1 เสถียรภาพในประเทศ
เงินเฟ้อยังคงเร่งตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน ส่วนหนึ่งจากราคาอาหารสดที่เพิ่มสูงขึ้น
รายละเอียดของเครื่องชี้เสถียรภาพในประเทศมีดังนี้
- อัตราเงินเฟ้อ
ในเดือนกันยายน 2548 ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.0 เร่งตัวจากเดือนก่อนร้อยละ 0.7 การเพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลจากการเร่งตัวของราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน ถึงร้อยละ 6.6 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 ในเดือนก่อนหน้าตามการเพิ่มขึ้นของราคาอาหารสด โดยเฉพาะราคาผักและผลไม้ เนื่องจากประสบภาวะน้ำท่วม ทำให้ผลผลิตมีไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภค ประกอบกับมีความต้องการบริโภคเพิ่มมากขึ้นในช่วงใกล้เทศกาลกินเจ สำหรับราคาในหมวดที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 สูงกว่าเดือนก่อนเล็กน้อยที่ร้อยละ 5.6 จากการปรับขึ้นราคาค่าโดยสารรถเมล์เล็กอย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 ทรงตัวเท่ากับเดือนก่อน
- อัตราการว่างงาน
ในเดือนกันยายน 2548 อัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 1.3 ของกำลังแรงงานรวม ต่ำกว่าระยะเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 1.8 โดยการจ้างงานในภาคเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 จากระยะเดียวกันปีก่อน เนื่องจากสภาพอากาศปรับตัวดีขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนที่ประสบภาวะภัยแล้ง ทำให้แรงงานกลับเข้าสู่ภาคเกษตรมากขึ้น สำหรับการจ้างงานในภาคนอกเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยสาขาที่การจ้างงานขยายตัวดี คือ โรงแรมและภัตตาคารขยายตัวในอัตราร้อยละ 9.3 ขณะที่สาขาสำคัญอื่น ๆ หดตัวลง
- หนี้สาธารณะ
ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2548 หนี้สาธารณะมีจำนวน 3,238.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นสุทธิจากเดือนก่อน 4.6 พันล้านบาท โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญดังนี้ 1) กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ มีรายรับจากการรับชำระหนี้และเงินชดเชยจากรัฐบาล และรายจ่ายจากการชำระภาระอาวัล ทำให้สุทธิชำระคืนเงินกู้จำนวน 10.7 พันล้านบาท และ 2) การออกพันธบัตรของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงินจำนวน 5 พันล้านบาท ทำให้โดยรวมแล้วหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 45.3 เท่ากับเดือนก่อน
2 เสถียรภาพต่างประเทศ
- หนี้ต่างประเทศ
หนี้ต่างประเทศรวม ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2548 มียอดคงค้าง 50.3 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยแม้ว่าจะมีการชำระคืนหนี้สุทธิ 0.6 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือนนี้ แต่เมื่อรวมกับผลของค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นทำให้ยอดคงค้างหนี้ต่างประเทศเมื่อตีราคาเป็นสกุลดอลลาร์ สรอ. อยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือนก่อน
โครงสร้างหนี้ต่างประเทศ หนี้ระยะสั้นคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 31.6 ของหนี้ต่างประเทศทั้งหมด ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อน จากการชำระคืนสินเชื่อการค้าของภาคธุรกิจที่มิใช่ธนาคาร และการไถ่ถอนตราสารหนี้ระยะสั้นของรัฐบาลที่ครบกำหนด
หนี้รัฐบาล ลดลง 0.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. จากการที่ธนาคารพาณิชย์ในประเทศซื้อคืนตราสารหนี้รัฐบาลระยะยาวจำนวน 0.4 พันล้านดอลลาร์ สรอ. และมีการไถ่ถอนตราสารหนี้ระยะสั้น (ECP) ที่ครบกำหนดอีกจำนวน 0.3 พันล้านดอลลาร์ สรอ. อย่างไรก็ดี เมื่อรวมกับผลของค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ยอดคงค้างหนี้รัฐบาลลดลง 0.6 พันล้านดอลลาร์ สรอ. มาอยู่ที่ 3.9 พันล้านดอลลาร์สรอ.
