กรุงเทพ--8 ธ.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
1.แม้ว่าการเดินทางไปสหรัฐฯ ของ ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ในครั้งนี้จะมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติในวาระเรื่อง 50th Anniversary of the Universal Declaration of Human Rights แต่การเยือนกรุงวอชิงตันก็เป็นภารกิจที่มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศไทย โดยเฉพาะเรื่องการทหาร ความมั่นคง การเมืองระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ และการพัฒนา นอกจากนั้นยังจะเป็นโอกาสสำคัญที่ ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการฯ จะได้แจ้งให้สหรัฐฯ ทราบถึงสถานการณ์เศรษฐกิจของไทย และความคืบหน้าของมาตรการต่าง ๆ ของไทยในการแก้ไขวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ
2.ความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ในภาพรวมนั้นเป็นไปด้วยดี ความสัมพันธ์ดังกล่าวนี้ดำเนินมาเป็นเวลานาน (ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2376) ไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ลงนามในสนธิสัญญาทางไมตรีกับสหรัฐฯ ประเทศทั้งสองมีความร่วมมือทางทหารที่แน่นแฟ้น โดยเฉพาะในช่วงนับแต่ช่วงสงครามเย็น และสงครามอ่าวเปอร์เซีย ความร่วมมือในแง่นี้อำนวยประโยชน์อย่างยิ่งต่อความมั่นคงในภูมิภาคมาโดยตลอด แต่ในระยะ 5 ปี ที่ผ่านมานี้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ได้ขยายไปครอบคลุมทุก ๆ ด้าน และเป็นไปในลักษณะที่สหรัฐฯ เป็นฝ่ายรุกตลอดมาโดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจทั้งในระดับทวิภาคีและกรอบพหุภาคี
3.การเยือนสหรัฐฯ ของ ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ระหว่างวันที่ 28 เมษายน-9 พฤษภาคม 2541 ที่ผ่านมา ได้กระชับความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดขึ้นในทุกระดับไม่ว่าจะในระดับรัฐบาล เอกชน และวิชาการ โดยได้มีการทำความเข้าใจกับนักธุรกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะนักธุรกิจชั้นนำในมลรัฐต่าง ๆ อีกทั้งยังได้สร้างความเชื่อมั่นกับสื่อมวลชนชั้นนำของสหรัฐฯ เกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจของไทย นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงโครงการและลู่ทางความช่วยเหลือที่สถาบันคีนันจะจัดให้กับไทยอีกด้วย
4.วัตถุประสงค์ของการเยือน
4.1 เพื่อสานต่อการเยือนสหรัฐฯ ของ ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ระหว่างวันที่ 28 เมษายน - 9 พฤษภาคม 2541 โดยเข้าพบกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และมลรัฐเวอร์จิเนีย แลกเปลี่ยนทัศนะกับคณาจารย์และนักศึกษามหาวิทยาลัย Johns Hopkins ตลอดจนพบปะกับนักธุรกิจชั้นนำของสหรัฐฯ
4.2 เพื่ออธิบายถึงสถานการณ์เศรษฐกิจและมาตรการในการแก้ไขวิกฤตการณ์เศรษฐกิจของรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้ว
4.3 เพื่ออธิบายถึงนโยบายและแนวทางในด้านต่าง ๆ ของรัฐบาลชุดปัจจุบันซึ่งอยู่ในความสนใจของชาวสหรัฐฯ เพื่อให้สื่อมวลชนสหรัฐฯ นำเสนอข่าวในลักษณะที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศไทย
4.4 เพื่อย้ำถึงท่าทีของไทยในเรื่องสิทธิมนุษยชน โดยการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติในวาระเรื่อง 50th Anniversary of the Universal Declaration of Human Rights
