีและฝรั่งเศส โดยเฉพาะในฝรั่งเศสที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคขยายตัวต่อเนื่องมาเป็น
เวลานาน ทำให้ธุรกิจบริการที่ฝรั่งเศสสามารถเพิ่มราคาให้สูงขึ้นในอัตราสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี โดยดัชนีชี้วัด
ราคาที่ผู้บริโภคต้องชำระเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 51.1 สูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย.45 และจากการที่ผู้บริโภคใน
ฝรั่งเศสใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ทำให้ธุรกิจในฝรั่งเศสสามารถจ้างพนักงานเพิ่มซึ่งส่งผลให้ดัชนีชี้วัดการจ้างงานของฝรั่งเศส
อยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค.45 ในขณะที่ภาพการจ้างงานโดยรวมของเขตเศรษฐกิจยุโรปดีขึ้นเพียงเล็ก
น้อยโดยดัชนีชี้วัดการจ้างงานอยู่ที่ระดับ 50.7 เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันแต่อยู่ในระดับสูงกว่า 50 ซึ่งแสดงถึง
การขยายตัวเพียงเล็กน้อย โดยมีอัตราการขยายตัวของการจ้างงานเพิ่มขึ้นในฝรั่งเศส, อิตาลีและสเปน ในขณะที่
ในเยอรมนีกลับมีอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 4 ก.พ. 48 3 ก.พ. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.536 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.3390/38.6330 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.1875-2.2000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 716.92/21.79 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,650/7,750 7,750/7,850 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 37.56 37.28 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 19.69*/14.59 19.69*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 26 ม.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--