หนี้ภาคธนาคาร มียอดคงค้าง 7.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยแม้ว่าธนาคารพาณิชย์และกิจการวิเทศธนกิจจะมีการการชำระคืนเงินกู้สุทธิ แต่ผลของค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ยอดคงค้างหนี้ต่างประเทศภาคธนาคารเมื่อคิดเป็นสกุลดอลลาร์ สรอ. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน
หนี้ภาคอื่นๆ เพิ่มขึ้น 0.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. จากหนี้ของรัฐวิสาหกิจเป็นสำคัญ จากการออกหุ้นกู้ในต่างประเทศของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ขณะที่หนี้ภาคธุรกิจที่มิใช่ธนาคารลดลงจากการชำระคืนสินเชื่อการค้า และเมื่อรวมกับผลของค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นทำให้หนี้ภาคอื่นๆ เมื่อคิดเป็นสกุลเงินดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 0.6 พันล้านดอลลาร์ สรอ. มาอยู่ที่ 39.4 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
- เงินสำรองระหว่างประเทศ
เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2548 เท่ากับ 49.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ. และมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิจำนวน 2.3 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
- ดัชนีชี้วัดเสถียรภาพต่างประเทศ
เสถียรภาพด้านต่างประเทศโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี แม้ว่าการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศจะเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 2 แต่ตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดได้ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสที่ 3 โดยเปลี่ยนจากขาดดุลเป็นเกินดุล นอกจากนี้ สัดส่วนเงินสำรองระหว่างประเทศต่อหนี้ระยะสั้น และสัดส่วนเงินสำรองระหว่าง
ประเทศต่อมูลค่าการนำเข้า ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้วัดความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของประเทศยังคงอยู่ในเกณฑ์ดีเมื่อเทียบกับมาตรฐานสากล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
เงินเฟ้อยังคงเร่งตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน ส่วนหนึ่งจากราคาอาหารสดที่เพิ่มสูงขึ้น
รายละเอียดของเครื่องชี้เสถียรภาพในประเทศมีดังนี้
- อัตราเงินเฟ้อ
ในเดือนกันยายน 2548 ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.0 เร่งตัวจากเดือนก่อนร้อยละ 0.7 การเพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลจากการเร่งตัวของราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน ถึงร้อยละ 6.6 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 ในเดือนก่อนหน้าตามการเพิ่มขึ้นของราคาอาหารสด โดยเฉพาะราคาผักและผลไม้ เนื่องจากประสบภาวะน้ำท่วม ทำให้ผลผลิตมีไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภค ประกอบกับมีความต้องการบริโภคเพิ่มมากขึ้นในช่วงใกล้เทศกาลกินเจ สำหรับราคาในหมวดที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 สูงกว่าเดือนก่อนเล็กน้อยที่ร้อยละ 5.6 จากการปรับขึ้นราคาค่าโดยสารรถเมล์เล็กอย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 ทรงตัวเท่ากับเดือนก่อน
- อัตราการว่างงาน
ในเดือนกันยายน 2548 อัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 1.3 ของกำลังแรงงานรวม ต่ำกว่าระยะเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 1.8 โดยการจ้างงานในภาคเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 จากระยะเดียวกันปีก่อน เนื่องจากสภาพอากาศปรับตัวดีขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนที่ประสบภาวะภัยแล้ง ทำให้แรงงานกลับเข้าสู่ภาคเกษตรมากขึ้น สำหรับการจ้างงานในภาคนอกเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยสาขาที่การจ้างงานขยายตัวดี คือ โรงแรมและภัตตาคารขยายตัวในอัตราร้อยละ 9.3 ขณะที่สาขาสำคัญอื่น ๆ หดตัวลง
- หนี้สาธารณะ
ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2548 หนี้สาธารณะมีจำนวน 3,238.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นสุทธิจากเดือนก่อน 4.6 พันล้านบาท โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญดังนี้ 1) กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ มีรายรับจากการรับชำระหนี้และเงินชดเชยจากรัฐบาล และรายจ่ายจากการชำระภาระอาวัล ทำให้สุทธิชำระคืนเงินกู้จำนวน 10.7 พันล้านบาท และ 2) การออกพันธบัตรของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงินจำนวน 5 พันล้านบาท ทำให้โดยรวมแล้วหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 45.3 เท่ากับเดือนก่อน
2 เสถียรภาพต่างประเทศ
- หนี้ต่างประเทศ
หนี้ต่างประเทศรวม ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2548 มียอดคงค้าง 50.3 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยแม้ว่าจะมีการชำระคืนหนี้สุทธิ 0.6 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือนนี้ แต่เมื่อรวมกับผลของค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นทำให้ยอดคงค้างหนี้ต่างประเทศเมื่อตีราคาเป็นสกุลดอลลาร์ สรอ. อยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือนก่อน
โครงสร้างหนี้ต่างประเทศ หนี้ระยะสั้นคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 31.6 ของหนี้ต่างประเทศทั้งหมด ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อน จากการชำระคืนสินเชื่อการค้าของภาคธุรกิจที่มิใช่ธนาคาร และการไถ่ถอนตราสารหนี้ระยะสั้นของรัฐบาลที่ครบกำหนด
หนี้รัฐบาล ลดลง 0.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. จากการที่ธนาคารพาณิชย์ในประเทศซื้อคืนตราสารหนี้รัฐบาลระยะยาวจำนวน 0.4 พันล้านดอลลาร์ สรอ. และมีการไถ่ถอนตราสารหนี้ระยะสั้น (ECP) ที่ครบกำหนดอีกจำนวน 0.3 พันล้านดอลลาร์ สรอ. อย่างไรก็ดี เมื่อรวมกับผลของค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ยอดคงค้างหนี้รัฐบาลลดลง 0.6 พันล้านดอลลาร์ สรอ. มาอยู่ที่ 3.9 พันล้านดอลลาร์สรอ.
หนี้ภาคธนาคาร มียอดคงค้าง 7.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยแม้ว่าธนาคารพาณิชย์และกิจการวิเทศธนกิจจะมีการการชำระคืนเงินกู้สุทธิ แต่ผลของค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ยอดคงค้างหนี้ต่างประเทศภาคธนาคารเมื่อคิดเป็นสกุลดอลลาร์ สรอ. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน
หนี้ภาคอื่นๆ เพิ่มขึ้น 0.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. จากหนี้ของรัฐวิสาหกิจเป็นสำคัญ จากการออกหุ้นกู้ในต่างประเทศของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ขณะที่หนี้ภาคธุรกิจที่มิใช่ธนาคารลดลงจากการชำระคืนสินเชื่อการค้า และเมื่อรวมกับผลของค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นทำให้หนี้ภาคอื่นๆ เมื่อคิดเป็นสกุลเงินดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 0.6 พันล้านดอลลาร์ สรอ. มาอยู่ที่ 39.4 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
- เงินสำรองระหว่างประเทศ
เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2548 เท่ากับ 49.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ. และมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิจำนวน 2.3 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
- ดัชนีชี้วัดเสถียรภาพต่างประเทศ
เสถียรภาพด้านต่างประเทศโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี แม้ว่าการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศจะเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 2 แต่ตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดได้ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสที่ 3 โดยเปลี่ยนจากขาดดุลเป็นเกินดุล นอกจากนี้ สัดส่วนเงินสำรองระหว่างประเทศต่อหนี้ระยะสั้น และสัดส่วนเงินสำรองระหว่าง
ประเทศต่อมูลค่าการนำเข้า ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้วัดความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของประเทศยังคงอยู่ในเกณฑ์ดีเมื่อเทียบกับมาตรฐานสากล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--