4.5 เพื่อย้ำถึงความสำคัญที่รัฐบาลไทยให้กับการทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และให้สหรัฐฯ จัดสรรความช่วยเหลือให้แก่ไทยตามที่ได้ให้ความหวังไว้ในช่วงของการสำรวจขีดความสามารถและความพร้อมของไทย
4.6 เพื่อสอบถามถึงรายละเอียดของโครงการความช่วยเหลือทางการเงินที่รองประธานาธิบดีอัล กอร์ ได้ประกาศที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ที่จะร่วมกับญี่ปุ่นให้แก่ประเทศในเอเชียตะวันออกที่ประสบปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจ
5.ประเด็นที่ ฯพณฯ รมช. พิจารณายกขึ้นกับฝ่ายสหรัฐฯ
5.1 พม่า
การเยือนพม่าของนาย Alvaro de Soto ผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติ ฝ่ายการเมือง ระหว่างวันที่ 27-30 ตุลาคม 2541 ประสบความสำเร็จด้วยดี โดยได้รับการตอบรับด้วยดีจากทั้งผู้นำรัฐบาลและผู้นำฝ่ายค้านของพม่า ไทยเชื่อว่าสหประชาชาติมีบทบาทสำคัญที่สามารถดำเนินการได้ในเรื่องพม่า
5.2 กัมพูชา
ขณะนี้รมต.กต.อาเซียนกำลังพิจารณาเรื่องการรับกัมพูชาเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน โดยหากรมว.กต.ของทุกประเทศเห็นพ้องกันให้รับกัมพูชาเป็นสมาชิก ที่ประชุมผู้นำอาเซียนก็จะให้ความเห็นชอบ (endorse) ข้อเสนอดังกล่าว แต่หากแต่ละประเทศมีความเห็นแตกต่างกัน ที่ประชุมผู้นำอาเซียนก็สามารถตัดสินใจรับกัมพูชาเข้าเป็นสมาชิกได้หากเห็นว่ามีเหตุผลที่เหมาะสม ทั้งนี้ไทยสนับสนุนการรับกัมพูชาเข้าเป็นสมาชิก
5.3 การประชุม IOM
ไทยยินดีที่สหรัฐฯ สนับสนุนการประชุม IOM ที่กรุงเทพฯ ในเดือนมีนาคม 2542 และหวังว่าผู้แทนระดับสูงจากทั้งฝ่ายบริหาร และรัฐสภาจะให้ความสนใจมาเข้าร่วม โดยในขณะนี้ได้ดำเนินการเตรียมการประชุมในระดับหนึ่งแล้ว และหวังว่าการประชุมดังกล่าวจะสามารถดึงดูดความสนใจของประชาคมโลกเกี่ยวกับความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาการอพยพอย่างเป็นทางการ
5.4 Demining
ไทยให้ความสำคัญกับของโครงการกู้ระเบิดของไทยเป็นอย่างยิ่ง โดยได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับคณะที่เดินทางมาสำรวจจัดความสามารถและความพร้อมของไทย นอกจากนี้รัฐบาลยังได้ให้สัตยาบันต่ออนุสัญญาออตตาวาเมื่อ 24 พ.ย. 41 ในแง่นี้ไทยรู้สึกผิดหวังอย่างยิ่งที่ได้ทราบว่า Interagency Working Group on Humanitarian Demining ได้ตัดสินใจนำเงินงบประมาณด้าน Demining ที่จะให้ประเทศไทยไปใช้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจาก Hurricane Mitch ในละตินอเมริกา คงเหลือเพียงความช่วยเหลือส่วนหนึ่งจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เท่านั้น ในการนี้ไทยหวังว่าสหรัฐฯ จะสามารถจัดสรรงบประมาณที่ถูกผันไปกลับใหม่มาให้ไทยในที่สุด
5.5 International Law Enforcement Academy (ILEA)
ขอบคุณที่สหรัฐฯ ให้ความช่วยเหลือแก่ไทยในการจัดตั้งสถาบัน ILEA ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งของความร่วมมือระหว่างกันในการปราบปรามการค้ายาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติต่าง ๆ ทั้งนี้รัฐบาลไทยเชื่อว่า สถาบันดังกล่าวจะเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างความร่วมมือในภูมิภาคในการต่อต้านและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติอย่างครบวงจรและมีประสิทธิผล ในการนี้ขอให้สหรัฐฯ ตระหนักถึงและปรับท่าทีให้สอดคล้องกับข้อจำกัดต่าง ๆ ของประเทศที่ตั้งและประเทศที่เข้าร่วมการอบรม ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสหรัฐฯ ได้รับทราบไปแล้วในการประชุม Key Leaders Conference ที่กรุงเทพฯ
5.6 Fifth Pacific Dialogue
ประเทศไทยมีเจตจำนงที่จะเป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งนี้ ในปี 2542 แต่เนื่องจากข้อจำกัดทางเวลาและการเงิน จึงไม่สามารถจัดในระหว่างวันที่ 21-23 ม.ค. 42 ตามที่นาย Doug Paal ประธาน Asia Pacific Policy Center เสนอได้ โดยได้ติดต่อขอการสนับสนุนจากบริษัท/รัฐวิสาหกิจของไทยไว้บ้างแล้ว
5.7 GSP
ขอบคุณที่สหรัฐฯ ประกาศคืน GSP แก่สินค้าไทย 4 รายการ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2541 และยินดีที่รัฐสภาฯ ได้ให้ความเห็นชอบต่อการต่ออายุโครงการ GSP ที่ให้กับประเทศต่าง ๆ ไปอีก 1 ปี ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ส่งออกของไทย
5.8 พรบ. แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (SELRA)
หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ตีความว่า ร่างพรบ. SELRA ขัดต่อรัฐธรรมนูญ รัฐบาลได้นำร่างพรบ. SELRA ฉบับใหม่เสนอต่อรัฐสภาอีกครั้งในทันที และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของกรรมาธิการที่สภาผู้แทนฯ ตั้งขึ้น ทั้งนี้การที่พรบ. SELRA ต้องตกไปนั้นไม่ได้เป็นเพราะรัฐบาลไทยหน่วงเหนี่ยวไว้ แต่เป็นผลของการดำเนินการตามกระบวนการประชาธิปไตย อนึ่ง ขณะนี้ AFL-CIO ในสหรัฐฯ มีท่าทีซึ่งแข็งกร้าวมาก และส่อให้เห็นถึงการดำเนินการเพื่อวัตถุประสงค์ขององค์กรเป็นหลัก ดังนั้นหาก AFL-CIO มีท่าทีเช่นนี้ต่อไป ก็จะทำให้รัฐบาลไทยอยู่ภายใต้ความกดดันโดยไม่จำเป็น ซึ่งอาจเป็นผลเสียต่อความร่วมมือในอนาคตเมื่อเรื่อง GSP จบไปแล้ว
5.9 กุ้งแช่แข็ง
มีข่าวว่าภาคเอกชนสหรัฐฯ จะร้องเรียนว่า ผู้ส่งออกไทยทุ่มตลาดกุ้งแช่แข็งในสหรัฐฯ ซึ่งไทยเห็นว่า การที่สินค้าไทยมีราคาถูกน่าจะเป็นเพราะมีอุปสงค์ส่วนเกินในประเทศไทย จึงขอให้สหรัฐฯ พิจารณาเรื่องนี้ด้วยดี เนื่องจากสินค้ากุ้งแช่แข็งเป็นรายได้หลักประการหนึ่งของไทย ที่จะช่วยในการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ขอให้สหรัฐฯ ตระหนักด้วยว่ามาตรการทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่มีผลกระทบต่อไทยนั้น นอกจากจะเป็นการบ่อนทำลายเสถียรภาพของรัฐบาลและพัฒนาการทางประชาธิปไตยในทางอ้อมแล้ว ยังจะทำให้เกิดผลเสียต่อภาพลักษณ์ของสหรัฐฯ ในประเทศไทย จนอาจมีการตั้งคำถามว่าเหตุใดจึงต้องให้ความร่วมมือกับสหรัฐฯ ในด้านความมั่นคง ในเมื่อสหรัฐฯ กระทำเช่นนี้ในเรื่องเศรษฐกิจ
5.10 โครงการความช่วยเหลือของสหรัฐฯ
ไทยยินดีที่สหรัฐฯ มีบทบาทริเริ่มร่วมกับญี่ปุ่นในการให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกที่ประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม คำประกาศของรองประธานาธิบดีอัล กอร์ในเรื่องนี้ ในระหว่างการประชุมผู้นำเอเปคที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ยังไม่ชัดเจนนัก จึงขอให้สหรัฐฯ ให้ข้อมูลในรายละเอียดในเรื่องนี้ด้วย เพื่อที่รัฐบาลไทยจะได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาใช้ประโยชน์ต่อไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 225 0096 หรือ 225 7900-43--จบ--
1.แม้ว่าการเดินทางไปสหรัฐฯ ของ ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ในครั้งนี้จะมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติในวาระเรื่อง 50th Anniversary of the Universal Declaration of Human Rights แต่การเยือนกรุงวอชิงตันก็เป็นภารกิจที่มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศไทย โดยเฉพาะเรื่องการทหาร ความมั่นคง การเมืองระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ และการพัฒนา นอกจากนั้นยังจะเป็นโอกาสสำคัญที่ ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการฯ จะได้แจ้งให้สหรัฐฯ ทราบถึงสถานการณ์เศรษฐกิจของไทย และความคืบหน้าของมาตรการต่าง ๆ ของไทยในการแก้ไขวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ
2.ความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ในภาพรวมนั้นเป็นไปด้วยดี ความสัมพันธ์ดังกล่าวนี้ดำเนินมาเป็นเวลานาน (ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2376) ไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ลงนามในสนธิสัญญาทางไมตรีกับสหรัฐฯ ประเทศทั้งสองมีความร่วมมือทางทหารที่แน่นแฟ้น โดยเฉพาะในช่วงนับแต่ช่วงสงครามเย็น และสงครามอ่าวเปอร์เซีย ความร่วมมือในแง่นี้อำนวยประโยชน์อย่างยิ่งต่อความมั่นคงในภูมิภาคมาโดยตลอด แต่ในระยะ 5 ปี ที่ผ่านมานี้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ได้ขยายไปครอบคลุมทุก ๆ ด้าน และเป็นไปในลักษณะที่สหรัฐฯ เป็นฝ่ายรุกตลอดมาโดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจทั้งในระดับทวิภาคีและกรอบพหุภาคี
3.การเยือนสหรัฐฯ ของ ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ระหว่างวันที่ 28 เมษายน-9 พฤษภาคม 2541 ที่ผ่านมา ได้กระชับความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดขึ้นในทุกระดับไม่ว่าจะในระดับรัฐบาล เอกชน และวิชาการ โดยได้มีการทำความเข้าใจกับนักธุรกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะนักธุรกิจชั้นนำในมลรัฐต่าง ๆ อีกทั้งยังได้สร้างความเชื่อมั่นกับสื่อมวลชนชั้นนำของสหรัฐฯ เกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจของไทย นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงโครงการและลู่ทางความช่วยเหลือที่สถาบันคีนันจะจัดให้กับไทยอีกด้วย
4.วัตถุประสงค์ของการเยือน
4.1 เพื่อสานต่อการเยือนสหรัฐฯ ของ ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ระหว่างวันที่ 28 เมษายน - 9 พฤษภาคม 2541 โดยเข้าพบกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และมลรัฐเวอร์จิเนีย แลกเปลี่ยนทัศนะกับคณาจารย์และนักศึกษามหาวิทยาลัย Johns Hopkins ตลอดจนพบปะกับนักธุรกิจชั้นนำของสหรัฐฯ
4.2 เพื่ออธิบายถึงสถานการณ์เศรษฐกิจและมาตรการในการแก้ไขวิกฤตการณ์เศรษฐกิจของรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้ว
4.3 เพื่ออธิบายถึงนโยบายและแนวทางในด้านต่าง ๆ ของรัฐบาลชุดปัจจุบันซึ่งอยู่ในความสนใจของชาวสหรัฐฯ เพื่อให้สื่อมวลชนสหรัฐฯ นำเสนอข่าวในลักษณะที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศไทย
4.4 เพื่อย้ำถึงท่าทีของไทยในเรื่องสิทธิมนุษยชน โดยการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติในวาระเรื่อง 50th Anniversary of the Universal Declaration of Human Rights
4.5 เพื่อย้ำถึงความสำคัญที่รัฐบาลไทยให้กับการทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และให้สหรัฐฯ จัดสรรความช่วยเหลือให้แก่ไทยตามที่ได้ให้ความหวังไว้ในช่วงของการสำรวจขีดความสามารถและความพร้อมของไทย
4.6 เพื่อสอบถามถึงรายละเอียดของโครงการความช่วยเหลือทางการเงินที่รองประธานาธิบดีอัล กอร์ ได้ประกาศที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ที่จะร่วมกับญี่ปุ่นให้แก่ประเทศในเอเชียตะวันออกที่ประสบปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจ
5.ประเด็นที่ ฯพณฯ รมช. พิจารณายกขึ้นกับฝ่ายสหรัฐฯ
5.1 พม่า
การเยือนพม่าของนาย Alvaro de Soto ผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติ ฝ่ายการเมือง ระหว่างวันที่ 27-30 ตุลาคม 2541 ประสบความสำเร็จด้วยดี โดยได้รับการตอบรับด้วยดีจากทั้งผู้นำรัฐบาลและผู้นำฝ่ายค้านของพม่า ไทยเชื่อว่าสหประชาชาติมีบทบาทสำคัญที่สามารถดำเนินการได้ในเรื่องพม่า
5.2 กัมพูชา
ขณะนี้รมต.กต.อาเซียนกำลังพิจารณาเรื่องการรับกัมพูชาเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน โดยหากรมว.กต.ของทุกประเทศเห็นพ้องกันให้รับกัมพูชาเป็นสมาชิก ที่ประชุมผู้นำอาเซียนก็จะให้ความเห็นชอบ (endorse) ข้อเสนอดังกล่าว แต่หากแต่ละประเทศมีความเห็นแตกต่างกัน ที่ประชุมผู้นำอาเซียนก็สามารถตัดสินใจรับกัมพูชาเข้าเป็นสมาชิกได้หากเห็นว่ามีเหตุผลที่เหมาะสม ทั้งนี้ไทยสนับสนุนการรับกัมพูชาเข้าเป็นสมาชิก
5.3 การประชุม IOM
ไทยยินดีที่สหรัฐฯ สนับสนุนการประชุม IOM ที่กรุงเทพฯ ในเดือนมีนาคม 2542 และหวังว่าผู้แทนระดับสูงจากทั้งฝ่ายบริหาร และรัฐสภาจะให้ความสนใจมาเข้าร่วม โดยในขณะนี้ได้ดำเนินการเตรียมการประชุมในระดับหนึ่งแล้ว และหวังว่าการประชุมดังกล่าวจะสามารถดึงดูดความสนใจของประชาคมโลกเกี่ยวกับความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาการอพยพอย่างเป็นทางการ
5.4 Demining
ไทยให้ความสำคัญกับของโครงการกู้ระเบิดของไทยเป็นอย่างยิ่ง โดยได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับคณะที่เดินทางมาสำรวจจัดความสามารถและความพร้อมของไทย นอกจากนี้รัฐบาลยังได้ให้สัตยาบันต่ออนุสัญญาออตตาวาเมื่อ 24 พ.ย. 41 ในแง่นี้ไทยรู้สึกผิดหวังอย่างยิ่งที่ได้ทราบว่า Interagency Working Group on Humanitarian Demining ได้ตัดสินใจนำเงินงบประมาณด้าน Demining ที่จะให้ประเทศไทยไปใช้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจาก Hurricane Mitch ในละตินอเมริกา คงเหลือเพียงความช่วยเหลือส่วนหนึ่งจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เท่านั้น ในการนี้ไทยหวังว่าสหรัฐฯ จะสามารถจัดสรรงบประมาณที่ถูกผันไปกลับใหม่มาให้ไทยในที่สุด
5.5 International Law Enforcement Academy (ILEA)
ขอบคุณที่สหรัฐฯ ให้ความช่วยเหลือแก่ไทยในการจัดตั้งสถาบัน ILEA ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งของความร่วมมือระหว่างกันในการปราบปรามการค้ายาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติต่าง ๆ ทั้งนี้รัฐบาลไทยเชื่อว่า สถาบันดังกล่าวจะเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างความร่วมมือในภูมิภาคในการต่อต้านและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติอย่างครบวงจรและมีประสิทธิผล ในการนี้ขอให้สหรัฐฯ ตระหนักถึงและปรับท่าทีให้สอดคล้องกับข้อจำกัดต่าง ๆ ของประเทศที่ตั้งและประเทศที่เข้าร่วมการอบรม ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสหรัฐฯ ได้รับทราบไปแล้วในการประชุม Key Leaders Conference ที่กรุงเทพฯ
5.6 Fifth Pacific Dialogue
ประเทศไทยมีเจตจำนงที่จะเป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งนี้ ในปี 2542 แต่เนื่องจากข้อจำกัดทางเวลาและการเงิน จึงไม่สามารถจัดในระหว่างวันที่ 21-23 ม.ค. 42 ตามที่นาย Doug Paal ประธาน Asia Pacific Policy Center เสนอได้ โดยได้ติดต่อขอการสนับสนุนจากบริษัท/รัฐวิสาหกิจของไทยไว้บ้างแล้ว
5.7 GSP
ขอบคุณที่สหรัฐฯ ประกาศคืน GSP แก่สินค้าไทย 4 รายการ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2541 และยินดีที่รัฐสภาฯ ได้ให้ความเห็นชอบต่อการต่ออายุโครงการ GSP ที่ให้กับประเทศต่าง ๆ ไปอีก 1 ปี ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ส่งออกของไทย
5.8 พรบ. แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (SELRA)
หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ตีความว่า ร่างพรบ. SELRA ขัดต่อรัฐธรรมนูญ รัฐบาลได้นำร่างพรบ. SELRA ฉบับใหม่เสนอต่อรัฐสภาอีกครั้งในทันที และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของกรรมาธิการที่สภาผู้แทนฯ ตั้งขึ้น ทั้งนี้การที่พรบ. SELRA ต้องตกไปนั้นไม่ได้เป็นเพราะรัฐบาลไทยหน่วงเหนี่ยวไว้ แต่เป็นผลของการดำเนินการตามกระบวนการประชาธิปไตย อนึ่ง ขณะนี้ AFL-CIO ในสหรัฐฯ มีท่าทีซึ่งแข็งกร้าวมาก และส่อให้เห็นถึงการดำเนินการเพื่อวัตถุประสงค์ขององค์กรเป็นหลัก ดังนั้นหาก AFL-CIO มีท่าทีเช่นนี้ต่อไป ก็จะทำให้รัฐบาลไทยอยู่ภายใต้ความกดดันโดยไม่จำเป็น ซึ่งอาจเป็นผลเสียต่อความร่วมมือในอนาคตเมื่อเรื่อง GSP จบไปแล้ว
5.9 กุ้งแช่แข็ง
มีข่าวว่าภาคเอกชนสหรัฐฯ จะร้องเรียนว่า ผู้ส่งออกไทยทุ่มตลาดกุ้งแช่แข็งในสหรัฐฯ ซึ่งไทยเห็นว่า การที่สินค้าไทยมีราคาถูกน่าจะเป็นเพราะมีอุปสงค์ส่วนเกินในประเทศไทย จึงขอให้สหรัฐฯ พิจารณาเรื่องนี้ด้วยดี เนื่องจากสินค้ากุ้งแช่แข็งเป็นรายได้หลักประการหนึ่งของไทย ที่จะช่วยในการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ขอให้สหรัฐฯ ตระหนักด้วยว่ามาตรการทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่มีผลกระทบต่อไทยนั้น นอกจากจะเป็นการบ่อนทำลายเสถียรภาพของรัฐบาลและพัฒนาการทางประชาธิปไตยในทางอ้อมแล้ว ยังจะทำให้เกิดผลเสียต่อภาพลักษณ์ของสหรัฐฯ ในประเทศไทย จนอาจมีการตั้งคำถามว่าเหตุใดจึงต้องให้ความร่วมมือกับสหรัฐฯ ในด้านความมั่นคง ในเมื่อสหรัฐฯ กระทำเช่นนี้ในเรื่องเศรษฐกิจ
5.10 โครงการความช่วยเหลือของสหรัฐฯ
ไทยยินดีที่สหรัฐฯ มีบทบาทริเริ่มร่วมกับญี่ปุ่นในการให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกที่ประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม คำประกาศของรองประธานาธิบดีอัล กอร์ในเรื่องนี้ ในระหว่างการประชุมผู้นำเอเปคที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ยังไม่ชัดเจนนัก จึงขอให้สหรัฐฯ ให้ข้อมูลในรายละเอียดในเรื่องนี้ด้วย เพื่อที่รัฐบาลไทยจะได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาใช้ประโยชน์ต่อไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 225 0096 หรือ 225 7900-43--จบ--